Share

ตอนที่35 ปากไม่ตรงกับใจ

“ก็อยากดูแลไม่ใช่หรือไง”

ดวงตาคมจ้องมองยังใบหน้าที่บึ้งตึงของหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทั้งยังส่งน้ำเสียงยียวนกวนประสาทเธอตลอดเวลาทำพราวพิ้งค์หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเห็นท่าแล้วว่าภคพลคงจะอยากเล่นสงครามประสาทกับเธอเพราะเห็นว่าเธอดูแลเข้าหน่อยก็ใช้สารพัด

“เจ้านายของนายเค้าปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไรเลย”

ณดลมองดูภคพลและพราวพิ้งค์ผ่านประตูกระจกด้านนอกกับก้องภพเขาดูออกว่าเพื่อนตนนั้นไม่ได้อยากจะไล่พราวพิ้งค์ไปจริงๆที่ทำไปเพียงเพราะโกรธเคืองเรื่องเธอหนีไปก็เท่านั้น

“ครับ”

ก้องภพเปรยสายตามองไปยังคนในห้องก็อมยิ้มอ่อนรู้ว่าจิตใจของนายเขาซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่พอสมควรและที่หายวันหายคืนเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมีคนที่ตัวเองเอ่ยปากไล่มาอยู่ดูแลทุกวันนั่นเอง

Rrrrr

“ฉันขอตัวเดี๋ยวนะคะ”

พราวพิ้งค์เห็นสายคีรินเข้ามาเธอก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ทันที่จะป้อนข้าวให้ภคพลเสร็จ

“ค่ะคุณคีริน”

หญิงสาวกดรับสายคุยกับคนที่โทรมาหาขณะที่กำลังจะเดินถึงประตูหลังจากนั้นก็เดินหายเงียบออกไปข้างนอก

“คีริน”

ภคพลขมวดคิ้วมองตามหลังร่างบางไม่วางตาเขารู้ว่าไม่เคยรู้จักคนๆนี้แต่ทำไมคุ้นกับชื่อคีรินที่หญิงสาวเอ่ยเรียกปลายสายแปลกๆ

“ค่ะ..อย่างนั้นเหรอคะ..แล้วฉันจะลองคุยกับจันทร์ให้นะคะ”

พราวพิ้งค์ออกมาคุยกับคีรินครู่หนึ่งก็รับปากเรื่องที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขอร้องเรียบร้อยเธอจึงวางสายได้สีหน้าของพราวพิ้งค์ค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องของฟองจันทร์ขึ้นมาอีกเรื่องแล้ว

เพราะฟังจากคีรินว่าฟองจันทร์ขอไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพคนเดียวเพื่อทำงานเป็นแอร์โฮสเตสเธอไม่ได้อยากจะทำลายความต้องการของฟองจันทร์แต่เธอเชื่อว่าต้องมีอะไรผิดปกติเพราะฟองจันทร์เป็นคนพูดกับเธอเองว่ารักบ้านเกิดมากและหลังจากเรียนจบเธอก็จะทำงานที่บ้านเกิดไม่ยอมไปไหนเด็ดขาดไหนตอนนี้กลับอยากจะไปอยู่ที่อื่นเสียได้

ทางด้านภคพลเขาให้ก้องภพพานั่งรถเข็นอัตโนมัติออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศหลังจากที่พราวพิ้งค์ออกไปคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนาน

โรงพยาบาลของณดลดีอย่างที่แยกพื้นที่ส่วนตัวของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดียิ่งชั้นวีไอพีก็จะไม่มีใครสามารถมายุ่งเกี่ยวกับผู้ป่วยได้หากไม่ใช่ญาติภคพลจึงกล้าที่จะออกมารับลมด้านนอกในสภาพที่ป่วยได้อย่างไม่เคอะเขิน

“เมื่อไรฉันจะหายสักทีเบื่อการอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาลจะแย่แล้ว...”

เมื่อมานั่งมองวิวพระอาทิตย์กำลังจะตกคนที่ชอบการสังสรรค์อย่างภคพลก็อยากจะออกจากโรงพยาบาลจะแย่วันๆเอาแต่นอนมองเพดานอยากจะดื่มอยากจะเที่ยวแต่ก็ทำไม่ได้

“แต่อาการของคุณพอลก็ดีวันดีคืนนะครับอีกไม่นานคงได้กลับบ้านได้”

ก้องภพพยายามให้กำลังใจเจ้านายของตนรู้ดีว่าไม่นานนายของเขาคงได้กลับบ้านเพราะมีพยาบาลที่แสนดีคอยดูแลไม่ห่างอยู่เช่นนี้

“ฉันหิวน้ำ”

“รอผมสักครู่นะครับ”

หลังจากก้องภพให้หลังไปแล้วภคพลก็รีบบังคับรถเข็นอัตโนมัติตามหลังพราวพิ้งค์ไปขณะที่เธอกำลังเดินคุยโทรศัพท์เมื่อครู่เขาไม่ได้หิวน้ำสักนิดแต่ไม่อยากทำให้ใครรู้ว่าตัวเองกำลังสนใจพฤติกรรมทุกอย่างของหญิงสาวต่างหาก

“อืม..มีอะไรก็โทรหาพี่นะจันทร์...ตอนนี้พี่กับยัยหนูสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง...จันทร์ก็ดูแลตัวเองดีๆตัดสินใจให้ดีอีกครั้งว่าจะเอายังไง..”

เสียงของพราวพิ้งค์ที่คุยกับปลายสายภคพลฟังได้ไม่ชัดเท่าไรเพราะเขาแอบอยู่หลังกำแพงที่ไม่ได้ใกล้หญิงสาวเท่าไรแต่คำที่ทำให้เขามีภาพมากมายเข้ามาในหัวก็เห็นจะเป็นคำว่ายัยหนูที่พราวพิ้งค์เอ่ยพูดกับคนที่กำลังคุยอยู่ด้วย

“ยัยหนู..”

คิ้วเข้มเริ่มขมวดติดกันผูกโบว์..ภาพสลับซับซ้อนของเด็กหญิงตัวกลมที่กำลังวิ่งมาหาเขาแล่นเข้ามาในหัวไม่หยุดจนอาการปวดหัวเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

“อ..โอ้ยย..”

“คุณพอล”

ก้องภพที่กำลังเดินตามหาเจ้านายของตนหลังจากไปหาน้ำมาหนึ่งขวดเขารีบเข้ามาประครองตัวของภคพลที่กำลังจะหล่นจากรถเข็นเอาไว้ด้วยท่าทีที่ตกใจ

“คุณพอล..พาคุณพอลไปที่ห้องค่ะฉันจะรีบโทรเรียกหมอเหนือนะคะ”

พราวพิ้งค์รีบเดินมาดูตามเสียงร้องเมื่อเห็นว่าเป็นภคพลที่กำลังอยู่ในอาการไม่ดีนักจึงรีบต่อสายหาณดลทันที

ไม่นานนักณดลกับพยาบาลกรูกันเข้ามาดูอาการภคพลในห้องกันอย่างเคร่งเครียดเพราะภคพลปวดหัวจนสลบไปส่วนพราวพิ้งค์และก้องภพก็ออกมารอด้านนอกกันด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะดีนักเพราะเป็นห่วงอาการของภคพลพอสมควร

“ทำไมคุณพอลเป็นแบบนั้นได้คะ”

พราวพิ้งค์หันมาถามก้องภพเรื่องเหตุการณ์เมื่อครู่

“ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณพอลให้ผมพาออกมารับลมข้างนอกแล้วก็บอกว่าหิวน้ำพอผมไปเอาน้ำกลับมาก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว”

ก้องภพส่ายหัวเขาไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆเจ้านายตนถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ทั้งที่ก็ห่างสายตาของเขาไปเพียงไม่กี่นาที

ไร่เพียงกมล

หลังจากที่ฟองจันทร์คุยกับพราวพิ้งค์ทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วเธอก็ได้รู้ว่าคีรินไม่อยากให้เธอไปทำงานที่กรุงเทพจนต้องโทรไปหาพราวพิ้งค์ให้ช่วยพูดกับเธออีกทาง

“พี่คีไม่อยากให้จันทร์ไปทำงานที่อื่นทำไมไม่พูดกับจันทร์ตรงๆล่ะคะ”

ฟองจันทร์เดินเข้ามาหาคีรินในห้องทำงานเธอหย่อนก้นลงนั่งตรงหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ

“พี่ไม่ได้ไม่อยากให้จันทร์ไป..แต่พี่คิดไปคิดมาพี่อยากให้จันทร์ลองคิดอีกครั้งว่าจะไปจริงๆหรือเปล่า..เพราะพี่เองก็เป็นห่วงจันทร์มาก”

สิ้นคำพูดของคีรินฟองจันทร์เงียบไปครู่หนึ่งเธอคิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่าคำว่าเป็นห่วงเสียอีก

“พี่คีเป็นห่วงจันทร์..จันทร์เข้าใจค่ะ..แต่..จันทร์ก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว..”

หากชายหนุ่มไม่อยากให้เธอไปอยู่ที่อื่นเพียงเพราะคำว่าเป็นห่วงเธอก็จะตอบให้เขานั้นสบายใจได้ว่าเธอโตพอที่จะดูแลตัวเองและอยากให้เขาตัดความกังวลนี้ออกไป

“ก็..เอาเป็นว่าพี่ห่วงเรามากเกินไปพี่ขอโทษแล้วกันที่วุ่นวายกับเรื่องของจันทร์”

คีรินเริ่มหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองคงเจ้ากี้เจ้าการกับฟองจันทร์จนเธอเริ่มอึดอัด

“ไม่ต้องขอโทษจันทร์หรอกค่ะจันทร์เข้าใจ..จันทร์ขอตัวนะคะ”

ฟองจันทร์ว่าจบก็เดินคอตกกลับไปโมโหตัวเองที่หวังอะไรลมๆแล้งๆว่าเขาจะยื้อให้เธออยู่ที่นี่เพราะเหตุผลอื่นนอกจากคำว่าเป็นห่วงแต่ไม่เลยเธอก็ยังเป็นเพียงน้องสาวในสายตาของคีรินอยู่วันยังค่ำ

วันนี้ที่เธอได้คุยกับพราวพิ้วค์เธอได้สารภาพไปหมดเปลือกแล้วว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องที่เธอต้องการไปทำงานที่อื่นเพราะอะไรและพราวพิ้งค์เองก็ให้เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะเอาอย่างไรโดยไม่ได้บังคับฝืนใจเธอแม้แต่น้อย และเธอก็ได้คำตอบแล้วว่าการที่อยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่จะทำร้ายหัวใจตัวเองเปล่าๆ

“เฮ้อ..”

คีรินนั่งหลับตาทิ้งตัวพิงกับเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรงเขาไม่อยากให้ฟองจันทร์ไปที่อื่นไม่ใช่แค่เป็นห่วงแต่เพราะเขารู้สึกหวงเธอร่วมด้วยต่างหาก ด้วยวันเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้เขารู้ว่าคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดคือฟองจันทร์เธอทำให้เขายิ้มได้เสมอแม้นเมื่อเจอเรื่องทุกข์เพียงใด..แต่ก็ใจไม่กล้าพอที่จะยื้อเธอไว้ด้วยเหตุผลอื่นนอกจากคำที่พูดได้แค่เป็นห่วง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status