เช้าวันต่อมา
ไร่เหมวัต
วันนี้มีเรื่องให้ภูริชต้องปวดหัวอีกแต่เช้าเมื่อได้รับข่าวจากเลฟคู่ค้าคนสำคัญว่าลูกชายของเขาส่งคนไปทำร้ายอิกอร์น้องชายของเลฟจนบาดเจ็บสาหัส
เพียะ
มือหนาฟาดเข้าแก้มซ้ายของลูกชายคนเล็กเต็มแรงจนหน้าหันด้วยความโมโหน้อยครั้งนักที่เขาจะลงมือกับลูกแบบนี้
ภคพลน้ำตาคลอเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าของเขาแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นที่ใจมากกว่าที่ถูกคนเป็นพ่อตบตีด่าทอทั้งที่เขาเป็นฝ่ายที่ถูกอิกอร์กระทำก่อน
“ทำอะไรไม่รู้จักคิดดีที่เลฟไม่เอาเรื่องอะไร”
ภูริชตวาดเสียงฝาดเพราะดีแค่ไหนที่เขาคุยกับเลฟจนเขาอารมณ์เย็นลงและเข้าใจว่าอิกอร์ทำภคพลก่อนได้ไม่เช่นนั้นภคพลเองจะตกอยู่ในอันตรายซึ่งเขาก็ไม่สามารถที่จะปกป้องลูกได้ตลอดเวลาแม้นจะมีอำนาจมากพอกับเลฟก็เถอะ
“แต่อิกอร์ทำผมก่อนนะครับ”
ภคพลเอ่ยตอกกลับคนเป็นพ่อเสียงสั่นโมโหเหลือเกินที่พ่อของเขาไม่มีทีท่าจะปกป้องเขาแม้แต่น้อย
“ฉันรู้.. แต่ทำไมไม่รู้จักใช้ปัญญาแก้ปัญหาทำไมชอบใช้แต่กำลัง”
“ที่คุณพ่อโกรธขนาดนี้เป็นเพราะเลฟเป็นคู่ค้าคนสำคัญใช่หรือเปล่าครับ”
“พอลหยุด..คุณพ่อไม่เคยคิดเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว”
โนแอลที่ยืนเงียบในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีมานานจึงรีบปรามน้องชายเมื่อเห็นว่าน้องตนนั้นกำลังก้าวร้าวพ่อตัวเองเขารู้ว่าพ่อของเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องภคพลการที่เตือนให้ใช้สมองมากกว่ากำลังครั้งนี้ก็เช่นกันแต่เห็นทีภคพลจะไม่รับรู้ความหวังดีของคนเป็นพ่อเท่าไรเลย
“หึ่..”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ข้างๆแม้นแต่พี่ชายที่ตามใจตนมาตลอดภคพลจึงรีบหันหลังหมายจะเดินหนีออกไปจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดแต่เขายังไม่ทันได้ก้าวไปไหนพ่อของเขาก็โพร่งคำขาดออกมาเสียงดัง
“ฉันจะดัดนิสัยแกตาพอล..ต่อไปนี้แกต้องอยู่ที่นี่ถ้าไม่ทำตามที่ฉันสั่งกิจการแกพังไม่เป็นท่าแน่”
“คุณพ่อ!”
ภคพลหันมามองภูริชด้วยท่าทีน้อยใจเพราะรู้ว่าพ่อของเขาสามารถพังกิจการของเขาได้จริงตามที่พูด
“แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันทำได้จริง..แกต้องอยู่ที่นี่ทำงานทุกอย่างเพื่อฝึกความอดทน..”
ภูริชว่าจบเขาเองเป็นฝ่ายที่เดินหนีออกไปคำขาดเมื่อครู่เขาคิดไตร่ตรองมาพักใหญ่แล้วว่าลูกชายคนเล็กของเขาต้องได้รับการดัดนิสัย
“ไม่นะครับคุณพ่อ”
ภคพลตะโกนตามหลังคนเป็นพ่อก่อนจะหันมาหาพี่ชายหมายจะขอความช่วยเหลือแต่โนแอลก็กลับเดินหนีเขาไปอีกคนตอนนี้เขาจึงรู้สึกหดหู่ในใจอย่างที่ไม่เคยเป็น
ภูริชเข้ามาคุยกับแดนไทยในห้องทำงานช่วงสายว่าจะฝากให้ภคพลทำงานอยู่ที่นี่เพื่อฝึกความอดทนเพราะคนที่เคยสบายมาตั้งแต่เกิดหากไม่รู้ค่าของความลำบากไม่รู้ว่าการเคารพคนอื่นเป็นยังไงอย่างภคพลต้องเจอบททดสอบภูริชหวังว่าระยะเวลาที่ลูกชายเขาอยู่ที่นี่จะขัดเกลานิสัยให้เป็นคนที่ดีขึ้นมาได้บ้าง
“ถ้าพี่คิดว่าดีแล้วผมก็ไม่ขัดครับ..ดีเลยจะได้มีคนมาคอยช่วยงานระหว่างที่ผมฮันนีมูน”
แดนไทยไม่ปฏิเสธคำของของภูริชเพราะเขาก็ต้องการคนที่ไว้ใจได้มาดูแลงานในไร่แทนพักใหญ่
“หาคนที่ไว้ใจได้มาคอยคุมด้วยล่ะ”
“ครับ..ผมจะจัดการให้”
ภูริชเชื่อว่าคนอย่างภคพลที่มีลูกล่อลูกชนเยอะจะต้องมีคนมาคอยคุมพฤติกรรมไม่อย่างนั้นความหวังว่าจะงานที่นี่จะเกลาลูกชายของเขาคงจะเป็นไปได้ยาก
พราวพิ้งค์เข้ามาหาแดนไทยในช่วงสายหลังจากปลายฝันโทรมาหาเธอบอกว่าแดนไทยมีธุระด่วนจะคุยด้วย
“โทรเรียกให้พิ้งค์เข้ามาแต่เช้ามีอะไรเหรอคะ”
หญิงสาวฝากยัยหนูพลอยขวัญกับปลายฝันก่อนจะเข้ามาในห้องทำงานของแดนไทยเพื่อคุยธุระกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“ช่วงนี้ผมกับปลายจะไปฮันนีมูนกันที่ภูเก็ตกะว่าจะบินต่อที่อื่นด้วย..ผมมีคนงานใหม่ที่อยากจะฝากคุณพิ้งค์ดูแลให้เป็นพิเศษคอยควบคุมการทำงานของเค้าระหว่างที่เค้าทำงานแทนผมจะได้หรือเปล่าครับ”
“ได้สิคะ”
หญิงสาวตอบรับด้วยความยินดีแค่เพียงช่วยดูแลคนในไร่แค่นี้เธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“คุณพิ้งค์รับปากแบบนี้ผมจะได้หมดห่วง”
แดนไทยหน้าระรื่นเมื่ออีกฝ่ายตอบรับโดยง่าย
“เค้าเป็นใครเหรอคะ.. แล้วจะมาวันไหน”
“หลานชายผมเองครับ..ที่มีปัญหากับคุณวันแต่งผม”
“เอ่อ..”
พราวพิ้งค์เริ่มหน้าเสีย
“ผมคิดว่าไม่มีใครเหมาะไปกว่าคุณแล้ว..เพราะผมเชื่อว่าคุณพิ้งค์จะไม่ใจดีกับเค้าแน่นอนพ่อของพอลต้องการให้พอลฝึกความอดทนที่นี่เพื่อดัดนิสัยยังไงฝากด้วยนะครับคุณพิ้งค์”
“ค่ะ..”
และแล้วความผิดพลาดครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับพราวพิ้งค์ที่เธอดันรับปากว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มโดยไม่ถามรายละเอียดให้รอบครอบเสียก่อน
“เงินเดือนแค่2หมื่นจะไปพอใช้อะไรครับคุณพ่อ”
ภคพลโอดโอยเมื่อรู้ว่าตนจะต้องกลายเป็นคนงานในไร่คนหนึ่งที่ต้องตากแดดตากลมทำงานเพื่อแลกกับเงินเพียงไม่กี่หมื่น
“คนที่นี่เงินเดือนยังไม่เท่านี้เค้ายังอยู่กันได้แกก็ต้องอยู่ให้ได้..ลำบากเสียบ้างทำอะไรจะได้รู้จักคิดรู้จักไตร่ตรอง”
“ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไรครับ”
“6 เดือนถ้าแกอยู่ได้ฉันจะคืนทุกอย่างให้และจะไม่มาบังคับชีวิตของแกอีกเลย”
“เฮ่อ.. ครับผมทนได้อยู่แล้ว”
ภคพลถอนหายใจเสียงอ่อนแต่ก็คิดว่าอย่างน้อยก็มีข้อดีหนึ่งข้อหากเขาทนอยู่ที่นี่ได้พ่อจะได้ไม่มาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของเขาหลังจากนั้นก็จะมีแต่คำว่าอิสระคำนี้แหละที่เขาต้องการ
“อ่อ..อีกอย่างแกจะไม่ได้อยู่ที่นี่แต่จะเป็นกระท่อมริมธารน้ำตกท้ายไร่โน่น”
“แต่ที่นั่นมันไม่มีอะไรเลยนะครับ”
“หรือแค่นี้ทนไม่ได้”
ข้อนี้ที่ทำให้คนตัวโตเข่าทรุดฟุบลงนั่งกับโซฟาหน้าเสียคิดในใจว่าแค่ทำงานลำบากไม่พอเขายังต้องมากินมานอนในที่ๆลำบากอย่างที่ไม่เคยอยู่อีก..ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากย้อนเวลากลับไปก่อนที่ยังไม่มีปัญหากับอิกอร์ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีเรื่องกับเขาแต่อยากจะทำให้เจ็บหนักกว่าเดิมหลายเท่าให้คุ้มที่เขาต้องมาลำบากเช่นนี้
“คุณพิ้งค์จะเป็นคนดูแลเราตลอดระหว่างที่อาไม่อยู่มีปัญหาติดขัดอะไรเรื่องงานก็ถามเธอได้ตลอด”
แดนไทยที่นั่งฟังสองพ่อลูกคุยกันนานสองนานเขาก็ต้องรีบบอกให้ภคพลได้รู้ว่าคนที่จะควบคุมดูแลเจ้าตัวคือใคร
“ใครดูแลผมนะครับ”
“คุณพิ้งค์”“อ่อ..ครับ..แล้วเธอดูแลทุกเรื่องเลยหรือเปล่าครับ”เห็นจะมีเรื่องนี้ที่ทำให้ที่นี่น่าอยู่สำหรับเขาขึ้นมาหน่อย“ก็..ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกเธอได้ตลอด”“ครับคุณอา..”“แล้วอย่าทำเรื่องอะไรที่มันงามหน้ามาถึงฉันด้วยล่ะ”ภูริชต้องพูดดักลูกชายตัวดีของเขาไว้ก่อนเพราะไม่อยากจะรับรู้รับฟังว่าภคพลมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครหรือทำเรื่องเสียหายกับผู้หญิงอีก“ค้าบบ..คุณพ่อ”วันต่อมาในเวลาใกล้ที่จะโพล้เพล้หลังจากที่ภูริชกลับกรุงเทพพร้อมโนแอลและแดนไทยเดินทางไปฮันนีมูนกับปลายฝันสมหมายชายวัยเกือบห้าสิบผู้จัดการไร่ส้มในไร่ของเหมวัตก็ขับรถมาส่งภคพลที่กระท่อมเล็กท้ายไร่แม้นที่นี่จะเรียกว่ากระท่อมแต่มันก็ถือว่าใช้กินใช้อยู่ได้สะดวกพอสมควรเพราะกระท่อมริมธารน้ำตกท้ายไร่เหมวัตเป็นกระท่อมยกพื้นสูงชานระเบียงกว้างหลังคากระเบื้องแข็งแรงเรียกว่าบ้านหลังเล็กก็ยังได้ตัวเรือนทำด้วยไม้แผ่นใหญ่ฝาผนังด้านข้างเป็นไม้ไผ่สานหากภคพลเดาไม่ผิดโครงสร้างคงเป็นไม้สักด้านข้างเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันมีไฟฟ้าเข้าถึงเรียบร้อยเดาว่าอาของเขาคงให้คนจัดเตรียมเอาไว้ให้ด้านในกระท่อมมีห้องนอนที่ไม่ใหญ่มากนักกั้นด้วยไผ่สานแยกจา
ช่วงสายวันต่อมา“คุณพิ้งค์..ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”คีรินเข้ามาทำธุระที่ไร่เหมวัตเขาจึงแวะเข้ามาหาพราวพิ้งค์ที่สำนักงานหลังจากที่รู้จากคนงานในไร่ว่าเธอมาทำบัญชีที่นี่วันนี้“ฟองจันทร์พาไปเล่นที่บ้านค่ะ”“ผมซื้อบัวลอยของป้าสายหยุดมาฝากครับ”พ่อเลี้ยงหนุ่มวางถุงบัวลอยบนโต๊ะทำงานของพราวพิ้งค์ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวคนในสำนักงานต่างก็มองมายังทั้งสองพรางอมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคีรินนั้นตามจีบพราวพิ้งค์มานานแล้วแม่คุณก็ไม่ยอมใจอ่อนตกลงปลงใจกับคีรินเสียทีพวกเขาก็ได้แต่แอบเชียร์อยู่ห่างๆ“ขอบคุณนะคะ..รู้ได้ไงคะว่าพิ้งค์อยู่ที่นี่”“พี่มิ่งบอกครับ..แล้วทำไมวันนี้คุณพิ้งค์มาทำงานที่นี่ได้ปกติเห็นอยู่ที่บ้าน”คีรินต้องขอบคุณมิ่งหล้าคนดูแลโรงบ่มไวน์ที่ใจดีบอกกับเขาเมื่อเช้าว่าพราวพิ้งค์อยู่ในสำนักงาน“ปลายกับพ่อเลี้ยงไม่อยู่พิ้งค์ต้องมาที่นี่บ่อยน่ะค่ะ”Rrrrr“พิ้งค์รับโทรศัพท์แปปนะคะ”พราวพิ้งค์หันมายิ้มกับพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะก้มหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง“ค่ะลุงสม.. ค่ะๆเดี๋ยวพิ้งค์จะรีบไปดูเค้านะคะ”พราวพิ้งค์รู้เรื่องไม่ค่อยดีนักจากปลายสายเธอเริ่มหน้าเสียเมื่อวางสายได้ก็รีบรนรานลุกออกจ
เวลาเกือบโพล้เพล้หลังจากที่พราวพิ้งค์ได้ยาตามที่สั่งกับสมหมายสองแม่ลูกขับรถเก๋งเข้ามาจอดใกล้ๆกับทางเข้ากระท่อมริมธารน้ำตกหญิงสาวอุ้มลูกวัยสองขวบพร้อมกระเป๋านมพะลุงพะลังเข้ามาบนชานกระท่อมยัยหนูพลอยขวัญดูท่าจะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ที่ได้มาพอสมควรดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆด้วยท่าทีสงสัยปนตื่นเต้นแต่ยังคงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนอะไรคนเป็นแม่“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกระท่อมของภคพลเธอเรียกหาชายหนุ่มเสียงดังแต่ไม่ยักจะมีใครเปิดประตู“ปอออ..”เด็กหญิงเอ่ยขานตามคำสุดท้ายของคนเป็นแม่เสียงดังแต่ประตูห้องก็ยังไม่ขยับพราวพิ้งค์จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป“คุณพอล”พราวพิ้งค์เอ่ยเสียงเรียกภคพลอีกรอบเมื่อเข้ามาในห้องโถงของกระท่อมไม่นานนักคนในห้องนอนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนท่าทางของภคพลไม่ค่อยดูดีเท่าไรนักพราวพิ้งค์จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะไข้ขึ้น“คิดถึงผมเหรอ”คนตัวโตที่ยืนหน้าซีดเผือดยังมีแก่ใจเอ่ยหยอกหญิงสาวที่กระเตงเจ้าก้อนกลมเข้ามาหาเขาถึงที่นี่“แอ้..”มือป้อมยกชี้หน้าภคพลพร้อมส่งเสียงใสเอ่ยทักคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะจำได้ว่าเคยเจอกัน“ไง..เจ้าแก้มย้วย”มือหยายกหมาย
พราวพิ้งค์เสร็จจากธุระในห้องน้ำได้เธอก็รีบกลับเข้ามาในห้องนอนของภคพลหญิงสาวค่อนข้างเบาใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงที่ฟูกนอนข้างเตียงไปได้จะได้ไม่ต้องมีบทสนทนากันให้เธอรู้สึกอึดอัดหากมีบางคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบครั้นเมื่อจะลงนอนบนเตียงข้างๆลูกสาวพราวพิ้งค์ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกลงมาจากเตียงอีกครั้งมานั่งลงวาดหลังมืออังหน้าผากของภคพลอีกรอบเพื่อดูว่าไข้ของเขาลดหรือยังหลังจากทานยาไปร่วมชั่วโมงแล้วหญิงสาวพอจะยกยิ้มมุมปากได้เพราะตัวของชายหนุ่มไม่ร้อนเท่าตอนที่เธอมาเจอคราแรกจึงหมายจะลุกกลับไปนอนบนเตียงแต่ร่างของเธอก็ถูกคนตัวโตรวบดึงไปนอนกอดเสียก่อน“คุณพอล..ปล่อยค่ะ”คิ้วบางได้รูปขมวดขึ้นผูกโบดวงตากลมโตจ้องมองค้อนใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากสายตาไม่ถึงคืบความเจ้าเล่ห์ของภคพลไม่มีใครเกินเลยจริงๆ“ขอนอนกอดคุณไม่ได้หรือไงทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”เสียงแหบพร่าก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลทั้งจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่วางตา“นั่นมันอดีตค่ะ..ปล่อย”พราวพิ้งค์ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรมากเพราะกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่นหากเป็นสถานการณ์อื่นภคพลคงถูกเธอดุเสียงแข็งไปแล้ว“ไม่...หนีผมมาทำไม”ชายหนุ่มยังรัดร่างบางแน
ทางด้านในโรงอาหารที่ไร่ช่วงกลางวันผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องที่ลำเพยได้รับรู้มาบางคนที่สนใจเรื่องชาวบ้านก็จะพูดต่อปากต่อคำกันแต่บางคนที่สนใจแต่งานก็ทำเป็นไม่รับไม่รู้เรื่องของคนอื่นแต่เห็นประเภทไม่อยากรู้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นเพราะการติฉินนินทาของชาวบ้านชนบทเหมือนจะมองกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย“อยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยเหรอ”ลำเพยไม่เพียงแค่พูดในโรงอาหารเท่านั้นแต่รามมาถึงขณะที่มาทำความสะอาดที่สำนักงานไร่ด้วยจนสาวๆที่ทำงานอยู่ในสำนักงานต่างก็หูผึ่งตาโพรงไปตามๆกันเมื่อได้รับรู้เรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล“ก็ใช่น่ะสิแถมยังใส่เสื้อคุณพอลแค่ตัวเดียวด้วย.. สองคนนี้จุดติดกันไวเนอะ”ลำเพยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรพราวพิ้งค์และภคพลก็จะต้องมีสัมพันธ์กันในคืนที่ผ่านมา“ป้าเพยก็พูดไปพี่พิ้งค์แค่ช่วยดูแลคุณพอลเท่านั้น”ฟองจันทร์ที่ช่วยคนเป็นแม่เอากับข้าวมาให้คนในสำนักงานก็ถือวิสาสะโต้เถียงแทนพราวพิ้งค์เพราะเชื่อในตัวพี่สาวของเธอว่าไม่ทำตัวง่ายกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแน่นอน“เราน่ะจะไปรู้อะไรต้องคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างป้านี่..ดูปราดเดียวก็รู
“นี่ครับคุณพอลจดหมายมาถึงเมื่อกลางวัน”สมหมายยื่นซองสีน้ำตาลที่พึ่งมาส่งในสำนักงานเมื่อกลางวันให้ภคพลขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งรอเขามารับกลับบ้านที่แคร่ไม้ไผ่หน้าไร่องุ่นยามเย็น“ขอบคุณครับลุงสม”ภคพลรีบเปิดซองจดหมายดูทันทีเมื่อเห็นว่ามาจากณดลชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลในจดหมายได้เขาก็นั่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งจนสมหมายเริ่มตกใจกับท่าทีแปลกไปของภคพล“คุณพอล..มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ลุงสมไปส่งผมที่บ้านพิ้งค์หน่อยนะครับผมมีธุระจะคุยกับเธอ”“ครับ”สมหมายค่อนข้างสงสัยในพฤติกรรมของภคพลพอสมควรแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่ปากทางเข้าบ้านของพราวพิ้งค์ภคพลกำซองจดหมายแน่นก่อนจะรีบลงจากรถ“ลุงสมกลับได้เลยนะครับถ้าผมจะกลับเดี๋ยวให้พิ้งค์ไปส่ง”“ครับ”สมหมายขับรถออกไปได้ภคพลก็เดินดุ่มเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์ทันที“มีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่คะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะหน้าบ้านเมื่อออกมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าเป็นภคพลที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมายืนอยู่หน้าประตู“ดีจ้า..”เจ้าก้อนกลมเห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในบ้านก็ยกมือป้อมสวัสดีทั้งทัก
“ปี๋..เจื้อ..”เจ้าก้อนสาวขาป้อมวิ่งออกมาหน้าบ้านเข้าไปในดงดอกไม้ที่ผู้เป็นแม่ปลูกเอาไว้เพื่อไล่จับผีเสื้อหลากสีเช่นที่เคยเล่นทุกวันมือป้อมน้อยไล่บีบขยำอย่างคันไม้คันมือแต่ก็ไม่เคยจับผีเสื้อได้สักตัว“ปี๋เจื้อ..”เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจ้องตัวเองอยู่ไม่วางก่อนจะดึงมือชายหนุ่มให้ไปจับผีเสื้อช่วยเพราะรู้ดีว่าหากวิ่งจับเองคงจะเหนื่อยกว่าจะจับได้ภคพลอยากจะรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมมากอดหอมสักฟอดใหญ่ติดตรงที่เขายังไม่ได้อาบน้ำกลัวเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของตนจะระคายเคืองผิวลูกน้อยจึงทำได้แค่เดินตามเท่านั้น“ปี๋เจื้อ..จับ”ดวงตากลมโตเงยจ้องมองหน้าคนตัวสูงชี้ไม้ชี้มือหมายจะให้ช่วยจับผีเสื้อที่ตัวเองไม่สามารถจับได้“ให้พ่อจับเหรอครับ...”ภคพลอมยิ้มอ่อนก่อนจะย่อตัวลงนั่งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเจ้าตัวกลมใกล้ๆเด็กหญิงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพ่อภคพลมองจ้องไปยังนัยน์ตาไร้เดียงสาของยัยหนูพลอยขวัญเขามีความรู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อยด้วยคิดไปไกลว่าหากเขามาเจอพราวพิ้งค์ช้าไปกว่านี้ลูกของเขาจะมีชีวิตที่ขาดพ่อไปอีกนานเท่าไรทั้งยังนึกน้
“ถ้าเป็นเรื่องผมกับเธอ..ผมให้คำตอบคุณได้..”ด้วยความที่ไม่อยากให้พราวพิ้งค์อยู่ใกล้คีรินภคพลจึงรีบปรี่เข้ามาโอบไหล่มนของหญิงสาวต่อหน้าต่อตาพ่อเลี้ยงหนุ่มพราวพิ้งค์เองก็ถึงกับยืนนิ่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอไม่รู้ว่าภคพลจะหาเรื่องอะไรคีรินอีก“ผมกับพิ้งค์เราเคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เธอยังเรียนปี2ที่เธอมาอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว...ดูหน้าพยานรักของผมกับเธอสิ”ภคพลว่าพรางชี้มือมายังเจ้าก้อนกลมที่ทาแป้งจนตัวขาวโพลนในบ้าน พราวพิ้งค์เองก็ได้แต่ยืนเงียบเห็นทีครั้งนี้คีรินคงจะตัดใจจากเธอได้เสียทีแม้นจะเป็นการดับฝันของพ่อเลี้ยงหนุ่มในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักคีรินตัวชาวาบยืนนิ่งงันยิ่งพราวพิ้งค์ไม่มีคำปฏิเสธอะไรเขาก็ยิ่งเข้าใจในสถานะตัวเองว่าต่อไปควรจะปฏิบัติตัวกับเธอเช่นไรคิดสงสัยตั้งแต่เห็นพราวพิ้งค์เป็นห่วงภคพลในครั้งก่อนแล้วว่ามันแปลกจากวิสัยของเธอที่แท้ก็เคยคุ้นเคยกันมาก่อนนั่นเอง“ผม..เข้าใจแล้ว”น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาแทบจะมีแต่เสียงลมก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่รถและขับออกไปจากหน้าบ้านหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วคีรินกลับไปได้พราวพิ้งค์ก็