และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปร่วมอาทิตย์ที่สามพราวพิ้งค์ก็ยังไม่มีทีท่าใจอ่อนคุยกับภคพลง่ายๆจนทุกคนต่างก็เห็นใจชายหนุ่มพอสมควร
ในตอนนี้ภูริชก็เข้ามาพักฟื้นที่บ้านของแดนไทยยัยหนูพลอยขวัญที่ปู่ไปรับมาทุกวันจึงทำให้ภคพลนั้นได้อยู่กับลูกนานๆบ้างนับว่าความสุขนี้ได้จากบารมีของคนเป็นพ่อล้วนๆ
“งานหินเลยสิ..”
ภูริชหันมาถามภคพลที่กำลังนั่งมองลูกสาวตัวกลมนั่งทานขนมไม่วางตา
“หินจริงๆครับคุณพ่อ”
ภคพลหันมาพยักหน้ากับคนเป็นพ่อหน้าเจื่อน
“ทีหลังจะเล่นอีกหรือเปล่า”
“เข็ดแล้วครับ”
“ฮ่าๆๆ..”
ภูริชหัวเราะร่าเมื่อเห็นพราวพิ้งค์จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ลูกชายจอมเอาแต่ใจของเขาใจเสียได้นานขนาดนี้
เช้าวันต่อมาพราวพิ้งค์ไปส่งยัยหนูให้ภูริชที่บ้านของแดนไทยเรียบร้อยเธอจึงขับรถมาที่ไร่เพียงกมลเพื่อมาหาฟองจันทร์ด้วยรู้ว่าหญิงสาวจะไปจากที่นี่เพื่อไปทำงานที่กรุงเทพในอีกวันสองวันที่จะถึง
“เลือกทางนี้จริงๆใช่ไหม”
พราวพิ้งค์มาที่นี่เพื่อคุยกับฟองจันทร์ให้แน่ใจว่าสิ่งที่หญิงสาวเลือกนั้นตรงกับใจที่ต้องการจริงๆหรือเปล่า
“จันทร์ว่าจันทร์ขอออกไปอยู่คนเดียวก่อนดีกว่าค่ะ... แล้วค่อยคิดดูว่าตอนนั้นจะอยู่ได้หรือเปล่า”
ฟองจันทร์เงียบครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“อืม...ยังไงพี่ก็อยู่ตรงนี้มีอะไรก็บอกพี่ได้”
“ขอบคุณค่ะพี่พิ้งค์”
เมื่อได้รับคำตอบที่มั่นใจของฟองจันทร์พราวพิ้งค์ก็ไม่คิดเค้นอะไรต่อเพราะคิดว่าฟองจันทร์คงจะมีความคิดอยากพักใจอย่างที่เธอเคยมีในตอนที่ทนเห็นภคพลอยู่กับผู้หญิงอื่นไม่ได้จนต้องหนีออกมา
คีรินที่แอบฟังอยู่ห่างๆเขามีสีหน้าผิดหวังเพราะคิดว่าฟองจันทร์จะเปลี่ยนใจไม่ไปไหนแล้วเสียอีกแต่ไม่ใช่เลยเธอยังคงยืนยันคำเดิมกับพราวพิ้งค์เห็นทีเขาจะทำตัวเย็นชาต่อไปไม่ได้แล้ว
22.00 น.
ก๊อกๆๆ
คีรินเดินออกจากบ้านมาที่เรือนเล็กเพื่อมาหาฟองจันทร์เพราะเห็นว่าดึกแล้วเธอยังไม่ปิดไฟนอนจึงรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวท่าจะกำลังเก็บของอยู่แน่นอน
แกร๊ก..
“พี่คีมีอะไรหรือเปล่าคะ”
ฟองจันทร์มีทีท่าแปลกใจที่เห็นคีรินมาเคาะห้องเธอเวลานี้แถมสีหน้าของเขาก็ดูไม่ค่อยจะดีนักจนเธอสังเกตได้
“เก็บของเรียบร้อยแล้วเหรอ”
คีรินเข้ามาในห้องของหญิงสาวเห็นว่าเธอกำลังพับผ้ากองเต็มเตียงจึงเอ่ยถามไถ่เสียงอ่อน
“เก็บบางส่วนแล้วค่ะ...พี่คีไม่ต้องเป็นห่วงนะคะจันทร์ดูแลตัวเองได้สบายมากแถมที่อยู่ของจันทร์ก็เป็นคอนโดของคุณพอลที่อยู่ใกล้กับสนามบินที่จันทร์จะทำงานด้วย”
ฟองจันทร์เดาว่าที่คีรินดูไม่ร่าเริงน่าจะเพราะเป็นห่วง..เธอจึงฝืนยิ้มเอ่ยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วสดใสเขาได้รับรู้ว่าเธอไปอยู่ที่กรุงเทพได้อย่างสบายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“พี่ไม่ได้ห่วง..”
คีรินจ้องหน้าฟองจันทร์เขม็งจนหญิงสาวยืนนิ่งงันตกใจกับท่าทีของเขาพอสมควร
“คะ?”
“แต่พี่หวงพี่ไม่อยากให้คนที่พี่รักจากพี่ไป”
ว่าจบก็เข้าไปสวมกอดร่างบางเอาไว้แน่นคีรินไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกในใจของเขาอีกต่อไปแล้ว
“พี่คี”
“พี่ยอมรับว่าพี่ไม่ได้มองว่าเราเป็นน้องตั้งแต่พาเข้ามาอยู่ที่บ้านแล้ว..วันที่พี่ทุกข์ใจมีจันทร์คอยอยู่ข้างๆสร้างเสียงหัวเราะให้ทำให้พี่รู้ว่าคนที่พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดคือจันทร์...อย่าไปไหนเลย.. อยู่บ้านเราเถอะ”
“บ้านเราเหรอคะ”
ฟองจันทร์เริ่มเอ่ยเสียงสั่นขอบตากลมโตเริ่มร้อนผ่าวมีน้ำตาคลอจนไหลทะลักออกมาไม่หยุดสองแขนเรียวยกกอดเอวคีรินเอาไว้แน่น
“ขอบคุณนะคะที่พูดคำนี้เมื่อมันยังไม่สายไป...จันทร์ก็ไม่ได้มองว่าพี่คีเป็นพี่ตั้งนานแล้วที่ต้องจากไปเพราะไม่อยากอยู่ที่นี่ในฐานะน้องสาวของพี่คีเท่านั้น”
หญิงสาวซบแก้มนวลที่อกแกร่งของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงอู้อี้สั่นเครือแต่ทุกคำคีรินนั้นจับใจความได้หมด
“เด็กบ้า..ทำไมไม่พูด”
คีรินเงียบไปครู่หนึ่งด้วยความดีใจจนพูดอะไรไม่ออกก่อนจะก้มจูบกระหม่อมของคนตัวเล็กในอ้อมกอด
“จันทร์กลัวว่าพูดออกไปแล้วจะเสียพี่คีไป”
สาวเจ้าพูดไปพรางส่ายหัวซ้ายขวาซบเช็ดน้ำตากับเสื้อยืดของคีรินจนเปียกชุ่ม
“ไม่ให้เป็นน้องแล้วจะให้เป็นแม่เลี้ยงที่ไร่นี้.. ตกลงหรือเปล่า”
“ไม่ปฏิเสธค่ะ”
สองหนุ่มสาวที่ต่างเผยความในใจที่มีตรงกันได้ความรู้สึกอึดอัดในใจของทั้งคู่ก็ถูกปลดล็อกโดยเฉพาะฟองจันทร์ที่ต้องขอบคุณคีรินจริงๆที่มาพูดรั้งเธอเอาไว้ในวันที่มันไม่สายไป
วันต่อมา
วันนี้พราวพิ้งค์ทำอะไรได้สะดวกมากขึ้นเพราะภคพลไม่ได้มากวนอะไรเธอกับลูกแต่มีบางช่วงเวลาที่แอบรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปเหมือนกันที่ไม่มีชายหนุ่มมานั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้านเช่นที่เคยเป็นอยู่ทุกวัน
“พิ้งค์”
“มาซะเย็นเชียวมีอะไรเหรอปลาย”
พราวพิ้งค์เอ่ยทักปลายฝันเสียงใสเมื่อเห็นเพื่อนเธอเจ้ามาหาในห้องทำงานช่วงเย็นจนเกือบจะมืด
“คุณพอลอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ปลายฝันเอ่ยถามหน้าตาตื่น
“ไม่นี่..ไม่ได้มาตั้งแต่เช้าแล้ว”
พฤติกรรมของหญิงสาวท้องโตเริ่มทำพราวพิ้งค์ใจไม่ดี
“คุณพอลหายไปไหนตั้งแต่เช้ามืดแล้วติดต่อก็ไม่ได้คุณแดนไปหาที่ไร่คุณคีรินก็ไม่เจอตอนแรกก็นึกว่าจะอยู่ที่นี่ซะอีก”
“ไม่นี่...คนในไร่ไม่รู้เลยเหรอว่าคุณพอลอยู่ที่ไหน”
“ไม่อะ”
ปลายฝันส่ายหัวนั่นยิ่งทำให้พราวพิ้งค์ใจไม่ดีเข้าไปใหญ่
“ปลาย..ฉันฝากยัยหนูเดี๋ยวแล้วจะขับรถไปท้ายไร่ดู”
“อืม..ได้เรื่องยังไงก็โทรบอกด้วยล่ะ”
พราวพิ้งค์คิดว่าที่ที่ชายหนุ่มอยู่น่าจะเป็นที่ที่เค้าคุ้นเคยหากไร่เพียงกมลไม่มีไร่ของตัวเองก็ไม่อยู่ก็คงจะมีที่เดียวก็คือกระท่อมริมธารท้ายๆไร่
“พิ้งค์ออกไปแล้วค่ะ”
หลังจากที่พราวพิ้งค์ออกไปได้ปลายฝันก็รีบโทรบอกกับภคพลใจจริงเธอไม่อยากจะหลอกเพื่อนแบบนี้แต่ถูกภคพลขอร้องอ้อนวอนอย่างน่าสงสารจึงยอมใจอ่อนจนได้
รถเก๋งของพราวพิ้งค์ขับมาจอดที่หน้าทางเข้ากระท่อมริมธารหญิงสาวลงจากรถได้ก็รีบสาวเท้าจ้ำอ้าวมาที่หน้ากระท่อมอย่างรวดเร็ว
“คุณพอล..อยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ”
หญิงสาวตะโกนเรียกภคพลจนสุดเสียงด้วยความเป็นห่วงที่หน้ากระท่อมเธอยืนนิ่งรอฟังเสียงตอบกลับครู่หนึ่งแต่ไม่ยักจะได้ยินอะไรเธอจึงรีบเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
“คุณพอล”
สาวเจ้าเปิดประตูห้องนอนเข้ามาได้ก็โล่งใจที่เห็นภคพลนอนหลับอยู่ที่นี่
ฟึ่บ..
และแล้วจู่ๆประตูห้องนอนในกระท่อมก็ปิดลงอย่างรวดเร็วทั้งที่ไม่มีลมอะไรพัดมาแม้แต่น้อย
“หืม..”
พราวพิ้งค์รีบหันหลังเดินกลับไปเปิดประตูแต่ทำอย่างไรเธอก็เปิดไม่ออก
“เปิดไม่ออกหรอกพิ้งค์...”
“..อะไรกันคะ..”
ร่างบางหันมาเห็นคนที่อยู่บนเตียงนั่งตาใสก็พอจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกอีกรอบ
“ขอบใจนะเตชินต้นกล้า”
“คร้าบ..”
เสียงขอบใจของภคพลและเสียงขานรับของเด็กหนุ่มข้างนอกทำพราวพิ้งค์เริ่มมีน้ำโหเดือดดาลขึ้นมากะทันหัน
“หลอกฉันอีกแล้วนะ”
พราวพิ้งค์สบถเสียงสั่นทั้งกำมือแน่นจ้องตามองไปยังภคพลที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอเขม็ง
“ไม่ทำแบบนี้แล้วเมื่อไรเราจะได้คุยกัน”
ภคพลพยายามพูดเสียงอ่อนให้หญิงสาวได้ใจเย็นลง
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณโกรธ..ถ้าไม่ให้คุณมาอยู่ที่นี่ผมก็คงจะไม่มีโอกาสได้พูดเรื่องทั้งหมดเพราะคุณเอาแต่หนีผม”
“แล้วคุณคิดว่าฉันถูกขังอยู่แบบนี้แล้วจะฟังคุณอย่างนั้นเหรอคะ”
น้ำเสียงของพราวพิ้งค์ยังคงแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนคราแรกเธอก็จะยอมใจอ่อนคุยกับเขาอยู่แล้วแต่ยิ่งเขามาหลอกเธอเช่นนี้ยิ่งทำให้เธอไม่อยากจะคุยกับเขาไปใหญ่
“เรื่องความจำผมจำได้ตั้งแต่หลังจากอาการปวดหัวครั้งนั้นยอมรับว่าผมผิดที่อยากจะรู้ว่าคุณจะทำยังไงเมื่อมีผู้หญิงเข้าใกล้ผมอีก”
“เลยโทรให้แฟนเก่ามาหาอย่างนั้นเหรอคะ”
“ผมแค่จ้างเธอ..วันที่คุณเห็นว่าเธอมาเยี่ยมผมเธอแค่มาขอยืมเงิน..ตอนนั้นผมก็แค่ต้องการประชดคุณเฉยๆเลยทำทีเป็นกำลังคุยกับแคทเพลินๆ...ผมยอมให้เธอยืมจะได้ไม่ให้เธอมายุ่งกับผมอีกและให้เธอใช้หนี้โดยการเล่นละครมาทำทีเป็นคนดูแลผมในวันนั้น..”
“หึ่..ถ้าฉันจับไม่ได้คุณก็จะโกหกต่อไปใช่หรือเปล่าคะ”
“ไม่เลยผมคิดจะบอกคุณอยู่แล้ว..ขอโทษจริงๆ..ผมยอมให้เราโกรธกันต่อไปแบบนี้ไม่ได้ผมยากกลับมาอยู่กับคุณเป็นครอบครัว...เหมือนที่คุณอยากให้เป็นในไดอารี่ของคุณไง”
“ไดอารี่ของฉัน..”
พราวพิ้งค์เริ่มขมวดคิ้วมองหน้าภคพลด้วยท่าทีตกใจ
“เอ่อ..”
ภคพลเริ่มหน้าเจื่อนเมื่อตัวเองเผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรจะหลุดปากมาอีกเรื่อง
“คุณแอบอ่านไดอารี่ของฉันงั้นเหรอคะ..ตั้งแต่เมื่อไรพูดมาเดี๋ยวนี้”
พราวพิ้งค์บุ้ยปากรอคำตอบจากปากของภคพลอย่างใจจดใจจ่อ
“ก็ตั้งแต่ก่อนที่พ่อผมจะบาดเจ็บ..ผมรู้หมดแล้วว่าคุณรักผมตอนนั้นที่หนีผมไปเพราะทนเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้..แล้วผมก็อยากให้คุณรับรู้เอาไว้ว่าผมตั้งใจจะขอคุณแต่งงานหลังจากคุณเรียนจบและตัดผู้หญิงทุกคนออกจากชีวิตแต่คุณดันหนีผมไปเสียก่อน..”
ภคพลวาดแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บกอดร่างบางที่ยืนแน่นิ่งไม่พูดไม่จาเขาเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ในใจแต่ก็ภาวนาให้เธอยอมใจอ่อนคืนดีกับเขาโดยเร็ว
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณพูดจริง”
“แหวนวงนี้ที่ผมพาคุณไปลองมันควรจะเป็นแหวนแต่งงานและอยู่ที่นิ้วของคุณนานแล้ว”
ภคพลผละออกจากร่างบางก่อนจะล้วงแหวนเพชรในกระเป๋าออกมายื่นให้ตรงหน้าของพราวพิ้งค์หญิงสาวยืนแน่นิ่งน้ำตาคลอกำแพงในใจทลายลงไปทั้งหมดเพราะรู้ว่าภคพลพูดจริง
แหวนวงนี้เธอจำได้ดีก่อนที่เธอจะเรียนจบภคพลบอกให้เธอไปเลือกแหวนเป็นเพื่อนคราแรกเธอคิดว่าเขาจะเอาไว้ให้ผู้หญิงคนอื่นแต่กลับไม่ใช่ไม่คิดเลยว่าเขาจะซื้อให้เธอ
“ถ้าวันนั้นคุณไม่หนีมาก่อนป่านนี้เรามีลูกสามสี่คนแล้วมั้ง”
มือหนายื่นปาดน้ำตาให้หญิงสาวก่อนจะรวบเธอมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ใครจะไปคิดว่าคุณจะหยุดเจ้าชู้ได้ล่ะคะ”
พราวพิ้งค์เม้มริมฝีปากแน่นพยายามไม่ให้น้ำตานั้นไหลยิ่งห้ามก็เหมือนจะทะลักหนักมากกว่าเดิม
“ขอโทษที่ผมดีให้คุณเห็นช้าไป..”
ภคพลโล่งใจและดีใจมากที่ทำลายกำแพงในใจของพราวพิ้งค์ลงได้เสียทีโอกาสที่เธอให้ครั้งนี้เขาจะรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด
จบแล้วค่า....
ขอบคุณที่สนับสนุนไรท์นะคะ
ฝากติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ
ที่ F*: นิยาย ปลายฟ้า ด้วยนะคะ
ครื่นน... ซ่าาาา....ค่ำคืนที่พายุโหมกระหน่ำซัดสาดกับหลังคาบ้านริมรักหลังเล็กจนเกิดเสียงดังลมห่าใหญ่ก็พัดแรงไม่ยอมหยุดจนพราวพิ้งค์หญิงสาวในชุดนอนสีหวานนั้นนอนไม่หลับด้วยห่วงกลัวว่าต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านจะโค่นลงมาทับบ้านหลังเล็กของเธอ“ทำไมลมแรงแบบนี้นะ”มือเรียวแหวกม่านสีครีมมองลอดผ่านหน้าต่างบานกระจกออกไปยังข้างนอกบ้านด้วยสีหน้ากังวลเปรี้ยงง.. “ว้ายย..”สาวเจ้าสะดุ้งโหยงกรีดร้องเสียงดังเมื่อจู่ๆอัสนีบนฟากฟ้าก็ฟาดลงมาเสียงดังกระหึ่มจนบ้านสั่นไปทั้งหลัง“แอะ...แอ้...”เสียงของยัยหนูตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลส่งเสียงงอแงเพราะความตกใจเสียงฟ้าจนตื่นคนเป็นแม่จึงรีบเดินห่างออกจากบานหน้าต่างปรี่เข้ามาอุ้มลูกสาวมากอดไว้ในอ้อมอก“ชู่ว...ไม่เป็นอะไรนะคะ..แม่อยู่นี่แล้วน้าคนเก่ง”“แอ้..แง่..แง่..”ยัยหนูแก้มย้วยวัยสองขวบยังคงร้องให้ไม่คิดผ่อนจนคนเป็นแม่ต้องรีบเปิดฝาขวดนมให้คนที่กำลังงอแงได้กินนมเสียงร้องจึงสงบลงได้มือเรียวขยับตบก้นลูกสาวเบาๆขณะที่เจ้าแก้มย้วยกำลังง่วนอยู่กับการกินนมเพื่อเป็นการกล่อมให้หลับพราวพิ้งค์เปรยสายตามองลูกสาวที่อยู่ในอ้อมอกพรางนึกถึงคนที่เป็นพ่อของลูกด้วยใบหน้าของลูกสาวไม่มีส
“ฉันอยากกลับบ้าน...นายจะให้ฉันอยู่ที่นี่เพื่ออะไรฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้วแผลแค่นี้ฉันรักษาเองได้”ภคพลเปรยสายตามองณดลด้วยความระอารู้ได้เลยว่าเพื่อนตนต้องมาบังคับให้ทานอาหารอีกแน่ที่เขาไม่มีกะใจทำอะไรตอนนี้ก็เป็นเพราะไม่อยากจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล“ฉันรู้ว่านายเก่ง..แต่ฉันก็รู้อีกว่าถ้านายกลับไปนายจะไม่ยอมทำแผลไม่ยอมทานยาตามที่ฉันสั่งแล้วแผลนายก็จะติดเชื้ออาจจะทำให้นายป่วยตายได้เข้าใจใช่ไหม..อยู่โรงพยาบาลอีกสักวันสองวันจะเป็นไร”ณดลสาวเท้าเข้ามาข้างเตียงภคพลมือทั้งสองล้วงกระเป๋าก่อนจะสาธยายหยั่งรู้ถึงนิสัยของเพื่อนหากเขายอมปล่อยกลับบ้านจะเป็นเช่นไร“เฮ่อ..”คนที่ถูกบ่นได้แต่หลับตาถอนหายใจ“แล้วก็กินอาหารให้ตรงเวลาไม่เช่นนั้นฉันจะให้นายอยู่ที่นี่นานขึ้น...แล้วอย่าคิดหนีคนของฉันมีอยู่ทุกที่เข้าใจใช่หรือเปล่า”ณดลยกมือชี้หน้าภคพลเขาไม่ได้ขู่รู้ว่าเพื่อนตนรู้ดี“เฮ่อ..”คนป่วยถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบพรางมองเพื่อนรักที่เจ้ากี้เจ้าการด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เขาเคยหนีออกจากโรงพยาบาลมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ถูกคนของณดลลากกลับมาได้ทุกครั้งหมอหนุ่มเพื่อนของเขาคนนี้ก็ไม่ยอมรักษาใครที่อื่นนอกจากที่โรงพยาบาลของตั
“ยด..”เด็กหญิงตัวกลมก้าวขาป้อมรีบเดินเข้ามาหาคนเป็นแม่เมื่อเห็นว่ามีรถเก๋งคันสีขาวขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพราวพิ้งค์ยิ้มต้อนรับคนที่มาใหม่หน้าระรื่นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นปลายฝันว่าที่เจ้าสาวของพ่อเลี้ยงแดนไทยเพื่อนรักของเธอเอง“ไงจ๊ะ..เจ้าหมูอ้วนของน้าปลายมาให้น้าฟัดหน่อยเร็ว” ฟอดด ฟอดดปลายฝันหญิงสาวที่กำลังท้องโตหน้าตาจิ้มลิ้มเดินถือถุงกระดาษปรี่ตรงมาอุ้มหนูน้อยกอดหอมฟอดใหญ่คิดถึงไม่ได้เจอหน้าหลานสาวหลายวันเพราะต้องกลับไปเอาชุดแต่งงานที่กรุงเทพและอยู่กับครอบครัวต่อเป็นอาทิตย์“ที่ไร่ไม่ยุ่งแล้วหรือถึงปลีกตัวมาที่นี่ได้”“ไม่มีอะไรยุ่งแล้วล่ะที่จะวุ่นก็เห็นจะเป็นพรุ่งนี้เพราะต้องเตรียมตัวรับแขกที่บ้านฉันกับบ้านคุณแดน..เออ..วันนี้พ่อเลี้ยงคีรินฝากชุดมาให้”ปลายฝันชี้ไปที่ถุงกระดาษข้างตัวที่ถือมาตั้งแต่ลงจากรถ“ถ้าฉันไม่ใส่จะดูเสียมารยาทหรือเปล่า”พราวพิ้งค์ว่าด้วยท่าทีลำบากใจ“แน่นอน”ปลายฝันรีบพยักหน้าสายตาของเธอบ่งบอกว่าอยากให้เพื่อนเธอนั้นรับรักพ่อเลี้ยงคีรินเสียที“ทำยังไงพ่อเลี้ยงถึงจะเข้าใจว่าฉันไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าพี่น้อง”“พ่อเลี้ยงเค้าตามจีบเธอมาตั้งแต่เธอท้องยังไม่ยอมใจอ่อนก
“ขับมาจากตลาดจู่ๆก็ดับเฉยเลยค่ะ”พราวพิ้งค์โล่งใจที่ในสถานการณ์คับขันเธอยังมีคนรู้จักที่พอจะช่วยเหลือได้ผ่านมาแถวนี้พอดีสองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ข้างทางยังคงช่วยกันดูว่าเหตุที่รถเสียนั้นเกิดจากอะไรโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีสายตาของใครบางคนมองจับจ้องผ่านกระจกรถยนต์คันหรูอยู่ไม่วางเป็นภคพลที่มองร่างบางด้วยสายตานิ่งเฉยอย่างที่ใครก็คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ว่าตอนนี้เขานั้นคิดอะไรอยู่เมื่อได้เจอกับหญิงสาวที่หายหน้าจากเขาไปเกือบสามปีชายหนุ่มค่อยๆผ่อนคันเร่งขับชะลอผ่านไปแล้วดูหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีชมพูหวานที่กระจกข้างอีกรอบจนแน่ใจว่าเมื่อครู่มองไม่ผิดเธอคือพราวพิ้งค์คนที่เห็นว่าเขาหมดประโยชน์แล้วก็รีบตีจากความรู้สึกข้างในตอนนี้ประสมปนเปกันไปหมดไม่รู้ว่าตัวเองจะดีใจหรือคับแค้นใจที่ได้เห็นร่างบางที่คุ้นเคยนี้อีกครั้งทว่าสมองก็สั่งว่าอย่าพึ่งใส่ใจจึงรีบเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปที่ไของอาตนทันทีก่อนที่จะเย็นไปมากกว่านี้ครู่ต่อมาภคพลขับรถเข้ามาจอดที่บ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านไม้สักสไตล์โมเดิร์นตัวบ้านเป็นสองชั้นที่ชั้นล่างมีระเบียงชานบ้านกว้างรอบๆบริเวณบ้านจัดเป็นสนามหญ้ากว้างใหญ่ล้อมตัวบ้านหลังบ้านร่มรื่นด
“ไม่สนใจแต่ชวนเค้าทานข้าวเย็นด้วยกันนี่หมายความว่ายังไงน้า..”ปลายฝันเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับไปได้ก็ได้ทีเอ่ยหยอกเพื่อนเธอเสียงอ่อน“หมายความว่าเป็นคนมีมารยาทไงเค้าอุตส่าห์ช่วยมาส่งถึงที่แถมยังให้คนมาลากรถไปที่อู่อีก...แล้วนี่มิลินกับแพรวาจะมาถึงตอนไหน”พราวพิ้งค์ขมวดคิ้วส่ายหัวให้คนที่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักก่อนจะถามถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนที่บอกว่าจะมาถึงในวันนี้แต่เย็นแล้วก็ไม่ยักจะเห็น“อีกเดี๋ยวคงถึงแล้วล่ะ..ไปเดี๋ยวฉันไปช่วนทำกับข้าวในครัว”“ห้ามพูดเชียคุณคีรินอีกไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้หาช่างแต่งหน้ามาเองเลย”“โอ๋ๆ..แค่นี้ทำเป็นงอนไปได้”สองสาวคุยกันจบก็รีบสาวเท้าเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเย็นภคพลอยู่ในในชุดนอนสีเทายืนกอดอกพิงหน้าต่างช่วงกลางดึกดวงตาคมนัยน์ตาสีฟ้ายืนจ้องแหวนเพชรวงน้อยในมือไม่วางตา แหวนวงนี้ควรจะอยู่กับเจ้าของมันนานแล้วแต่ติดตรงที่เขานั้นไม่มีโอกาสได้ให้และคิดว่าคงจะเก็บตายไว้อย่างนี้เห็นจะดีแล้วก๊อกๆๆมือหนารีบเก็บแหวนวงเล็กเข้าในกระเป๋าก่อนะจะเดินดุ่มไปเปิดประตูหากเดาไม่ผิดคงจะเป็นพี่ชายของเขาที่น่าจะนอนไม่หลับเพราะแปลกที่เช่นเดียวกับที่เขานั้นเป็น“อย่าบอกว่านอนไม่หลับ
“ต้องขอบคุณช่างคนเก่งคนนี้ค่ะ”ปลายฝนอดเอ่ยชมฝีมือพรางพิ้งค์ไม่ได้นับว่าเพื่อนของเธอเก่งไปเสียทุกอย่างจริงๆ“ฉวย..”หนูน้อยตัวกลมแก้มย้วยในชุดเสื้อยืดเจ้าหญิงสีชมพูกับกระโปรงสีขาวฟูฟ่องมัดผมรวบโดนัมสองข้างเดินเข้ามาเกาะขาปลายฝันเงยหน้าเอ่ยชมคนเป็นน้าหน้าบาน“รู้ดีจังเลยนะเรา”เปรมสุดาอุ้มยัยหนูพลอยขวัญมานั่งที่ตักพร้อมกดจูบกระหม่อมหนึ่งทีหากอยากจะให้หลานนั้นออกมาเหมือนกับยัยหนูพลอยขวัญเหลือเกินยิ่งคิดก็ยิ่งอยากให้ถึงวันที่ลูกสาวเธอคลอดเร็วๆ“ฝัน..ขบวนแห่มาใกล้แล้วมาดูสิ”ปลายฝันรีบลุกเดินมาที่หน้าต่างตามพราวพิ้งค์เพื่อดูขบวนแห่ที่เหล่าผู้คนกำลังพากันรำหน้ากลองยาวอย่างสนุกสนาน“น่าตื่นเต้นจังเลย”ตอนนี้ปลายฝันเริ่มทำตัวไม่ถูกทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้วแต่พอถึงสถานการณ์จริงกลับประหม่าเสียได้“นั่น..คุณ..ภูริช..”ชายวัยกลางคนที่พราวพิ้งค์เห็นว่ากำลังยืนอยู่ข้างๆคีรินทำเอาสาวเจ้ายืนตัวชาหน้าเสีย“อ่อ..ใช่คุณภูริชเธอรู้จักด้วยเหรอเค้าเป็นพี่ชายของคุณแดนแต่คนละแม่”“แล้ว..ทำไมนามสกุลไม่เหมือนกัน”“คุณแดนบอกว่าคุณภูเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของแม่ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้วเพราะนามสกุลแม่คุณภูไม่มีใครสืบส
หลังเสร็จเรื่องรับตัวเจ้าสาวไม่นานนักตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันที่บ้านของแดนไทเพื่อฟังพระสวดให้บ่าวสาวได้ตักบาตรทำบุญในช่วงเช้า“ตาพอลยังไม่ตื่นอีกเหรอเราไปดูน้องให้พ่อหน่อยสิ..ทำตัวไม่มีมารยาทเอาซะเลย”ภูริชเห็นทีต้องหันมาบอกให้โนแอลไปตามภคพลขณะที่พระกำลังสวดคราแรกคิดว่ากลับมาจะเจอลูกชายคนเล็กรอต้อนรับแต่ป่านนี้ก็ไม่ยักจะเห็นหัวเสียทีจึงไม่ค่อยสบอารมณ์กับลูกชายที่ทำตัวไม่รู้กาลเทศะนัก“ครับคุณพ่อ”โนแอลรีบลุกปลีกตัวเข้าไปชั้นบนเขาเองก็มีส่วนผิดที่เมื่อคืนนอนไม่หลับจนต้องไปชวนภคพลนั่งดื่มนั่งคุยกันจนเกือบเช้าก๊อกๆๆหลังจากโนแอลเคาะประตูไม่นานภคพลก็เดินมาเปิดประตูเมื่อคนเป็นพี่เห็นน้องชายแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงมองหน้าด้วยสายตาฉงนเพราะไม่รู้ว่าภคพลนั้นทำไมยังไม่ลงไปที่งานแต่งด้านล่างเสียที“แต่งตัวเสร็จแล้วทำไมยังไม่ลงไปล่ะ”“ผมรอให้พระสวดเสร็จขี้เกียจไปนั่งนิ่งๆฟังน่าเบื่อ”ร่างสูงในชุดสูทสีเทาเซ็ททรงผมเนี้ยบยืนส่ายหน้าด้วยท่าทีขยาดเพราะจะให้เขาไปนั่งนิ่งๆฟังพระสวดคงสร้างความอึดอัดให้เขาไม่น้อย“คุณพ่อหงุดหงิดกับนายใหญ่แล้วรีบลงไปตอนนี้เลย”“รอให้พระสวดเสร็จก่อนไม่ได้เหรอครับ”“ไม่ได้”โนแอ
ตลอดงานทั้งงานพราวพิ้งค์ไม่ค่อยมีรอยยิ้มเท่าไรนักเพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาของภคพลที่เอาแต่จับจ้องเธอตลอดเวลาก็ว่าได้ในส่วนของภคพลเมื่อได้รู้จากคนในงานว่าเด็กหญิงตัวกลมวัยสองขวบที่หน้าตาออกไปทางลูกครึ่งนั้นเป็นลูกสาวของพราวพิ้งค์เขาก็ยิ่งเกิดความสงสัยเพราะมองยังไงหน้าตาของเจ้าก้อนกลมที่วิ่งเล่นหัวเราะร่าอยู่ในงานหน้าตาเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ดีจ่ะ..”ยัยหนูพลอยขวัญวิ่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้านจนเหนื่อยแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าภคพลยกมือป้อมสวัสดีคนตรงหน้าตามมารยาทที่คนเป็นแม่ได้สอน ชายหนุ่มหลี่ตามองเด็กหญิงที่ยืนเงยหน้ามองเขาตาแป๋วยิ่งมองใกล้เท่าไรยิ่งมั่นใจว่าอย่างไรเด็กคนนี้ก็ต้องมีเชื้อต่างชาติด้วยเพราะตาสีฟ้าเช่นเดียวกับเขาสีผมก็ยังเหมือนกันอีกด้วย“ไง..เจ้าแก้มย้วย”ภคพลย่อตัวลงยื่นมือหนาลูบพวงแก้มย้วยๆทั้งมองเด็กหญิงด้วยท่าทีเอ็นดูลึกๆแล้วยังมั่นใจว่าอย่างไรเด็กหญิงตรงหน้าคงเป็นลูกของตนแต่ก็ต้องถามกับพราวพิ้งค์ให้แน่ใจเสียก่อนว่าเธอจะตอบเขาว่าอย่างไร“อุ้ม..”ยัยหนูพลอยขวัญทิ้งก้นนั่งลงกับพื้นพร้อมยื่นแขนออกสองข้างหมายจะให้คนตรงหน้าอุ้มเพราะวิ่งจนเหนื่อยมากแล้ว“หมดแรงวิ่งแล้วเหรอ”