Share

ตอนที่29 ไม่ชอบคำว่าน้องสาว

กว่าคีรินจะพาฟองจันทร์กลับจากโรงพยาบาลก็ฟ้ามืดหญิงสาวเย็บแผลที่น่องไปหลายเข็มและต้องฉีดยากันบาดทะยักเมื่อมาถึงบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มก็อุ้มคนตัวเล็กที่เจ็บมานั่งในห้องของเธอก่อนจะเริ่มบ่นหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงอีกรอบ

“หาเรื่องเจ็บตัวจนได้”

“ก็จันทร์เห็นว่าของในนั้นมันไม่ค่อยเรียบร้อยก็เลยเข้าไปจัดค่ะ”

ฟองจันทร์ยังคงก้มหน้าอธิบายเสียงอ่อนใครจะคิดว่าความหวังดีของเธอจะทำให้คีรินต้องมาเดือดร้อนดูแล

“ทีหลังถ้าพี่ไม่ได้สั่งอะไรไม่ต้องทำรู้หรือเปล่า”

พ่อเลี้ยงพนุ่มวาดสายตาไปยังผ้าพันแผลของหญิงสาวเขาก็ยิ่งหน้าเสียที่บ่นเธอไม่ใช่โมโหที่ต้องเสียเวลาพาเธอไปหาหมอที่พูดทั้งหมดเพียงแค่เป็นห่วงคำเดียวเท่านั้น

“ค่ะ...จันทร์หยุดงานกี่วันพี่คีหักเงินได้เลยนะคะ”

“พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก..ไปเดี๋ยวพี่อุ้มไปอาบน้ำ”

ว่าจบก็สาวเท้าไปเปิดประตูห้องน้ำรอไว้พร้อมทั้งหาเก้าอี้มาให้เธอนั่งและเตรียมผ้าขนหนูให้เรียบร้อย

“อะไรนะคะ”

ฟองจันทร์นั่งมองตามหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจตั้งแต่เข้ามัธยมต้นแม้แต่แม่เธอก็ยังไม่เคยมาเห็นเรืองร่างแล้วเธอจะทำใจให้คีรินอาบน้ำให้ได้อย่างไร

“อุ้มไปส่งในห้องน้ำไม่งั้นจะเข้าไปยังไง”

คีรินหันมาเห็นสีหน้าฟองจันทร์ก็รู้ว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่จึงรีบอธิบายให้หญิงสาวได้หายตกใจก่อนจะเดินกลับมารวบอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปนั่งในห้องน้ำ

“อ่อ..ค่ะ..พี่คีไม่ต้องดูแลจันทร์ขนาดนี้ก็ได้ค่ะลำบากเปล่าๆ”

สาวเจ้าเงยมองหน้าคนที่กำลังว่างร่างของเธอลงบนเก้าอี้

“ก็บอกแล้วไงว่าเราก็เหมือนน้องพี่คนนึงไม่ให้พี่ดูแลได้ยังไง..พี่จะรออยู่ข้างนอกเสร็จแล้วก็เรียกล่ะ..อย่าพยายามเดินเองเดี๋ยวแผลจะอักเสบพาลหายช้าไปกันใหญ่”

ฟองจันทร์หลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยไม่ชอบคำว่าน้องสาวที่สุดแต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้ เมื่อร่างสูงออกจากห้องน้ำและปิดประตูให้เธอเรียบร้อยแล้วสาวเจ้าก็นั่งหลับตาไม่อยากให้น้ำตาแห่งความหน่วงในใจมันไหลออกมา

คิดในใจว่าหากเธอยังอยู่ใกล้ชิดกับเขาที่นี่ต่อไปคงได้ยินคำว่าน้องสาวบ่อยแน่นอนอีกอย่างหากวันหนึ่งเขานั้นได้มีคนรักใหม่เธอจะทำใจได้อย่างไรคิดเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้เธอก็จะไปหางานทำที่อื่นคงจะสบายใจกว่า

ครู่ต่อมา

“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่คี”

หลังจากผ่านการอาบน้ำโดยไม่ให้ถูกแผลอย่างทุกลักทุเลพักใหญ่ฟองจันทร์ก็จัดการตัวเองเรียบร้อยเธอนั่งพันผ้าขนหนูกระโจมอกอยู่ที่เก้าอี้ก่อนจะเรียกให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาอุ้มเธอออกไป

คีรินแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอเมื่อต้องมาอุ้มฟองจันทร์ขณะที่เธอมีผ้าขนหนูผืนเดียวคลุมตัวเขาไม่ยอมก้มมองคนในอ้อมอกแม้แต่น้อยทั้งยังเริ่มมีอาการประหม่าแปลกๆเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ

“เสื้อผ้าล่ะชุดไหนที่จะใส่เดี๋ยวพี่หยิบให้”

พ่อเลี้ยงหนุ่มวางคนตัวเล็กลงได้ก็รีบตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้าให้หญิงสาวได้เลือกชุด

“ชุดนอนสีเทาค่ะ”

หญิงสาวชี้ไปที่ชุดนอนผ้าฝ้ายแขนสั้นตัวยาวที่แขวนอยู่มุมซ้ายสุดของตู้

“อีกเดี๋ยวพี่จะพาออกไปกินข้าวเย็นจะได้กินยา”

“ค่ะ”

คีรินรีบหยิบมาส่งให้หญิงสาวก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ในส่วนของฟองจันทร์เริ่มนั่งหน้าบูดเพราะชุดชั้นในของเธอยังอยู่ในลิ้นลักตรงตู้ครั้นเมื่อครู่จะบอกให้คีรินหยิบให้ก็หน้าบางไม่กล้าขอร้องเขา ตอนนี้เธอจึงหยิบชุดนอนและพยายามถดตัวลงจากเตียงคุกเข่าค่อยๆคลานไปที่ตู้

“อ..อืม..”

แม้จะลงน้ำหนักที่เข่าแต่แผลที่เริ่มหมดยาชาก็ทำให้เวลาขยับเริ่มปวดตึงขึ้นมาเหมือนกันการที่จะคลานจากเตียงไปถึงตู้จึงทำได้ยากพอสมควร

“เฮ่อ..ถึงซะที”

เมื่อมาถึงตู้เสื้อผ้าได้สาวเจ้าก็รีบทิ้งก้นลงนั่งพิงตู้ดึงลิ้นชักคว้าชุดชั้นในสีหวานออกมามือน้อยสะบัดผ้าขนหนูผืนเล็กที่คลุมตัวออกอย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มสวมแพนตี้ตัวจิ๋วที่ขาข้างขวาเธองอได้อย่างสบายแต่ข้างที่เจ็บงอได้ลำบากพอสมควร

“อ..อื๊ด..เจ็บจัง”

ฟองจันทร์หลับตาปี๋พยายามกลั้นใจใส่เจ้าแพนตี้สีหวานให้เสร็จแม้นจะเจ็บเพียงใดเธอก็ต้องอดทน

แกร๊กก

ยังไม่ทันดึงขึ้นมาปิดของสงวนดีเสียงประตูห้องนอนของเธอก็เปิดขึ้นฟองจันทร์จึงตัวชาวาบดวงตากลมโตเบิกโพรงสะบัดหน้าหันไปทางประตูอย่างรวดเร็ว

“อ๊ายย..”

ฟองจันทร์กรีดร้องลั่นด้วยความตกใจหญิงสาวรีบคว้าผ้าขนหนูปิดลำตัวในทันทีเมื่อเห็นคีรินยืนนิ่งงันจ้องเธอไม่วางตา

“โทษทีจันทร์..พี่ไม่ได้ตั้งใจ..พี่หลับตาอยู่”

ชายหนุ่มรีบเข้ามารวบปิดปากร่างบางทั้งรีบหลับตาเพื่อให้เธอสงบลงไม่เช่นนั้นเสียงของหญิงสาวที่กรีดร้องดังลั่นอาจจะทำให้คนที่พักอยู่ใกล้ๆรีบวิ่งเข้ามาถ้าเห็นเขาอยู่กับฟองจันทร์ในสภาพนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

“อืม..”

ฟองจันทร์เริ่มผ่อนอาการตื่นตระหนกลงเมื่อเห็นคีรินหลับตา ริมฝีปากของเธอถูกปล่อยให้พ้นจากพันธนาการเมื่อเสียงของเธอเงียบลงได้

“หลับตาไว้นะคะ..”

“อืม..”

“เข้ามาทำไมคะ”

“พี่ลืมว่าพี่ไม่ได้หยิบพวกชั้นในให้เราก็เลยรีบกลับมา... พี่ขอโทษนะจันทร์”

“ค่ะ...ไม่ได้เห็นอะไรใช่หรือเปล่าคะ”

ฟองจันทร์ถามคีรินเสียงอ่อนเพราะเธอจำได้ว่าเมื่อเห็นว่าเขาเปิดประตูเธอก็รีบดึงผ้าขนหนูขึ้นมาปิดร่างตัวเองเอาไว้

“ไม่..”

คำตอบของคีรินพอจะทำให้ฟองจันทร์เริ่มหายตกใจขึ้นมาบ้าง

“พี่คีออกไปก่อนนะคะเสร็จแล้วจันทร์จะเรียก”

“อืม”

คีรินหันหลังลุกพรวดออกไปทั้งที่ยังหลับตาเขารีบปิดประตูห้องหญิงสาวอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินดุ่มไปสงบอารมณ์ที่โซฟา

คำตอบว่าไม่เมื่อครู่คือไม่มีตรงไหนที่เขาไม่เห็นเลยตอนนี้หัวใจพ่อเลี้ยงหนุ่มจึงเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำประหม่าแปลกๆทั้งที่ไม่ควรจะเป็นกับคนที่เขาเห็นว่าเป็นแค่น้องสาว

“บ้าเอ้ย..”

คีรินลองหลับตาลงอีกครั้งแต่ก็ต้องรีบลืมตาเพราะเมื่อยิ่งอยู่ในความมืดพลันสมองก็จะฉายแต่ภาพเรือนร่างของฟองจันทร์เมื่อครู่จนทำให้เขาฟุ้งซ่านทั้งใบหน้าไปถึงใบหูตอนนี้ร้อนผ่าวไปหมด

ทางด้านฟองจันทร์เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ยังไม่เอ่ยเรียกคนข้างนอกได้แต่นั่งสงบจิตสงบใจกับเรื่องเมื่อครู่อยู่พักใหญ่

ฟู่วว “ไม่มีอะไร..เค้าไม่เห็น..เค้าไม่เห็นนน..”

มือเรียวทั้งสองกุมกันแน่นมองไปยังประตูแต่ก็ยังทำใจเรียกคีรินให้มารับไม่ได้อยู่ดีวันนี้ดูท่าแล้วมื้อเย็นจะต้องกลายเป็นมื้อดึกแน่นอน

และแล้วก็เป็นเช่นนั้นกว่าฟองจันทร์จะทำใจสงบลงได้ก็ปาไปเป็นชั่วโมงกว่า คีรินเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาก็ต้องนั่งสงบใจเช่นกัน

บนโต๊ะอาหารที่บ้านของคีรินตอนนี้เต็มไปด้วยความเงียบเพราะต่างคนต่างก็ไม่มองหน้ากันแถมยังไม่ยอมพูดคุยกันเฮฮาเหมือนวันก่อนๆอีก

“จันทร์โกรธพี่หรือเปล่า”

คีรินที่เริ่มอึดอัดก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามหญิงสาวเพราะเห็นเธอเอาแต่นั่งเงียบ

“เปล่าค่ะ..พี่คีไม่ได้ตั้งใจนี่คะ”

สาวเจ้าแสยะยิ้มอ่อนกลบเกลื่อนความเขินอายภายในใจ

“กินเยอะๆล่ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคีรินจึงมีทีท่าผ่อนคลายขึ้นและเริ่มที่จะตักอาหารให้หญิงสาวเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำบรรยากาศที่โต๊ะอาหารตอนนี้จึงเริ่มผ่อนคลายได้บ้าง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status