“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู
“ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด
“ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย
“ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น
แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน
“วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน
“วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้งๆ ที่...เออ...”
หญิงสาวไม่กล้าพูดตรงๆ มันกระดากอายจนหน้าร้อน ใครจะไปอึด ถึกเหมือนสามีเธอล่ะ เขาชวนเธอกินตับ เป็นระยะเวลาแสนยาวนาน แต่เขากลับไม่อ่อนแรง หรือมีทีท่าว่าจะเหนื่อยสักนิด ใบหน้าคมคายนั่น ยิ้มละไม มีแววอิดโรยให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่สภาพก็ไม่ได้ย่ำแย่อย่างเธอ
“ช่วยไม่ได้ ฉันมันผู้ชาย...เก็บกด”
วันวาดย่นจมูกใส่สามีหนุ่มของตนเอง เก็บกด ของเขา มันรวมถึงคำว่า อยากกด ด้วยละมั้ง เขาถึงได้ดูรื่นรมย์เสียเหลือเกิน
“ค่ะ...วาดจะบันทึกไว้ ว่าอย่าได้ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น เพราะคนที่รับผล คือตัววาดเอง”
หญิงสาวสะบัดค้อนให้ เธออ้าปากรับสเต็กปลารสนุ่ม ก่อนจะรีบเคี้ยว เพราะสายตาของสามี มองแทรกผ่านผ้าห่มที่คลุมกายเธอ โหนกแก้มของโจนาธานขึ้นริ้วสีแดงๆ ลมหายใจเขาแรงขึ้น จนต้องรีบก้มมองตัวเอง
มือเรียวบางรีบตะครุบชายผ้า เพราะเธอยืดตัวขึ้น รับอาหารที่เขาป้อน ทำให้ชายผ้าตกลงข้างตัว โนมเนื้อที่หน้าอก จึงโผล่แพล่มออกมาให้เขานั่งมองอยู่นานสองนาน
“คุณอะ แล้วก็ไม่บอก ให้วาดโป้อยู่ได้”
เสียงกระเง้ากระงอดต่อว่าเบาๆ เมื่อเจ้าตัวอายจนหูร้อน แม้จะเป็นสามี ภรรยากันก็ตาม แต่มันยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับวันวาด เธอไม่คุ้นที่จะมานั่งโป้ ปราศจากเสื้อผ้าบนร่างกาย บนเตียง กับการรับประทานอาหารสุดโรแมนติก
“สวยดีออก อีกอย่าง ทุกตารางนิ้วบนตัววาด ฉันเห็นมาหมดแล้ว ทุกซอก ทุกมุม แต่ก็ไม่เคยคิดจะหยุดมองสักที”
โจนาธานเอ่ยเสียงปร่า เขากลืนน้ำลายลงคอฝืด รู้สึกกระหายน้ำ แต่แหล่งน้ำที่ต้องการหาใช่น้ำสะอาด เขาอยากดื่มน้ำจากเรือนกายวันวาด
“ไม่นะคะ พอแล้ว”
หญิงสาวพูดเสียงระโหย เมื่อสเต็กปลาชิ้นสุดท้ายถูกป้อนใส่ปากเธอ โจนาธานหยัดกายขึ้นยืน เขานำจานว่างเปล่าไปวางบนโต๊ะ แล้วจึงเดินย้อนกลับมาพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว
วันวาดรับแก้วน้ำจากมือสามี เขายิ้มแปลกๆ จนเธอสะดุดใจ
หญิงสาวรับรู้คำเฉลย ในอีก5 นาทีต่อมา
หลังชายหนุ่มรับแก้วเปล่าไปเก็บ เขาเดินกลับมาที่เตียง โดยที่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ถูกสลัดทิ้งไว้ที่พื้น...
“เรามาออกกำลัง ย่อยอาหารกันเถอะทูนหัว!!”
โจนาธานพูดเบาๆ เขาคลานขึ้นมาบนเตียง โดยที่หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้าง...
การออกกำลังบนเตียงหลังอิ่มอาหารนั้น
วันวาดจำไปจนตาย เมื่อมันอิ่มสุข จนเกือบสำลัก อิ่มทั้งอาหาร และบทรักสุดเร้าอารมณ์
เห้อออ....
นับจากวันแรกที่เท้าเธอแตะพื้นทรายในมัลดีฟส์ จวบจนถึงวันกลับ เธอมีโอกาสทำได้แค่แตะทรายเม็ดละเอียดแค่นั้นเอง เพราะโจนาธานทำอย่างที่ปากพูด เขาจัดหนักจัดเต็ม!! จนแม้แต่จะลืมตามองฟ้า วันวาดยังไม่มีแรง เธออ่อนระโหยโรยแรง แต่สามีของเธอกลับหน้าระรื่น เขาปรนเปรอเธอจนไม่มีเวลามองสิ่งใด นอกจากครางเสียงผะแผ่ว...
“หึๆ”
วันวาดหลับตาพริ้ม เมื่อถึงกำหนดกลับ เธอก็ยังไม่มีแรงอยู่ดี โจนาธานอุ้มเธอขึ้น Sea Plane(เครื่องบินน้ำ)ที่จอดรออยู่ที่ท่าเรือ...เพื่อพาเธอเหินฟ้าเข้าไปในเมือง เพื่อขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย หลังทริปฮันนิมูลสุดฉ่ำ จบลงในเวลาอันรวดเร็ว รวดเร็วเสียจน วันวาดจำไม่ได้ พระอาทิตย์ขึ้นตอนไหน และพระอาทิตย์ตกตอนไหนเลยทีเดียว เมื่อเธอถูกกักอยู่แค่ภายในห้อง และแค่บริเวณเตียงนอนขนาดใหญ่ แค่นั้น...
1อาทิตย์สำหรับสถานที่ในฝัน...เธอถูกเขากักตัวอยู่ในห้องนอน กระเป๋าเสื้อผ้าไม่ได้ถูกเปิด วันวาดไม่ได้แตะเสื้อผ้าสักชิ้นเดียว เธอเปลือยกายตลอดทริป และถูกฝังอยู่บนที่นอน ถูกเขาจับอาบน้ำ ถูกโจนาธานป้อนข้าว เหมือนกับตอนที่เธอดูแลเขาใหม่ๆ เลยล่ะ
หญิงสาวตวัดค้อนให้สามีที่นั่งมองยิ้มๆ หลังเครื่องบินขนาดเล็กทะยานขึ้นฟ้า จบทริปฮันนีมูล โดยที่วันวาดไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากอยู่ในห้องและบนเตียง
“เอาน่า ครั้งหน้า ฉันจะอนุญาตให้วาด ได้ลงเล่นน้ำ”
โจนาธานพูดกลั้วเสียงหัวเราะ
หญิงสาวตวัดค้อน เธอเอื้อมมือหยิกลงบนพุงของชายหนุ่ม “ค่ะ ถ้าครั้งหน้ามา แล้ววาดก็ยังไม่ได้เล่นน้ำอีก วาดจะไม่ไปไหนกับคุณอีกเลย”
หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ เธอกล่าวเสียงเคร่ง และหากมีคนถามเกี่ยวกับวิวหรือรูปถ่าย เธอจะตอบพวกเขายังไงดี
“ไม่ต้องห่วงไปนะ ไม่ว่าเบน แม่ หรือพ่อ แม่วาด เขารู้น่า ว่าอย่าถามว่าสนุกไหม? เมื่อเรามาฮันนีมูล คู่แต่งงานที่ไหนจะไปนั่งมองฟ้าอยู่ข้างนอก สู้มองหน้าเมียบนเตียงไม่ดีกว่าเหรอ?”
โจนาธานเปรย เหมือนรู้ความคิดของวันวาด เพราะหน้าเจ้าหล่อนยับยุ่งจนเรียวคิ้วขมวดแน่น
หญิงสาวตวัดค้อนให้ เธออยากแย้ง แต่มันจะเป็นการเข้าเนื้อเปล่าๆ เมื่อเธอคิดเองฝ่ายเดียว คงเป็นแค่โจนาธานนั่นแหละ เพราะเท่าที่เธอเห็นคนอื่นๆ คู่รักหมาดๆ ที่เพิ่งจะผ่านประตูวิวาห์ เขาก็ยังมีภาพสวีทหวาน ในสถานที่นั้นๆ มาอวดคนข้างหลัง แต่เธอกลับไม่มีอะไรเลย... เมื่อแม้แต่พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่มัลดีฟส์ เธอก็ยังไม่เคยเห็น
“หาซื้อของฝากไปปิดปากเบนก็แล้วกัน คนอื่นคงไม่กล้าแซ็วหรอก”
ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ เขากักตุนความหวานฉ่ำ จนชุ่มปอด ที่เคยอดยากมายาวนานถึง3 เดือน มันทำให้เขาปริ่มสุข คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
ใครเล่าจะรู้ว่าว่าพยาบาลจอมถึก หน้าตาย ที่เฉยชาเป็นนิจ จู่ๆ จะเก่งกล้าสามารถปราบพยศคนไข้ดื้อด้าน และสามารถเปลี่ยนความคิดท้อแท้ของเขา โน้มน้าวจนชายหนุ่มกลับมาฮึดสู้ได้อีกครั้ง
แต่ใครจะไปรู้ว่า...ผู้หญิงสู้ชีวิตคนนั้น แบกภาระอะไรไว้บนบ่าตั้งมากมาย...ถึงอย่างนั้นโจนาธานก็ไม่สน เพราะอยากเอาชนะนั่นแหละ เขาโมโหแทบเป็นแทบตาย!! ตอนที่วันวาดซุกอกพี่ชาย มาแน่ใจหลังจากบังคับฝืนใจเธอ จนวันวาดตกเป็นของเขา ความรู้สึกนั่นเพิ่งจะมาเฉลย เขาไม่ได้อยากได้ ‘ตัว’ แต่เขาต้องการ เธอ ทั้ง ‘ตัว’ และ ‘ใจ’ ทันทีที่รู้ใจตัวเอง โจนาธานไม่รั้งรอที่จะทำให้หล่อนกลายมาเป็น ‘ภรรยา’ ของเขา
ต่อให้ต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม!
ชายหนุ่มนั่งอมยิ้ม...ในอนาคตที่จะถึง อีกไม่ไกลเกินรอ...ลูกๆ ของเขา สายเลือดที่เกิดจากความตั้งใจ และความรักทั้งหมดที่มี คงถือกำเนินขึ้นในไม่ช้า มีผู้ชายปากแข็งอย่างเขาเป็นบิดา มีแม่เป็นผู้หญิงสู้ชีวิต และไม่เคยท้อกับโชคชะตา...โจนาธานไม่รู้ว่าตนเองจะสอนลูกแบบไหนถึงจะดี เมื่อตัวเขาเองก็ไม่ได้ดีเท่าไร และวันนี้เอง วันที่เขานั่งนึกถึงอนาคต เขาเริ่มเห็นด้วยกับวันวาด หากไม่มีนักธุรกิจหิวเงินแบบเขา แหล่งอบายมุขนั่นก็จะไม่เกิดขึ้น เขาเริ่มนึกเสียใจครั้งแรก คนเราจะขวนขวายหาเงินไปทำไมมากมาย เมื่อกินได้แค่อิ่ม
“วาด...หากฉันจะเลิกทำกาสิโน...เธอคิดว่าดีไหม?”
ชายหนุ่มกล่าวถาม เขามองสบนัยน์ตาเธอ
หญิงสาวน้ำตาคลอ เธอมองสบตาสามี ก่อนจะคลี่ยิ้ม...
“ดีสิคะ คุณมีสมบัติมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจที่ทำให้คนล่มจม แต่คุณเบน...จะไม่ว่าเหรอคะ!!”
หญิงสาวรีบสนับสนุน แต่พอมาย้อนคิดอีกที หลายชีวิตที่พึ่งพาใบบุญของ ‘รูธ’ อยู่ล่ะ พวกเขาจะเป็นอย่างไร
“ไม่ต้องห่วงหรอก เราจะปรึกษากันอีกที เบนเองก็คงเบื่อแล้วล่ะ มันไม่ได้สนุกเหมือนตอนที่เราสองคนเริ่มทำ ความสุขแท้จริงไม่ได้อยู่ที่ผลกำไร เมื่อเรามีมากพอจนไม่ต้องขวนขวายหาเพิ่ม...มันคงเป็นโครงการระยะยาว แต่รับรองได้...ฉันจะหยุด แหล่งเพราะพันธุ์ความกระหายนี่เอง”
จากแหล่งทำเงินบาป เขาจะเปลี่ยนแปลงให้มันสะอาดขึ้น แม้จะมีรายได้น้อยลงหลายร้อยเท่า แต่มันก็น่าจะทำให้ ชีวิตของลูกๆ เขาปลอดภัยขึ้นเช่นกัน
เขาสร้างสิ่งที่ทำลายความยั้งคิดของคนโลภขึ้นมาได้ เขาก็ต้องลบเลือนมันได้เช่นกัน
ตัวอาคารขนาดใหญ่ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นแหล่งพักพิงได้ เมื่อบ้านที่เขาจะใช้เป็นเรือนตาย ยังมีสิ่งสวยงามล่อตานักท่องเที่ยวได้...จากความดำมืด เขาจะเปลี่ยนเป็นสีขาวให้จงได้
วันวาดยิ้มกว้าง เธอเอียงศีรษะอิงไหล่กว้าง “วาดรักคุณค่ะ วาดไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจแบบนั้น”
เธอกล่าวเสียงแผ่วเครือ ไม่ว่าตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่ แต่เวลานี้เธอกลับมั่นใจ เธอไม่ได้มองโจนาธานผิด เขาเป็นผู้ชายแสนดีอย่างที่เธอหวังไว้จริงๆ
“ฉันก็รักเธอวาด แม้เธอจะกวนใจฉันจนแทบคลั่งตอนนั้น แต่เวลานี้เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ฉันจะรักไปจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
เสียงหนักแน่นตอบกลับมา มือแข็งแรงเอื้อมจับมือเรียวเล็กไปกุมไว้หลวมๆ
จบแล้วกับอดีตที่ไม่น่าจดจำ...นับจากนี้ไปคืออนาคตที่เธอกับโจนาธานจะร่วมกันสร้าง โดยมีความรักร้อยรัดคนทั้งคู่ไว้ ใช้เป็นแรงผลักดันให้เดินก้าวไปข้างหน้า...อย่างมั่นคง...
Don't be afraid to change. You may lose something good but you may gain something better.
‘จงอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง คุณอาจจะสูญเสียสิ่งที่ดีไป...แต่คุณก็อาจจะได้รับในสิ่งที่ดีกว่า กลับมาแทน’
จบบริบูรณ์
บทนำ... บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’ ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมอ
บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน “ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตั
“วาดขอประวัติคนป่วยไปศึกษาด้วยค่ะ จะได้หาวิธีตั้งรับและวิธีทำให้เขาดีขึ้นด้วย” ไหนๆ ก็ตกลงปลงใจรับงานนี้มาทำ วัดวาดจึงจำเป็นต้องรู้จักคนป่วยคนนี้ เพื่อตัวเองและบิดา “ได้...” เบนพยักหน้ารับ “ไทย เอาประวัติน้องชายฉันให้หล่อนดูสิ” เบนสั่ง เขาออกเดินหน้าตั้ง เมื่อเวลาที่โจนาธานมาถึงกระชั้นเต็มที...เขาส่งโจนาธานไปตรวจร่างกายที่อเมริกา และวันนี้คือกำหนดกลับของน้องชาย แฟ้มสีน้ำตาลไหม้ ไทยหยิบจากโต๊ะทำงานของเบน มายัดใส่มือวันวาดพร้อมกับกระซิบเสียงเคร่งๆ “หากอยากอยู่จนปลดหนี้ให้พ่อเธอได้...อย่าพยายามอ่อย คุณโจ!!” ไทยเดินตามเจ้านายไปติดๆ เขาเป็นการ์ดกึ่งเลขา ทำงานทุกหน้าที่แล้วแต่เบนจะสั่ง...เป็นลูกน้องที่รู้ใจเบนสุดๆ วันวาดถอนใจแรงๆ “กลับบ้านกันเถอะค่ะพ่อ วาดต้องไปศึกษาคนป่วยคนนี้” หญิงสาวรีบประคองทะนง เขาอ่อนแรงมาก แม้แต่แรงยืนยังไม่ค่อยมี ที่วันวาดไม่เข้าใจ ทะนงอ่อนเปลี้ยขนาดนี้ เขานั่งหลังขดหลังแข็งในบ่อนได้ยังไงเป็นวันๆ “วาด...พ่อเหลือแค่วาดนะลูก” ระหว่างทาง ทะนงย้ำแล้วย้ำอีก หากวันวาดหนี นั
บทที่2.เผชิญหน้ากับคนป่วยจอมแสบ “แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?” เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50% “ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่” โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน “แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...” เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่... โจนาธานไม่ได้ตอบกลับ เขาเบือนหน้ามองเหม่อไป
ก็อกๆ “พยาบาลที่คุณเบนต้องการตัว มาแล้วครับ” เขาเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ยื่นหน้าเข้าไปภายพรางส่งเสียงบอก “ให้เข้ามาซิ” เสียงแหบห้าวตะโกนสวน เบนกำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อวันนี้น้องชายตัวแสบ ประท้วง...โจนาธานไม่แตะอะไรเลยแม้แต่น้ำ...จนคนดูแลวิ่งวุ่น เมื่อคนที่เคยอาละวาดปึงปังกลับนิ่งเฉย...แต่กลับทำให้อาการของเขาทรุดลง... “มาก็ดีแล้ว...ไปกันเถอะ เธอจะได้เจอคนป่วยจอมป่วนเสียที” วันวาดยังอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าหล่อนมันแพรบเพราะยังไม่แวะล้างคราบไคล แต่ในภาวะเร่งร้อนเช่นนี้ เบนไม่สนใจความสวยงามเท่าใด เขาต้องการใครก็ได้...ที่สามารถปราบพยศโจนาธานได้สักคน... วันวาดเดินตามผู้ชายหน้าดุแบบงงๆ เขาดูเร่งร้อน การเดินของเขาก็เช่นกัน ช่วงขายาวๆ นั่นเดินฉับๆ จนเธอต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทัน ลิฟต์ขาลง ดูดีกว่าลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมาลิบลับ ตัวลิฟต์ใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้ง ผิวลิฟต์มันปราบ เพราะการเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ เธอยืนเงียบๆ ด้านข้างเขา พยายามสำรวมสายตา โฟกัสแค่ปลายเท้า เสียงถอนหายใจแร
โจนาธานตวาดลั่น เขาชี้นิ้วสั่นๆ ไปยังประตู ขับไล่ผู้หญิงแปลกหน้าแบบไม่สนใจ “เสียใจด้วยค่ะ วาดมาทำงาน พี่คุณจ้างวาดมาดูแลคุณ วาดเป็นพยาบาลอาชีพ วาดชื่อวันวาดค่ะ นับจากนี้ไป คุณต้องฟังที่วาดพูด...ไม่ทราบวันนี้คุณได้ทานอาหารบ้างมั้ยคะ?” หญิงกล่าวแนะนำตัว เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ โจนาธาน ไม่สนใจสายตาขวางๆ ของเขา เธอเชื่อว่าชายหนุ่มหมดแรงเพราะปลายนิ้วที่ยกค้างไว้ของเขา สั่นจนเธอมองเห็น เขาออกฤทธิ์อะไรเอากับเธอไม่ได้มากกว่านี้หรอก เมื่อเขาใช้แรงที่มีขวางหมอนใส่เธอจนหมด... หญิงสาวปรายตามองถาดอาหาร...ไม่มีรอยยุบ อาหารอ่อนๆ นั่นเต็มถ้วย วันวาดมองคนป่วยตรงหน้า ด้วยสายตาตำหนิเล็กๆ “ดูจากปริมาณข้าว...คุณไม่น่าจะมีอะไรตกถึงท้อง...และถ้าคุณอยากมีฤทธิ์ เพื่อจะโวยวายล่ะก็... วาดแนะนำ คุณควรทานอาหารเหล่านี้นะคะ” หญิงสาวเปรยลอยๆ เธอยกถาดอาหารนั่น เดินไปที่ประตู เธอต้องการให้ใครก็ได้นำไปอุ่น เธอจะจัดการให้คนป่วยกินอาหารเหล่านี้เอง ปึก!! เบนผงะ เมื่อมีใครบางคนดันประตูให้เปิด เขาเดินถอยหลังเปิดทางให้คนๆ นั้น “วาดต้องการอาหารชุดใหม่ค่ะ ของเก่ามันเย็นชืด
บทที่3.ยุทธการอาบน้ำผู้ชาย...ป่วย... แป้นกลับมาอีกครั้งตามกำหนดเวลาที่วันวาดร้องขอไว้ มีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งเดินตามมาด้วย เขาคือการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องพักของโจนาธานนั่นเอง “พี่เอกยืนอยู่แถวๆ นี้ค่ะ คุณวาดอยากใช้อะไรโผล่หน้าออกไปเรียกได้เลยค่ะ” แป้นแนะนำตัว และเอกก็ยิ้มรับ เขาเหลือบมองโจนาธานแบบหวาดๆ กลัวใจกับฤทธิ์ของพ่อเจ้าประคุณจริงๆ แต่ที่เอกเห็นคือ คนฤทธิ์มานอนเอนๆ อยู่กลางเตียง ใบหน้าหงิกงอ ยับย่น มีรอยไม่พอใจเต็มหน่วยตา แต่กลับไม่มีเสียงโวย เหมือนเก่า “ดีเลย วาดอยากจับ ‘เค้า’ เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ทำความสะอาดเตียงนั่นด้วย” คราบอาหารหกกระจายไปทั่ว แป้นอมยิ้ม กว่าคุณโจนาธานจะยอมรับประทานอาหาร คงออกฤทธิ์ไว้ไม่น้อย... “คุณวาดจัดการเช็ดตัวได้เลยค่ะ แป้นจะไปตามคนมาช่วยทำความสะอาดเตียง” “ที่ฉันพูดนี่ มีใครฟังมั้งมั้ย!! หรือว่าฟังภาษาคนไม่ออก ออกไป!! อย่ามาวุ่นวายกับฉัน...” เสียงแทรกจากกลางเตียง เมื่อโจนาธานเริ่มโวย “แป้นไปตามคนมาเถอะจ้ะ ทางนี้วาดกับพี่เอกคงพอรับมือไหว” หญิง
บทที่4.เสือนิ่งอย่าคิดว่าเสือหลับ5:00 นาฬิกา... โครม!! วันวาดสะดุ้ง!! เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ มองหาต้นเหตุของเสียงดังๆ ที่ทำให้ตัวเองตกใจตื่น หลังจากฟุบหลับไปตอนหลังเที่ยงคืน เมื่อโจนาธานหลับไปเพราะฤทธิ์ยา... หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนแบบกระฉับกระเฉง ยกมือตบหน้าเบาๆ ไล่ความสะลึมละลือ แล้วจึงเดินไปหยิบถาดที่หล่นบนพื้น สาเหตุคงเป็นเพราะคนไข้เจ้าอารมณ์ที่นั่งหน้ายับอยู่กลางเตียง “คุณตื่นแล้ว...ทำไมไม่เรียกวาดล่ะคะ” หญิงสาวเปรย “หิวน้ำ หรือต้องการทำธุระส่วนตัวคะ?” เธอถามต่อ โจนาธานหน้ายับ เขาหิวน้ำ และไม่อยากปลุกหล่อน เรื่องเล็กน้อยที่เขาน่าจะทำได้ แต่...ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก มันน่าโมโหที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ “ไม่!!” เขาตอบเสียงสะบัด หลุบเปลือกตาลง เพื่อปิดการสนทนา แต่...แก้วน้ำสะอาดที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ถูกยื่นให้ พร้อมกับหลอดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในแก้ว “คุณหิวน้ำวาดรู้” คนที่ตื่นนอนใหม่ๆ มักจะกระหายน้ำเหมือนกันทุกคน วันวาดจึงจัดแจงให้ โดยที่โจนาธานไม่ต้องเอ่ยปาก เ