พราวพิ้งค์เสร็จจากธุระในห้องน้ำได้เธอก็รีบกลับเข้ามาในห้องนอนของภคพลหญิงสาวค่อนข้างเบาใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงที่ฟูกนอนข้างเตียงไปได้จะได้ไม่ต้องมีบทสนทนากันให้เธอรู้สึกอึดอัดหากมีบางคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบ
ครั้นเมื่อจะลงนอนบนเตียงข้างๆลูกสาวพราวพิ้งค์ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกลงมาจากเตียงอีกครั้งมานั่งลงวาดหลังมืออังหน้าผากของภคพลอีกรอบเพื่อดูว่าไข้ของเขาลดหรือยังหลังจากทานยาไปร่วมชั่วโมงแล้ว
หญิงสาวพอจะยกยิ้มมุมปากได้เพราะตัวของชายหนุ่มไม่ร้อนเท่าตอนที่เธอมาเจอคราแรกจึงหมายจะลุกกลับไปนอนบนเตียงแต่ร่างของเธอก็ถูกคนตัวโตรวบดึงไปนอนกอดเสียก่อน
“คุณพอล..ปล่อยค่ะ”
คิ้วบางได้รูปขมวดขึ้นผูกโบดวงตากลมโตจ้องมองค้อนใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากสายตาไม่ถึงคืบความเจ้าเล่ห์ของภคพลไม่มีใครเกินเลยจริงๆ
“ขอนอนกอดคุณไม่ได้หรือไงทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”
เสียงแหบพร่าก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลทั้งจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่วางตา
“นั่นมันอดีตค่ะ..ปล่อย”
พราวพิ้งค์ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรมากเพราะกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่นหากเป็นสถานการณ์อื่นภคพลคงถูกเธอดุเสียงแข็งไปแล้ว
“ไม่...หนีผมมาทำไม”
ชายหนุ่มยังรัดร่างบางแน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆคำถามนี้เป็นคำถามที่ภคพลคาใจมานานแต่ดูท่าพราวพิ้งค์นั้นยังไม่ยอมจะให้คำตอบเขาง่ายๆ
“ผมถามว่าหนีผมทำไม”
ภคพลเปลี่ยนจากกอดร่างของหญิงสาวแน่นเป็นวาดตัวคร่อมขึงตัวเธอเอาไว้แทน
“ก็..ฉันเรียนจบแล้วไม่จำเป็นต้องใช้เงินคุณอีกแล้ว”
พราวพิ้งค์ตอบชายหนุ่มที่ยังจ้องหน้าเธอไม่วางหญิงสาวยังหลบสายตาของภคพลเพราะกลัวว่าหากประชันสายตากับเขาอีกฝ่ายจะไม่เชื่อคำตอบของเธอ
“แต่กลับไปขายตัวให้คนอื่น..น่ะเหรอ”
ภคพลไม่พอใจกับคำตอบของหญิงสาวเพราะมันยิ่งย้ำว่าเขาคิดถูกที่เธอเห็นเขาหมดประโยชน์แล้วก็คิดตีจากทั้งที่ไม่เอ่ยคำร่ำลาแม้แต่คำเดียว
“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉันคุณจะยุ่งอะไรด้วย..ไม่มีฉันคุณก็ไม่ได้เดือดร้อนเพราะมีผู้หญิงคนอื่นคอยมาปรนเปรอคุณเสมออยู่แล้วนี่คะ”
“ไม่มี..ตั้งแต่คุณหนีไปผมก็ไม่มีใครอีกเลย”
ภคพลรีบสวนกลับเสียงแข็งพราวพิ้งค์รู้สึกประหม่าไปกับคำพูดของชายหนุ่มพอสมควรครานั้นก็บอกว่าเขาคิดถึงตอนนี้ยังมาบอกว่าไม่มีใครหลังจากเธอจากไปอีก
ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังนัยน์ตาคมอย่างอยากรู้ว่าที่เขาพูดมานั้นจริงแค่ไหนยังไม่ทันได้คิดอะไรสมองก็สั่งมาว่าอย่าพึ่งเชื่อคำพูดของเขาเพราะคนเจ้าเล่ห์อย่างชายหนุ่มทำเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ทุกอย่างไม่ว่าจะหว่านล้อมด้วยคำพูดหรือด้วยเงินที่เขามี
“ย..อื้อ..”
พราวพิ้งค์ที่ถูกจู่โจมบดจูบริมฝีปากบางเธอก็พยายามใช้สองมือเรียวดันใบหน้าคมให้พ้นออกไปจากใบหน้าของเธอ
“ดูท่าคุณคงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ..ฉันจะกลับบ้าน”
หญิงสาวพยายามจะชันตัวลุกหนีแต่ข้อมือน้อยก็ถูกจับกดเอาไว้ข้างตัวแน่นใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความไม่พอใจชายหนุ่มคิดในใจว่าไม่น่าหลวมตัวเป็นห่วงเขาจนต้องมาเปลืองตัวแบบนี้เลย
“มาถึงขนาดนี้คิดว่าผมจะให้คุณกลับหรือไง”
“อื้อ..”
ริมฝีปากบางของหญิงสาวถูกครอบครองโดยคนเอาแต่ใจอีกครั้งชายหนุ่มไม่เพียงดูดดึงปากเล็กแต่ยังพยายามสอดส่ายลิ้นร้ายเข้าไปยังโพรงปากนุ่มตวัดลิ้นฉกชิมความหวานทั้งดูดดึงลิ้นเรียวเล่นพักใหญ่จนร่างบางเริ่มเคลิบเคลิ้มตามอารมณ์ของเขาไปได้
พราวพิ้งค์นอนนิ่งมือไม้อ่อนตาปรือเยิ้มเกลียดความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมมันได้ด้วยสมองเมื่อรับสัมผัสร้อนรุ่มของชายหนุ่มทีไรตัวเธอเปรียบดั่งเทียนไขที่ละลายในเปลวไฟได้โดยง่ายและแล้วคืนนี้ร่างบางก็ถูกคนเอาแต่ใจขย้ำด้วยความโหยหาแทบทั้งคืนเหมือนคนที่ป่วยกำลังจะหายเพราะได้ยาดีส่วนคนดีๆก็จะป่วยเพราะถูกสูบแรงไปจนแทบหมด
ในเช้าที่บรรยากาศค่อนข้างแจ่มใสแสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องลอดผ่านช่องระหว่างหลังคาทำให้พราวพิ้งค์เริ่มขยับเปลือกตาตื่น
เมื่อเห็นว่าตัวเองสภาพเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ่าห่มผืนเดียวกับภคพลจึงรีบดึงเสื้อยืดสีเทาที่กองอยู่ข้างฟูกนอนมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
พราวพิ้งค์เห็นว่ายัยหนูพลอยขวัญที่นอนกลิ้งจนแทบจะตกเตียงยังไม่ตื่นจึงเขยิบเจ้าก้อนกลมกลับนอนตรงกลางเตียงและรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าค่อยๆเดินออกจากห้องนอนเอาของมาเก็บที่รถและจ้ำอ้าวเดินกลับไปที่กระท่อมเพื่อที่จะไปอุ้มลูกกลับบ้านก่อนที่ภคพลจะตื่นหรือจะมีใครมาที่นี่
ขณะที่หญิงสาวเดินจะถึงหน้ากระท่อมเสียงมอเตอไซต์ที่พราวพิ้งค์คุ้นหูก็ขับมาจอดไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นลำเพยแม่บ้านของแดนไทย
“หนูพิ้งค์นอนที่นี่เหรอ”
ลำเพยที่เอาข้าวเช้ามาส่งให้ภคพลตามที่สมหมายบอกเอาไว้เธอมาถึงได้ก็หูตาลุกวาวตั้งแต่เห็นรถของพราวพิ้งค์จอดที่หน้าปากทางเข้ากระท่อมริมธารแล้วยิ่งเข้ามาเจอหญิงสาวในสภาพที่น่าจะพึ่งตื่นนอนจึงมีท่าทีสงสัยกันเข้าไปใหญ่
“เอ่อ...เมื่อคืนคุณพอลไม่สบายไข้ขึ้นสูงพิ้งค์เลยต้องอยู่ดูแลค่ะ...แต่ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะยัยหนูก็อยู่ด้วย”
พราวพิ้งค์หลับตาปี๋ก่อนจะหันกลับหลังมาแสยะยิ้มอ่อนตอบกลับหญิงวัยกลางคนไป
“อ๋อ..ป้าเอาข้าวมาส่งคุณพอลน่ะ..”
“ค่ะ..”
พราวพิ้งค์เดินมาหยิบปิ่นโตที่ลำเพยยื่นส่งให้เธอแอบหลบสายตาลำเพยที่กำลังมองสำรวจร่างกายของเธอก่อนจะรีบสาวเท้าขึ้นไปบนกระท่อมทันที
“งั้นเดี๋ยวป้ากลับก่อนนะ”
ลำเพยมองตามหลังร่างบางด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มปานรับรู้ได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นที่นี่เพราะเสื้อที่พราวพิ่งค์ใส่ลำเพยดูออกว่ามันคือเสื้อผู้ชายแถมลำคอที่เรือนผมปิดไม่มิดยังเผยให้เห็นรอยแดงจนคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างลำเพยเดาอะไรได้ไม่ยาก
พราวพิ้งค์กลับมาอุ้มลูกกลับไปที่รถได้เธอก็รู้สึกเครียดพอสมควรเพราะรู้ได้เลยว่าเรื่องที่เธอมาค้างที่นี่กับภคพลจะต้องถูกลำเพยแพร่งพรายให้คนในไร่ได้รับรู้แน่
“เฮ่อ..แดงไปหมดเลย”
หลังจากกลับมาถึงบ้านได้สาวเจ้าก็ต้องมีสีหน้าห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิมเมื่อยืนดูสภาพตัวเองในห้องน้ำผ่านกระจกเนื้อตัวของเธอก็มีแต่รอยแดงจากการที่ภคพลได้ทำเอาไว้ทั้งลำคอเนินอกไปจนหน้าท้องน้อย
รู้ว่าได้เลยว่าเมื่อเช้าลำเพยต้องเห็นความผิดปกติที่ลำคอของเธอแน่จากที่เครียดอยู่แล้วก็ยิ่งทวีหนักขึ้นไปอีกเท่าตัวไม่รู้ว่าป่านนี้เรื่องของเธอจะถูกพูดถึงไปทางไหนบ้าง
ทางด้านในโรงอาหารที่ไร่ช่วงกลางวันผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องที่ลำเพยได้รับรู้มาบางคนที่สนใจเรื่องชาวบ้านก็จะพูดต่อปากต่อคำกันแต่บางคนที่สนใจแต่งานก็ทำเป็นไม่รับไม่รู้เรื่องของคนอื่นแต่เห็นประเภทไม่อยากรู้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นเพราะการติฉินนินทาของชาวบ้านชนบทเหมือนจะมองกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย“อยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยเหรอ”ลำเพยไม่เพียงแค่พูดในโรงอาหารเท่านั้นแต่รามมาถึงขณะที่มาทำความสะอาดที่สำนักงานไร่ด้วยจนสาวๆที่ทำงานอยู่ในสำนักงานต่างก็หูผึ่งตาโพรงไปตามๆกันเมื่อได้รับรู้เรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล“ก็ใช่น่ะสิแถมยังใส่เสื้อคุณพอลแค่ตัวเดียวด้วย.. สองคนนี้จุดติดกันไวเนอะ”ลำเพยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรพราวพิ้งค์และภคพลก็จะต้องมีสัมพันธ์กันในคืนที่ผ่านมา“ป้าเพยก็พูดไปพี่พิ้งค์แค่ช่วยดูแลคุณพอลเท่านั้น”ฟองจันทร์ที่ช่วยคนเป็นแม่เอากับข้าวมาให้คนในสำนักงานก็ถือวิสาสะโต้เถียงแทนพราวพิ้งค์เพราะเชื่อในตัวพี่สาวของเธอว่าไม่ทำตัวง่ายกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแน่นอน“เราน่ะจะไปรู้อะไรต้องคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างป้านี่..ดูปราดเดียวก็รู
“นี่ครับคุณพอลจดหมายมาถึงเมื่อกลางวัน”สมหมายยื่นซองสีน้ำตาลที่พึ่งมาส่งในสำนักงานเมื่อกลางวันให้ภคพลขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งรอเขามารับกลับบ้านที่แคร่ไม้ไผ่หน้าไร่องุ่นยามเย็น“ขอบคุณครับลุงสม”ภคพลรีบเปิดซองจดหมายดูทันทีเมื่อเห็นว่ามาจากณดลชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลในจดหมายได้เขาก็นั่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งจนสมหมายเริ่มตกใจกับท่าทีแปลกไปของภคพล“คุณพอล..มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ลุงสมไปส่งผมที่บ้านพิ้งค์หน่อยนะครับผมมีธุระจะคุยกับเธอ”“ครับ”สมหมายค่อนข้างสงสัยในพฤติกรรมของภคพลพอสมควรแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่ปากทางเข้าบ้านของพราวพิ้งค์ภคพลกำซองจดหมายแน่นก่อนจะรีบลงจากรถ“ลุงสมกลับได้เลยนะครับถ้าผมจะกลับเดี๋ยวให้พิ้งค์ไปส่ง”“ครับ”สมหมายขับรถออกไปได้ภคพลก็เดินดุ่มเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์ทันที“มีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่คะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะหน้าบ้านเมื่อออกมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าเป็นภคพลที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมายืนอยู่หน้าประตู“ดีจ้า..”เจ้าก้อนกลมเห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในบ้านก็ยกมือป้อมสวัสดีทั้งทัก
“ปี๋..เจื้อ..”เจ้าก้อนสาวขาป้อมวิ่งออกมาหน้าบ้านเข้าไปในดงดอกไม้ที่ผู้เป็นแม่ปลูกเอาไว้เพื่อไล่จับผีเสื้อหลากสีเช่นที่เคยเล่นทุกวันมือป้อมน้อยไล่บีบขยำอย่างคันไม้คันมือแต่ก็ไม่เคยจับผีเสื้อได้สักตัว“ปี๋เจื้อ..”เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจ้องตัวเองอยู่ไม่วางก่อนจะดึงมือชายหนุ่มให้ไปจับผีเสื้อช่วยเพราะรู้ดีว่าหากวิ่งจับเองคงจะเหนื่อยกว่าจะจับได้ภคพลอยากจะรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมมากอดหอมสักฟอดใหญ่ติดตรงที่เขายังไม่ได้อาบน้ำกลัวเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของตนจะระคายเคืองผิวลูกน้อยจึงทำได้แค่เดินตามเท่านั้น“ปี๋เจื้อ..จับ”ดวงตากลมโตเงยจ้องมองหน้าคนตัวสูงชี้ไม้ชี้มือหมายจะให้ช่วยจับผีเสื้อที่ตัวเองไม่สามารถจับได้“ให้พ่อจับเหรอครับ...”ภคพลอมยิ้มอ่อนก่อนจะย่อตัวลงนั่งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเจ้าตัวกลมใกล้ๆเด็กหญิงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพ่อภคพลมองจ้องไปยังนัยน์ตาไร้เดียงสาของยัยหนูพลอยขวัญเขามีความรู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อยด้วยคิดไปไกลว่าหากเขามาเจอพราวพิ้งค์ช้าไปกว่านี้ลูกของเขาจะมีชีวิตที่ขาดพ่อไปอีกนานเท่าไรทั้งยังนึกน้
“ถ้าเป็นเรื่องผมกับเธอ..ผมให้คำตอบคุณได้..”ด้วยความที่ไม่อยากให้พราวพิ้งค์อยู่ใกล้คีรินภคพลจึงรีบปรี่เข้ามาโอบไหล่มนของหญิงสาวต่อหน้าต่อตาพ่อเลี้ยงหนุ่มพราวพิ้งค์เองก็ถึงกับยืนนิ่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอไม่รู้ว่าภคพลจะหาเรื่องอะไรคีรินอีก“ผมกับพิ้งค์เราเคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เธอยังเรียนปี2ที่เธอมาอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว...ดูหน้าพยานรักของผมกับเธอสิ”ภคพลว่าพรางชี้มือมายังเจ้าก้อนกลมที่ทาแป้งจนตัวขาวโพลนในบ้าน พราวพิ้งค์เองก็ได้แต่ยืนเงียบเห็นทีครั้งนี้คีรินคงจะตัดใจจากเธอได้เสียทีแม้นจะเป็นการดับฝันของพ่อเลี้ยงหนุ่มในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักคีรินตัวชาวาบยืนนิ่งงันยิ่งพราวพิ้งค์ไม่มีคำปฏิเสธอะไรเขาก็ยิ่งเข้าใจในสถานะตัวเองว่าต่อไปควรจะปฏิบัติตัวกับเธอเช่นไรคิดสงสัยตั้งแต่เห็นพราวพิ้งค์เป็นห่วงภคพลในครั้งก่อนแล้วว่ามันแปลกจากวิสัยของเธอที่แท้ก็เคยคุ้นเคยกันมาก่อนนั่นเอง“ผม..เข้าใจแล้ว”น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาแทบจะมีแต่เสียงลมก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่รถและขับออกไปจากหน้าบ้านหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วคีรินกลับไปได้พราวพิ้งค์ก็
“ไม่..คุณก็รู้ดีว่าผมชอบบรรยากาศช่วงเช้าๆแค่ไหน”“อื้ออ..”ว่าจบก็บดเบียดตัวตนสอดใส่ไปในช่องทางรักของพราวพิ้งค์จนสาวเจ้าหลับตาปี๋ส่งเสียงท้วงในลำคอเพราะจุกที่อีกฝ่ายสอดใส่โดยที่ไม่ทันตั้งตัวและแล้วบทรักอันเร่าร้อนในเช้าอันแสนสดใสก็ได้เริ่มขึ้นสมใจภคพล อาหารเช้าของวันนี้พราวพิ้งค์เห็นทีจะได้ไปหาซื้อตลาดในหมู่บ้านเพราะคงจะเตรียมไม่ทันอาทิตย์ต่อมาวันเวลาที่ภคพลมาอยู่บ้านของพราวพิ้งค์อย่างเป็นทางการเป็นเวลาอาทิตย์กว่าจนตอนนี้ผู้คนต่างก็รับรู้กันหมดแล้วว่าภคพลและพราวพิ้งค์เป็นอะไรกันทั้งสองไม่ต้องเปล่าประกาศให้ใครรู้ด้วยตัวเองเพียงแค่มีแขกไปใครมาที่บ้านของพราวพิ้งค์ก็จะรู้เรื่องของทั้งสองและเอาไปพูดต่อกันเองส่วนคีรินก็หายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาที่ไร่เหมวัตอีกเลยหากมีธุระก็จะให้คนสนิทมาจัดการแทนโดยให้เหตุผลว่าตนไม่ว่างแต่ทุกคนก็ดูออกว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นท่าจะอยู่ในอาการอกหักตกเย็นพราวพิ้งค์ปั่นจักรยานพายัยหนูพลอยขวัญมาดูคนเป็นพ่อที่เดินตรวจงานในไร่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจนหมดเมื่อวันก่อน“เหลืองานอะไรที่ต้องให้คนงานมาทำคะ”พราวพิ้งค์ปั่นจักรยานเข้ามาจอดใกล้ๆร่างสูงที่กำลังเดินสำรวจร่อง
“เมื่อกี้ปลาหวานนางแบบที่ผมจ้างเธอควงไปงานวันเกิดหมอเหนือ..เห็นเธอขยันทำงานเพราะจะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมผมเลยเสนอให้เธอเองไม่มีเรื่องชู้สาวสาบานได้”ภคพลไม่ได้มีแก่ใจพิศวาสปลาหวานแม้แต่น้อยตอนที่จะหาคู่ควงก็ติดต่อผ่านโมเดลลิ่งไม่ได้จ้างด้วยตัวเองด้วยซ้ำ“บอกทำไมคะ”พราวพิ้งค์เริ่มมีน้ำเสียงและท่าทีอ่อนลงทั้งที่ในใจก็ยังรู้สึกเชื่อคำพูดภคพลไม่เต็มร้อย“บอกให้เมียรู้ไงจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดคิดว่าผมมักมากอีก...ผมไปอาบน้ำก่อนและจะช่วยดูแลยัยหนูคุณจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง”ว่าจบก็เดินอมยิ้มอ่อนออกจากครัวไปอาบน้ำสบายใจที่ได้พูดความจริงให้หญิงสาวได้ฟังดูจากท่าทีเธอแล้วก็น่าจะมีแก่ใจเชื่อคำพูดเขาอยู่บ้างท้องฟ้าเกือบจะมืดฟองจันทร์ช่วยคนเป็นแม่ที่ไร่เสร็จก็ปั่นจักรยานมาหาคีรินที่บ้านหลังใหญ่ท้ายไร่ของชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจ้าตัวมากนักเพื่อมาดูอาการของคีรินเพราะเห็นเขาเอาแต่เก็บตัวเงียบมาหลายวันหลังจากที่ทุกคนรู้เรื่องของภคพลและพราวพิ้งค์“พี่คีอยู่หรือเปล่าคะพี่นิ่ม”เมื่อปั่นจักรยานแม่บ้านคันสีชมพูมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของคีรินได้ฟองจันทร์ก็เจอนารีแม่บ้านวัยสามสิบกว่าที่เข้ามาดูแ
“ได้...ผมดูคุณแทนก็ได้”“คุณพอล” ฟอดดร่างสูงลุกจากเก้าอี้ตวัดรวบอุ้มพราวพิ้งค์ขึ้นสาวเท้าสองสามก้าวไปวางเธอลงบนเตียงทาบทับร่างของเธอด้วยตัวของเขาก่อนจะกดหอมเข้าที่แก้มนวลฟอดใหญ่“ไม่กี่วันคุณพ่อจะมาที่นี่เพราะรู้เรื่องเราแล้ว..ท่านต้องการให้เราจดทะเบียนกันให้เร็วที่สุด”“คุณพอลแน่ใจเหรอคะว่าต้องการจะรับผิดชอบยัยหนูจริงๆ”ดวงตากลมโตหวานเหลือบจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาสีฟ้าของชายหนุ่มเธอไม่เชื่อในตัวของภคพลสักเท่าไรว่าจะอยากรับผิดชอบภาระที่มีจริงๆกลัวว่าจะเห่อชั่วพักชั่วครู่เพราะอยากจะเอาชนะเธอมากกว่า“เคยเห็นผมพูดเล่นหรือไง...ถ้ายังไม่แน่ใจในตัวผม...ผมจะไม่พูดอะไรให้คุณเชื่ออีก.. ขอให้ใช้เวลาหลังจากนี้ดูการกระทำ..ขอแค่นั้น”พราวพิ้งค์เริ่มหลบสายตาอีกฝ่ายที่กำลังขอร้องเธอเสียงอ่อนในหัวสับสนไปหมดว่าจะเชื่อใจชายหนุ่มดีหรือไม่ดี ยังไม่ทันจะคิดตกริมฝีปากบางของเธอก็ถูกเขาครอบครองไม่ทันตั้งตัวและแล้วไม่นานนักคืนนี้ร่างบางก็ตกเป็นของคนเจ้าเล่ห์อีกคืนวันต่อมาวันนี้เป็นวันหยุดภคพลไม่ยอมอยู่เฉยเมื่อพราวพิ้งค์ทำอะไรเขาก็ตามติดเธอทุกที่และคอยช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่างโดยเฉพาะเวลาต้องทำอาหารให้ลูกรวมไป
จวบจนเข้าเวลาเย็นจากที่พราวพิ้งค์และภคพลอยากจะปิดเรื่องนี้กับฟองจันทร์ไว้ก่อนแต่ก็ปิดไม่มิดเพราะคนที่รู้จักต่างก็บอกกับฟองจันทร์ถึงเรื่องฟองเงินตอนนี้พราวพิ้งค์จึงต้องคอยช่วยปฐมพยาบาลฟองจันทร์เพราะหญิงสาวรู้ว่าแม่ตัวเองเสียแล้วก็ร้องห่มร้องให้เป็นลมเป็นแล้งไปหลายรอบส่วนของภคพลเองก็ต้องดูแลลูกเองเพราะพราวพิ้งค์ยังต้องจัดการอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับงานของฟองเงินไหนจะต้องดูแลสภาพจิตใจของฟองจันทร์อีก“จันทร์เป็นยังไงบ้างครับ”คีรินพุ่งพรวดเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์หน้าตาตื่นขณะที่หญิงสาวและภคพลยืนเฝ้าฟองจันทร์ที่นอนเป็นลมอยู่บนโซฟาไม่ห่าง“ยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะนี่ก็เป็นลมรอบที่เท่าไรแล้วนับไม่ได้เลย..ตำรวจว่ายังไงบ้างคะเรื่องคดี”“ตีว่าเป็นอุบัติเหตุครับสอบปากคำคนที่ไร่ของเสี่ยจำรัสก็ไม่มีใครรู้ใครเห็นครับว่าเกิดอะไรขึ้นหนำซ้ำเสี่ยจำรัสยังตีสีหน้าโมโหที่ป้าเงินไปหาเห็ดในพื้นที่ของเขาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาติจนเกิดเรื่องอีก”เรื่องสรุปคดีที่ออกมาจากปากคีรินทำภคพลเริ่มกัดฟันจนขึ้นสันกรามเขารู้ดีว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่และไม่คิดว่าคนที่เป็นถึงระดับพ่อเลี้ยงปกครองคนทั้งไร่อย่