Share

ตอนที่23 รื้อคดี

จวบจนเข้าเวลาเย็นจากที่พราวพิ้งค์และภคพลอยากจะปิดเรื่องนี้กับฟองจันทร์ไว้ก่อนแต่ก็ปิดไม่มิดเพราะคนที่รู้จักต่างก็บอกกับฟองจันทร์ถึงเรื่องฟองเงิน

ตอนนี้พราวพิ้งค์จึงต้องคอยช่วยปฐมพยาบาลฟองจันทร์เพราะหญิงสาวรู้ว่าแม่ตัวเองเสียแล้วก็ร้องห่มร้องให้เป็นลมเป็นแล้งไปหลายรอบ

ส่วนของภคพลเองก็ต้องดูแลลูกเองเพราะพราวพิ้งค์ยังต้องจัดการอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับงานของฟองเงินไหนจะต้องดูแลสภาพจิตใจของฟองจันทร์อีก

“จันทร์เป็นยังไงบ้างครับ”

คีรินพุ่งพรวดเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์หน้าตาตื่นขณะที่หญิงสาวและภคพลยืนเฝ้าฟองจันทร์ที่นอนเป็นลมอยู่บนโซฟาไม่ห่าง

“ยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะนี่ก็เป็นลมรอบที่เท่าไรแล้วนับไม่ได้เลย..ตำรวจว่ายังไงบ้างคะเรื่องคดี”

“ตีว่าเป็นอุบัติเหตุครับสอบปากคำคนที่ไร่ของเสี่ยจำรัสก็ไม่มีใครรู้ใครเห็นครับว่าเกิดอะไรขึ้นหนำซ้ำเสี่ยจำรัสยังตีสีหน้าโมโหที่ป้าเงินไปหาเห็ดในพื้นที่ของเขาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาติจนเกิดเรื่องอีก”

เรื่องสรุปคดีที่ออกมาจากปากคีรินทำภคพลเริ่มกัดฟันจนขึ้นสันกรามเขารู้ดีว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่และไม่คิดว่าคนที่เป็นถึงระดับพ่อเลี้ยงปกครองคนทั้งไร่อย่างคีรินจะปักใจเชื่อเรื่องคดีง่ายๆ

คีรินอยู่เฝ้าฟองจันทร์จนเข้าเวลาฟ้ามืดเมื่อเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพูดคุยให้หญิงสาวนั้นมีสภาพจิตใจดีขึ้นหลังจากนี้เขารับปากกับเธอว่าจะจัดการทุกอย่างให้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องติดต่อกับตำรวจหรืองานศพให้หญิงสาวนั้นตัดกังวลเรื่องนี้ไป

และขอให้ฟองจันทร์อยู่กับพราวพิ้งค์ที่นี่เพราะไม่อยากให้เธออยู่บ้านคนเดียวเขาจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยและเชื่อว่าเมื่อฟองจันทร์อยู่กับพราวพิ้งค์จะได้ลดความฟุ้งซ่านลงได้

ช่วงเวลาที่พราวพิ้งค์ยุ่งกับการหารือกับพ่อเลี้ยงหนุ่มยามเย็นจนค่ำคนที่ทำหน้าที่เลี้ยงยัยหนูพลอยขวัญก็เป็นภคพลเขาทำมันได้อย่างดีจนตอนนี้สามารถกล่อมลูกนอนได้เรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่ต้องกวนอะไรพราวพิ้งค์แม้นสักนิด

เมื่อถึงเวลาที่พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องกลับภคพลก็อาสาเป็นคนเดินออกมาส่งคีรินเองเพราะมีบางอย่างที่จะต้องคุยกับเขา

“ผมขอคุยด้วยหน่อย”

“คุณมีอะไรจะคุยกับผมหวังว่าจะไม่มาหาเรื่องกันตอนนี้นะครับ”

คีรินมองจ้องหน้าภคพลด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายต้องเอ่ยกันไว้ก่อนว่าเขาไม่อยากจะถูกหาเรื่องให้ปวดหัวในเวลานี้

“ผมคิดว่าตำรวจสันนิษฐานผิด..รอยแผลยับเยินขนาดนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุแน่”

คีรินจ้องหน้าภคพลเขาเงียบไปครู่หนึ่งคิดว่าชายหนุ่มจะไม่สังเกตเรื่องบาดแผลของฟองเงินเสียอีก

“อืม..ผมก็คิดอย่างนั้นแค่ยังไม่อยากกระโตกกระตากไปให้ใครตกใจ..ถ้าคุณอยากช่วยพรุ่งนี้ไปคุยกันที่บ้านผมลุงหมายก็จะไปด้วยคุณมาพร้อมแกก็ได้”

พ่อเลี้ยงหนุ่มตัดสินใจบอกความจริงว่าเขาและสมหมายก็แอบสงสัยกันแค่เงียบๆและต้องจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่างว่าเรื่องที่เกิดไม่ใช่อุบติเหตุ

“อืม..แล้วผมจะไป”

ภคพลพยักหน้าแม้นเข้าจะเป็นคนที่โผงผางเอาแต่ใจและดูไม่ค่อยเป็นมิตรในสายตาคนอื่นแต่เมื่อเห็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเขาก็ยอมไม่ได้ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวเขายิ่งต้องช่วยให้สุดความสามารถ

ในเช้าวันต่อมาสมหมายมารับภคพลที่บ้านแต่เช้าก่อนจะเดินทางไปยังไร่ของคีรินเงียบๆเพื่อไปหารือกันเรื่องที่จะหาหลักฐานการเสียชีวิตของฟองจันทร์เพิ่ม

“เราเข้าไปหาหลักฐานอะไรเองไม่ได้หรือไง”

หลังปรึกษากันได้พักใหญ่คนใจร้อนอย่างภคพลก็เสนอว่าอยากจะเข้าไปหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมเพราะรู้มาว่ามือถือของฟองจันทร์หายไปในวันที่เกิดเรื่อง

“พื้นที่ป่าตรงนั้นเป็นของเสี่ยจำรัส..เราจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ”

สมหมายส่ายหัวยิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเขาเชื่อว่าคนของเสี่ยจำรัสคงตรวจตราไร่แน่นหนาไม่ยอมให้คนนอกเข้าไปง่ายๆแน่นอน

“ผมจะลองคุยกับหมอเรื่องร่างของป้าเงินอยากจะให้หมอที่ไว้ใจได้ชันสูตรอีกครั้ง”

คีรินคิดว่าวิธีนี้จะทำให้มีหลักฐานอะไรเพิ่มขึ้นมาหากมีอะไรไม่โปร่งใสจะรื้อคดีขึ้นมาใหม่คดีจะได้ไม่จบง่ายๆแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

“ผมว่าก็ดีนะครับ...เรื่องงานศพก็ขอให้ดำเนินไปแต่ยังไม่ต้องบอกใครว่าร่างของป้าเงินยังอยู่ที่โรงพยาบาล”

ภคพลเห็นด้วยกับวิธีของคีรินเรื่องนี้จะต้องให้มีคนรู้น้อยที่สุดจนกว่าความจริงจะเปิดเผยว่าตกลงฟองเงินเกิดอุบัติเหตุจริงหรือถูกทำร้ายจนตายกันแน่

อาทิตย์ต่อมา

หลังจากงานศพของฟองเงินผ่านไปจนจบฟองจันทร์ก็ยังไม่วายเสียใจดั่งวันแรกที่รู้ว่าแม่ของตัวเองเสียเธอยังคงไม่ยอมทานข้าวทานปลาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง

ทางด้านแดนไทยกลับมาจากฮันนีมูนได้ก็ต้องหัวเสียเพราะเกิดเรื่องร้ายกับคนในไร่ของตัวเองแต่กลับไม่มีใครแจ้งเรื่องไปถึงเขาสักคนจนกลับมาถึงได้มารู้เอง

“มีเรื่องร้ายแรงแบบนี้ทำไมไม่บอกอานี่ถ้าอาไม่กลับก็คงจะไม่รู้ใช่หรือเปล่า”

แดนไทยลากหลานชายเข้าห้องมาคุยกันส่วนตัวได้ก็บ่นอุกแทนที่เขาจะได้ช่วยทำศพของฟองเงินแต่กลับมาก็รู้เพียงว่างานศพได้ผ่านพ้นไปแล้วแถมการตายของฟองเงินยังมีเงื่อนงำอีก

“ขอโทษครับคุณอาผมแค่ไม่อยากให้อะไรมันกวนใจเวลาที่คุณอากำลังมีความสุข”

“แล้วเรื่องผ่าพิสูจน์ใหม่ไปถึงไหนแล้ว”

“หมอชันสูตรเพื่อนคุณคีรินยังไม่ได้ติดต่อกลับมาครับ..แต่น่าจะอีกไม่นานคงได้รู้ผล”

แดนไทยนั่งนิ่งกุมขมับเพราะดูท่าสถานการณ์ตอนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไรนักหากฟองเงินถูกทำร้ายจริงๆก็คงไม่พ้นพวกของเสี่ยจำรัสเพราะคนที่นี่ไม่มีใครโหดร้ายดั่งคนที่ไร่นั้นแน่นอน

ตอนนี้แปลายฝันและพราวพิ้งค์นั่งคุยกันอยู่ที่สำนักงานในไร่ถึงเรื่องฟองเงินและฟองจันทร์ปลายฝันยอมรับว่าตกใจมากเมื่อรู้ข่าวหลังจากกลับมาถึงบ้านตอนนี้ก็ยังคงหดหู่ในใจพอสมควร

“สงสารฟองจันทร์จังไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย”

ปลายฝันนั่งหน้าละห้อยเธอรู้ว่าฟองจันทร์ตั้งใจเรียนให้จบเพื่อที่จะมีงานดีๆทำหลังจากนั้นจะได้ดูแลแม่บ้างแต่ตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

“เฮ่อ.. อะไรๆก็คาดเดาไม่ได้ทั้งนั้นนี่แหละน้าชีวิต”

พราวพิ้งค์นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่เธอเห็นแล้วว่าชีวิตของคนไม่มีอะไรที่มันแน่นอนจริงๆ

“นั่นสิขนาดเรื่องของเธอกับคุณพอลยังทำฉันตกใจเลย”

ปลายฝันนึกขึ้นได้ว่ากลับมาเธอจะคุยกับพราวพิ้งเรื่องนี้แต่พอเจอเรื่องฟองเงินก็ลืมเรื่องเพื่อนเธอไปเสียเลยคราวนี้จึงได้มีโอกาสถามเสียที

“รู้แล้วเหรอ”

“อืม..คุณภูโทรมาบอกคุณแดนเห็นบอกว่าอยากจะมาทำความรู้จักกับเธอแล้วก็หลานอย่างเป็นทางการใจจะขาดแต่ก็ยังมาไม่ได้เพราะงานรัดตัวไหนจะบริษัทตัวเองแล้วก็ของคุณพอลอีก”

“คุณภูยังไม่มาตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะฉันยังคงไม่มีแก่ใจรับแขกยังหดหู่เรื่องป้าเงินไม่หายเหมือนกัน”

พราวพิ้งค์เห็นว่าดีแล้วที่ภูริชยังไม่ได้เดินทางมาที่นี่ตอนนี้ไม่เช่นนั้นเธอคงต้อนรับเขาไม่ได้ดีเท่าที่ควรแน่เพราะสภาพจิตใจยังคงหดหู่กับเรื่องฟองเงินและฟองจันทร์ไม่หาย

สถานีตำรวจ

หลังจากคีรินได้หลักฐานการชันสูตรมาเมื่อช่วงสายเขาก็รีบบึ่งรถมาหาภคพลที่บ้านของแดนไทยทั้งสามจึงรีบมาที่สถานีตำรวจอย่างรวดเร็วเพื่อต้องการให้ตำรวจนั้นรื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่และหาว่าใครเป็นคนทำร้ายฟองเงิน แต่ดูเหมือนสารวัตรของสน.นี้ไม่ค่อยอยากจะให้ความช่วยเหลือในการรื้อคดีนี้เท่าไร

“คดีนี้มันปิดไปแล้วพวกคุณจะมาเรียกร้องอะไรอีก”

อดิศรสารวัตรหนุ่มใหญ่มองหลักฐานที่แดนไทยเป็นคนยื่นให้อย่างไม่ใส่ใจทำเอาภคพลที่ยืนควบคุมอารมณ์ตั้งแต่แรกเริ่มคุมความโมโหไว้ไม่อยู่เพราะดูท่าตำรวจที่นี่จะไม่อยากจะทำงานรับใช้ประชาชนสักเท่าไรและน่าจะรับใช้อำนาจเงินมากกว่าหากเขาไม่ถูกคนเป็นพ่อทำทัณฑ์บนป่านนี้เรียกคนมาสั่งสอนคนที่ละเว้นหน้าที่ตอนนี้ไปแล้ว

“ก็เห็นอยู่ว่าชันสูตรผิดพลาด..ก็รื้อคดีขึ้นมาใหม่สิครับมันเป็นหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่หรือไง”

ภคพลเอ่ยเสียงแข็งกอดฟันกรอดขึ้นสันกรามแต่สารวัตรหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเพราะเห็นว่าเขานั้นเป็นแค่หลานของพ่อเลี้ยงแดนไทยเจ้าของไร่ธรรมดา

“พวกคุณทำอะไรโดยพละการ...ผลนั่นเชื่อถือได้แค่ไหนก็ไม่รู้”

อดิศรสบัดหลักฐานกลับตรงหน้าของคีรินด้วยท่าทีเสียมารยาทคีรินได้แต่นั่งกำมือเพราะเขากำลังสงบสติอารมณ์แต่ดูคนที่จะสงบอารมณ์ไม่ได้เห็นจะเป็นภคพลที่เริ่มฟิวส์ขาด

“จะไม่ทำคดีนี้ต่อจริงๆใช่ไหม..ตำรวจอย่างพวกคุณอยากจะรับใช้ประชาชนจริงๆหรือเปล่า”

ภคพลตวาดลั่นใส่หน้าอดิศรอย่างไม่เกรงกลัวทั้งยื่นมือกระชากคอเสื้อของอดิศรไว้แน่นจนแดนไทยต้องรวบตัวหลานชายออกให้ห่างสารวัตรหนุ่มใหญ่ด้วยกลัวหลานชายจะถูกดำเนินคดีไปเสียอีกเรื่อง

“หยุดโวยวายที่นี่นะครับไม่อย่างนั้นจะถูกข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน”

อดิศรลุกยืนชี้หน้าภคพลด้วยความไม่พอใจเพราะไม่เคยมีใครมาหยามหน้าเขาเช่นนี้

“ตาพอลใจเย็นๆ”

แดนไทยไม่ใช่ว่าไม่พอใจแต่เขาคิดว่าการโวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

“ในเมื่อสารวัตรไม่ใส่ใจเรื่องนี้...ถ้าถูกเรียกสอบเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็รับมือดีๆละกัน”

แดนไทยยื่นคำขาดที่ไม่ใช่คำขู่กับอดิศรก่อนจะลากตัวหลานชายออกไปเขาเคยได้ยินความไม่โปร่งใสในการทำงานของตำรวจที่นี่นานแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าจะละเลยหน้าที่ขนาดนี้

“หึ่..ก็แค่พ่อเลี้ยงอย่างมากก็ทำได้แค่ขู่”

อดิศรว่าตามหลังแดนไทยอย่างไม่เกรงกลัวเพราะคนอย่างเขาหาทางหนีทีไล่ได้เสมอ

“เดี๋ยวสารวัตรก็จะได้รู้ว่าคุณแดนไทยแค่พ่อเลี้ยงจริงๆหรือเปล่า”

คีรินลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะยกยิ้มทิ้งท้ายปริศนาเอาไว้ให้สารวัตรหนุ่มใหญ่ เขาเชื่อว่าที่อดิศรพูดเช่นนี้คงไม่รู้แน่นอนว่าแดนไทยเป็นลูกชายของใครและพี่ชายของแดนไทยมีอำนาจมากขนาดไหน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status