วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมเดือนตอนนี้อะไรๆก็เริ่มดีขึ้นทั้งความสัมพันธ์ของพราวพิ้งค์และภคพลที่แทบไม่เหลือความโกรธเคืองกันในอดีตและทางด้านฟองจันทร์เองเมื่อมีคีรินอยู่ดูแลด้วยตลอดสภาพจิตใจของเธอก็ดีขึ้นมากจนกลับมาร่าเริงเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว
ตอนนี้ฟองจันทร์ทำงานเป็นแม่ครัวรวมถึงงานบ้านให้กับคีรินเพราะนารีลาออกไปอยู่กับสามีอีกจังหวัดฟองจันทร์อยู่เรือนเล็กหลังบ้านหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มและเมื่อว่างหญิงสาวก็ยังคอยแวะเวียนมาหายัยหนูพลอยขวัญอยู่บ่อยๆ
ทางด้านคุณปู่หมาดๆอย่างภูริชละจากงานยุ่งๆได้ก็รีบซื้อข้าวซื้อของมาเอาใจหลานและทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ ภูริชมาอยู่ที่บ้านของแดนไทยได้ร่วมอาทิตย์แล้วแถมปู่หลานยังเข้ากันได้ดีจนตัวติดกันเป็นแตงเมคนเป็นพ่อกับแม่จึงทำงานกันได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
“ผมเป็นคนดีพอที่คุณพ่อจะให้ผมกลับไปอยู่สุขสบายเหมือนเดิมได้หรือยังครับ”
สองพ่อลูกเดินคุยกันอยู่ในสวนส้มยามเย็นหลังจากคนงานในไร่กลับกันไปหมดแล้ว
“พ่อขอชมว่าแกเป็นคนมีน้ำใจแต่ยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่ให้ครบครึ่งปี”
ภูริชแสยะยิ้มมุมปากแม้นลูกชายจะมีความดีความชอบแต่อย่างไรบททดสอบก็ยังไม่จบลงง่ายๆ
“อืม...ก็ได้ครับผมอยู่ได้สบายๆอยู่แล้วแค่ถามดูเล่นๆเท่านั้น”
ภคพลคิดเอาไว้แล้วว่าพ่อของเขาต้องตอบกลับมาเช่นนี้คำที่ถามก็แค่เพียงลองใจพ่อของเขาเล่นเท่านั้นเพราะไม่ได้อยากจากที่นี่ไปสักเท่าไร
“มีให้ฉันอีกคนล่ะ”
“คิดอยู่ครับ”
ภคพลก้มหน้าอมยิ้มรู้ว่าพ่อของเขาสื่อถึงเรื่องอยากให้เขามีลูกอีกคนและคำขอนี้เขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธเพราะคิดเอาไว้ในหัวเหมือนกัน
“ไม่คิดว่าสมภารจะติดใจไก่วัด”
“คุณพ่อรู้อะไรมาครับ”
ภคพลชะงักฝีเท่าก่อนจะจ้องมองไปยังคนเป็นพ่อที่กำลังยืนยิ้มเจ้าเล่ห์
“หนูพิ้งค์เล่าให้พ่อฟังทุกอย่างแล้วล่ะ”
ภูริชชอบในนิสัยตรงไปตรงมาของพราวพิ้งค์พอสมควรเพราะหญิงสาวไม่อายที่จะพูดถึงตัวเองในอดีตนับว่าลูกชายของเขาเลือกคนรักไม่ผิด
“...เฮ่อ..พรุ่งนี้พ่อก็ต้องกลับไปทำงานแล้วเวลาแห่งความสุขนี่มันผ่านไปเร็วจริงๆ”
ชายวัยกลางคนเริ่มบ่นด้วยน้ำเสียงอู้อี้สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความเศร้าเล็กน้อยเพราะพึ่งจะมาอยู่กับหลานและพักผ่อนที่ไร่ได้ไม่กี่วันธุรกิจที่รัดตัวก็ต้องทำให้เขาต้องกลับไปดูแล
“คืนนี้ผมก็ต้องสละยัยหนูให้ไปนอนกับคุณพ่อใช่หรือเปล่าครับ”
“ก็รู้นี่”
ภูริชพยักหน้าแม้นลูกชายของเขาไม่ยอมเขาก็จะพาหลานตัวกลมมานอนกอดให้ได้ในชีวิตเคยเลี้ยงเพียงลูกชายไม่คิดว่าพอมีหลานสาวจะทำให้เขาหลงได้หัวปักหัวปำขนาดนี้
วันต่อมา
จวบเข้าสี่โมงเย็นขณะที่ภคพลกำลังจะเดินกลับไปที่สำนักงานเขาผ่านไร่องุ่นเห็นเตชินและต้นกล้ากำลังดายหญ้าในร่องสวนองุ่นเขาจึงหยุดแวะทักทายเด็กหนุ่มทั้งสอง
“เรียนเสร็จแล้วยังต้องมาทำงานหลังเลิกเรียนพวกนายขยันกันดีนะ”
“ต้องขยันครับคุณพอลหาเงินไปโรงเรียนอีกหน่อยก็จะเข้ามหาลัยแล้วจะได้เบาภาระทางบ้านครับ”
เตชินเด็กหนุ่มที่กำลังเหงื่อท่วมตัวหันมาเอ่ยตอบส่วนต้นกล้าก็ชะงักมือเงยหน้าหันมายิ้มให้ภคพล
“แล้วนี่ได้เงินกันเท่าไรมาทำหลังเลิกเรียนแบบนี้”
“ชั่วโมงละ50บาทครับ”
ต้นกล้าบอกจำนวนเงินที่ตัวเองได้หน้าระรื่นเพราะถือว่าเยอะสำหรับเขาพอสมควรในการทำงานรายชั่วโมงแล้วได้เงินเท่านี้
“งั้นเหรอ.. ไม่คิดว่ามันน้อยเกินกว่าแรงที่เราเสียไปหรือไง”
ภคพลขมวดคิ้วคิดว่าเงินเดือนที่เขาได้นั้นน้อยแล้วมาเจอค่าแรงของเด็กหนุ่มยิ่งน้อยกว่า
“ไม่ครับ..คนที่นี่ได้เงินกันวันละแค่สามร้อยกว่าบาทเองพวกผมทำงานสองชั่วโมงก็ได้100แล้วครับ”
“อืม..ตั้งใจทำงานล่ะ”
ภคพลยิ่งเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองขยันขันแข็งเช่นนี้ยิ่งนึกถึงตัวเองเมื่อก่อนไม่เคยมองเงินร้อยด้วยซ้ำแต่เห็นทีเขาจะต้องปรับทัศนคติของตัวเองใหม่เสียแล้ว
นึกไปนึกมาก็เห็นถึงความโชคดีของตัวเองหลายอย่างที่ไม่เคยนึกมองถึงว่าพ่อของเขาถึงอยากจะให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อดัดนิสัยนักเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันสอนเขาได้จริงๆ
ภคพลเดินห่างออกมาจากเด็กหนุ่มทั้งสองจนไกลก่อนจะหันกลับไปมองใหม่อีกรอบเขาคิดว่าในอนาคตคงได้ทาบทามเด็กหนุ่มสองคนนี้ให้ไปเป็นบุคลาการในบริษัทของเขาแน่นอน
ไร่เพียงกมล
รถกระบะสี่ประตูสีดำของพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างคีรินจะกลับมาที่บ้านเวลาเกือบหกโมงเย็นทุกวันเขาขับรถเข้ามาจอดที่โรงรถใกล้กับโรงเก็บของ
กึก..กัก..เพล้งงง
ชายหนุ่มที่กำลังลงจากรถที่จอดสนิทเขาก็ดันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังออกมาจากในห้องเก็บของจึงไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องเก็บของที่ประตูเปิดโล่งอยู่ทันที
ปึก
“อ..โอ้ยย..”
ไม่ทันที่พ่อเลี้ยงหนุ่มจะได้กวาดตามองรอบๆก็เห็นฟองจันทร์ล่วงลงมาจากบันไดนอนฟุบกองอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“จันทร์”
คีรินเข้ามารวบอุ้มร่างบางที่นอนแน่นิ่งขดอยู่กับพื้นออกมาข้างนอก
“จ..จุก”
ฟองจันทร์ที่ทั้งเจ็บทั้งจุกในคราวเดียวกันก็หลับตาปี๋กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไม่นานนักร่างของเธอก็ถูกมาวางที่แคร่ไม้ที่โรงรถ
“ปีนบันไดขึ้นไปทำอะไรจันทร์...มันอันตรายไม่รู้หรือไง”
คีรินบ่นหญิงสาวอุกก่อนจะดึงเสื้อคลุมของตัวเองออกมาฉีกเพื่อพันแผลที่น่องซ้ายให้ฟองจันทร์ เจ้าตัวคนเจ็บก็พึ่งจะสังเกตเห็นแผลตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันทีทันควันคิดว่าเมื่อครู่คงถูกจอบที่ตั้งอยู้ด้านล่างบาดตอนที่เธอตกลงมาแน่นอน
“ดีนะที่มันบาดที่ขาเป็นที่อื่นไม่อยากจะคิด”
คีรินพันแผลให้หญิงสาวไปบ่นไปหากเกิดที่กลางลำตัวหรือส่วนหัวไปถึงลำคอเขาไม่อยากจะนึกสภาพฟองจันทร์เลยว่าจะเป็นอย่างไรหลังจากพันแผลเสร็จคีรินก็อุ้มหญิงสาวขึ้นรถรีบขับออกจากไร่ไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ตลาดสดในหมู่บ้าน
เย็นนี้ภคพลอาสามาจ่ายตลาดให้กับพราวพิ้งค์เพราะเห็นว่าเธอยังเคลียบัญชีไม่เสร็จร่างสูงหล่อเหลาเดินเข้ามาในตลาดสดได้บรรดาแม่ค้าสาวๆยันกลางคนก็ได้แต่จ้องมองเขาตาเป็นมันแต่เมื่อชายหนุ่มหยุดอยู่ที่หน้าร้านโชห่วยเหล่าบรรดาสาวๆในตลาดต่างก็อมยิ้มมองหน้าเป็นรู้กันว่าเขาคนนี้น่าจะมาซื้อของตามที่ภรรยาสั่งแน่นอน
“เอาของตามนี้ครับป้า”
ภคพลยื่นกระดาษโน๊ตแผ่นไม่ใหญ่มากนักให้กับป้าร่างท้วมสวมผ้ากันเปื้อนสีเลือดนกเก่าๆได้หยิบของให้
“ได้จ่ะ..รอเดี๋ยวนะ”
“ครับ”
หลังจากป้าร่างท้วมกำลังหยิบของคีรินก็รีบควักกระเป๋าตังหยิบแบงค์ร้อยออกมาหลายใบเพราะเห็นว่าของที่พราวพิ้งค์สั่งให้ซื้อค่อนข้างเยอะพอสมควรน่าจะราคาหลายร้อย
“ได้แล้วพ่อหนุ่ม250บาท”
“นี่ครับ”
ภคพลยื่นแบงค์ร้อยในมือให้ป้าร่างท้วมที่ส่งของถุงใหญ่ให้ด้วยท่าทีแปลกใจก่อนจะก้มดูของในถุงอีกรอบ
“ตังค์ทอนจ่ะ”
“ครับ”
ชายหนุ่มรับเงินทอนเสร็จก็เดินกลับมาที่รถด้วยความงุนงงไม่เคยคิดเลยว่าเงินไม่ถึงสามร้อยจะซื้อของเข้าครัวให้พราวพิ้งค์ได้เยอะขนาดนี้
ครู่ต่อมา
“ได้ของมาครบหรือเปล่าคะ”
พราวพิ้งค์กำลังล้างผักที่พึ่งเก็บจากหลังบ้านอยู่ในครัวเห็นภคพลเดินเข้ามาก็รีบเข้ามาช่วยถือของ
“อืม..”
“ตอนแรกผมว่าเงินเดือนผมมันน้อยไม่รู้เลยว่าจะเจียดซื้ออะไรได้แต่ตอนนี้ดูสิเงินไม่ถึงสามร้อยบาทซื้ออะไรได้ตั้งเยอะ”
ชายหนุ่มว่าด้วยท่าทีตื่นเต้นจนพราวพิ้งค์หันไปมองจ้องหน้าของภคพลด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ทำไมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาคะ”
“เปล่าหรอก..แค่ผมเริ่มรู้ค่าของเงิน”
พราวพิ้งค์รู้สึกชื่นชมในความคิดของภคพลสาวเจ้าได้แต่อมยิ้มแก้มปริที่เรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันที่นี่สอนชายหนุ่มได้หลายอย่างเห็นทีจะต้องให้ออกไปเปิดหูเปิดตาตามที่ต่างๆในชนบทบ่อยๆแล้ว
กว่าคีรินจะพาฟองจันทร์กลับจากโรงพยาบาลก็ฟ้ามืดหญิงสาวเย็บแผลที่น่องไปหลายเข็มและต้องฉีดยากันบาดทะยักเมื่อมาถึงบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มก็อุ้มคนตัวเล็กที่เจ็บมานั่งในห้องของเธอก่อนจะเริ่มบ่นหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงอีกรอบ“หาเรื่องเจ็บตัวจนได้”“ก็จันทร์เห็นว่าของในนั้นมันไม่ค่อยเรียบร้อยก็เลยเข้าไปจัดค่ะ”ฟองจันทร์ยังคงก้มหน้าอธิบายเสียงอ่อนใครจะคิดว่าความหวังดีของเธอจะทำให้คีรินต้องมาเดือดร้อนดูแล“ทีหลังถ้าพี่ไม่ได้สั่งอะไรไม่ต้องทำรู้หรือเปล่า”พ่อเลี้ยงพนุ่มวาดสายตาไปยังผ้าพันแผลของหญิงสาวเขาก็ยิ่งหน้าเสียที่บ่นเธอไม่ใช่โมโหที่ต้องเสียเวลาพาเธอไปหาหมอที่พูดทั้งหมดเพียงแค่เป็นห่วงคำเดียวเท่านั้น“ค่ะ...จันทร์หยุดงานกี่วันพี่คีหักเงินได้เลยนะคะ”“พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก..ไปเดี๋ยวพี่อุ้มไปอาบน้ำ”ว่าจบก็สาวเท้าไปเปิดประตูห้องน้ำรอไว้พร้อมทั้งหาเก้าอี้มาให้เธอนั่งและเตรียมผ้าขนหนูให้เรียบร้อย“อะไรนะคะ”ฟองจันทร์นั่งมองตามหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจตั้งแต่เข้ามัธยมต้นแม้แต่แม่เธอก็ยังไม่เคยมาเห็นเรืองร่างแล้วเธอจะทำใจให้คีรินอาบน้ำให้ได้อย่างไร“อุ้มไปส่งในห้องน้ำไม่งั้นจะเข้าไปยั
วันต่อมาแอด..แอด..ๆๆๆ “หืม..”พราวพิ้งค์กำลังไกวเปลให้เจ้าก้อนกลมที่พึ่งจะหลับกลางวันเธอก็ต้องขมวดคิ้วเพราะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซต์รุ่นเก่าขับเข้ามาที่หน้าบ้านจึงรีบเดินออกไปห้ามให้คนที่ขับเข้ามาอย่าเข้ามาใกล้ด้วยกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่น“คุณพอล..”เมื่อออกมาจากบ้านได้พราวพิ้งค์ก็ยิ่งสงสัยหนักว่าภคพลขับรถมอเตอร์ไซต์คันเก่านี้อีกทำไมทั้งที่ตอนนั้นมันพาเขาล้มจนเจ็บหนัก“ขับมอเตอร์ไซต์อีกทำไมคะ..เดี๋ยวก็ล้มจนเจ็บตัวอีก”“ทุกเย็นผมให้ต้นกล้ากับเตชินสอนค่าครูคนละร้อยทุกวันเป็นอาทิตย์จนตอนนี้ผมขับจนแข็งแล้ว..ลุงสมจะได้ไม่ต้องคอยมารับมาส่ง”ชายหนุ่มเอ่ยหน้าระรื่นอย่างภาคภูมิใจคิดว่าไอ้การที่ขับมอเตอร์คันเก่าคันนี้แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ยากสักเท่าไรนัก“แล้วกลับมาทำไมคะงานยังไม่เลิกไม่ใช่หรือไง”“คิดถึงคุณกับลูกอยากกลับมาทานข้าวที่บ้าน”ร่างสูงว่าพรางส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมายังพราวพิ้งค์จนเธอต้องส่ายหัวคิดในใจว่าหลังจากนี้เชื่อได้ว่าเขาจะต้องกลับมาทานข้าวกลางวันที่บ้านทุกวันแน่นอนเพราะขับมอเตอร์ไซต์เป็นแบบนี้แล้วโต๊ะอาหาร“ขาหมูพะโล้ค่ะ..ตุ๋นตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเปื่อยกำลังดีเลยค่ะ”“คุณท
ดนัยหนุ่มวัยสามสิบห้าเขาเข้ามาทำงานในบริษัทของภูริชเพราะมีจุดหมายที่ต้องการก็คือเอาชีวิตนาดีลเพราะแค้นที่นาดีลนั้นหลอกน้องสาวของเขามีสัมพันธ์ด้วยจนเกิดท้องแล้วไม่รับผิดชอบแถมยังส่งคนมาพาน้องสาวของเขาไปทำแท้งและขาดการติดต่อไปจนน้องสาวของเขาคิดสั้นฆ่าตัวตายเหตุนี้เขาจึงคิดว่าชีวิตก็ควรจะแลกด้วยชีวิตที่ภูริชต้องร้อนรนขับรถออกมาเองจนเกิดอุบัติเหตุก็เป็นเพราะฝีมือของเขาเพียงแค่ทำให้รถมีปัญหานิดหน่อยแล้วก็โทรไปบอกความจริงว่านาดีลจะพาน้องสาวของเขาไปทำแท้งคนเป็นพ่ออย่างภูริชที่ไม่อยากให้ใครมารู้ความชั่วของลูกตัวเองจึงเลือกที่จะขับรถออกมาคนเดียวตามที่ดนัยได้วางแผนเอาไว้ก้องภพมารับพราวพิ้งค์กลับมาที่บ้านของภคพลในช่วงเย็นโดยยังไม่ได้บอกเรื่องที่ภคพลนั้นเกิดอุบัติเหตุเพราะกลัวว่าหญิงสาวนั้นจะตกใจ“คุณพิ้งค์พาคุณหนูพักผ่อนตามสบายเลยนะครับส่วนอาหารเย็นผมสั่งมาเรียบร้อยแล้วอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัวครับ”“แล้วคุณพอลไปไหนคะ...เค้าจะกลับมาเมื่อไร”พราวพิ้งค์รีบชิงถามก้องภพขณะที่เขาจะหันหลังเดินออกไปจากบ้านหลังจากที่มาส่งเธอ“เอ่อ..คุณพอลติดประชุมด่วนครับคืนนี้น่าจะไม่ได้กลับนะครับคุณพิ้งค์”“ค่ะ”ก้องภพ
วันเวลาพ้นผ่านไปนานร่วมอาทิตย์ตอนนี้ภูริชก็ฟื้นตัวได้พอสมควรส่วนภคพลปลอดภัยแต่ยังไม่ฟื้นพราวพิ้งค์มาเฝ้าภคพลทุกวันไม่เคยห่างแทบจะกินนอนที่นี่ส่วนยัยหนูพลอยขวัญช่วงนี้ก็จะอยู่กับปลายฝันและแดนไทยทั้งสองอาสาช่วยเลี้ยงให้เองระหว่างที่พราวพิ้งค์ยังต้องเฝ้าภคพลภูริชฟื้นขึ้นมาได้แต่เขาก็ยังต้องรักษาตัวอีกนานเพราะกระดูกที่หักยังต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาเป็นปกติช่วงนี้บริษัทยิ่งวุ่นวายเรื่องการนำเข้ารถยนต์ลอตใหญ่ภูริชจึงวานให้โนแอลและนาดีลตัดสินใจกันว่าใครจะเข้าดูแลบริษัทแทนในช่วงนี้บทสรุปที่ได้คือโนแอลจะดูแลอยู่ที่นี่ทั้งบริษัทของคนเป็นพ่อและของภคพลส่วนกิจการส่วนตัวของเขาที่ฝรั่งเศสก็ฝากให้นาดีลดูแลพราวพิ้งค์ตื่นเช้าทุกวันเพื่อที่จะลุกขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับภคพลเธอดูแลเขาอย่างดีทั้งภาวนาในใจทุกวันว่าให้เขานั้นฟื้นมาพูดคุยกับเธอเร็วๆ“คุณต้องหายไวๆนะคะจะได้มาฟังคำว่ารักจากปากของฉัน”หญิงสาวมองคนที่นอนเป็นผักหน้าละห้อยเธอเห็นภคพลอยู่ในสภาพนี้เป็นอาทิตย์แล้วจึงหดหู่หัวใจเป็นพิเศษ“พิ้งค์..เรื่องเธอกับคุณพอลยังไงกันแน่?”ปลายฝันที่เข้าห้องพักฟื้นของภคพลมาเงียบๆเธอก็แอบตกใจกับคำที่พราวพิ้
ก๊อกๆๆสายตาของสองหนุ่มมองไปยังประตูที่กำลังจะมีคนเข้ามาเมื่อภคพลเห็นว่าเป็นใครเขาก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าเข้ามานั่งข้างเตียงของภคพลด้วยใบหน้าระรื่นมือเรียวรีบกอบกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้แน่นด้วยความดีใจที่เห็นเขานั้นฟื้นขึ้นมาได้เสียที“กลับมาทำไม”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะถามไถ่อาการของภคพลกับณดลคำถามน้ำเสียงเสียงห้วนของคนเจ็บก็ทำให้พราวพิ้งค์หน้าเสียกะทันหันไม่รู้ว่าเขาจะแกล้งอะไรเธอถึงได้ทักทายกันเช่นนี้“ผมขอคุยกับคุณพิ้งค์หน่อยครับ”ณดลรีบเรียกพราวพิ้งค์ออกมาคุยกันข้างนอกเพราะมีเรื่องที่หญิงสาวจะต้องรับรู้ถึงอาการที่ไม่ค่อยจะดีนักของภคพล“พอลความทรงจำหายไป...ที่จำได้ก็น่าจะสามปีที่แล้วครับ”“สามปีที่แล้วเหรอคะ?”พราวพิ้งค์เสียงสั่นมือไม้อ่อนเท่ากับว่าภคพลคนที่เจ็บอยู่ตอนนี้ยังเป็นคนเดิมคนที่เอาแต่ใจโผงผางเจ้าชู้และข้อสำคัญคือเขายังคงมองเธอเป็นแค่คู่นอนที่ไม่ต้องการให้มีอะไรผูกมัดฟึ่บบ“คุณพิ้งค์”ณดลรีบประคองพราวพิ้งค์เมื่อร่างบางฟุบกองลงกับพื้นดั่งคนไร้เรี่ยวแรงอาการข้างเคียงหลังการบาดเจ็บของภคพลนี่คือสิ่งที่พราวพิ้งค์ไม่อยากให้เกิดที่สุดหลังจากที่ไ
“นายทำอะไรของนายรู้ก็รู้ว่าแคททำกับนายขนาดไหนยังจะอยู่ใกล้อีก”ณดลเริ่มสวดเพื่อนของเขาหลังจากที่ห้องนี้เหลือเพียงสองคน“ฉันทำเพราะอยากให้พิ้งค์ไปไกลๆต่างหาก”ภคพลตอบปัดเสียงอ่อนคิดว่าแค่นี้เพื่อนของเขาจะรู้ใจเสียอีกว่าคนอย่างเขาไม่มีทางดีกับคนที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อนแน่นอน“แกโกรธคุณพิ้งค์แค่เรื่องที่เธอหนีไปแล้วไม่บอกนายแค่นั้นเหรอ”ภคพลยังคงเงียบเป็นคำตอบ ณดลเริ่มขมวดคิ้วไม่รู้ว่าเพื่อนตนที่ยังเป็นมีนิสัยเก่าๆเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องผู้หญิงด้วย“คุณพิ้งค์ก็กลับมาแล้วไงเธอกลับมาเพราะเป็นห่วงนาย...ตลอดที่นายนอนเป็นผักคนที่ดูแลนายไม่ใช่พยาบาลแต่เป็นคุณพิ้งค์..เธอคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นายพูดคุยกับนายตลอด..ตอนนายไข้ขึ้นเธอก็ไม่เคยได้หลับได้นอน..แต่พอนายฟื้นมากลับเอาแต่ไล่ให้เธอไปไกลๆมันยุติธรรมแล้วเหรอ”ณดลว่าเสียงแข็งหากเขาพูดเรื่องยัยหนูพลอยขวัญได้เขาก็อยากจะพูดใจจะขาดภคพลจะได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นพ่อคนแล้วไม่ควรทำตัวงี่เง่าประชดใครเหมือนเด็กแต่ติดตรงที่พราวพิ้งค์ขอเอาไว้“ตอนเธอหนีฉันไปทิ้งให้ฉันเคว้งคว้าง...ยุติธรรมกับฉันเหมือนกันหรือไง”“นายไม่ได้คิดกับเธอแค่คู่นอนใช่หรือเปล่า
“ก็อยากดูแลไม่ใช่หรือไง”ดวงตาคมจ้องมองยังใบหน้าที่บึ้งตึงของหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทั้งยังส่งน้ำเสียงยียวนกวนประสาทเธอตลอดเวลาทำพราวพิ้งค์หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเห็นท่าแล้วว่าภคพลคงจะอยากเล่นสงครามประสาทกับเธอเพราะเห็นว่าเธอดูแลเข้าหน่อยก็ใช้สารพัด“เจ้านายของนายเค้าปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไรเลย”ณดลมองดูภคพลและพราวพิ้งค์ผ่านประตูกระจกด้านนอกกับก้องภพเขาดูออกว่าเพื่อนตนนั้นไม่ได้อยากจะไล่พราวพิ้งค์ไปจริงๆที่ทำไปเพียงเพราะโกรธเคืองเรื่องเธอหนีไปก็เท่านั้น“ครับ”ก้องภพเปรยสายตามองไปยังคนในห้องก็อมยิ้มอ่อนรู้ว่าจิตใจของนายเขาซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่พอสมควรและที่หายวันหายคืนเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมีคนที่ตัวเองเอ่ยปากไล่มาอยู่ดูแลทุกวันนั่นเองRrrrr“ฉันขอตัวเดี๋ยวนะคะ”พราวพิ้งค์เห็นสายคีรินเข้ามาเธอก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ทันที่จะป้อนข้าวให้ภคพลเสร็จ“ค่ะคุณคีริน”หญิงสาวกดรับสายคุยกับคนที่โทรมาหาขณะที่กำลังจะเดินถึงประตูหลังจากนั้นก็เดินหายเงียบออกไปข้างนอก“คีริน”ภคพลขมวดคิ้วมองตามหลังร่างบางไม่วางตาเขารู้ว่าไม่เคยรู้จักคนๆนี้แต่ทำไมคุ้นกับชื่อคีรินที่หญิงสาวเอ่ยเรียกปลายสายแปลกๆ
วันต่อมาพราวพิ้งค์ใจเสียตั้งแต่เมื่อวานยังไม่หายเพราะจนป่านนี้แล้วภคพลก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา“เมื่อไรคุณจะตื่นมาคะ..คุณจะไล่ฉันต่อว่าฉันอีกกี่คำก็ได้ขอแค่ตื่นมาได้ไหม”สาวเจ้านั่งเอ่ยเสียงอู้อี้อยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มพรางยกมือปาดน้ำตาลวกๆ“อืม..”ขณะที่พราวพิ้งค์นั่งหน้าหน้าเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่ภคพลก็มีทีท่าว่าจะขยับตัวตื่น“คุณพอล”มือเรียวรีบกดเรียกพยาบาลทันทีที่เห็นว่าภคพลลืมตาไม่นานนักณดลและพยาบาลผู้ช่วยอีกหนึ่งคนก็เข้ามาในห้องพราวพิ้งค์จึงหลบไปนั่งมุมห้องเงียบๆขณะที่หมอหนุ่มกำลังลงมือตรวจอาการภคพล“จำได้หรือเปล่าว่าก่อนปวดหัวเกิดอะไรขึ้น..”ณดลเริ่มถามคนที่มีอาการสะลึมสะลือภคพลยังคงเงียบเขาเปรยสายตาไปยังหญิงสาวที่นั่งใจจดใจจ่อจ้องมองมายังตัวเองอยู่ที่มุมห้องก่อนจะเงยหน้าส่ายหัวกับณดล“..ไม่รู้ฉันจำไม่ได้”“แล้วตอนนี้ยังมีอาการปวดหัวอยู่หรือเปล่า”“ไม่..ฉันโอเค.. ขอพักผ่อนก่อน”ท่าทีของภคพลดูเหนื่อยอ่อยเป็นพิเศษณดลจึงไม่ได้เค้นถามอะไรเพื่อนตนมากเมื่อไม่มีอาการปวดหัวภคพลก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไร“อีกสี่ชั่วโมงฉันจะมาดูนายอีกรอบ”“อืม..”“ฉันขออยู่เฝ้านะคะจะอยู่เงียบๆ”พราวพิ้งค์ไม