“ทำไมต้องหาแต่เรื่องฮะ...ไอ้นิสัยใจร้อนโผงผางเมื่อไรจะเลิกซะที..แล้วนี่ยังไปลวนลามคนอื่นไม่เลือกหน้า..งามหน้าไหมล่ะ”
ภูริชยืนเท้าเอวบ่นภคพลอุกเพราะเขารับรู้พฤติกรรมไร้มารยาทของลูกชายคนเล็กมานานแล้วคิดว่าโตขึ้นแล้วจะคิดได้กลับหนักกว่าเดิม
“บ่นพอหรือยังครับ.. ผมขอตัวไปทำแผลก่อนนะครับ”
ภคพลมองจ้องไปยังคนเป็นพ่อด้วยท่าทีที่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรก่อนจะเดินหนีหลังจากที่พ่อตนนั้นพูดจบเพราะไม่อยากจะฟังคำต่อว่าอะไรต่ออีก
“ฉันจะทำยังไงกับมันดี..เห็นทีต้องดัดไม้แก่กันก็คราวนี้”
ภูริชหันมาหาโนแอลไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงลูกผิดตั้งแต่เมื่อไรโตมามีการมีงานทำถึงได้นิสัยเสียมากเข้าทุกวี่ทุกวัน
“ใจเย็นๆครับคุณพ่อ”
โนแอลรู้ว่าน้องชายตนนั้นมีอำนาจในมือล้นเหลือจนเคยตัวเขาต้องเป็นหัวหน้าคนมากมายจึงทำให้ค่อนข้างติดนิสัยเผด็จการมากพอสมควรแต่ก็ยังมองไม่ออกเหมือนกันว่าจะขจัดนิสัยนี้ของน้องตัวเองได้อย่างไรไม่ใช่แค่ภคพลคนเดียวที่มีนิสัยเช่นนี้แต่นาดีลก็เป็นเช่นกัน
ดึกมากแล้วสาวร่างเล็กในชุดนอนสายเดี่ยวซาตินสีชมพูสั้นเลยเข่ายังคงกอดอกเดินไปมาในห้องนอนครุ่นคิดถึงคำถามของภคพลเมื่อกลางวันอยู่ไม่วาง ไม่แปลกที่เขาจะคิดว่ายัยหนูพลอยขวัญเป็นลูกของเขาเพราะหน้าตาเหมือนกันอย่างกับเคาะกันมาเสียขนาดนั้นอยู่ที่ว่าเธอจะทำอย่างไรให้ภคพลนั้นเชื่อสนิทใจว่าพลอยขวัญไม่ใช่ลูกของเขา
แอดด..
พราวพิ้งค์หลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงประตูบานใหญ่หน้าบ้านเปิดออก เธอจำได้ว่าเธอนั้นลงกลอนอย่างแน่นหนาดีแล้วลมก็ไม่มีไม่รู้ว่าทำไมประตูถึงเปิดออกได้
สาวเจ้ารีบถือไม้เบสบอลอาวุธป้องกันตัวในห้องเธอค่อยๆเปิดประตูออกมาเปิดไฟในห้องโถงของบ้านเมื่อมองไปยังประตูที่เปิดกลับไม่เห็นใครขณะที่กำลังจะหันหลังมองรอบๆร่างของเธอก็ถูกผลักให้ติดกับผนังและไม้เบสบอลในมือก็ถูกสลัดโยนลงกับพื้นด้วยฝีมือของภคพล
“คุณพอล!..มาที่นี่ทำไม”
ร่างบางตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดร่าบของเธอถูกตรึงขึงด้วยคนตัวโตที่แนบชิดร่างของเธอไม่ยอมให้ขยับไปไหนได้ หญิงสาวรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายเมามาเพราะกลิ่นแอลกอฮอลเตะจมูกคละคลุ้งไปทั่วจนเธอต้องกลั้นหายใจเป็นครั้งคราว
ฟอดด
ดวงตาคมไล่มองผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนของคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดน้อยชิ้นที่แสนจะยั่วยวนเขาก้มลงกดหอมแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างถือวิสาสะเพื่อดอมดมกลิ่นหอมอ่อนๆที่เขาคุ้นเคยและโหยหา
“อย่ามาทำแบบนี้กับฉัน..”
พราวพิ้งค์รีบเบือนหน้าหนีขณะที่คนตัวโตกำลังจะก้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากของเธอ
“ต้องจ่ายเงินคุณเท่านั้นเหรอถึงจะพูดคุยแตะต้องคุณได้”
น้ำเสียงห้วนของชายหนุ่มบาดลึกถึงหัวใจของพราวพิ้งค์เธอเงยหน้ามองค้อนคนที่กำลังเมาด้วยสายตาขุ่นเคืองก่อนจะเอ่ยปากประชดกลับไป
“ค่ะ..ต้องจ่ายเงิน”
“หึ่...งั้นไอ้พ่อเลี้ยงนั่นคงจะจ่ายหนักล่ะสิถึงได้ดูตัวติดกันแจแบบนั้น”
ภคพลกัดฟันกรอดคนที่ทิ้งเขาให้อยู่ในห้วงโหยหาที่แท้ก็แค่ผู้หญิงที่ง่ายกับใครก็ได้ที่มีเงินให้
“แล้วแต่จะ.. ค.. อื้ออ..”
สาวเจ้ายังว่าไม่ทันจบริมฝีปากบางก็ถูกประกบบดจูบโดยไร้ความนุ่มนวลพักใหญ่มือไม้ที่พยายามจะผลักคนตัวโตออกให้ห่างไม่นานนักมันกลับโอนอ่อนไม่ฟังเสียงสั่งของสมองรู้ได้ทันทีว่าตัวเองยังลืมเขาไม่ได้ตามที่เคยหลอกตัวเองมาทุกวัน
“ผมคิดถึงคุณ”
ภคพลผละจูบเงยหน้าเอ่ยเสียงอ่อนข้างพวงแก้มนวลดวงตากลมโตของพราวพิ้งค์ไหววูบเล็กน้อยคำที่เขาพูดออกมาไม่รู้ว่าจริวจากใจหรือแค่เมาจึงไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาแต่มันก็เปรียบดั่งเปลวไฟที่แผดเผากำแพงในใจของเธอให้ทลายลงมาไม่น้อยไม่ชอบความรู้สึกที่หัวใจอ่อนแอแบบนี้สักนิดแต่ก็ห้ามมันไม่ได้จริงๆ
ภคพลก้มลงบดจูบหญิงสาวในอ้อมกอดอีกรอบครั้งนี้นุ่มนวลกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อเธอนั้นไม่ได้ต่อต้านอะไรเขาคิดถึงเธอจริงๆอย่างที่พูดแต่ไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำไมต้องหนีเขาไปทั้งที่เขาก็ทำให้เธอสุขสบายได้ทุกอย่างและกลับไปพลีกายให้คนอื่นเพื่อเงินแทนที่จะบริการให้แค่กับเขา
“แม่จ๋า...แง่.งงง.”
เสียงร้องของเจ้าตัวกลมในห้องนอนที่ดังออกมาข้างนอกทำให้ทั้งสองหลุดจากภวังค์หวาน
“ปล่อยค่ะ..ฉันจะไปดูลูก”
แขนแกร่งยอมผละออกจากเอวบางแต่โดยดีทั้งที่ยังเสียดายเวลาที่จะได้ใกล้ชิดกับพราวพิ้งค์รู้สึกเจ็บหน่วงหัวใจพิกลเมื่อได้ยินสาวเจ้าเอ่ยถึงลูกเพราะมันย้ำให้คำว่าเธอนั้นมีสัมพันธ์กับชายอื่นเข้ามาในหัว แต่ในตอนนี้เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นเพราะผลดีเอ็นเอเท่านั้นถึงจะพิสูจน์ได้ว่าพราวพิ้งค์พูดจริงหรือโกหก
“โอ่..โอ๋..ไม่ร้องนะคะแม่อยู่นี่แล้วน้าคนเก่ง”
ร่างบางนอนกล่อมเจ้าก้อนกลมอยู่กับอกมือน้อยยกตบก้นเบาๆตามที่ลูกสาวชอบวิธีนี้เป็นการกล่อมที่ทำให้ยัยหนูพลอยขวัญหลับลงง่ายที่สุด
แอดดด
เสียงปิดประตูที่หน้าบ้านทำให้พราวพิ้งค์รับรู้ได้ว่าภคพลคงจะกลับไปแล้วหญิงสาวจึงโล่งใจได้ แอบเคืองตัวเองเมื่อครู่พอสมควรที่โอนอ่อนตามอารมณ์ของภคพล ตอนนี้เธอยอมรับอย่างไม่ปฏิเสธกับหัวใจเลยว่าสัมผัสของเขาคือสิ่งที่ใจของเธอโหยหาแม้นจะพยายามหลอกตัวเองว่าลืมเขาได้แล้วก็เถอะ
เช้าวันต่อมาไร่เหมวัตวันนี้มีเรื่องให้ภูริชต้องปวดหัวอีกแต่เช้าเมื่อได้รับข่าวจากเลฟคู่ค้าคนสำคัญว่าลูกชายของเขาส่งคนไปทำร้ายอิกอร์น้องชายของเลฟจนบาดเจ็บสาหัสเพียะมือหนาฟาดเข้าแก้มซ้ายของลูกชายคนเล็กเต็มแรงจนหน้าหันด้วยความโมโหน้อยครั้งนักที่เขาจะลงมือกับลูกแบบนี้ภคพลน้ำตาคลอเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าของเขาแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นที่ใจมากกว่าที่ถูกคนเป็นพ่อตบตีด่าทอทั้งที่เขาเป็นฝ่ายที่ถูกอิกอร์กระทำก่อน“ทำอะไรไม่รู้จักคิดดีที่เลฟไม่เอาเรื่องอะไร”ภูริชตวาดเสียงฝาดเพราะดีแค่ไหนที่เขาคุยกับเลฟจนเขาอารมณ์เย็นลงและเข้าใจว่าอิกอร์ทำภคพลก่อนได้ไม่เช่นนั้นภคพลเองจะตกอยู่ในอันตรายซึ่งเขาก็ไม่สามารถที่จะปกป้องลูกได้ตลอดเวลาแม้นจะมีอำนาจมากพอกับเลฟก็เถอะ“แต่อิกอร์ทำผมก่อนนะครับ”ภคพลเอ่ยตอกกลับคนเป็นพ่อเสียงสั่นโมโหเหลือเกินที่พ่อของเขาไม่มีทีท่าจะปกป้องเขาแม้แต่น้อย“ฉันรู้.. แต่ทำไมไม่รู้จักใช้ปัญญาแก้ปัญหาทำไมชอบใช้แต่กำลัง”“ที่คุณพ่อโกรธขนาดนี้เป็นเพราะเลฟเป็นคู่ค้าคนสำคัญใช่หรือเปล่าครับ”“พอลหยุด..คุณพ่อไม่เคยคิดเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว”โนแอลที่ยืนเงียบในสถานการณ์ที่ไม่ค่อ
“คุณพิ้งค์”“อ่อ..ครับ..แล้วเธอดูแลทุกเรื่องเลยหรือเปล่าครับ”เห็นจะมีเรื่องนี้ที่ทำให้ที่นี่น่าอยู่สำหรับเขาขึ้นมาหน่อย“ก็..ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกเธอได้ตลอด”“ครับคุณอา..”“แล้วอย่าทำเรื่องอะไรที่มันงามหน้ามาถึงฉันด้วยล่ะ”ภูริชต้องพูดดักลูกชายตัวดีของเขาไว้ก่อนเพราะไม่อยากจะรับรู้รับฟังว่าภคพลมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครหรือทำเรื่องเสียหายกับผู้หญิงอีก“ค้าบบ..คุณพ่อ”วันต่อมาในเวลาใกล้ที่จะโพล้เพล้หลังจากที่ภูริชกลับกรุงเทพพร้อมโนแอลและแดนไทยเดินทางไปฮันนีมูนกับปลายฝันสมหมายชายวัยเกือบห้าสิบผู้จัดการไร่ส้มในไร่ของเหมวัตก็ขับรถมาส่งภคพลที่กระท่อมเล็กท้ายไร่แม้นที่นี่จะเรียกว่ากระท่อมแต่มันก็ถือว่าใช้กินใช้อยู่ได้สะดวกพอสมควรเพราะกระท่อมริมธารน้ำตกท้ายไร่เหมวัตเป็นกระท่อมยกพื้นสูงชานระเบียงกว้างหลังคากระเบื้องแข็งแรงเรียกว่าบ้านหลังเล็กก็ยังได้ตัวเรือนทำด้วยไม้แผ่นใหญ่ฝาผนังด้านข้างเป็นไม้ไผ่สานหากภคพลเดาไม่ผิดโครงสร้างคงเป็นไม้สักด้านข้างเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันมีไฟฟ้าเข้าถึงเรียบร้อยเดาว่าอาของเขาคงให้คนจัดเตรียมเอาไว้ให้ด้านในกระท่อมมีห้องนอนที่ไม่ใหญ่มากนักกั้นด้วยไผ่สานแยกจา
ช่วงสายวันต่อมา“คุณพิ้งค์..ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”คีรินเข้ามาทำธุระที่ไร่เหมวัตเขาจึงแวะเข้ามาหาพราวพิ้งค์ที่สำนักงานหลังจากที่รู้จากคนงานในไร่ว่าเธอมาทำบัญชีที่นี่วันนี้“ฟองจันทร์พาไปเล่นที่บ้านค่ะ”“ผมซื้อบัวลอยของป้าสายหยุดมาฝากครับ”พ่อเลี้ยงหนุ่มวางถุงบัวลอยบนโต๊ะทำงานของพราวพิ้งค์ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวคนในสำนักงานต่างก็มองมายังทั้งสองพรางอมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคีรินนั้นตามจีบพราวพิ้งค์มานานแล้วแม่คุณก็ไม่ยอมใจอ่อนตกลงปลงใจกับคีรินเสียทีพวกเขาก็ได้แต่แอบเชียร์อยู่ห่างๆ“ขอบคุณนะคะ..รู้ได้ไงคะว่าพิ้งค์อยู่ที่นี่”“พี่มิ่งบอกครับ..แล้วทำไมวันนี้คุณพิ้งค์มาทำงานที่นี่ได้ปกติเห็นอยู่ที่บ้าน”คีรินต้องขอบคุณมิ่งหล้าคนดูแลโรงบ่มไวน์ที่ใจดีบอกกับเขาเมื่อเช้าว่าพราวพิ้งค์อยู่ในสำนักงาน“ปลายกับพ่อเลี้ยงไม่อยู่พิ้งค์ต้องมาที่นี่บ่อยน่ะค่ะ”Rrrrr“พิ้งค์รับโทรศัพท์แปปนะคะ”พราวพิ้งค์หันมายิ้มกับพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะก้มหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง“ค่ะลุงสม.. ค่ะๆเดี๋ยวพิ้งค์จะรีบไปดูเค้านะคะ”พราวพิ้งค์รู้เรื่องไม่ค่อยดีนักจากปลายสายเธอเริ่มหน้าเสียเมื่อวางสายได้ก็รีบรนรานลุกออกจ
เวลาเกือบโพล้เพล้หลังจากที่พราวพิ้งค์ได้ยาตามที่สั่งกับสมหมายสองแม่ลูกขับรถเก๋งเข้ามาจอดใกล้ๆกับทางเข้ากระท่อมริมธารน้ำตกหญิงสาวอุ้มลูกวัยสองขวบพร้อมกระเป๋านมพะลุงพะลังเข้ามาบนชานกระท่อมยัยหนูพลอยขวัญดูท่าจะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ที่ได้มาพอสมควรดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆด้วยท่าทีสงสัยปนตื่นเต้นแต่ยังคงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนอะไรคนเป็นแม่“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกระท่อมของภคพลเธอเรียกหาชายหนุ่มเสียงดังแต่ไม่ยักจะมีใครเปิดประตู“ปอออ..”เด็กหญิงเอ่ยขานตามคำสุดท้ายของคนเป็นแม่เสียงดังแต่ประตูห้องก็ยังไม่ขยับพราวพิ้งค์จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป“คุณพอล”พราวพิ้งค์เอ่ยเสียงเรียกภคพลอีกรอบเมื่อเข้ามาในห้องโถงของกระท่อมไม่นานนักคนในห้องนอนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนท่าทางของภคพลไม่ค่อยดูดีเท่าไรนักพราวพิ้งค์จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะไข้ขึ้น“คิดถึงผมเหรอ”คนตัวโตที่ยืนหน้าซีดเผือดยังมีแก่ใจเอ่ยหยอกหญิงสาวที่กระเตงเจ้าก้อนกลมเข้ามาหาเขาถึงที่นี่“แอ้..”มือป้อมยกชี้หน้าภคพลพร้อมส่งเสียงใสเอ่ยทักคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะจำได้ว่าเคยเจอกัน“ไง..เจ้าแก้มย้วย”มือหยายกหมาย
พราวพิ้งค์เสร็จจากธุระในห้องน้ำได้เธอก็รีบกลับเข้ามาในห้องนอนของภคพลหญิงสาวค่อนข้างเบาใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับลงที่ฟูกนอนข้างเตียงไปได้จะได้ไม่ต้องมีบทสนทนากันให้เธอรู้สึกอึดอัดหากมีบางคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบครั้นเมื่อจะลงนอนบนเตียงข้างๆลูกสาวพราวพิ้งค์ก็อดไม่ได้ที่จะผุดลุกลงมาจากเตียงอีกครั้งมานั่งลงวาดหลังมืออังหน้าผากของภคพลอีกรอบเพื่อดูว่าไข้ของเขาลดหรือยังหลังจากทานยาไปร่วมชั่วโมงแล้วหญิงสาวพอจะยกยิ้มมุมปากได้เพราะตัวของชายหนุ่มไม่ร้อนเท่าตอนที่เธอมาเจอคราแรกจึงหมายจะลุกกลับไปนอนบนเตียงแต่ร่างของเธอก็ถูกคนตัวโตรวบดึงไปนอนกอดเสียก่อน“คุณพอล..ปล่อยค่ะ”คิ้วบางได้รูปขมวดขึ้นผูกโบดวงตากลมโตจ้องมองค้อนใบหน้าคมที่อยู่ห่างจากสายตาไม่ถึงคืบความเจ้าเล่ห์ของภคพลไม่มีใครเกินเลยจริงๆ“ขอนอนกอดคุณไม่ได้หรือไงทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”เสียงแหบพร่าก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลทั้งจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่วางตา“นั่นมันอดีตค่ะ..ปล่อย”พราวพิ้งค์ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรมากเพราะกลัวว่ายัยหนูพลอยขวัญจะตื่นหากเป็นสถานการณ์อื่นภคพลคงถูกเธอดุเสียงแข็งไปแล้ว“ไม่...หนีผมมาทำไม”ชายหนุ่มยังรัดร่างบางแน
ทางด้านในโรงอาหารที่ไร่ช่วงกลางวันผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องที่ลำเพยได้รับรู้มาบางคนที่สนใจเรื่องชาวบ้านก็จะพูดต่อปากต่อคำกันแต่บางคนที่สนใจแต่งานก็ทำเป็นไม่รับไม่รู้เรื่องของคนอื่นแต่เห็นประเภทไม่อยากรู้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นเพราะการติฉินนินทาของชาวบ้านชนบทเหมือนจะมองกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย“อยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยเหรอ”ลำเพยไม่เพียงแค่พูดในโรงอาหารเท่านั้นแต่รามมาถึงขณะที่มาทำความสะอาดที่สำนักงานไร่ด้วยจนสาวๆที่ทำงานอยู่ในสำนักงานต่างก็หูผึ่งตาโพรงไปตามๆกันเมื่อได้รับรู้เรื่องของพราวพิ้งค์และภคพล“ก็ใช่น่ะสิแถมยังใส่เสื้อคุณพอลแค่ตัวเดียวด้วย.. สองคนนี้จุดติดกันไวเนอะ”ลำเพยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรพราวพิ้งค์และภคพลก็จะต้องมีสัมพันธ์กันในคืนที่ผ่านมา“ป้าเพยก็พูดไปพี่พิ้งค์แค่ช่วยดูแลคุณพอลเท่านั้น”ฟองจันทร์ที่ช่วยคนเป็นแม่เอากับข้าวมาให้คนในสำนักงานก็ถือวิสาสะโต้เถียงแทนพราวพิ้งค์เพราะเชื่อในตัวพี่สาวของเธอว่าไม่ทำตัวง่ายกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแน่นอน“เราน่ะจะไปรู้อะไรต้องคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างป้านี่..ดูปราดเดียวก็รู
“นี่ครับคุณพอลจดหมายมาถึงเมื่อกลางวัน”สมหมายยื่นซองสีน้ำตาลที่พึ่งมาส่งในสำนักงานเมื่อกลางวันให้ภคพลขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งรอเขามารับกลับบ้านที่แคร่ไม้ไผ่หน้าไร่องุ่นยามเย็น“ขอบคุณครับลุงสม”ภคพลรีบเปิดซองจดหมายดูทันทีเมื่อเห็นว่ามาจากณดลชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลในจดหมายได้เขาก็นั่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งจนสมหมายเริ่มตกใจกับท่าทีแปลกไปของภคพล“คุณพอล..มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ลุงสมไปส่งผมที่บ้านพิ้งค์หน่อยนะครับผมมีธุระจะคุยกับเธอ”“ครับ”สมหมายค่อนข้างสงสัยในพฤติกรรมของภคพลพอสมควรแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่ปากทางเข้าบ้านของพราวพิ้งค์ภคพลกำซองจดหมายแน่นก่อนจะรีบลงจากรถ“ลุงสมกลับได้เลยนะครับถ้าผมจะกลับเดี๋ยวให้พิ้งค์ไปส่ง”“ครับ”สมหมายขับรถออกไปได้ภคพลก็เดินดุ่มเข้ามาในบ้านของพราวพิ้งค์ทันที“มีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่คะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะหน้าบ้านเมื่อออกมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าเป็นภคพลที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมายืนอยู่หน้าประตู“ดีจ้า..”เจ้าก้อนกลมเห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในบ้านก็ยกมือป้อมสวัสดีทั้งทัก
“ปี๋..เจื้อ..”เจ้าก้อนสาวขาป้อมวิ่งออกมาหน้าบ้านเข้าไปในดงดอกไม้ที่ผู้เป็นแม่ปลูกเอาไว้เพื่อไล่จับผีเสื้อหลากสีเช่นที่เคยเล่นทุกวันมือป้อมน้อยไล่บีบขยำอย่างคันไม้คันมือแต่ก็ไม่เคยจับผีเสื้อได้สักตัว“ปี๋เจื้อ..”เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งจ้องตัวเองอยู่ไม่วางก่อนจะดึงมือชายหนุ่มให้ไปจับผีเสื้อช่วยเพราะรู้ดีว่าหากวิ่งจับเองคงจะเหนื่อยกว่าจะจับได้ภคพลอยากจะรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมมากอดหอมสักฟอดใหญ่ติดตรงที่เขายังไม่ได้อาบน้ำกลัวเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของตนจะระคายเคืองผิวลูกน้อยจึงทำได้แค่เดินตามเท่านั้น“ปี๋เจื้อ..จับ”ดวงตากลมโตเงยจ้องมองหน้าคนตัวสูงชี้ไม้ชี้มือหมายจะให้ช่วยจับผีเสื้อที่ตัวเองไม่สามารถจับได้“ให้พ่อจับเหรอครับ...”ภคพลอมยิ้มอ่อนก่อนจะย่อตัวลงนั่งเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเจ้าตัวกลมใกล้ๆเด็กหญิงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มแทนตัวเองว่าพ่อภคพลมองจ้องไปยังนัยน์ตาไร้เดียงสาของยัยหนูพลอยขวัญเขามีความรู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อยด้วยคิดไปไกลว่าหากเขามาเจอพราวพิ้งค์ช้าไปกว่านี้ลูกของเขาจะมีชีวิตที่ขาดพ่อไปอีกนานเท่าไรทั้งยังนึกน้