“ก็อยากดูแลไม่ใช่หรือไง”
ดวงตาคมจ้องมองยังใบหน้าที่บึ้งตึงของหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทั้งยังส่งน้ำเสียงยียวนกวนประสาทเธอตลอดเวลาทำพราวพิ้งค์หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเห็นท่าแล้วว่าภคพลคงจะอยากเล่นสงครามประสาทกับเธอเพราะเห็นว่าเธอดูแลเข้าหน่อยก็ใช้สารพัด
“เจ้านายของนายเค้าปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไรเลย”
ณดลมองดูภคพลและพราวพิ้งค์ผ่านประตูกระจกด้านนอกกับก้องภพเขาดูออกว่าเพื่อนตนนั้นไม่ได้อยากจะไล่พราวพิ้งค์ไปจริงๆที่ทำไปเพียงเพราะโกรธเคืองเรื่องเธอหนีไปก็เท่านั้น
“ครับ”
ก้องภพเปรยสายตามองไปยังคนในห้องก็อมยิ้มอ่อนรู้ว่าจิตใจของนายเขาซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่พอสมควรและที่หายวันหายคืนเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมีคนที่ตัวเองเอ่ยปากไล่มาอยู่ดูแลทุกวันนั่นเอง
Rrrrr
“ฉันขอตัวเดี๋ยวนะคะ”
พราวพิ้งค์เห็นสายคีรินเข้ามาเธอก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ทันที่จะป้อนข้าวให้ภคพลเสร็จ
“ค่ะคุณคีริน”
หญิงสาวกดรับสายคุยกับคนที่โทรมาหาขณะที่กำลังจะเดินถึงประตูหลังจากนั้นก็เดินหายเงียบออกไปข้างนอก
“คีริน”
ภคพลขมวดคิ้วมองตามหลังร่างบางไม่วางตาเขารู้ว่าไม่เคยรู้จักคนๆนี้แต่ทำไมคุ้นกับชื่อคีรินที่หญิงสาวเอ่ยเรียกปลายสายแปลกๆ
“ค่ะ..อย่างนั้นเหรอคะ..แล้วฉันจะลองคุยกับจันทร์ให้นะคะ”
พราวพิ้งค์ออกมาคุยกับคีรินครู่หนึ่งก็รับปากเรื่องที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขอร้องเรียบร้อยเธอจึงวางสายได้สีหน้าของพราวพิ้งค์ค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องของฟองจันทร์ขึ้นมาอีกเรื่องแล้ว
เพราะฟังจากคีรินว่าฟองจันทร์ขอไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพคนเดียวเพื่อทำงานเป็นแอร์โฮสเตสเธอไม่ได้อยากจะทำลายความต้องการของฟองจันทร์แต่เธอเชื่อว่าต้องมีอะไรผิดปกติเพราะฟองจันทร์เป็นคนพูดกับเธอเองว่ารักบ้านเกิดมากและหลังจากเรียนจบเธอก็จะทำงานที่บ้านเกิดไม่ยอมไปไหนเด็ดขาดไหนตอนนี้กลับอยากจะไปอยู่ที่อื่นเสียได้
ทางด้านภคพลเขาให้ก้องภพพานั่งรถเข็นอัตโนมัติออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศหลังจากที่พราวพิ้งค์ออกไปคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนาน
โรงพยาบาลของณดลดีอย่างที่แยกพื้นที่ส่วนตัวของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดียิ่งชั้นวีไอพีก็จะไม่มีใครสามารถมายุ่งเกี่ยวกับผู้ป่วยได้หากไม่ใช่ญาติภคพลจึงกล้าที่จะออกมารับลมด้านนอกในสภาพที่ป่วยได้อย่างไม่เคอะเขิน
“เมื่อไรฉันจะหายสักทีเบื่อการอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาลจะแย่แล้ว...”
เมื่อมานั่งมองวิวพระอาทิตย์กำลังจะตกคนที่ชอบการสังสรรค์อย่างภคพลก็อยากจะออกจากโรงพยาบาลจะแย่วันๆเอาแต่นอนมองเพดานอยากจะดื่มอยากจะเที่ยวแต่ก็ทำไม่ได้
“แต่อาการของคุณพอลก็ดีวันดีคืนนะครับอีกไม่นานคงได้กลับบ้านได้”
ก้องภพพยายามให้กำลังใจเจ้านายของตนรู้ดีว่าไม่นานนายของเขาคงได้กลับบ้านเพราะมีพยาบาลที่แสนดีคอยดูแลไม่ห่างอยู่เช่นนี้
“ฉันหิวน้ำ”
“รอผมสักครู่นะครับ”
หลังจากก้องภพให้หลังไปแล้วภคพลก็รีบบังคับรถเข็นอัตโนมัติตามหลังพราวพิ้งค์ไปขณะที่เธอกำลังเดินคุยโทรศัพท์เมื่อครู่เขาไม่ได้หิวน้ำสักนิดแต่ไม่อยากทำให้ใครรู้ว่าตัวเองกำลังสนใจพฤติกรรมทุกอย่างของหญิงสาวต่างหาก
“อืม..มีอะไรก็โทรหาพี่นะจันทร์...ตอนนี้พี่กับยัยหนูสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง...จันทร์ก็ดูแลตัวเองดีๆตัดสินใจให้ดีอีกครั้งว่าจะเอายังไง..”
เสียงของพราวพิ้งค์ที่คุยกับปลายสายภคพลฟังได้ไม่ชัดเท่าไรเพราะเขาแอบอยู่หลังกำแพงที่ไม่ได้ใกล้หญิงสาวเท่าไรแต่คำที่ทำให้เขามีภาพมากมายเข้ามาในหัวก็เห็นจะเป็นคำว่ายัยหนูที่พราวพิ้งค์เอ่ยพูดกับคนที่กำลังคุยอยู่ด้วย
“ยัยหนู..”
คิ้วเข้มเริ่มขมวดติดกันผูกโบว์..ภาพสลับซับซ้อนของเด็กหญิงตัวกลมที่กำลังวิ่งมาหาเขาแล่นเข้ามาในหัวไม่หยุดจนอาการปวดหัวเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
“อ..โอ้ยย..”
“คุณพอล”
ก้องภพที่กำลังเดินตามหาเจ้านายของตนหลังจากไปหาน้ำมาหนึ่งขวดเขารีบเข้ามาประครองตัวของภคพลที่กำลังจะหล่นจากรถเข็นเอาไว้ด้วยท่าทีที่ตกใจ
“คุณพอล..พาคุณพอลไปที่ห้องค่ะฉันจะรีบโทรเรียกหมอเหนือนะคะ”
พราวพิ้งค์รีบเดินมาดูตามเสียงร้องเมื่อเห็นว่าเป็นภคพลที่กำลังอยู่ในอาการไม่ดีนักจึงรีบต่อสายหาณดลทันที
ไม่นานนักณดลกับพยาบาลกรูกันเข้ามาดูอาการภคพลในห้องกันอย่างเคร่งเครียดเพราะภคพลปวดหัวจนสลบไปส่วนพราวพิ้งค์และก้องภพก็ออกมารอด้านนอกกันด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะดีนักเพราะเป็นห่วงอาการของภคพลพอสมควร
“ทำไมคุณพอลเป็นแบบนั้นได้คะ”
พราวพิ้งค์หันมาถามก้องภพเรื่องเหตุการณ์เมื่อครู่
“ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณพอลให้ผมพาออกมารับลมข้างนอกแล้วก็บอกว่าหิวน้ำพอผมไปเอาน้ำกลับมาก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว”
ก้องภพส่ายหัวเขาไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆเจ้านายตนถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ทั้งที่ก็ห่างสายตาของเขาไปเพียงไม่กี่นาที
ไร่เพียงกมล
หลังจากที่ฟองจันทร์คุยกับพราวพิ้งค์ทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วเธอก็ได้รู้ว่าคีรินไม่อยากให้เธอไปทำงานที่กรุงเทพจนต้องโทรไปหาพราวพิ้งค์ให้ช่วยพูดกับเธออีกทาง
“พี่คีไม่อยากให้จันทร์ไปทำงานที่อื่นทำไมไม่พูดกับจันทร์ตรงๆล่ะคะ”
ฟองจันทร์เดินเข้ามาหาคีรินในห้องทำงานเธอหย่อนก้นลงนั่งตรงหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ
“พี่ไม่ได้ไม่อยากให้จันทร์ไป..แต่พี่คิดไปคิดมาพี่อยากให้จันทร์ลองคิดอีกครั้งว่าจะไปจริงๆหรือเปล่า..เพราะพี่เองก็เป็นห่วงจันทร์มาก”
สิ้นคำพูดของคีรินฟองจันทร์เงียบไปครู่หนึ่งเธอคิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่าคำว่าเป็นห่วงเสียอีก
“พี่คีเป็นห่วงจันทร์..จันทร์เข้าใจค่ะ..แต่..จันทร์ก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว..”
หากชายหนุ่มไม่อยากให้เธอไปอยู่ที่อื่นเพียงเพราะคำว่าเป็นห่วงเธอก็จะตอบให้เขานั้นสบายใจได้ว่าเธอโตพอที่จะดูแลตัวเองและอยากให้เขาตัดความกังวลนี้ออกไป
“ก็..เอาเป็นว่าพี่ห่วงเรามากเกินไปพี่ขอโทษแล้วกันที่วุ่นวายกับเรื่องของจันทร์”
คีรินเริ่มหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองคงเจ้ากี้เจ้าการกับฟองจันทร์จนเธอเริ่มอึดอัด
“ไม่ต้องขอโทษจันทร์หรอกค่ะจันทร์เข้าใจ..จันทร์ขอตัวนะคะ”
ฟองจันทร์ว่าจบก็เดินคอตกกลับไปโมโหตัวเองที่หวังอะไรลมๆแล้งๆว่าเขาจะยื้อให้เธออยู่ที่นี่เพราะเหตุผลอื่นนอกจากคำว่าเป็นห่วงแต่ไม่เลยเธอก็ยังเป็นเพียงน้องสาวในสายตาของคีรินอยู่วันยังค่ำ
วันนี้ที่เธอได้คุยกับพราวพิ้วค์เธอได้สารภาพไปหมดเปลือกแล้วว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องที่เธอต้องการไปทำงานที่อื่นเพราะอะไรและพราวพิ้งค์เองก็ให้เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะเอาอย่างไรโดยไม่ได้บังคับฝืนใจเธอแม้แต่น้อย และเธอก็ได้คำตอบแล้วว่าการที่อยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่จะทำร้ายหัวใจตัวเองเปล่าๆ
“เฮ้อ..”
คีรินนั่งหลับตาทิ้งตัวพิงกับเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรงเขาไม่อยากให้ฟองจันทร์ไปที่อื่นไม่ใช่แค่เป็นห่วงแต่เพราะเขารู้สึกหวงเธอร่วมด้วยต่างหาก ด้วยวันเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้เขารู้ว่าคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดคือฟองจันทร์เธอทำให้เขายิ้มได้เสมอแม้นเมื่อเจอเรื่องทุกข์เพียงใด..แต่ก็ใจไม่กล้าพอที่จะยื้อเธอไว้ด้วยเหตุผลอื่นนอกจากคำที่พูดได้แค่เป็นห่วง
วันต่อมาพราวพิ้งค์ใจเสียตั้งแต่เมื่อวานยังไม่หายเพราะจนป่านนี้แล้วภคพลก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา“เมื่อไรคุณจะตื่นมาคะ..คุณจะไล่ฉันต่อว่าฉันอีกกี่คำก็ได้ขอแค่ตื่นมาได้ไหม”สาวเจ้านั่งเอ่ยเสียงอู้อี้อยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มพรางยกมือปาดน้ำตาลวกๆ“อืม..”ขณะที่พราวพิ้งค์นั่งหน้าหน้าเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่ภคพลก็มีทีท่าว่าจะขยับตัวตื่น“คุณพอล”มือเรียวรีบกดเรียกพยาบาลทันทีที่เห็นว่าภคพลลืมตาไม่นานนักณดลและพยาบาลผู้ช่วยอีกหนึ่งคนก็เข้ามาในห้องพราวพิ้งค์จึงหลบไปนั่งมุมห้องเงียบๆขณะที่หมอหนุ่มกำลังลงมือตรวจอาการภคพล“จำได้หรือเปล่าว่าก่อนปวดหัวเกิดอะไรขึ้น..”ณดลเริ่มถามคนที่มีอาการสะลึมสะลือภคพลยังคงเงียบเขาเปรยสายตาไปยังหญิงสาวที่นั่งใจจดใจจ่อจ้องมองมายังตัวเองอยู่ที่มุมห้องก่อนจะเงยหน้าส่ายหัวกับณดล“..ไม่รู้ฉันจำไม่ได้”“แล้วตอนนี้ยังมีอาการปวดหัวอยู่หรือเปล่า”“ไม่..ฉันโอเค.. ขอพักผ่อนก่อน”ท่าทีของภคพลดูเหนื่อยอ่อยเป็นพิเศษณดลจึงไม่ได้เค้นถามอะไรเพื่อนตนมากเมื่อไม่มีอาการปวดหัวภคพลก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไร“อีกสี่ชั่วโมงฉันจะมาดูนายอีกรอบ”“อืม..”“ฉันขออยู่เฝ้านะคะจะอยู่เงียบๆ”พราวพิ้งค์ไม
วันต่อมาพราวพิ้งค์มาถึงโรงพยาบาลในช่วงเช้าเธอต้องตกใจเมื่อเห็นแคทเธอรีนกำลังจะเดินเข้าไปในห้องของภคพลจึงรีบรั้งตัวหญิงสาวเอาไว่ก่อน“คุณมาที่นี่ทำไมคะ”“พอลโทรให้ฉันมาหาบอกว่าอยากให้ฉันมาดูแล”แคทเธอรีนตอบกลับพราวพิ้งค์หน้าระรื่น“งั้นก็กลับไปเถอะค่ะ..เพราะหน้าที่นี้เป็นของฉันค่ะ”“ไม่กลับค่ะ..ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณเป็นอะไรกับพอลแต่ในเมื่อพอลเลือกที่จะให้ฉันมาดูแลคุณนั่นแหละที่ต้องกลับ”แคทเธอรีนว่าจบก็เปิดประตูเข้าห้องภคพลไปโดยมีพราวพิ้งค์ตามหลังเข้ามาติดๆ“ฉันมาแล้วค่ะพอล”แคทเธอรีนเอ่ยทักทายภคพลที่กำลังนั่งเลื่อนมือถืออยู่บนเตียงเสียงใส“ฉันบอกแล้วไงคะว่าคนที่จะดูแลคุณได้คือพยาบาลที่นี่”พราวพิ้งค์ค่อนข้างมีท่าทีเดือดดาลพอสมควรดวงตากลมโตจ้องมองภคพลเขม็งอย่างไม่วางตา“ก็ผมต้องการให้แคทมาดูแลคุณมีปัญหาอะไรอยากจะพักผ่อนผมก็ให้โอกาสคุณได้พักแล้วไง”“บอกให้เธอกลับไปเดี๋ยวนี้”“ไม่..”ภคพลตวัดหางตาคมมองหญิงสาวด้วยสายตากวนประสาท“ได้..เดี๋ยวได้รู้กัน”พราวพิ้งค์เดินกัดฟันกรอดออกนอกห้องไปไม่นานนักเหล่าชายฉกรรจ์คนของภูริชสามสี่คนก็เข้ามาลากตัวของแคทเธอรีนกลับไปส่งที่อยู่ของเธอครู่ต่อมา“
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปร่วมอาทิตย์ที่สามพราวพิ้งค์ก็ยังไม่มีทีท่าใจอ่อนคุยกับภคพลง่ายๆจนทุกคนต่างก็เห็นใจชายหนุ่มพอสมควรในตอนนี้ภูริชก็เข้ามาพักฟื้นที่บ้านของแดนไทยยัยหนูพลอยขวัญที่ปู่ไปรับมาทุกวันจึงทำให้ภคพลนั้นได้อยู่กับลูกนานๆบ้างนับว่าความสุขนี้ได้จากบารมีของคนเป็นพ่อล้วนๆ“งานหินเลยสิ..”ภูริชหันมาถามภคพลที่กำลังนั่งมองลูกสาวตัวกลมนั่งทานขนมไม่วางตา“หินจริงๆครับคุณพ่อ”ภคพลหันมาพยักหน้ากับคนเป็นพ่อหน้าเจื่อน“ทีหลังจะเล่นอีกหรือเปล่า”“เข็ดแล้วครับ”“ฮ่าๆๆ..”ภูริชหัวเราะร่าเมื่อเห็นพราวพิ้งค์จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ลูกชายจอมเอาแต่ใจของเขาใจเสียได้นานขนาดนี้เช้าวันต่อมาพราวพิ้งค์ไปส่งยัยหนูให้ภูริชที่บ้านของแดนไทยเรียบร้อยเธอจึงขับรถมาที่ไร่เพียงกมลเพื่อมาหาฟองจันทร์ด้วยรู้ว่าหญิงสาวจะไปจากที่นี่เพื่อไปทำงานที่กรุงเทพในอีกวันสองวันที่จะถึง“เลือกทางนี้จริงๆใช่ไหม”พราวพิ้งค์มาที่นี่เพื่อคุยกับฟองจันทร์ให้แน่ใจว่าสิ่งที่หญิงสาวเลือกนั้นตรงกับใจที่ต้องการจริงๆหรือเปล่า“จันทร์ว่าจันทร์ขอออกไปอยู่คนเดียวก่อนดีกว่าค่ะ... แล้วค่อยคิดดูว่าตอนนั้นจะอยู่ได้หรือเปล่า”ฟองจันทร์เงียบค
ครื่นน... ซ่าาาา....ค่ำคืนที่พายุโหมกระหน่ำซัดสาดกับหลังคาบ้านริมรักหลังเล็กจนเกิดเสียงดังลมห่าใหญ่ก็พัดแรงไม่ยอมหยุดจนพราวพิ้งค์หญิงสาวในชุดนอนสีหวานนั้นนอนไม่หลับด้วยห่วงกลัวว่าต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านจะโค่นลงมาทับบ้านหลังเล็กของเธอ“ทำไมลมแรงแบบนี้นะ”มือเรียวแหวกม่านสีครีมมองลอดผ่านหน้าต่างบานกระจกออกไปยังข้างนอกบ้านด้วยสีหน้ากังวลเปรี้ยงง.. “ว้ายย..”สาวเจ้าสะดุ้งโหยงกรีดร้องเสียงดังเมื่อจู่ๆอัสนีบนฟากฟ้าก็ฟาดลงมาเสียงดังกระหึ่มจนบ้านสั่นไปทั้งหลัง“แอะ...แอ้...”เสียงของยัยหนูตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลส่งเสียงงอแงเพราะความตกใจเสียงฟ้าจนตื่นคนเป็นแม่จึงรีบเดินห่างออกจากบานหน้าต่างปรี่เข้ามาอุ้มลูกสาวมากอดไว้ในอ้อมอก“ชู่ว...ไม่เป็นอะไรนะคะ..แม่อยู่นี่แล้วน้าคนเก่ง”“แอ้..แง่..แง่..”ยัยหนูแก้มย้วยวัยสองขวบยังคงร้องให้ไม่คิดผ่อนจนคนเป็นแม่ต้องรีบเปิดฝาขวดนมให้คนที่กำลังงอแงได้กินนมเสียงร้องจึงสงบลงได้มือเรียวขยับตบก้นลูกสาวเบาๆขณะที่เจ้าแก้มย้วยกำลังง่วนอยู่กับการกินนมเพื่อเป็นการกล่อมให้หลับพราวพิ้งค์เปรยสายตามองลูกสาวที่อยู่ในอ้อมอกพรางนึกถึงคนที่เป็นพ่อของลูกด้วยใบหน้าของลูกสาวไม่มีส
“ฉันอยากกลับบ้าน...นายจะให้ฉันอยู่ที่นี่เพื่ออะไรฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้วแผลแค่นี้ฉันรักษาเองได้”ภคพลเปรยสายตามองณดลด้วยความระอารู้ได้เลยว่าเพื่อนตนต้องมาบังคับให้ทานอาหารอีกแน่ที่เขาไม่มีกะใจทำอะไรตอนนี้ก็เป็นเพราะไม่อยากจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล“ฉันรู้ว่านายเก่ง..แต่ฉันก็รู้อีกว่าถ้านายกลับไปนายจะไม่ยอมทำแผลไม่ยอมทานยาตามที่ฉันสั่งแล้วแผลนายก็จะติดเชื้ออาจจะทำให้นายป่วยตายได้เข้าใจใช่ไหม..อยู่โรงพยาบาลอีกสักวันสองวันจะเป็นไร”ณดลสาวเท้าเข้ามาข้างเตียงภคพลมือทั้งสองล้วงกระเป๋าก่อนจะสาธยายหยั่งรู้ถึงนิสัยของเพื่อนหากเขายอมปล่อยกลับบ้านจะเป็นเช่นไร“เฮ่อ..”คนที่ถูกบ่นได้แต่หลับตาถอนหายใจ“แล้วก็กินอาหารให้ตรงเวลาไม่เช่นนั้นฉันจะให้นายอยู่ที่นี่นานขึ้น...แล้วอย่าคิดหนีคนของฉันมีอยู่ทุกที่เข้าใจใช่หรือเปล่า”ณดลยกมือชี้หน้าภคพลเขาไม่ได้ขู่รู้ว่าเพื่อนตนรู้ดี“เฮ่อ..”คนป่วยถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบพรางมองเพื่อนรักที่เจ้ากี้เจ้าการด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เขาเคยหนีออกจากโรงพยาบาลมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ถูกคนของณดลลากกลับมาได้ทุกครั้งหมอหนุ่มเพื่อนของเขาคนนี้ก็ไม่ยอมรักษาใครที่อื่นนอกจากที่โรงพยาบาลของตั
“ยด..”เด็กหญิงตัวกลมก้าวขาป้อมรีบเดินเข้ามาหาคนเป็นแม่เมื่อเห็นว่ามีรถเก๋งคันสีขาวขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพราวพิ้งค์ยิ้มต้อนรับคนที่มาใหม่หน้าระรื่นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นปลายฝันว่าที่เจ้าสาวของพ่อเลี้ยงแดนไทยเพื่อนรักของเธอเอง“ไงจ๊ะ..เจ้าหมูอ้วนของน้าปลายมาให้น้าฟัดหน่อยเร็ว” ฟอดด ฟอดดปลายฝันหญิงสาวที่กำลังท้องโตหน้าตาจิ้มลิ้มเดินถือถุงกระดาษปรี่ตรงมาอุ้มหนูน้อยกอดหอมฟอดใหญ่คิดถึงไม่ได้เจอหน้าหลานสาวหลายวันเพราะต้องกลับไปเอาชุดแต่งงานที่กรุงเทพและอยู่กับครอบครัวต่อเป็นอาทิตย์“ที่ไร่ไม่ยุ่งแล้วหรือถึงปลีกตัวมาที่นี่ได้”“ไม่มีอะไรยุ่งแล้วล่ะที่จะวุ่นก็เห็นจะเป็นพรุ่งนี้เพราะต้องเตรียมตัวรับแขกที่บ้านฉันกับบ้านคุณแดน..เออ..วันนี้พ่อเลี้ยงคีรินฝากชุดมาให้”ปลายฝันชี้ไปที่ถุงกระดาษข้างตัวที่ถือมาตั้งแต่ลงจากรถ“ถ้าฉันไม่ใส่จะดูเสียมารยาทหรือเปล่า”พราวพิ้งค์ว่าด้วยท่าทีลำบากใจ“แน่นอน”ปลายฝันรีบพยักหน้าสายตาของเธอบ่งบอกว่าอยากให้เพื่อนเธอนั้นรับรักพ่อเลี้ยงคีรินเสียที“ทำยังไงพ่อเลี้ยงถึงจะเข้าใจว่าฉันไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าพี่น้อง”“พ่อเลี้ยงเค้าตามจีบเธอมาตั้งแต่เธอท้องยังไม่ยอมใจอ่อนก
“ขับมาจากตลาดจู่ๆก็ดับเฉยเลยค่ะ”พราวพิ้งค์โล่งใจที่ในสถานการณ์คับขันเธอยังมีคนรู้จักที่พอจะช่วยเหลือได้ผ่านมาแถวนี้พอดีสองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ข้างทางยังคงช่วยกันดูว่าเหตุที่รถเสียนั้นเกิดจากอะไรโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีสายตาของใครบางคนมองจับจ้องผ่านกระจกรถยนต์คันหรูอยู่ไม่วางเป็นภคพลที่มองร่างบางด้วยสายตานิ่งเฉยอย่างที่ใครก็คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ว่าตอนนี้เขานั้นคิดอะไรอยู่เมื่อได้เจอกับหญิงสาวที่หายหน้าจากเขาไปเกือบสามปีชายหนุ่มค่อยๆผ่อนคันเร่งขับชะลอผ่านไปแล้วดูหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีชมพูหวานที่กระจกข้างอีกรอบจนแน่ใจว่าเมื่อครู่มองไม่ผิดเธอคือพราวพิ้งค์คนที่เห็นว่าเขาหมดประโยชน์แล้วก็รีบตีจากความรู้สึกข้างในตอนนี้ประสมปนเปกันไปหมดไม่รู้ว่าตัวเองจะดีใจหรือคับแค้นใจที่ได้เห็นร่างบางที่คุ้นเคยนี้อีกครั้งทว่าสมองก็สั่งว่าอย่าพึ่งใส่ใจจึงรีบเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปที่ไของอาตนทันทีก่อนที่จะเย็นไปมากกว่านี้ครู่ต่อมาภคพลขับรถเข้ามาจอดที่บ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านไม้สักสไตล์โมเดิร์นตัวบ้านเป็นสองชั้นที่ชั้นล่างมีระเบียงชานบ้านกว้างรอบๆบริเวณบ้านจัดเป็นสนามหญ้ากว้างใหญ่ล้อมตัวบ้านหลังบ้านร่มรื่นด
“ไม่สนใจแต่ชวนเค้าทานข้าวเย็นด้วยกันนี่หมายความว่ายังไงน้า..”ปลายฝันเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับไปได้ก็ได้ทีเอ่ยหยอกเพื่อนเธอเสียงอ่อน“หมายความว่าเป็นคนมีมารยาทไงเค้าอุตส่าห์ช่วยมาส่งถึงที่แถมยังให้คนมาลากรถไปที่อู่อีก...แล้วนี่มิลินกับแพรวาจะมาถึงตอนไหน”พราวพิ้งค์ขมวดคิ้วส่ายหัวให้คนที่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักก่อนจะถามถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนที่บอกว่าจะมาถึงในวันนี้แต่เย็นแล้วก็ไม่ยักจะเห็น“อีกเดี๋ยวคงถึงแล้วล่ะ..ไปเดี๋ยวฉันไปช่วนทำกับข้าวในครัว”“ห้ามพูดเชียคุณคีรินอีกไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้หาช่างแต่งหน้ามาเองเลย”“โอ๋ๆ..แค่นี้ทำเป็นงอนไปได้”สองสาวคุยกันจบก็รีบสาวเท้าเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเย็นภคพลอยู่ในในชุดนอนสีเทายืนกอดอกพิงหน้าต่างช่วงกลางดึกดวงตาคมนัยน์ตาสีฟ้ายืนจ้องแหวนเพชรวงน้อยในมือไม่วางตา แหวนวงนี้ควรจะอยู่กับเจ้าของมันนานแล้วแต่ติดตรงที่เขานั้นไม่มีโอกาสได้ให้และคิดว่าคงจะเก็บตายไว้อย่างนี้เห็นจะดีแล้วก๊อกๆๆมือหนารีบเก็บแหวนวงเล็กเข้าในกระเป๋าก่อนะจะเดินดุ่มไปเปิดประตูหากเดาไม่ผิดคงจะเป็นพี่ชายของเขาที่น่าจะนอนไม่หลับเพราะแปลกที่เช่นเดียวกับที่เขานั้นเป็น“อย่าบอกว่านอนไม่หลับ