กว่าคีรินจะพาฟองจันทร์กลับจากโรงพยาบาลก็ฟ้ามืดหญิงสาวเย็บแผลที่น่องไปหลายเข็มและต้องฉีดยากันบาดทะยักเมื่อมาถึงบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มก็อุ้มคนตัวเล็กที่เจ็บมานั่งในห้องของเธอก่อนจะเริ่มบ่นหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงอีกรอบ
“หาเรื่องเจ็บตัวจนได้”
“ก็จันทร์เห็นว่าของในนั้นมันไม่ค่อยเรียบร้อยก็เลยเข้าไปจัดค่ะ”
ฟองจันทร์ยังคงก้มหน้าอธิบายเสียงอ่อนใครจะคิดว่าความหวังดีของเธอจะทำให้คีรินต้องมาเดือดร้อนดูแล
“ทีหลังถ้าพี่ไม่ได้สั่งอะไรไม่ต้องทำรู้หรือเปล่า”
พ่อเลี้ยงพนุ่มวาดสายตาไปยังผ้าพันแผลของหญิงสาวเขาก็ยิ่งหน้าเสียที่บ่นเธอไม่ใช่โมโหที่ต้องเสียเวลาพาเธอไปหาหมอที่พูดทั้งหมดเพียงแค่เป็นห่วงคำเดียวเท่านั้น
“ค่ะ...จันทร์หยุดงานกี่วันพี่คีหักเงินได้เลยนะคะ”
“พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก..ไปเดี๋ยวพี่อุ้มไปอาบน้ำ”
ว่าจบก็สาวเท้าไปเปิดประตูห้องน้ำรอไว้พร้อมทั้งหาเก้าอี้มาให้เธอนั่งและเตรียมผ้าขนหนูให้เรียบร้อย
“อะไรนะคะ”
ฟองจันทร์นั่งมองตามหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจตั้งแต่เข้ามัธยมต้นแม้แต่แม่เธอก็ยังไม่เคยมาเห็นเรืองร่างแล้วเธอจะทำใจให้คีรินอาบน้ำให้ได้อย่างไร
“อุ้มไปส่งในห้องน้ำไม่งั้นจะเข้าไปยังไง”
คีรินหันมาเห็นสีหน้าฟองจันทร์ก็รู้ว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่จึงรีบอธิบายให้หญิงสาวได้หายตกใจก่อนจะเดินกลับมารวบอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปนั่งในห้องน้ำ
“อ่อ..ค่ะ..พี่คีไม่ต้องดูแลจันทร์ขนาดนี้ก็ได้ค่ะลำบากเปล่าๆ”
สาวเจ้าเงยมองหน้าคนที่กำลังว่างร่างของเธอลงบนเก้าอี้
“ก็บอกแล้วไงว่าเราก็เหมือนน้องพี่คนนึงไม่ให้พี่ดูแลได้ยังไง..พี่จะรออยู่ข้างนอกเสร็จแล้วก็เรียกล่ะ..อย่าพยายามเดินเองเดี๋ยวแผลจะอักเสบพาลหายช้าไปกันใหญ่”
ฟองจันทร์หลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยไม่ชอบคำว่าน้องสาวที่สุดแต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้ เมื่อร่างสูงออกจากห้องน้ำและปิดประตูให้เธอเรียบร้อยแล้วสาวเจ้าก็นั่งหลับตาไม่อยากให้น้ำตาแห่งความหน่วงในใจมันไหลออกมา
คิดในใจว่าหากเธอยังอยู่ใกล้ชิดกับเขาที่นี่ต่อไปคงได้ยินคำว่าน้องสาวบ่อยแน่นอนอีกอย่างหากวันหนึ่งเขานั้นได้มีคนรักใหม่เธอจะทำใจได้อย่างไรคิดเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้เธอก็จะไปหางานทำที่อื่นคงจะสบายใจกว่า
ครู่ต่อมา
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่คี”
หลังจากผ่านการอาบน้ำโดยไม่ให้ถูกแผลอย่างทุกลักทุเลพักใหญ่ฟองจันทร์ก็จัดการตัวเองเรียบร้อยเธอนั่งพันผ้าขนหนูกระโจมอกอยู่ที่เก้าอี้ก่อนจะเรียกให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาอุ้มเธอออกไป
คีรินแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอเมื่อต้องมาอุ้มฟองจันทร์ขณะที่เธอมีผ้าขนหนูผืนเดียวคลุมตัวเขาไม่ยอมก้มมองคนในอ้อมอกแม้แต่น้อยทั้งยังเริ่มมีอาการประหม่าแปลกๆเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ
“เสื้อผ้าล่ะชุดไหนที่จะใส่เดี๋ยวพี่หยิบให้”
พ่อเลี้ยงหนุ่มวางคนตัวเล็กลงได้ก็รีบตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้าให้หญิงสาวได้เลือกชุด
“ชุดนอนสีเทาค่ะ”
หญิงสาวชี้ไปที่ชุดนอนผ้าฝ้ายแขนสั้นตัวยาวที่แขวนอยู่มุมซ้ายสุดของตู้
“อีกเดี๋ยวพี่จะพาออกไปกินข้าวเย็นจะได้กินยา”
“ค่ะ”
คีรินรีบหยิบมาส่งให้หญิงสาวก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ในส่วนของฟองจันทร์เริ่มนั่งหน้าบูดเพราะชุดชั้นในของเธอยังอยู่ในลิ้นลักตรงตู้ครั้นเมื่อครู่จะบอกให้คีรินหยิบให้ก็หน้าบางไม่กล้าขอร้องเขา ตอนนี้เธอจึงหยิบชุดนอนและพยายามถดตัวลงจากเตียงคุกเข่าค่อยๆคลานไปที่ตู้
“อ..อืม..”
แม้จะลงน้ำหนักที่เข่าแต่แผลที่เริ่มหมดยาชาก็ทำให้เวลาขยับเริ่มปวดตึงขึ้นมาเหมือนกันการที่จะคลานจากเตียงไปถึงตู้จึงทำได้ยากพอสมควร
“เฮ่อ..ถึงซะที”
เมื่อมาถึงตู้เสื้อผ้าได้สาวเจ้าก็รีบทิ้งก้นลงนั่งพิงตู้ดึงลิ้นชักคว้าชุดชั้นในสีหวานออกมามือน้อยสะบัดผ้าขนหนูผืนเล็กที่คลุมตัวออกอย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มสวมแพนตี้ตัวจิ๋วที่ขาข้างขวาเธองอได้อย่างสบายแต่ข้างที่เจ็บงอได้ลำบากพอสมควร
“อ..อื๊ด..เจ็บจัง”
ฟองจันทร์หลับตาปี๋พยายามกลั้นใจใส่เจ้าแพนตี้สีหวานให้เสร็จแม้นจะเจ็บเพียงใดเธอก็ต้องอดทน
แกร๊กก
ยังไม่ทันดึงขึ้นมาปิดของสงวนดีเสียงประตูห้องนอนของเธอก็เปิดขึ้นฟองจันทร์จึงตัวชาวาบดวงตากลมโตเบิกโพรงสะบัดหน้าหันไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
“อ๊ายย..”
ฟองจันทร์กรีดร้องลั่นด้วยความตกใจหญิงสาวรีบคว้าผ้าขนหนูปิดลำตัวในทันทีเมื่อเห็นคีรินยืนนิ่งงันจ้องเธอไม่วางตา
“โทษทีจันทร์..พี่ไม่ได้ตั้งใจ..พี่หลับตาอยู่”
ชายหนุ่มรีบเข้ามารวบปิดปากร่างบางทั้งรีบหลับตาเพื่อให้เธอสงบลงไม่เช่นนั้นเสียงของหญิงสาวที่กรีดร้องดังลั่นอาจจะทำให้คนที่พักอยู่ใกล้ๆรีบวิ่งเข้ามาถ้าเห็นเขาอยู่กับฟองจันทร์ในสภาพนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“อืม..”
ฟองจันทร์เริ่มผ่อนอาการตื่นตระหนกลงเมื่อเห็นคีรินหลับตา ริมฝีปากของเธอถูกปล่อยให้พ้นจากพันธนาการเมื่อเสียงของเธอเงียบลงได้
“หลับตาไว้นะคะ..”
“อืม..”
“เข้ามาทำไมคะ”
“พี่ลืมว่าพี่ไม่ได้หยิบพวกชั้นในให้เราก็เลยรีบกลับมา... พี่ขอโทษนะจันทร์”
“ค่ะ...ไม่ได้เห็นอะไรใช่หรือเปล่าคะ”
ฟองจันทร์ถามคีรินเสียงอ่อนเพราะเธอจำได้ว่าเมื่อเห็นว่าเขาเปิดประตูเธอก็รีบดึงผ้าขนหนูขึ้นมาปิดร่างตัวเองเอาไว้
“ไม่..”
คำตอบของคีรินพอจะทำให้ฟองจันทร์เริ่มหายตกใจขึ้นมาบ้าง
“พี่คีออกไปก่อนนะคะเสร็จแล้วจันทร์จะเรียก”
“อืม”
คีรินหันหลังลุกพรวดออกไปทั้งที่ยังหลับตาเขารีบปิดประตูห้องหญิงสาวอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินดุ่มไปสงบอารมณ์ที่โซฟา
คำตอบว่าไม่เมื่อครู่คือไม่มีตรงไหนที่เขาไม่เห็นเลยตอนนี้หัวใจพ่อเลี้ยงหนุ่มจึงเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำประหม่าแปลกๆทั้งที่ไม่ควรจะเป็นกับคนที่เขาเห็นว่าเป็นแค่น้องสาว
“บ้าเอ้ย..”
คีรินลองหลับตาลงอีกครั้งแต่ก็ต้องรีบลืมตาเพราะเมื่อยิ่งอยู่ในความมืดพลันสมองก็จะฉายแต่ภาพเรือนร่างของฟองจันทร์เมื่อครู่จนทำให้เขาฟุ้งซ่านทั้งใบหน้าไปถึงใบหูตอนนี้ร้อนผ่าวไปหมด
ทางด้านฟองจันทร์เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ยังไม่เอ่ยเรียกคนข้างนอกได้แต่นั่งสงบจิตสงบใจกับเรื่องเมื่อครู่อยู่พักใหญ่
ฟู่วว “ไม่มีอะไร..เค้าไม่เห็น..เค้าไม่เห็นนน..”
มือเรียวทั้งสองกุมกันแน่นมองไปยังประตูแต่ก็ยังทำใจเรียกคีรินให้มารับไม่ได้อยู่ดีวันนี้ดูท่าแล้วมื้อเย็นจะต้องกลายเป็นมื้อดึกแน่นอน
และแล้วก็เป็นเช่นนั้นกว่าฟองจันทร์จะทำใจสงบลงได้ก็ปาไปเป็นชั่วโมงกว่า คีรินเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาก็ต้องนั่งสงบใจเช่นกัน
บนโต๊ะอาหารที่บ้านของคีรินตอนนี้เต็มไปด้วยความเงียบเพราะต่างคนต่างก็ไม่มองหน้ากันแถมยังไม่ยอมพูดคุยกันเฮฮาเหมือนวันก่อนๆอีก
“จันทร์โกรธพี่หรือเปล่า”
คีรินที่เริ่มอึดอัดก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามหญิงสาวเพราะเห็นเธอเอาแต่นั่งเงียบ
“เปล่าค่ะ..พี่คีไม่ได้ตั้งใจนี่คะ”
สาวเจ้าแสยะยิ้มอ่อนกลบเกลื่อนความเขินอายภายในใจ
“กินเยอะๆล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคีรินจึงมีทีท่าผ่อนคลายขึ้นและเริ่มที่จะตักอาหารให้หญิงสาวเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำบรรยากาศที่โต๊ะอาหารตอนนี้จึงเริ่มผ่อนคลายได้บ้าง
วันต่อมาแอด..แอด..ๆๆๆ “หืม..”พราวพิ้งค์กำลังไกวเปลให้เจ้าก้อนกลมที่พึ่งจะหลับกลางวันเธอก็ต้องขมวดคิ้วเพราะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซต์รุ่นเก่าขับเข้ามาที่หน้าบ้านจึงรีบเดินออกไปห้ามให้คนที่ขับเข้ามาอย่าเข้ามาใกล้ด้วยกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่น“คุณพอล..”เมื่อออกมาจากบ้านได้พราวพิ้งค์ก็ยิ่งสงสัยหนักว่าภคพลขับรถมอเตอร์ไซต์คันเก่านี้อีกทำไมทั้งที่ตอนนั้นมันพาเขาล้มจนเจ็บหนัก“ขับมอเตอร์ไซต์อีกทำไมคะ..เดี๋ยวก็ล้มจนเจ็บตัวอีก”“ทุกเย็นผมให้ต้นกล้ากับเตชินสอนค่าครูคนละร้อยทุกวันเป็นอาทิตย์จนตอนนี้ผมขับจนแข็งแล้ว..ลุงสมจะได้ไม่ต้องคอยมารับมาส่ง”ชายหนุ่มเอ่ยหน้าระรื่นอย่างภาคภูมิใจคิดว่าไอ้การที่ขับมอเตอร์คันเก่าคันนี้แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ยากสักเท่าไรนัก“แล้วกลับมาทำไมคะงานยังไม่เลิกไม่ใช่หรือไง”“คิดถึงคุณกับลูกอยากกลับมาทานข้าวที่บ้าน”ร่างสูงว่าพรางส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมายังพราวพิ้งค์จนเธอต้องส่ายหัวคิดในใจว่าหลังจากนี้เชื่อได้ว่าเขาจะต้องกลับมาทานข้าวกลางวันที่บ้านทุกวันแน่นอนเพราะขับมอเตอร์ไซต์เป็นแบบนี้แล้วโต๊ะอาหาร“ขาหมูพะโล้ค่ะ..ตุ๋นตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเปื่อยกำลังดีเลยค่ะ”“คุณท
ดนัยหนุ่มวัยสามสิบห้าเขาเข้ามาทำงานในบริษัทของภูริชเพราะมีจุดหมายที่ต้องการก็คือเอาชีวิตนาดีลเพราะแค้นที่นาดีลนั้นหลอกน้องสาวของเขามีสัมพันธ์ด้วยจนเกิดท้องแล้วไม่รับผิดชอบแถมยังส่งคนมาพาน้องสาวของเขาไปทำแท้งและขาดการติดต่อไปจนน้องสาวของเขาคิดสั้นฆ่าตัวตายเหตุนี้เขาจึงคิดว่าชีวิตก็ควรจะแลกด้วยชีวิตที่ภูริชต้องร้อนรนขับรถออกมาเองจนเกิดอุบัติเหตุก็เป็นเพราะฝีมือของเขาเพียงแค่ทำให้รถมีปัญหานิดหน่อยแล้วก็โทรไปบอกความจริงว่านาดีลจะพาน้องสาวของเขาไปทำแท้งคนเป็นพ่ออย่างภูริชที่ไม่อยากให้ใครมารู้ความชั่วของลูกตัวเองจึงเลือกที่จะขับรถออกมาคนเดียวตามที่ดนัยได้วางแผนเอาไว้ก้องภพมารับพราวพิ้งค์กลับมาที่บ้านของภคพลในช่วงเย็นโดยยังไม่ได้บอกเรื่องที่ภคพลนั้นเกิดอุบัติเหตุเพราะกลัวว่าหญิงสาวนั้นจะตกใจ“คุณพิ้งค์พาคุณหนูพักผ่อนตามสบายเลยนะครับส่วนอาหารเย็นผมสั่งมาเรียบร้อยแล้วอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัวครับ”“แล้วคุณพอลไปไหนคะ...เค้าจะกลับมาเมื่อไร”พราวพิ้งค์รีบชิงถามก้องภพขณะที่เขาจะหันหลังเดินออกไปจากบ้านหลังจากที่มาส่งเธอ“เอ่อ..คุณพอลติดประชุมด่วนครับคืนนี้น่าจะไม่ได้กลับนะครับคุณพิ้งค์”“ค่ะ”ก้องภพ
วันเวลาพ้นผ่านไปนานร่วมอาทิตย์ตอนนี้ภูริชก็ฟื้นตัวได้พอสมควรส่วนภคพลปลอดภัยแต่ยังไม่ฟื้นพราวพิ้งค์มาเฝ้าภคพลทุกวันไม่เคยห่างแทบจะกินนอนที่นี่ส่วนยัยหนูพลอยขวัญช่วงนี้ก็จะอยู่กับปลายฝันและแดนไทยทั้งสองอาสาช่วยเลี้ยงให้เองระหว่างที่พราวพิ้งค์ยังต้องเฝ้าภคพลภูริชฟื้นขึ้นมาได้แต่เขาก็ยังต้องรักษาตัวอีกนานเพราะกระดูกที่หักยังต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาเป็นปกติช่วงนี้บริษัทยิ่งวุ่นวายเรื่องการนำเข้ารถยนต์ลอตใหญ่ภูริชจึงวานให้โนแอลและนาดีลตัดสินใจกันว่าใครจะเข้าดูแลบริษัทแทนในช่วงนี้บทสรุปที่ได้คือโนแอลจะดูแลอยู่ที่นี่ทั้งบริษัทของคนเป็นพ่อและของภคพลส่วนกิจการส่วนตัวของเขาที่ฝรั่งเศสก็ฝากให้นาดีลดูแลพราวพิ้งค์ตื่นเช้าทุกวันเพื่อที่จะลุกขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับภคพลเธอดูแลเขาอย่างดีทั้งภาวนาในใจทุกวันว่าให้เขานั้นฟื้นมาพูดคุยกับเธอเร็วๆ“คุณต้องหายไวๆนะคะจะได้มาฟังคำว่ารักจากปากของฉัน”หญิงสาวมองคนที่นอนเป็นผักหน้าละห้อยเธอเห็นภคพลอยู่ในสภาพนี้เป็นอาทิตย์แล้วจึงหดหู่หัวใจเป็นพิเศษ“พิ้งค์..เรื่องเธอกับคุณพอลยังไงกันแน่?”ปลายฝันที่เข้าห้องพักฟื้นของภคพลมาเงียบๆเธอก็แอบตกใจกับคำที่พราวพิ้
ก๊อกๆๆสายตาของสองหนุ่มมองไปยังประตูที่กำลังจะมีคนเข้ามาเมื่อภคพลเห็นว่าเป็นใครเขาก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าเข้ามานั่งข้างเตียงของภคพลด้วยใบหน้าระรื่นมือเรียวรีบกอบกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้แน่นด้วยความดีใจที่เห็นเขานั้นฟื้นขึ้นมาได้เสียที“กลับมาทำไม”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะถามไถ่อาการของภคพลกับณดลคำถามน้ำเสียงเสียงห้วนของคนเจ็บก็ทำให้พราวพิ้งค์หน้าเสียกะทันหันไม่รู้ว่าเขาจะแกล้งอะไรเธอถึงได้ทักทายกันเช่นนี้“ผมขอคุยกับคุณพิ้งค์หน่อยครับ”ณดลรีบเรียกพราวพิ้งค์ออกมาคุยกันข้างนอกเพราะมีเรื่องที่หญิงสาวจะต้องรับรู้ถึงอาการที่ไม่ค่อยจะดีนักของภคพล“พอลความทรงจำหายไป...ที่จำได้ก็น่าจะสามปีที่แล้วครับ”“สามปีที่แล้วเหรอคะ?”พราวพิ้งค์เสียงสั่นมือไม้อ่อนเท่ากับว่าภคพลคนที่เจ็บอยู่ตอนนี้ยังเป็นคนเดิมคนที่เอาแต่ใจโผงผางเจ้าชู้และข้อสำคัญคือเขายังคงมองเธอเป็นแค่คู่นอนที่ไม่ต้องการให้มีอะไรผูกมัดฟึ่บบ“คุณพิ้งค์”ณดลรีบประคองพราวพิ้งค์เมื่อร่างบางฟุบกองลงกับพื้นดั่งคนไร้เรี่ยวแรงอาการข้างเคียงหลังการบาดเจ็บของภคพลนี่คือสิ่งที่พราวพิ้งค์ไม่อยากให้เกิดที่สุดหลังจากที่ไ
“นายทำอะไรของนายรู้ก็รู้ว่าแคททำกับนายขนาดไหนยังจะอยู่ใกล้อีก”ณดลเริ่มสวดเพื่อนของเขาหลังจากที่ห้องนี้เหลือเพียงสองคน“ฉันทำเพราะอยากให้พิ้งค์ไปไกลๆต่างหาก”ภคพลตอบปัดเสียงอ่อนคิดว่าแค่นี้เพื่อนของเขาจะรู้ใจเสียอีกว่าคนอย่างเขาไม่มีทางดีกับคนที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อนแน่นอน“แกโกรธคุณพิ้งค์แค่เรื่องที่เธอหนีไปแล้วไม่บอกนายแค่นั้นเหรอ”ภคพลยังคงเงียบเป็นคำตอบ ณดลเริ่มขมวดคิ้วไม่รู้ว่าเพื่อนตนที่ยังเป็นมีนิสัยเก่าๆเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องผู้หญิงด้วย“คุณพิ้งค์ก็กลับมาแล้วไงเธอกลับมาเพราะเป็นห่วงนาย...ตลอดที่นายนอนเป็นผักคนที่ดูแลนายไม่ใช่พยาบาลแต่เป็นคุณพิ้งค์..เธอคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นายพูดคุยกับนายตลอด..ตอนนายไข้ขึ้นเธอก็ไม่เคยได้หลับได้นอน..แต่พอนายฟื้นมากลับเอาแต่ไล่ให้เธอไปไกลๆมันยุติธรรมแล้วเหรอ”ณดลว่าเสียงแข็งหากเขาพูดเรื่องยัยหนูพลอยขวัญได้เขาก็อยากจะพูดใจจะขาดภคพลจะได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นพ่อคนแล้วไม่ควรทำตัวงี่เง่าประชดใครเหมือนเด็กแต่ติดตรงที่พราวพิ้งค์ขอเอาไว้“ตอนเธอหนีฉันไปทิ้งให้ฉันเคว้งคว้าง...ยุติธรรมกับฉันเหมือนกันหรือไง”“นายไม่ได้คิดกับเธอแค่คู่นอนใช่หรือเปล่า
“ก็อยากดูแลไม่ใช่หรือไง”ดวงตาคมจ้องมองยังใบหน้าที่บึ้งตึงของหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทั้งยังส่งน้ำเสียงยียวนกวนประสาทเธอตลอดเวลาทำพราวพิ้งค์หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเห็นท่าแล้วว่าภคพลคงจะอยากเล่นสงครามประสาทกับเธอเพราะเห็นว่าเธอดูแลเข้าหน่อยก็ใช้สารพัด“เจ้านายของนายเค้าปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไรเลย”ณดลมองดูภคพลและพราวพิ้งค์ผ่านประตูกระจกด้านนอกกับก้องภพเขาดูออกว่าเพื่อนตนนั้นไม่ได้อยากจะไล่พราวพิ้งค์ไปจริงๆที่ทำไปเพียงเพราะโกรธเคืองเรื่องเธอหนีไปก็เท่านั้น“ครับ”ก้องภพเปรยสายตามองไปยังคนในห้องก็อมยิ้มอ่อนรู้ว่าจิตใจของนายเขาซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่พอสมควรและที่หายวันหายคืนเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมีคนที่ตัวเองเอ่ยปากไล่มาอยู่ดูแลทุกวันนั่นเองRrrrr“ฉันขอตัวเดี๋ยวนะคะ”พราวพิ้งค์เห็นสายคีรินเข้ามาเธอก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ทันที่จะป้อนข้าวให้ภคพลเสร็จ“ค่ะคุณคีริน”หญิงสาวกดรับสายคุยกับคนที่โทรมาหาขณะที่กำลังจะเดินถึงประตูหลังจากนั้นก็เดินหายเงียบออกไปข้างนอก“คีริน”ภคพลขมวดคิ้วมองตามหลังร่างบางไม่วางตาเขารู้ว่าไม่เคยรู้จักคนๆนี้แต่ทำไมคุ้นกับชื่อคีรินที่หญิงสาวเอ่ยเรียกปลายสายแปลกๆ
วันต่อมาพราวพิ้งค์ใจเสียตั้งแต่เมื่อวานยังไม่หายเพราะจนป่านนี้แล้วภคพลก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา“เมื่อไรคุณจะตื่นมาคะ..คุณจะไล่ฉันต่อว่าฉันอีกกี่คำก็ได้ขอแค่ตื่นมาได้ไหม”สาวเจ้านั่งเอ่ยเสียงอู้อี้อยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มพรางยกมือปาดน้ำตาลวกๆ“อืม..”ขณะที่พราวพิ้งค์นั่งหน้าหน้าเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่ภคพลก็มีทีท่าว่าจะขยับตัวตื่น“คุณพอล”มือเรียวรีบกดเรียกพยาบาลทันทีที่เห็นว่าภคพลลืมตาไม่นานนักณดลและพยาบาลผู้ช่วยอีกหนึ่งคนก็เข้ามาในห้องพราวพิ้งค์จึงหลบไปนั่งมุมห้องเงียบๆขณะที่หมอหนุ่มกำลังลงมือตรวจอาการภคพล“จำได้หรือเปล่าว่าก่อนปวดหัวเกิดอะไรขึ้น..”ณดลเริ่มถามคนที่มีอาการสะลึมสะลือภคพลยังคงเงียบเขาเปรยสายตาไปยังหญิงสาวที่นั่งใจจดใจจ่อจ้องมองมายังตัวเองอยู่ที่มุมห้องก่อนจะเงยหน้าส่ายหัวกับณดล“..ไม่รู้ฉันจำไม่ได้”“แล้วตอนนี้ยังมีอาการปวดหัวอยู่หรือเปล่า”“ไม่..ฉันโอเค.. ขอพักผ่อนก่อน”ท่าทีของภคพลดูเหนื่อยอ่อยเป็นพิเศษณดลจึงไม่ได้เค้นถามอะไรเพื่อนตนมากเมื่อไม่มีอาการปวดหัวภคพลก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไร“อีกสี่ชั่วโมงฉันจะมาดูนายอีกรอบ”“อืม..”“ฉันขออยู่เฝ้านะคะจะอยู่เงียบๆ”พราวพิ้งค์ไม
วันต่อมาพราวพิ้งค์มาถึงโรงพยาบาลในช่วงเช้าเธอต้องตกใจเมื่อเห็นแคทเธอรีนกำลังจะเดินเข้าไปในห้องของภคพลจึงรีบรั้งตัวหญิงสาวเอาไว่ก่อน“คุณมาที่นี่ทำไมคะ”“พอลโทรให้ฉันมาหาบอกว่าอยากให้ฉันมาดูแล”แคทเธอรีนตอบกลับพราวพิ้งค์หน้าระรื่น“งั้นก็กลับไปเถอะค่ะ..เพราะหน้าที่นี้เป็นของฉันค่ะ”“ไม่กลับค่ะ..ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณเป็นอะไรกับพอลแต่ในเมื่อพอลเลือกที่จะให้ฉันมาดูแลคุณนั่นแหละที่ต้องกลับ”แคทเธอรีนว่าจบก็เปิดประตูเข้าห้องภคพลไปโดยมีพราวพิ้งค์ตามหลังเข้ามาติดๆ“ฉันมาแล้วค่ะพอล”แคทเธอรีนเอ่ยทักทายภคพลที่กำลังนั่งเลื่อนมือถืออยู่บนเตียงเสียงใส“ฉันบอกแล้วไงคะว่าคนที่จะดูแลคุณได้คือพยาบาลที่นี่”พราวพิ้งค์ค่อนข้างมีท่าทีเดือดดาลพอสมควรดวงตากลมโตจ้องมองภคพลเขม็งอย่างไม่วางตา“ก็ผมต้องการให้แคทมาดูแลคุณมีปัญหาอะไรอยากจะพักผ่อนผมก็ให้โอกาสคุณได้พักแล้วไง”“บอกให้เธอกลับไปเดี๋ยวนี้”“ไม่..”ภคพลตวัดหางตาคมมองหญิงสาวด้วยสายตากวนประสาท“ได้..เดี๋ยวได้รู้กัน”พราวพิ้งค์เดินกัดฟันกรอดออกนอกห้องไปไม่นานนักเหล่าชายฉกรรจ์คนของภูริชสามสี่คนก็เข้ามาลากตัวของแคทเธอรีนกลับไปส่งที่อยู่ของเธอครู่ต่อมา“