ช่วงสายวันต่อมา
“คุณพิ้งค์..ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”
คีรินเข้ามาทำธุระที่ไร่เหมวัตเขาจึงแวะเข้ามาหาพราวพิ้งค์ที่สำนักงานหลังจากที่รู้จากคนงานในไร่ว่าเธอมาทำบัญชีที่นี่วันนี้
“ฟองจันทร์พาไปเล่นที่บ้านค่ะ”
“ผมซื้อบัวลอยของป้าสายหยุดมาฝากครับ”
พ่อเลี้ยงหนุ่มวางถุงบัวลอยบนโต๊ะทำงานของพราวพิ้งค์ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวคนในสำนักงานต่างก็มองมายังทั้งสองพรางอมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคีรินนั้นตามจีบพราวพิ้งค์มานานแล้วแม่คุณก็ไม่ยอมใจอ่อนตกลงปลงใจกับคีรินเสียทีพวกเขาก็ได้แต่แอบเชียร์อยู่ห่างๆ
“ขอบคุณนะคะ..รู้ได้ไงคะว่าพิ้งค์อยู่ที่นี่”
“พี่มิ่งบอกครับ..แล้วทำไมวันนี้คุณพิ้งค์มาทำงานที่นี่ได้ปกติเห็นอยู่ที่บ้าน”
คีรินต้องขอบคุณมิ่งหล้าคนดูแลโรงบ่มไวน์ที่ใจดีบอกกับเขาเมื่อเช้าว่าพราวพิ้งค์อยู่ในสำนักงาน
“ปลายกับพ่อเลี้ยงไม่อยู่พิ้งค์ต้องมาที่นี่บ่อยน่ะค่ะ”
Rrrrr
“พิ้งค์รับโทรศัพท์แปปนะคะ”
พราวพิ้งค์หันมายิ้มกับพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะก้มหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง
“ค่ะลุงสม.. ค่ะๆเดี๋ยวพิ้งค์จะรีบไปดูเค้านะคะ”
พราวพิ้งค์รู้เรื่องไม่ค่อยดีนักจากปลายสายเธอเริ่มหน้าเสียเมื่อวางสายได้ก็รีบรนรานลุกออกจากโต๊ะเหมือนจะลืมไปว่าตอนนี้คีรินยังนั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
คีรินเห็นพราวพิ้งค์รีบลุกออกจากเก้าอี้ท่าทีร้อนรนไม่บอกไม่กล่าวเขาจำต้องลุกเดินตามเธอเพื่อถามว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหญิงสาวจึงมีท่าทีตระหนกจนไม่สนใจแม้จะบอกกับเขาสักคำว่าจะออกไปไหน
“คุณพอลรถล้มที่ไร่ส้มค่ะ..ฉันต้องรีบไปดู”
“คุณพิ้งค์จะไปสนใจคนแบบนั้นทำไมครับ”
“พ่อเลี้ยงฝากคุณพอลไว้กับฉันค่ะ”
“งั้นผมไปด้วยครับ..”
“ค่ะ”
คีรินไม่ค่อยชอบใจนักกับงานที่แดนไทยมอบหมายให้กับพราวพิ้งค์เพราะเขาไม่อยากให้คนมารยาททรามแบบนั้นอยู่ใกล้กับหญิงสาวยิ่งเห็นท่าทีที่พราวพิ้งค์ทำท่าห่วงภคพลจนรนรานเขายิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่
“เฮ้อ..ผมบอกว่าถ้ามาไม่ได้ให้โทรให้ผมไปรับไงครับคุณพอล..”
สมหมายและดาหวันภรรยาของเขาช่วยกันพยุงภคพลที่เนื้อตัวถลอกปอกเปิกมานั่งที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นส้ม
“ผมไม่อยากรบกวนใครครับ”
ภคพลไม่คิดว่าไอ้ทางที่เป็นลูกรังจะทำให้เขาเจ็บเนื้อเจ็บตัวได้ขนาดนี้แผลที่หัวไหล่ที่ช้ำแล้วช้ำอีกเห็นทีมันก็คงจะไม่หายง่ายๆ
“เจ็บมากหรือเปล่าคะ”
พราวพิ้งค์มาถึงที่ได้เธอก็รีบลงจากรถปรี่มาดูอาการของภคพลทันทีเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีบาดแผลถลอกเยอะพอสมควรจึงรู้สึกผิดที่หาเรื่องแกล้งเขาให้ใช้รถมอเตอร์ไซต์ทั้งที่ก็รู้ดีว่าเขานั้นขับไม่เป็น
“คุณก็ดูสิ..รู้ว่าผมขับมอเตอร์ไซต์ไม่เป็นแต่ก็ยังให้เอามอเตอร์ไซต์มาใช้”
ภคพลมองค้อนไปยังร่างบางไม่ใช่ไม่พอใจเรื่องที่เธอแกล้งเขาเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ชอบใจที่เธอต้องตัวติดกับคีรินตลอด
“คนที่นี่เค้าก็ใช้แบบนี้กันทั้งนั้นถ้าคิดจะทำงานในไร่ก็ต้องหัดใช้ให้เป็นสิครับ”
คีรินยืนกอดอกเอ่ยเสียงห้วนขณะที่ทุกคนกำลังเช็ดล้างบาดแผลให้ภคพล
“เดี๋ยววันหลังผมจะเป็นคนขับรถไปรับไปส่งคุณพอลเองครับ”
สมหมายเห็นทีจะปล่อยให้ภคพลมาเองไม่ได้แล้วเพราะไม่เช่นนั้นคงต้องมานั่งห่วงความปลอดภัยของชายหนุ่มอีก
“ไม่ต้องครับลุงสมผมจะพยายามมาเองให้ได้..ไม่อยากให้ใครหัวเราะเยาะ”
ภคพลว่าพรางเปรยสายตามายังพราวพิ้งค์ที่กำลังนั่งเช็ดแผลในฝ่ามือให้กับเขาหญิงสาวเอาแต่นิ่งเงียบเพราะรู้ตัวดีว่าการที่ชายหนุ่มเจ็บครั้งนี้เป็นเพราะเธอ ในใจไม่อยากจะห่วงเขาแต่ก็ทำไม่ได้
“ดีครับคุณจะได้เก่งทุกเรื่อง..ไม่ใช่แค่เรื่องหาเรื่องคนอื่น”
ดวงตาคมของสองหนุ่มจ้องกันเขม็งทำเอาคนที่อยู่รอบๆรู้สึกอึดอัดตามไปด้วยโดยเฉพาะพราวพิ้งค์
“ต้องเก่งอย่างคุณสินะ...ผมคิดว่าคุณคงจะบริหารงานได้ดี...ทั้งที่วันนี้เป็นเวลาทำงานแต่กลับมาพลอดรักกับผู้หญิงที่ไร่คนอื่นเค้าได้”
“พูดจาอะไรให้เกียรติผมกับคุณพิ้งค์ด้วยครับ...ผมมาทำธุระที่ไร่นี้ก็เลยแวะมาทักทายคุณพิ้งค์แค่นั้นพอคุณพิ้งค์รู้ว่าคุณเจ็บก็รีบพากันมาดู..”
คีรินเริ่มเอ่ยเสียงแข็งท่าทีของเขาดูขึงขันขึ้นมากเมื่อคนที่เจ็บตีฝีปากและทำสีหน้ายียวนกวนประสาท
บทสนทนาของสองชายหนุ่มทำดาหวันและสมหมายเริ่มมองหน้ากันด้วยท่าทีอึดอัดครั้นจะปรามทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะฟังหรือเปล่าเห็นทีคนกลางที่จะห้ามทั้งสองได้คงจะเป็นพราวพิ้งค์
“โอ้ยย..”
พราวพิ้งค์กดสำลีไปที่แผลของภคพลอย่างหนักมือก่อนจะวางทุกอย่างลงไม่ช่วยเหลืออะไรชายหนุ่มต่อ
“พิ้งค์ขอตัวกลับดีกว่าค่ะป้าหวันลุงสม..เห็นทีคุณพอลคงไม่เป็นอะไรมากเพราะปากก็ยังดีอยู่”
ร่างบางลุกยืนขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะเอ่ยจิกกัดคนปากเสียไปหนึ่งยกและหันหลังเดินไปที่รถกระบะของคีริน
“ทีหลังผมเป็นอะไรลุงสมไม่ต้องโทรบอกเธอนะครับเผื่อพรอดรักกับใครอยู่ไม่อยากจะขัดจังหวะ”
คนปากเก่งยังตะโกนไล่หลังประชดประชันพราวพิ้งค์ไม่หยุดคีรินคันมั้นมืออยากจะวาดหมัดใส่ปากของภคพลเสียหมัดสองหมัดแต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้เพราะไม่อยากจะมีปัญหาต่อความยาวกับคนนิสัยอันธพาลอย่างภคพล
“ลุงสมคะคุณพอลเป็นยังไงบ้างคะ”
ตกเย็นหลังจากคนอื่นๆกลับจากสำนักงานไปแล้วพราวพิ้งค์ที่กำลังเตรียมตัวกลับเห็นสมหมายเดินเข้ามาจึงเอ่ยถามถึงอาการของภคพลแม้นจะโมโหเขาเมื่อกลางวันแต่ทำใจไม่ห่วงก็ไม่ได้
“ดื้อเหลือเกินน่ะสิหนูพิ้งค์..ทั้งแผลเก่าแผลใหม่บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ไปให้แค่ไปส่งที่กระท่อมเท่านั้น..”
สมหมายพูดถึงภคพลด้วยน้ำเสียงระอา
“เหรอคะ..ลุงสมจะเข้าตลาดใช่ไหมคะ”
“ให้คนขนส้มเต็มกระบะนี้ลุงก็จะไปตลาดแล้ว”
สมหมายชี้ไปยังรถกระบะที่จอดอยู่หน้าไร่ส้มไกลๆ
“พื้งค์ฝากซื้อยาตามนี้ด้วยนะคะ..เดี๋ยวพิ้งค์รออยู่ที่นี่ค่ะ”
พราวพิ้งค์รีบจดชื่อยาใส่กระดาษให้สมหมายเธอคงจะปล่อยให้ภคพลดื้อไม่ยอมทานยาเช่นนี้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นเขาได้ป่วยหนักแน่
“ได้..เดี๋ยวลุงซื้อให้”
“ขอบคุณค่ะ”
เวลาเกือบโพล้เพล้หลังจากที่พราวพิ้งค์ได้ยาตามที่สั่งกับสมหมายสองแม่ลูกขับรถเก๋งเข้ามาจอดใกล้ๆกับทางเข้ากระท่อมริมธารน้ำตกหญิงสาวอุ้มลูกวัยสองขวบพร้อมกระเป๋านมพะลุงพะลังเข้ามาบนชานกระท่อมยัยหนูพลอยขวัญดูท่าจะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ที่ได้มาพอสมควรดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆด้วยท่าทีสงสัยปนตื่นเต้นแต่ยังคงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนอะไรคนเป็นแม่“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกระท่อมของภคพลเธอเรียกหาชายหนุ่มเสียงดังแต่ไม่ยักจะมีใครเปิดประตู“ปอออ..”เด็กหญิงเอ่ยขานตามคำสุดท้ายของคนเป็นแม่เสียงดังแต่ประตูห้องก็ยังไม่ขยับพราวพิ้งค์จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป“คุณพอล”พราวพิ้งค์เอ่ยเสียงเรียกภคพลอีกรอบเมื่อเข้ามาในห้องโถงของกระท่อมไม่นานนักคนในห้องนอนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนท่าทางของภคพลไม่ค่อยดูดีเท่าไรนักพราวพิ้งค์จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะไข้ขึ้น“คิดถึงผมเหรอ”คนตัวโตที่ยืนหน้าซีดเผือดยังมีแก่ใจเอ่ยหยอกหญิงสาวที่กระเตงเจ้าก้อนกลมเข้ามาหาเขาถึงที่นี่“แอ้..”มือป้อมยกชี้หน้าภคพลพร้อมส่งเสียงใสเอ่ยทักคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะจำได้ว่าเคยเจอกัน“ไง..เจ้าแก้มย้วย”มือหยายกหมาย
พราวพิ้งค์เสร็จจากธุระในห้องน้ำได้เธอก็รีบกลับเข้ามาในห้องนอนของภคพลหญิงสาวค่อนข้างเบาใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงที่ฟูกนอนข้างเตียงไปได้จะได้ไม่ต้องมีบทสนทนากันให้เธอรู้สึกอึดอัดหากมีบางคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบครั้นเมื่อจะลงนอนบนเตียงข้างๆลูกสาวพราวพิ้งค์ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกลงมาจากเตียงอีกครั้งมานั่งลงวาดหลังมืออังหน้าผากของภคพลอีกรอบเพื่อดูว่าไข้ของเขาลดหรือยังหลังจากทานยาไปร่วมชั่วโมงแล้วหญิงสาวพอจะยกยิ้มมุมปากได้เพราะตัวของชายหนุ่มไม่ร้อนเท่าตอนที่เธอมาเจอคราแรกจึงหมายจะลุกกลับไปนอนบนเตียงแต่ร่างของเธอก็ถูกคนตัวโตรวบดึงไปนอนกอดเสียก่อน“คุณพอล..ปล่อยค่ะ”คิ้วบางได้รูปขมวดขึ้นผูกโบดวงตากลมโตจ้องมองค้อนใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากสายตาไม่ถึงคืบความเจ้าเล่ห์ของภคพลไม่มีใครเกินเลยจริงๆ“ขอนอนกอดคุณไม่ได้หรือไงทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”เสียงแหบพร่าก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลทั้งจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่วางตา“นั่นมันอดีตค่ะ..ปล่อย”พราวพิ้งค์ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรมากเพราะกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่นหากเป็นสถานการณ์อื่นภคพลคงถูกเธอดุเสียงแข็งไปแล้ว“ไม่...หนีผมมาทำไม”ชายหนุ่มยังรัดร่างบางแน
ทางด้านในโรงอาหารที่ไร่ช่วงกลางวันผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องที่ลำเพยได้รับรู้มาบางคนที่สนใจเรื่องชาวบ้านก็จะพูดต่อปากต่อคำกันแต่บางคนที่สนใจแต่งานก็ทำเป็นไม่รับไม่รู้เรื่องของคนอื่นแต่เห็นประเภทไม่อยากรู้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นเพราะการติฉินนินทาของชาวบ้านชนบทเหมือนจะมองกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย“อยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยเหรอ”ลำเพยไม่เพียงแค่พูดในโรงอาหารเท่านั้นแต่รามมาถึงขณะที่มาทำความสะอาดที่สำนักงานไร่ด้วยจนสาวๆที่ทำงานอยู่ในสำนักงานต่างก็หูผึ่งตาโพรงไปตามๆกันเมื่อได้รับรู้เรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล“ก็ใช่น่ะสิแถมยังใส่เสื้อคุณพอลแค่ตัวเดียวด้วย.. สองคนนี้จุดติดกันไวเนอะ”ลำเพยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรพราวพิ้งค์และภคพลก็จะต้องมีสัมพันธ์กันในคืนที่ผ่านมา“ป้าเพยก็พูดไปพี่พิ้งค์แค่ช่วยดูแลคุณพอลเท่านั้น”ฟองจันทร์ที่ช่วยคนเป็นแม่เอากับข้าวมาให้คนในสำนักงานก็ถือวิสาสะโต้เถียงแทนพราวพิ้งค์เพราะเชื่อในตัวพี่สาวของเธอว่าไม่ทำตัวง่ายกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแน่นอน“เราน่ะจะไปรู้อะไรต้องคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างป้านี่..ดูปราดเดียวก็รู
“นี่ครับคุณพอลจดหมายมาถึงเมื่อกลางวัน”สมหมายยื่นซองสีน้ำตาลที่พึ่งมาส่งในสำนักงานเมื่อกลางวันให้ภคพลขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งรอเขามารับกลับบ้านที่แคร่ไม้ไผ่หน้าไร่องุ่นยามเย็น“ขอบคุณครับลุงสม”ภคพลรีบเปิดซองจดหมายดูทันทีเมื่อเห็นว่ามาจากณดลชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลในจดหมายได้เขาก็นั่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งจนสมหมายเริ่มตกใจกับท่าทีแปลกไปของภคพล“คุณพอล..มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ลุงสมไปส่งผมที่บ้านพิ้งค์หน่อยนะครับผมมีธุระจะคุยกับเธอ”“ครับ”สมหมายค่อนข้างสงสัยในพฤติกรรมของภคพลพอสมควรแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่ปากทางเข้าบ้านของพราวพิ้งค์ภคพลกำซองจดหมายแน่นก่อนจะรีบลงจากรถ“ลุงสมกลับได้เลยนะครับถ้าผมจะกลับเดี๋ยวให้พิ้งค์ไปส่ง”“ครับ”สมหมายขับรถออกไปได้ภคพลก็เดินดุ่มเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์ทันที“มีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่คะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะหน้าบ้านเมื่อออกมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าเป็นภคพลที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมายืนอยู่หน้าประตู“ดีจ้า..”เจ้าก้อนกลมเห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในบ้านก็ยกมือป้อมสวัสดีทั้งทัก
“ปี๋..เจื้อ..”เจ้าก้อนสาวขาป้อมวิ่งออกมาหน้าบ้านเข้าไปในดงดอกไม้ที่ผู้เป็นแม่ปลูกเอาไว้เพื่อไล่จับผีเสื้อหลากสีเช่นที่เคยเล่นทุกวันมือป้อมน้อยไล่บีบขยำอย่างคันไม้คันมือแต่ก็ไม่เคยจับผีเสื้อได้สักตัว“ปี๋เจื้อ..”เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจ้องตัวเองอยู่ไม่วางก่อนจะดึงมือชายหนุ่มให้ไปจับผีเสื้อช่วยเพราะรู้ดีว่าหากวิ่งจับเองคงจะเหนื่อยกว่าจะจับได้ภคพลอยากจะรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมมากอดหอมสักฟอดใหญ่ติดตรงที่เขายังไม่ได้อาบน้ำกลัวเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของตนจะระคายเคืองผิวลูกน้อยจึงทำได้แค่เดินตามเท่านั้น“ปี๋เจื้อ..จับ”ดวงตากลมโตเงยจ้องมองหน้าคนตัวสูงชี้ไม้ชี้มือหมายจะให้ช่วยจับผีเสื้อที่ตัวเองไม่สามารถจับได้“ให้พ่อจับเหรอครับ...”ภคพลอมยิ้มอ่อนก่อนจะย่อตัวลงนั่งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเจ้าตัวกลมใกล้ๆเด็กหญิงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพ่อภคพลมองจ้องไปยังนัยน์ตาไร้เดียงสาของยัยหนูพลอยขวัญเขามีความรู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อยด้วยคิดไปไกลว่าหากเขามาเจอพราวพิ้งค์ช้าไปกว่านี้ลูกของเขาจะมีชีวิตที่ขาดพ่อไปอีกนานเท่าไรทั้งยังนึกน้
“ถ้าเป็นเรื่องผมกับเธอ..ผมให้คำตอบคุณได้..”ด้วยความที่ไม่อยากให้พราวพิ้งค์อยู่ใกล้คีรินภคพลจึงรีบปรี่เข้ามาโอบไหล่มนของหญิงสาวต่อหน้าต่อตาพ่อเลี้ยงหนุ่มพราวพิ้งค์เองก็ถึงกับยืนนิ่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอไม่รู้ว่าภคพลจะหาเรื่องอะไรคีรินอีก“ผมกับพิ้งค์เราเคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เธอยังเรียนปี2ที่เธอมาอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว...ดูหน้าพยานรักของผมกับเธอสิ”ภคพลว่าพรางชี้มือมายังเจ้าก้อนกลมที่ทาแป้งจนตัวขาวโพลนในบ้าน พราวพิ้งค์เองก็ได้แต่ยืนเงียบเห็นทีครั้งนี้คีรินคงจะตัดใจจากเธอได้เสียทีแม้นจะเป็นการดับฝันของพ่อเลี้ยงหนุ่มในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักคีรินตัวชาวาบยืนนิ่งงันยิ่งพราวพิ้งค์ไม่มีคำปฏิเสธอะไรเขาก็ยิ่งเข้าใจในสถานะตัวเองว่าต่อไปควรจะปฏิบัติตัวกับเธอเช่นไรคิดสงสัยตั้งแต่เห็นพราวพิ้งค์เป็นห่วงภคพลในครั้งก่อนแล้วว่ามันแปลกจากวิสัยของเธอที่แท้ก็เคยคุ้นเคยกันมาก่อนนั่นเอง“ผม..เข้าใจแล้ว”น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาแทบจะมีแต่เสียงลมก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่รถและขับออกไปจากหน้าบ้านหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วคีรินกลับไปได้พราวพิ้งค์ก็
“ไม่..คุณก็รู้ดีว่าผมชอบบรรยากาศช่วงเช้าๆแค่ไหน”“อื้ออ..”ว่าจบก็บดเบียดตัวตนสอดใส่ไปในช่องทางรักของพราวพิ้งค์จนสาวเจ้าหลับตาปี๋ส่งเสียงท้วงในลำคอเพราะจุกที่อีกฝ่ายสอดใส่โดยที่ไม่ทันตั้งตัวและแล้วบทรักอันเร่าร้อนในเช้าอันแสนสดใสก็ได้เริ่มขึ้นสมใจภคพล อาหารเช้าของวันนี้พราวพิ้งค์เห็นทีจะได้ไปหาซื้อตลาดในหมู่บ้านเพราะคงจะเตรียมไม่ทันอาทิตย์ต่อมาวันเวลาที่ภคพลมาอยู่บ้านของพราวพิ้งค์อย่างเป็นทางการเป็นเวลาอาทิตย์กว่าจนตอนนี้ผู้คนต่างก็รับรู้กันหมดแล้วว่าภคพลและพราวพิ้งค์เป็นอะไรกันทั้งสองไม่ต้องเปล่าประกาศให้ใครรู้ด้วยตัวเองเพียงแค่มีแขกไปใครมาที่บ้านของพราวพิ้งค์ก็จะรู้เรื่องของทั้งสองและเอาไปพูดต่อกันเองส่วนคีรินก็หายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาที่ไร่เหมวัตอีกเลยหากมีธุระก็จะให้คนสนิทมาจัดการแทนโดยให้เหตุผลว่าตนไม่ว่างแต่ทุกคนก็ดูออกว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นท่าจะอยู่ในอาการอกหักตกเย็นพราวพิ้งค์ปั่นจักรยานพายัยหนูพลอยขวัญมาดูคนเป็นพ่อที่เดินตรวจงานในไร่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจนหมดเมื่อวันก่อน“เหลืองานอะไรที่ต้องให้คนงานมาทำคะ”พราวพิ้งค์ปั่นจักรยานเข้ามาจอดใกล้ๆร่างสูงที่กำลังเดินสำรวจร่อง
“เมื่อกี้ปลาหวานนางแบบที่ผมจ้างเธอควงไปงานวันเกิดหมอเหนือ..เห็นเธอขยันทำงานเพราะจะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมผมเลยเสนอให้เธอเองไม่มีเรื่องชู้สาวสาบานได้”ภคพลไม่ได้มีแก่ใจพิศวาสปลาหวานแม้แต่น้อยตอนที่จะหาคู่ควงก็ติดต่อผ่านโมเดลลิ่งไม่ได้จ้างด้วยตัวเองด้วยซ้ำ“บอกทำไมคะ”พราวพิ้งค์เริ่มมีน้ำเสียงและท่าทีอ่อนลงทั้งที่ในใจก็ยังรู้สึกเชื่อคำพูดภคพลไม่เต็มร้อย“บอกให้เมียรู้ไงจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดคิดว่าผมมักมากอีก...ผมไปอาบน้ำก่อนและจะช่วยดูแลยัยหนูคุณจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง”ว่าจบก็เดินอมยิ้มอ่อนออกจากครัวไปอาบน้ำสบายใจที่ได้พูดความจริงให้หญิงสาวได้ฟังดูจากท่าทีเธอแล้วก็น่าจะมีแก่ใจเชื่อคำพูดเขาอยู่บ้างท้องฟ้าเกือบจะมืดฟองจันทร์ช่วยคนเป็นแม่ที่ไร่เสร็จก็ปั่นจักรยานมาหาคีรินที่บ้านหลังใหญ่ท้ายไร่ของชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจ้าตัวมากนักเพื่อมาดูอาการของคีรินเพราะเห็นเขาเอาแต่เก็บตัวเงียบมาหลายวันหลังจากที่ทุกคนรู้เรื่องของภคพลและพราวพิ้งค์“พี่คีอยู่หรือเปล่าคะพี่นิ่ม”เมื่อปั่นจักรยานแม่บ้านคันสีชมพูมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของคีรินได้ฟองจันทร์ก็เจอนารีแม่บ้านวัยสามสิบกว่าที่เข้ามาดูแ