ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก
“วาดดีใจต่างหากล่ะคะ”
หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม
“ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม
“บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว
“คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด
“ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง
“สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้นข่าวมงคล...
“แหม!! คงต้องเลื่อนเวลากินข้าวออกไปก่อนนะแม่นี คุณพิ ดูเหมือนเขาจะรีบ”
ทะนงเปรยยิ้มๆ เขาผายมือเชื้อเชิญอาคันตุกะไปยังห้องรับแขก แทนห้องครัวตามความตั้งใจ
รัชนีให้เกียรติพิไลเสมอต้นเสมอปลาย “ฝากคุณพิพิจารณาด้วยนะคะ อิฉันจะไปเอาน้ำมาเสิร์ฟ” คนเป็นแม่พอเดาออก เลยเปรยบอกพิไลพร้อมกับอมยิ้ม ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหลังบ้านเพื่อเตรียมขนม น้ำมารับแขกที่มาแต่เช้าตรู่
สาวใหญ่รู้สึกสะท้อนใจ นับตั้งแต่รัชนีเหยียบย่างเข้ามาในบ้าน เธอกด และข่มจนเหมือนหล่อนด้อยค่า รัชนีไม่เคยปริปากบ่น ก้มหน้าก้มตายอมทน ไม่เคยทำให้สามีร้อนใจ เป็นความเจียมตัวเสมอต้น เสมอปลายจนเวลานี้นางรู้สึกละอายใจ คนดีที่มาทีหลัง เขาเจียมตัว เพราะว่าเขาเลือกไม่ได้ เมื่อดันทะลึ่งรักคนมีเจ้าของ จนใจจำต้องก้มหน้ายอม วันนี้พิไลยอมรับรัชนีเต็มหัวใจ การที่สามีปันความรักให้หล่อน ก็คงเป็นเพราะความดีของหล่อนเอง ดีจากเนื้อแท้...
ทะนงอมยิ้ม สายตาของพิไลเปลี่ยนไปเมื่อมองตามหลังเมียรอง รอยอาฆาตจงชังจางหายไป เหลือแค่ความซาบซึ้งบวกความละอายใจ แค่นี้แหละ...ที่เขาต้องการ...จากนี้ไป พิศิษรุ่งเรืองคงสงบร่มเย็นได้สมใจ...
“ไม่อ้อมค้อมเลยนะคะคุณพี่ น้องมาไกล อายุก็มากแล้ว ชักช้าเวลาที่จะอุ้มหลานมันจะเหลือน้อยลง”
วันวาดเดินตามมารดาไป เธอทันได้ยินเสียงนุ่มหูของมาดามรินรำไพ แต่ยังไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด
“ผมก็แก่แล้วเหมือนกัน...ว่ามาเลยคุณนาย”
“เรียกน้องรินก็ได้ค่ะ น้องน่าจะอ่อนกว่าคุณพี่ทั้งสอง...จะได้สนิทๆ กันไงคะ” มาดามรินรำไพไม่ถือตัว นางถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน จนรวย มีค่าความเป็นคนเสมอกัน
“ก็ว่างั้น ว่ามาเลยน้องริน มีธุระอะไรกันล่ะมากันแต่เช้า...” ทะนงหัวเราะหึๆ เขารู้สึกไม่อึดอัด แม้จะตะขิดตะขวงใจ เรื่องระหว่างโจนาธานกับวันวาด
“น้องเพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ ไอ้ลูกชายคนนี้สิคะใจร้อน ลากน้องมาที่นี่เลย เขาไม่อยากรอแล้ว...อยากมีเมีย” มาดามพูดแจ้วๆ นางตบมือลงบนหลังมือโจนาธาน เมื่อชายหนุ่มนั่งตัวเกร็ง
“ออ...” ทะนงครางรับ เขาตกใจจนพูดไม่ออก
“น้องเองก็อยากอุ้มหลาน ถ้าคุณพี่ทั้งสองไม่ขัดข้อง...เรากำหนดวันเลยมั้ยคะ?”
สาวรุ่นน้องรวบรัด นางยิ้มหวาน มองหน้าประมุขของบ้านพิศิษรุ่งเรืองยิ้มๆ
“เออ...ขอแทรกสักนิดนะคะ ลูกชายคุณน้อง ต้องการแต่งงานกับลูกสาวบ้านนี้ ถูกไหมคะ?” พิไลพูดแทรก เธอถามย้ำเพราะไม่อยากเชื่อหู สิ่งที่ได้ยินมันผิดคาด...
“ถูกค่ะ น้องมาขอหนูวาดให้ตาโจ...สินสอดเท่าไรไม่เกี่ยง...จัดงานใหญ่แค่ไหนก็ได้ค่ะ ทางเราจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณพี่แค่ยกหนูวาดให้ลูกชายน้องเป็นพอ...”
ทะนงกับพิไลอึ้ง!! มองอาคันตุกะแบบคาดไม่ถึง เมื่อพอจะทราบฐานะความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายดี
รูธ!! เป็นครอบครัวมหาเศรษฐี...เขามีกาสิโนใหญ่โต สมบัติพัสถานมากมี แล้วทำไมเขาถึงมานึกชอบบุตรสาวคนระดับล่างอย่างวันวาด
“ผมตอบเองไม่ได้หรอกครับ ต้องให้ลูกสาวตัดสินใจเอง...เดี๋ยวคงมาครับ”
เมื่อก่อนทะนงอาจจะไม่ได้คิดแบบนี้ แต่ในเวลานี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว หลังจากยอมพ่ายความดีของวันวาด และรัชนี สองหญิงที่ทุ่มเทให้ท่าน...โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ดังนั้น ท่านจะไม่ฝืนใจ ทำตามแบบที่ตัวเองต้องการ หากวันวาดไม่เล่นด้วย ต่อให้รวยล้นฟ้า ทะนงก็จะขอปฏิเสธ
โจนาธานเหลียวหาวันวาด หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมมารดา ในมือเธอมีถาดใบใหญ่ มีแก้วน้ำเย็นเฉียบวางอยู่บนนั้น เธอยังไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสาย วันวาดเดินก้มหน้า และย่อตัวลงเมื่อมาถึงทุกคน หญิงสาวประคองแก้วน้ำที่มีไอเย็นเสิร์ฟวางตรงหน้าแขกที่มาเยือน เธอพยายามไม่ชำเรืองมองคนป่วยในความดูแลของตัวเอง แล้วจึงค่อยๆ ถอยหลังเมื่องานตัวเองเสร็จเรียบร้อย
“วาด...เดี๋ยวลูก พ่อมีเรื่องอยากถาม”
ทะนงร้องเรียกเมื่อบุตรสาวเตรียมจะหันหลังกลับออกไป
“คะ?” เธอชะงัก ช้อนสายตามองหน้าบิดาแบบสับสน
“คุณ...เขามาขอหนู ลูกจะว่ายังไงล่ะ ชอบพอกับเขาเหรอเปล่าล่ะ”
ทะนงเปรยพร้อมกับอมยิ้ม...
วันวาดหันขวับ!! เธอเบิกตาโตมองโจนาธานแบบไม่อยากเชื่อ
เขามาไม้ไหน? เมื่อไม่เคยพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ อีกอย่างเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเธอ เพราะครั้งนั้น...เขาจ่ายค่าตัวของเธอแล้ว วันวาดไม่คิดว่าโจนาธานจะทำเช่นนี้ เขาอยากได้อะไร เมื่อไม่เคยมีวี่แวว...
ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขาหลิ่วตาเจ้าชู้ให้วันวาด โดยที่หล่อนยังทำหน้างงๆ
“ว่าไงจ้ะหนู เซย์เยส หรือเซย์โน?” คนใจร้อนคงไม่พ้นมาดามรินรำไพ ไหนๆ ก็มีแววว่าจะได้ลูกสะใภ้ นางเลยไม่อยากเสียเวลารอ
“เออ...วาด...วาด” หญิงสาวพูดติดๆ ขัด เธอไม่รู้ว่าควรตอบแบบไหนดี เมื่อไม่ใคร่แน่ใจความต้องการของคนเอาแต่ใจ เขาต้องการอะไรกันแน่ เมื่อแม้แต่...คำรัก...ยังไม่เคยได้ยินจากปากเขาสักที
“ขอเวลาสักครู่ได้มั้ยครับ ผมอาจจะข้ามขั้น เพราะยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับวาดเขาสักครั้ง” ชายหนุ่มกล่าวขรึมๆ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน “ขอ10 นาที ผมขอคุยกับวาดก่อน” เป็นการขออนุญาตที่ไม่มีใครปฏิเสธ เมื่อเป็นเรื่องของหนุ่มสาว คนเป็นพ่อ แม่ได้แต่ฟัง เมื่อก้าวก่ายไป มันรังแต่จะยุ่งยาก
หญิงสาวหยัดกายขึ้นยืน เธอเดินตามโจนาธานไปแบบงงๆ
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
บทนำ... บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’ ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมอ
บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน “ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตั