ทางด้านในโรงอาหารที่ไร่ช่วงกลางวันผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องที่ลำเพยได้รับรู้มาบางคนที่สนใจเรื่องชาวบ้านก็จะพูดต่อปากต่อคำกัน
แต่บางคนที่สนใจแต่งานก็ทำเป็นไม่รับไม่รู้เรื่องของคนอื่นแต่เห็นประเภทไม่อยากรู้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นเพราะการติฉินนินทาของชาวบ้านชนบทเหมือนจะมองกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย
“อยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยเหรอ”
ลำเพยไม่เพียงแค่พูดในโรงอาหารเท่านั้นแต่รามมาถึงขณะที่มาทำความสะอาดที่สำนักงานไร่ด้วยจนสาวๆที่ทำงานอยู่ในสำนักงานต่างก็หูผึ่งตาโพรงไปตามๆกันเมื่อได้รับรู้เรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล
“ก็ใช่น่ะสิแถมยังใส่เสื้อคุณพอลแค่ตัวเดียวด้วย.. สองคนนี้จุดติดกันไวเนอะ”
ลำเพยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรพราวพิ้งค์และภคพลก็จะต้องมีสัมพันธ์กันในคืนที่ผ่านมา
“ป้าเพยก็พูดไปพี่พิ้งค์แค่ช่วยดูแลคุณพอลเท่านั้น”
ฟองจันทร์ที่ช่วยคนเป็นแม่เอากับข้าวมาให้คนในสำนักงานก็ถือวิสาสะโต้เถียงแทนพราวพิ้งค์เพราะเชื่อในตัวพี่สาวของเธอว่าไม่ทำตัวง่ายกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแน่นอน
“เราน่ะจะไปรู้อะไรต้องคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างป้านี่..ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
ลำเพยยังคงเถียงเด็กสาวเสียงแข็งจนฟองจันทร์คร้านจะโต้ตอบ
“พี่คี”
ฟองจันทร์กำลังส่ายหัวด้วยท่าทีเหนื่อยใจของนิสัยคนแก่ที่แก้ไม่หายพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคีรินที่ยืนอยู่หน้าประตูเดาว่าเขาคงได้ยินลำเพยพูดถึงพราวพิ้งค์ตั้งแต่แรกแน่นอนถึงได้ยืนทำหน้าบึ้งตึงเช่นนั้น
“พี่ฝากเช็กค่าไวน์ให้คุณพิ้งค์ด้วยนะจันทร์”
คีรินยื่นเช็กให้ฟองจันทร์ที่กำลังเดินเข้ามาหาก่อนจะปลีกตัวกลับไปทันที
“ค่ะ.. “
หญิงสาวรีบสาวเท้าเช็กเข้ามาที่โต๊ะทำงานของพราวพิ้งค์และเก็บเช็กเข้าลิ้นชักก่อนจะรีบเดินออกไปจากสำนักงานตามคีรินไป
“พี่คีคะ”
“หืม”
คีรินหยุดชะงักขณะที่จะเปิดประตูรถกระบะหันมามองฟองจันทร์ตามเสียงเรียกของเธอ
“อย่าคิดมากเลยนะคะพี่พิ้งค์แค่ต้องดูแลคุณพอลตามคำสั่งเฉยๆ”
ฟองจันทร์กลัวว่าคีรินจะเข้าใจผิดและเก็บไปเสียใจเธอจึงพยายามพูดเพื่อให้เขาไม่ต้องไปสนใจเสียงของลำเพย
“อืม..พี่รู้ว่าคุณพิ้งค์ไม่ทำเรื่องเสียหาย”
“แล้วทำไมหน้าเสียไปล่ะคะ”
“พี่แค่ไม่ชอบฟังใครพูดถึงคุณพิ้งค์แบบนั้น..แต่ก็เข้าใจว่าห้ามใครคิดไม่ได้พี่กลับก่อนนะ”
คีรินเปรยรอยยิ้มอ่อนให้ฟองจันท์นึกเอ็นดูน้องสาวตัวเล็กที่อุตส่าห์ยังห่วงความรู้สึกของเขา
“ค่ะ”
ฟองจันทร์พอจะยิ้มได้เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นไม่คล้อยตามเสียงของใคร หลังจากเขาขับรถออกไปได้สาวเจ้าก็กลับมาที่โรงครัวเพื่อช่วยแม่ของเธอดังเดิม
ฟองจันทร์รู้จักกับคีรินตั้งแต่เด็กๆเพราะหญิงสาวจำได้ว่าเธอเกิดมาก็รู้ว่ามีคีรินคอยมาเล่นด้วยตลอดจนเธอเริ่มโตจึงได้เริ่มห่างจากพี่ชายคนสนิทพอเธอเข้า ม.ปลายวัยแตกสาวความรู้สึกที่สนิทกับคีรินแค่พี่ชายกลับเปลี่ยนไปเธอรู้ตัวว่ารักเขาตั้งแต่ตอนนั้นแต่ก็ไม่กล้าบอกเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดกับเธอแค่น้องสาว
จนวันที่เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากับพ่อเลี้ยงหนุ่มอีกเลยพอเรียนจบก็ได้มารับรู้ว่าคีรินนั้นชมชอบพราวพิ้งค์ความคิดที่เธอจะบอกความในใจกับเขาก็ทิ้งไปได้เลยและตอนนี้ยังแอบเชียให้พราวพิ้งค์ใจอ่อนกับคีรินด้วยทั้งเพราะอยากจะเห็นคีรินมีความสุขกับคนดีๆอย่างพราวพิ้งค์ที่เธอรักและเคารพเป็นพี่สาวอีกคนเหมือนกัน
ห้าวันต่อมา
เกือบอาทิตย์กว่าภคพลจะกลับมาเข้าไร่อีกครั้งไม่ใช่ว่าเขายังไม่หายดีแต่เพราะพราวพิ้งค์สั่งห้ามไม่ให้ชายหนุ่มเข้าไร่จนกว่าแผลของเขาจะหายดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นเพราะหญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องมาเจ็บป่วยซ้ำขณะทำงานอีก
“หน้าตาสดใสขึ้นนะครับคุณพอล”
สมหมายขับรถกระบะคันเก่าพาชาหนุ่มออกจากท้ายไร่เขาค่อยโล่งใจที่เห็นภคพลดีขึ้นกว่าวันที่เจ็บครั้งนั้นมาก
“ครับ..ผมพร้อมทำงานแล้ว”
“วันนี้คุณพอลคงต้องช่วยดูรถที่มาขนองุ่นในไร่นะครับอยู่ถัดไปจากไร่ส้มไม่เท่าไร”
“ครับ..ให้ผมทำอะไรก็บอกมาได้เลย”
ภคพลพร้อมทำงานเต็มที่เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการอยู่ที่กระท่อมนั้นหลายวันแม้นงานไร่งานสวนจะเป็นงานที่ไม่ถนัดแต่เมื่อคิดในแง่ดีมันก็เป็นความท้าทายที่สร้างประสบการณ์ให้เขาได้เหมือนกัน
ในส่วนของพราวพิ้งค์เองก็ไม่กล้าที่จะย่างก้าวเข้ามาในสำนักงานไร่เท่าไรนักเพราะรู้เรื่องจากฟองจันทร์ว่าผู้คนพูดถึงเธอในทางที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรแต่ก็ต้องเข้ามาทำงานเพราะเป็นหน้าที่แม้นจะอึดอัดกับสายตาคนอื่นที่มองมายังเธออย่างสงสัยแต่ก็ต้องทำตัวไม่รู้ไม่ชี้
ช่วงเที่ยงหลังจากภคพลจัดการดูเรื่องรถขนส่งที่เข้ามารับองุ่นเรียบร้อยแล้วเขาก็นั่งรถมาที่โรงครัวของไร่พร้อมกับคชาชายหนุ่มรูปร่างกำยำวัย35ผู้จัดการไร่องุ่น
“คนที่นี่ทำไมมองผมแปลกๆ”
ภคพลสังเกตเห็นผู้คนในไร่ที่กำลังทานอาหารคอยแต่จะจับจ้องมาที่เขาพักใหญ่ตั้งแต่มานั่งทานข้าวคราแรกจนจะอิ่มแล้วก็ยังไม่วายที่จะมอง
“เอ่อ.. คุณพอลไม่รู้จริงๆเหรอครับ”
คชาเลิกคิ้วเล็กน้อย
“อะไรครับ”
“ก็..ผมได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนพิ้งค์อยู่กับคุณพอลทั้งคืน”
คชาค่อยๆพูดเสียงอ่อนคราแรกคิดว่าภคพลจะรู้เรื่องแล้วเสียอีกว่าที่ไร่เขาพูดกันยังไงเรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล
“อ๋อ..งั้นเหรอครับ”
ภคพลหลี่สายตาลงพรางพยักหน้าด้วยท่าทีมีเลศนัยเขาก็พึ่งจะเข้าใจในสายตาของผู้คนที่มองมายังเขาก็ตอนนี้นี่เอง
“บางคนก็เชื่อว่าพิ้งค์แค่ดูแลคุณพอลที่กำลังป่วยแต่บางคนก็คิดมากกว่านั้น”
“แล้วคนส่วนมากคิดแบบไหน”
“ผมว่าคุณพอลน่าจะเดาออก..แต่อย่าเหมารวมมาถึงผมนะครับเพราะผมไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร”
คชาตอบไปตามตรงเรื่องชาวบ้านเขาไม่อยากจะสนใจเรื่องติฉินนินทากันในไร่มีมาแล้วก็มีไปเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ภคพลอมยิ้มอ่อนเขาไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องการนินทาของผู้คนนับว่าเป็นการดีที่ทุกคนพูดถึงเรื่องของเขากับพราวพิ้งค์ไปแบบนี้ผู้ชายหน้าไหนจะได้ไม่กล้ามาเกาะแกะเธออีก
“นี่ครับคุณพอลจดหมายมาถึงเมื่อกลางวัน”สมหมายยื่นซองสีน้ำตาลที่พึ่งมาส่งในสำนักงานเมื่อกลางวันให้ภคพลขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งรอเขามารับกลับบ้านที่แคร่ไม้ไผ่หน้าไร่องุ่นยามเย็น“ขอบคุณครับลุงสม”ภคพลรีบเปิดซองจดหมายดูทันทีเมื่อเห็นว่ามาจากณดลชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลในจดหมายได้เขาก็นั่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งจนสมหมายเริ่มตกใจกับท่าทีแปลกไปของภคพล“คุณพอล..มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ลุงสมไปส่งผมที่บ้านพิ้งค์หน่อยนะครับผมมีธุระจะคุยกับเธอ”“ครับ”สมหมายค่อนข้างสงสัยในพฤติกรรมของภคพลพอสมควรแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่ปากทางเข้าบ้านของพราวพิ้งค์ภคพลกำซองจดหมายแน่นก่อนจะรีบลงจากรถ“ลุงสมกลับได้เลยนะครับถ้าผมจะกลับเดี๋ยวให้พิ้งค์ไปส่ง”“ครับ”สมหมายขับรถออกไปได้ภคพลก็เดินดุ่มเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์ทันที“มีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่คะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะหน้าบ้านเมื่อออกมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าเป็นภคพลที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมายืนอยู่หน้าประตู“ดีจ้า..”เจ้าก้อนกลมเห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในบ้านก็ยกมือป้อมสวัสดีทั้งทัก
“ปี๋..เจื้อ..”เจ้าก้อนสาวขาป้อมวิ่งออกมาหน้าบ้านเข้าไปในดงดอกไม้ที่ผู้เป็นแม่ปลูกเอาไว้เพื่อไล่จับผีเสื้อหลากสีเช่นที่เคยเล่นทุกวันมือป้อมน้อยไล่บีบขยำอย่างคันไม้คันมือแต่ก็ไม่เคยจับผีเสื้อได้สักตัว“ปี๋เจื้อ..”เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจ้องตัวเองอยู่ไม่วางก่อนจะดึงมือชายหนุ่มให้ไปจับผีเสื้อช่วยเพราะรู้ดีว่าหากวิ่งจับเองคงจะเหนื่อยกว่าจะจับได้ภคพลอยากจะรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมมากอดหอมสักฟอดใหญ่ติดตรงที่เขายังไม่ได้อาบน้ำกลัวเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของตนจะระคายเคืองผิวลูกน้อยจึงทำได้แค่เดินตามเท่านั้น“ปี๋เจื้อ..จับ”ดวงตากลมโตเงยจ้องมองหน้าคนตัวสูงชี้ไม้ชี้มือหมายจะให้ช่วยจับผีเสื้อที่ตัวเองไม่สามารถจับได้“ให้พ่อจับเหรอครับ...”ภคพลอมยิ้มอ่อนก่อนจะย่อตัวลงนั่งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเจ้าตัวกลมใกล้ๆเด็กหญิงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพ่อภคพลมองจ้องไปยังนัยน์ตาไร้เดียงสาของยัยหนูพลอยขวัญเขามีความรู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อยด้วยคิดไปไกลว่าหากเขามาเจอพราวพิ้งค์ช้าไปกว่านี้ลูกของเขาจะมีชีวิตที่ขาดพ่อไปอีกนานเท่าไรทั้งยังนึกน้
“ถ้าเป็นเรื่องผมกับเธอ..ผมให้คำตอบคุณได้..”ด้วยความที่ไม่อยากให้พราวพิ้งค์อยู่ใกล้คีรินภคพลจึงรีบปรี่เข้ามาโอบไหล่มนของหญิงสาวต่อหน้าต่อตาพ่อเลี้ยงหนุ่มพราวพิ้งค์เองก็ถึงกับยืนนิ่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอไม่รู้ว่าภคพลจะหาเรื่องอะไรคีรินอีก“ผมกับพิ้งค์เราเคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เธอยังเรียนปี2ที่เธอมาอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว...ดูหน้าพยานรักของผมกับเธอสิ”ภคพลว่าพรางชี้มือมายังเจ้าก้อนกลมที่ทาแป้งจนตัวขาวโพลนในบ้าน พราวพิ้งค์เองก็ได้แต่ยืนเงียบเห็นทีครั้งนี้คีรินคงจะตัดใจจากเธอได้เสียทีแม้นจะเป็นการดับฝันของพ่อเลี้ยงหนุ่มในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักคีรินตัวชาวาบยืนนิ่งงันยิ่งพราวพิ้งค์ไม่มีคำปฏิเสธอะไรเขาก็ยิ่งเข้าใจในสถานะตัวเองว่าต่อไปควรจะปฏิบัติตัวกับเธอเช่นไรคิดสงสัยตั้งแต่เห็นพราวพิ้งค์เป็นห่วงภคพลในครั้งก่อนแล้วว่ามันแปลกจากวิสัยของเธอที่แท้ก็เคยคุ้นเคยกันมาก่อนนั่นเอง“ผม..เข้าใจแล้ว”น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาแทบจะมีแต่เสียงลมก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่รถและขับออกไปจากหน้าบ้านหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วคีรินกลับไปได้พราวพิ้งค์ก็
“ไม่..คุณก็รู้ดีว่าผมชอบบรรยากาศช่วงเช้าๆแค่ไหน”“อื้ออ..”ว่าจบก็บดเบียดตัวตนสอดใส่ไปในช่องทางรักของพราวพิ้งค์จนสาวเจ้าหลับตาปี๋ส่งเสียงท้วงในลำคอเพราะจุกที่อีกฝ่ายสอดใส่โดยที่ไม่ทันตั้งตัวและแล้วบทรักอันเร่าร้อนในเช้าอันแสนสดใสก็ได้เริ่มขึ้นสมใจภคพล อาหารเช้าของวันนี้พราวพิ้งค์เห็นทีจะได้ไปหาซื้อตลาดในหมู่บ้านเพราะคงจะเตรียมไม่ทันอาทิตย์ต่อมาวันเวลาที่ภคพลมาอยู่บ้านของพราวพิ้งค์อย่างเป็นทางการเป็นเวลาอาทิตย์กว่าจนตอนนี้ผู้คนต่างก็รับรู้กันหมดแล้วว่าภคพลและพราวพิ้งค์เป็นอะไรกันทั้งสองไม่ต้องเปล่าประกาศให้ใครรู้ด้วยตัวเองเพียงแค่มีแขกไปใครมาที่บ้านของพราวพิ้งค์ก็จะรู้เรื่องของทั้งสองและเอาไปพูดต่อกันเองส่วนคีรินก็หายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาที่ไร่เหมวัตอีกเลยหากมีธุระก็จะให้คนสนิทมาจัดการแทนโดยให้เหตุผลว่าตนไม่ว่างแต่ทุกคนก็ดูออกว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นท่าจะอยู่ในอาการอกหักตกเย็นพราวพิ้งค์ปั่นจักรยานพายัยหนูพลอยขวัญมาดูคนเป็นพ่อที่เดินตรวจงานในไร่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจนหมดเมื่อวันก่อน“เหลืองานอะไรที่ต้องให้คนงานมาทำคะ”พราวพิ้งค์ปั่นจักรยานเข้ามาจอดใกล้ๆร่างสูงที่กำลังเดินสำรวจร่อง
“เมื่อกี้ปลาหวานนางแบบที่ผมจ้างเธอควงไปงานวันเกิดหมอเหนือ..เห็นเธอขยันทำงานเพราะจะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมผมเลยเสนอให้เธอเองไม่มีเรื่องชู้สาวสาบานได้”ภคพลไม่ได้มีแก่ใจพิศวาสปลาหวานแม้แต่น้อยตอนที่จะหาคู่ควงก็ติดต่อผ่านโมเดลลิ่งไม่ได้จ้างด้วยตัวเองด้วยซ้ำ“บอกทำไมคะ”พราวพิ้งค์เริ่มมีน้ำเสียงและท่าทีอ่อนลงทั้งที่ในใจก็ยังรู้สึกเชื่อคำพูดภคพลไม่เต็มร้อย“บอกให้เมียรู้ไงจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดคิดว่าผมมักมากอีก...ผมไปอาบน้ำก่อนและจะช่วยดูแลยัยหนูคุณจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง”ว่าจบก็เดินอมยิ้มอ่อนออกจากครัวไปอาบน้ำสบายใจที่ได้พูดความจริงให้หญิงสาวได้ฟังดูจากท่าทีเธอแล้วก็น่าจะมีแก่ใจเชื่อคำพูดเขาอยู่บ้างท้องฟ้าเกือบจะมืดฟองจันทร์ช่วยคนเป็นแม่ที่ไร่เสร็จก็ปั่นจักรยานมาหาคีรินที่บ้านหลังใหญ่ท้ายไร่ของชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจ้าตัวมากนักเพื่อมาดูอาการของคีรินเพราะเห็นเขาเอาแต่เก็บตัวเงียบมาหลายวันหลังจากที่ทุกคนรู้เรื่องของภคพลและพราวพิ้งค์“พี่คีอยู่หรือเปล่าคะพี่นิ่ม”เมื่อปั่นจักรยานแม่บ้านคันสีชมพูมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของคีรินได้ฟองจันทร์ก็เจอนารีแม่บ้านวัยสามสิบกว่าที่เข้ามาดูแ
“ได้...ผมดูคุณแทนก็ได้”“คุณพอล” ฟอดดร่างสูงลุกจากเก้าอี้ตวัดรวบอุ้มพราวพิ้งค์ขึ้นสาวเท้าสองสามก้าวไปวางเธอลงบนเตียงทาบทับร่างของเธอด้วยตัวของเขาก่อนจะกดหอมเข้าที่แก้มนวลฟอดใหญ่“ไม่กี่วันคุณพ่อจะมาที่นี่เพราะรู้เรื่องเราแล้ว..ท่านต้องการให้เราจดทะเบียนกันให้เร็วที่สุด”“คุณพอลแน่ใจเหรอคะว่าต้องการจะรับผิดชอบยัยหนูจริงๆ”ดวงตากลมโตหวานเหลือบจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาสีฟ้าของชายหนุ่มเธอไม่เชื่อในตัวของภคพลสักเท่าไรว่าจะอยากรับผิดชอบภาระที่มีจริงๆกลัวว่าจะเห่อชั่วพักชั่วครู่เพราะอยากจะเอาชนะเธอมากกว่า“เคยเห็นผมพูดเล่นหรือไง...ถ้ายังไม่แน่ใจในตัวผม...ผมจะไม่พูดอะไรให้คุณเชื่ออีก.. ขอให้ใช้เวลาหลังจากนี้ดูการกระทำ..ขอแค่นั้น”พราวพิ้งค์เริ่มหลบสายตาอีกฝ่ายที่กำลังขอร้องเธอเสียงอ่อนในหัวสับสนไปหมดว่าจะเชื่อใจชายหนุ่มดีหรือไม่ดี ยังไม่ทันจะคิดตกริมฝีปากบางของเธอก็ถูกเขาครอบครองไม่ทันตั้งตัวและแล้วไม่นานนักคืนนี้ร่างบางก็ตกเป็นของคนเจ้าเล่ห์อีกคืนวันต่อมาวันนี้เป็นวันหยุดภคพลไม่ยอมอยู่เฉยเมื่อพราวพิ้งค์ทำอะไรเขาก็ตามติดเธอทุกที่และคอยช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่างโดยเฉพาะเวลาต้องทำอาหารให้ลูกรวมไป
จวบจนเข้าเวลาเย็นจากที่พราวพิ้งค์และภคพลอยากจะปิดเรื่องนี้กับฟองจันทร์ไว้ก่อนแต่ก็ปิดไม่มิดเพราะคนที่รู้จักต่างก็บอกกับฟองจันทร์ถึงเรื่องฟองเงินตอนนี้พราวพิ้งค์จึงต้องคอยช่วยปฐมพยาบาลฟองจันทร์เพราะหญิงสาวรู้ว่าแม่ตัวเองเสียแล้วก็ร้องห่มร้องให้เป็นลมเป็นแล้งไปหลายรอบส่วนของภคพลเองก็ต้องดูแลลูกเองเพราะพราวพิ้งค์ยังต้องจัดการอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับงานของฟองเงินไหนจะต้องดูแลสภาพจิตใจของฟองจันทร์อีก“จันทร์เป็นยังไงบ้างครับ”คีรินพุ่งพรวดเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์หน้าตาตื่นขณะที่หญิงสาวและภคพลยืนเฝ้าฟองจันทร์ที่นอนเป็นลมอยู่บนโซฟาไม่ห่าง“ยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะนี่ก็เป็นลมรอบที่เท่าไรแล้วนับไม่ได้เลย..ตำรวจว่ายังไงบ้างคะเรื่องคดี”“ตีว่าเป็นอุบัติเหตุครับสอบปากคำคนที่ไร่ของเสี่ยจำรัสก็ไม่มีใครรู้ใครเห็นครับว่าเกิดอะไรขึ้นหนำซ้ำเสี่ยจำรัสยังตีสีหน้าโมโหที่ป้าเงินไปหาเห็ดในพื้นที่ของเขาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาติจนเกิดเรื่องอีก”เรื่องสรุปคดีที่ออกมาจากปากคีรินทำภคพลเริ่มกัดฟันจนขึ้นสันกรามเขารู้ดีว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่และไม่คิดว่าคนที่เป็นถึงระดับพ่อเลี้ยงปกครองคนทั้งไร่อย่
“ไม่สนใจจะช่วยคนจะมาเป็นผู้พิทักษ์สันติราชทำไมวะ”ภคพลยังคงหัวเสียไม่หยุดแม้นจะนั่งรถออกมาจากโรงพักไกลแล้วก็เถอะ“ในองค์กรทุกองค์กรมันก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีทั้งนั้น...อย่าใส่ใจกับคนประเภทนั้นให้มากนักเลยไม่นานใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้ชดใช้แบบนั้น”แดนไทยพยายามทำให้หลานของตนสงบลงแล้วมองความเป็นจริงใช่ว่าทุกที่จะมีแต่คนไม่ดีเสมอไปเขาเองก็พยายามนิ่งให้มากที่สุดเพราะตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าจะสั่งสอนคนที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร คนอย่างเขาไม่ชอบกระโตกกระตากรีบร้อนอะไรเพราะหากจะตีงูก็ต้องตีให้แน่ใจว่ามันตายจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาระแวงว่ามันจะแว้งกัดไร่บรรเจิด“สารวัตรโทรมาบอกว่าพ่อเลี้ยงคีรินกับหลานพ่อเลี้ยงแดนไทยมันไปอาละวาดที่ สน.จะให้รื้อคดีนังเงินขึ้นมาใหม่”เตโชหนุ่มใหญ่มาดเข้มลูกชายคนโตของจำรัสเดินดุ่มขึ้นบันไดบ้านทรงไทยเข้ามาหาคนเป็นพ่อในห้องทำงานด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดหลังจากที่ได้รับข่าวจากอดิศรว่าแดนไทยคีรินและภคพลโร่ไปที่สถานีตำรวจเพื่อที่จะแจ้งว่าการตายของฟองเงินผิดปกติ“ทำไม..ในเมื่อคดีมันจบไปแล้ว..ร่างนังเงินก็เผาไปแล้ว”ชายแก่หัวล้านร่างท้วมละมือจากการตรวจเล่มบัญชีมองจ้องขมว