Share

บทที่9.เมียชั่วครั้ง... 2

“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป”

          พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว

          วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส

          สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม

          วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้

          หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย...

          รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน

          “วาด...”

          นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด...

          “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?”

          น้ำเสียงวันวาดเคว้งคว้าง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นว่าวที่สายขาด ลอยเคว้งอยู่ในอากาศไม่มีจุดหมายปลายทางเลยรอบตัวดูดำทะมึน มืดมิดจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน

          “คงต้องหาบ้านเช่าน่ะวาด แต่แม่เป็นห่วงพ่อ...”

          ขนาดทะนงทำร้ายนางและลูกสาวขนาดนี้ รัชนีก็ยังไม่วายเป็นห่วงเขา

          “พ่อถูกจับอยู่ที่บ่อนเสียกวงน่ะแม่...”

          หญิงสาวทรุดนั่ง เธออ่อนแรงไปหมด เอ่ยบอกมารดาเสียงล้าๆ

          “อะไรนะวาด พ่ออยู่ที่ไหนนะ!!”

          รัชนีถามเสียงหลง สถานที่ที่บุตรสาวบอก แค่ได้ยินเธอยังกลัวแทน สังหรณ์ใจกลัวว่าสามีจะไม่รอด

          “พ่อไปเล่นที่บ่อนเสี่ยกวงจ้ะแม่ เป็นหนี้ แต่ไม่มีเงินจ่าย... เขาเลยจับตัวเอาไว้... คุณเบนมาบอกวาดเมื่อบ่ายนี้ค่ะ...”

          “โธ่!!”

          นางทรุดฮวบ เรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ชาตินี้จะได้เห็นหน้าสามีอีกหรือไม่ เมื่อชื่อเสียของเสี่ยกวง คนทั้งย่านนี้รู้กันหมด ชายคนนั้นโหดเหี้ยมเกินคน...ใจร้ายผิดมนุษย์ แบบนี้ทะนงจะได้กลับมาแบบไหน แบบมีลมหายใจ หรือแค่ซากศพ

          “อย่างแรกคงต้องหาที่อยู่ใหม่ก่อนนะแม่ คุณพิกับพิไลเธอขนของๆ เธอออกไปแล้ว แสดงว่าเจ้าของใหม่เขาคงไล่มา เราก็คงฝืนอยู่ไม่ได้หรอก”

          เธอกับมารดาแค่คนอาศัย...คงต้องรีบหาที่ทางซุกหัวนอน...

          “แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอไงลูก?”

          เสียงมารดาเอ่ยถาม วันวาดที่นั่งเหม่อจึงสะดุ้ง!! เธอผุดลุกขึ้นยืน มองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วจึงบ่นอุบ “อุ้ย!! มัวแต่กลุ้มใจ ลืมคุณเลย... วาดไปก่อนนะแม่ เดี๋ยวเช้าค่อยมาปรึกษากันใหม่...ยังไงละก็...แม่เก็บของรอวาดได้เลย ถึงยังไงเราก็คงต้องย้ายอยู่ดี...”

          วันวาดเอ่ยกับมารดา ยังมีลมหายใจอยู่ก็คงต้องสู้ต่อ เรื่องบิดานั้น... เธอคงมีเวลาคิดอีกทั้งคืน...ยังไงเสีย พรุ่งนี้เช้าเธอก็คงคิดได้...เมื่อยังมีเวลาเหลืออีก12 ชั่วโมง...

          วันวาดวิ่งหน้าตั้ง เธอมัวแต่กังวลเรื่องของตัวเอง จนลืมโจนาธานไปเสียสนิท และไม่คิดว่าเวลาจะเดินเร็วขนาดนี้ เผลอตัวแค่ชั่วเวลาหนึ่ง มันก็เลยเวลาที่เธอจะต้องไปทำงานเกือบชั่วโมง

คฤหาสน์รูธ...

          “เร็วๆ เลยคุณวาด คุณโจกำลังจะอาละวาด!!”

          แป้นโผล่หน้ามาบอก ตอนที่วันวาดจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่จุดเดิม

          หญิงสาวพยักหน้ารับ ฉวยกระเป๋าสะพายที่วางไว้ที่กระจาดหน้ารถขึ้นมาสะพายหัวไหล่ แล้วจึงรีบเดินเร็วๆ ไปยังห้องพักฟื้นของคนไข้ที่เธอต้องดูแล

          ปึง!!

          คราวนี้ไม่ใช่หมอนนุ่มๆ ที่ถูกขว้างมาด้วยฝีมือของคนป่วยที่นั่งหน้าบึ้งอยู่กลางเตียง

          เป็นหนังสืออ่านเล่นที่เธอหามาไว้ให้โจนาธานใช้อ่านแก้เบื่อในช่วงเวลาที่เธอทำงานที่โรงพยาบาล

          หนังสือเล่มใหญ่หล่อนปุลงตรงหน้าเธอ หลังจากปะทะกับใบหน้าเธอจังๆ จนวันวาดรู้สึกแสบๆ ที่ผิวแก้ม กระดาษบางๆ นั่นคงบาดผิวเธอจนรู้สึกระคายเคือง...

          “แรงเยอะขึ้นนะคะ ว่าแต่...อารมณ์เสียเรื่องอะไรเอ่ย วาดมาช้าเอง... ขอโทษค่ะ”

          หญิงสาวก้มลงหยิบหนังสือเล่มนั่น เธอปัดฝุ่นก่อนจะเดินไปวางบนโต๊ะเตี้ยๆ กลางห้องพร้อมลดกระเป๋าสะพายที่หัวไหล่วางลงไปด้วย

          “คุณทานข้าว ทานยาหรือยังคะ เลยเวลามากว่าชั่วโมงแล้วนี่”

          หญิงสาวชวนคุย แต่ความจริงไม่น่าถาม เมื่อถาดอาหารถูกวางไว้ที่เดิม โจนาธานยังไม่แตะต้องอะไรเลย เขาอารมณ์ไม่ดี ไม่รู้ไปโกรธใครมา

          “ทานข้าวดีกว่าค่ะ จะได้ทานยาแล้วก็พัก”

          หญิงสาวตัดบท เมื่อคนป่วยจอมโวยไม่คิดจะพูด เธอก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิม หญิงสาวถอนใจ ไม่ใช่แค่โจนาธานที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เธอเองก็อยู่ในภาวะสับสน และหากเขายังระเบิดอารมณ์ใส่เธอเช่นนี้อีก วันวาดกลัวใจตัวเอง...หากเธอเผลอตัวตอบโต้ไป...มันจะไปกันใหญ่!!

          “ฉันไม่กิน ส่วนเธอ... จะไปที่ไหนก็ไป จะไปออเซาะใคร? กอดแข้งกอดขาใคร...ให้เขาสงสารก็เชิญเถอะ!!”

          เสียงแหบห้าวพูดลอดไรฟัน...ดวงตาของโจนาธานแข็งกร้าว เมื่อเขาตวัดสายตามองสบนัยน์ตากับวันวาด

          หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น คงเป็นความเข้าใจผิด แต่เธอจะไม่แก้ตัว...เมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการทำงาน

          “คุณน่าจะรู้ตัวนะคะ คุณต้องการอาหารกับยา เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู ไม่อยากเดินได้เหรอไงคะ?”

          หญิงสาวถามกลับเสียงนิ่งสนิท เธอเข็นโต๊ะมาชิดข้างเตียง ไม่ใส่ใจความไม่พอใจของโจนาธาน แม้มันจะชัดเจนจนน่าวิตก

          “ช่างฉันสิ!! ฉันจะนอนแบเป็นผักเน่า เคลื่อนไหวไม่ได้เป็นไอ้ง่อยโง่ๆ คนหนึ่ง มันก็เรื่องของฉัน!!”

          ชายหนุ่มตะโกนตอบเสียงดุดัน เขาเม้มปากแน่น เมื่อวันวาดไม่สนใจ หล่อนยังคงทำงานของหล่อนต่อ...

          “ทับถมตัวเองแล้วรู้สึกดีขึ้นไหมคะ...” วันวาดถามลอยๆ เธอไม่ได้ต้องการคำตอบ แค่ย้ำให้โจนาธานรู้สึก แม้แต่ตัวเองยังดูถูก แล้วคนอื่นล่ะจะไม่คิดยิ่งกว่านี้เหรอ

          “เรื่องของฉัน!!”

          ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง

          วันวานเงยหน้าขึ้น เธอยิ้มเย็นๆ ให้โจนาธาน “ค่ะ เรื่องของคุณ แต่วาดดัน ‘เสือก’ มาอยู่ตรงนี้เอง”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status