ก็อกๆ
“พยาบาลที่คุณเบนต้องการตัว มาแล้วครับ”
เขาเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ยื่นหน้าเข้าไปภายพรางส่งเสียงบอก
“ให้เข้ามาซิ”
เสียงแหบห้าวตะโกนสวน เบนกำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อวันนี้น้องชายตัวแสบ ประท้วง...โจนาธานไม่แตะอะไรเลยแม้แต่น้ำ...จนคนดูแลวิ่งวุ่น เมื่อคนที่เคยอาละวาดปึงปังกลับนิ่งเฉย...แต่กลับทำให้อาการของเขาทรุดลง...
“มาก็ดีแล้ว...ไปกันเถอะ เธอจะได้เจอคนป่วยจอมป่วนเสียที”
วันวาดยังอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าหล่อนมันแพรบเพราะยังไม่แวะล้างคราบไคล แต่ในภาวะเร่งร้อนเช่นนี้ เบนไม่สนใจความสวยงามเท่าใด เขาต้องการใครก็ได้...ที่สามารถปราบพยศโจนาธานได้สักคน...
วันวาดเดินตามผู้ชายหน้าดุแบบงงๆ เขาดูเร่งร้อน การเดินของเขาก็เช่นกัน ช่วงขายาวๆ นั่นเดินฉับๆ จนเธอต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทัน
ลิฟต์ขาลง ดูดีกว่าลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมาลิบลับ ตัวลิฟต์ใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้ง ผิวลิฟต์มันปราบ เพราะการเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ เธอยืนเงียบๆ ด้านข้างเขา พยายามสำรวมสายตา โฟกัสแค่ปลายเท้า
เสียงถอนหายใจแรงๆ จากคนข้างตัว แล้วเสียงห้าวๆ ของเขาจึงดังขึ้น...
“เธอดูประวัติการรักษาของน้องฉันแล้วใช่ไหม?...มีความเห็นอะไรมั้ย!!”
เบนถามเหมือนปรึกษา แต่ความจริงเขากำลังประเมินความใส่ใจงานของหล่อน
วันวาดสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนตอบ “เครสแบบนี้มีบ่อยๆ ค่ะ และไม่น่าจะยากอะไร หากคนป่วยให้ความร่วมมือ หรือมีกำลังใจสู้” เธอตอบแบบเป็นกลาง
คนเกิดอุบัติเหตุมีให้เห็นบ่อยๆ แต่หมายความว่าหากเขาอยากหาย คนๆ นั้นต้องทำตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นอะไรก็ช่วยเขาไม่ได้ แม้แต่...ยาเทวดา...
“นั่นคือปัญหาที่เธอต้องหาทางแก้ โจ...ไม่เอาอะไรเลย ไม่ให้ความร่วมมือ หรือแม้แต่จะกินยา...”
เบนตอบ เขาเหลือบมองวันวาดซ้ำ
“งั้นก็แย่ค่ะ เพราะหากเขาต่อต้าน ร่างกายก็จะทรุดลงไปเรื่อยๆ และอาจจะทำให้เขาเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
หญิงสาวตอบตามตรง หากคนป่วยไม่ให้ความร่วมมือ ผลเสียจะตกอยู่ที่ตัวเขาเอง
“นั่นคือหน้าที่เธอ!!...อย่าลืมสิ...เงินล้านมันไม่ได้หากันง่ายๆ ฉันใจดีแค่ไหนที่ยกหนี้ให้พ่อเธอ เพราะฉะนั้น... เธอต้องตอบแทนฉันให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย แค่ผู้ชายหัวดื้อคนเดียว เธอคิดว่าจะปราบเขาได้ไหมล่ะ!!”
เบนพูดเสียงเคร่ง...พยาบาลทุกคนที่เคยว่าจ้าง ส่วนมากแอบลวนลามโจนาธานจนน้องชายเขารำคาญ จึงไล่ตะเพิดพวกหล่อนออกไป แต่สำหรับวันวาด... เบนแน่ใจ...หล่อนไม่น่าจะพิศวาสโจนาธาน เมื่อหล่อนดูเฉยๆ ไม่วอกแวกเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เบนเคยเจอ
“วาดรู้ค่ะ วาดจะพยายาม”
หญิงสาวรับคำเสียงหนักๆ...ที่เธอมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะ...บิดานั่นแหละ
ห้องโดยสารด้านหลังเงียบกริบ ไม่มีบทสนทนา ไร้ซึ่งคำถาม และวันวาดก็แสนยินดี เธอไม่อยากได้ยินคำขู่ที่เบนใช้บ่อยๆ
“รถเก่าๆ ของเธอ เดี๋ยวไทยจะเอามาทิ้งไว้ให้ จะไปจะมาจะได้สะดวก”
เบนพูดเหมือนรู้ใจ เพราะวันวาดกำลังกังวล เธอนึกไม่ออกว่าจะกลับบ้านอย่างไร เมื่อเส้นทางที่ผ่านมา ไม่มีรถรับจ้างเมื่อเบนอาศัยอยู่นั้น...เป็นหมู่บ้านคนร่ำรวย พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะเหล่านั้น มันไม่ไกลจากตัวโรงแรม หรือบ้านเธอก็จริง แต่หากต้องใช้สองขาเดิน คงเหนื่อยไม่น้อย กว่าจะถึงถนนที่มีรถรับจ้างวิ่งผ่าน
“ขอบคุณค่ะ”
“เธอคงต้องทำความรู้จักกับน้องฉันก่อน เมื่อก่อน...โจนาธานเป็นคนร่าเริง แต่อุบัติเหตุนั่น ทำให้เขาเปลี่ยนไป”
อุบัติเหตุร้ายแรงเกินจะรับ สภาพรถยนต์ของชายหนุ่มครั้งแรกที่เบนเห็น เขาไม่คิดว่าโจนาธานจะรอด แต่น้องชายเขาก็รอดมาได้แบบปฏิหาริย์ เมื่อพระเจ้ายังไม่ต้องการชีวิตโจนาธาน เขาจึงยังมีลมหายใจอยู่จนกระทั่งเบนไปถึง เขาทุ่มทุนไปกับการรักษาโจนาธานแบบไม่เสียดาย สามารถยื้อลมหายใจน้องชายไว้ได้ แต่ไม่สามารถทำให้โจนาธานเดินได้เหมือนเก่า คำบอกเล่าของนายแพทย์ประจำตัว การรักษาแบบต่อเนื่องจะช่วยทำให้โจนาธานดีขึ้น วันหนึ่งเขาจะเดินได้แม้จะไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่ากลายเป็นชายพิการตลอดชีวิต...
วันวาดรับรู้ คนปกติรับไม่ได้หรอก คนที่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง เดินด้วยขาตัวเอง แต่กลับทำไม่ได้เลย ครั้งแรกที่รู้... ไม่มีใครทำใจได้หรอก ส่วนมากที่เธอเจอ มักจะเป็นพายุอารมณ์ที่เขาสาดใส่ เพื่อลดทอนความหงุดหงิดของตัวเอง หลังจากยอมรับได้ อีกไม่นานเขาก็จะดีขึ้น
“ค่ะ”
“บอกซะก่อนเลยนะ หากคิดทำอะไรกับน้องฉัน เธอคงโดนฤทธิ์มัน ถึงจะเดินไม่ได้ แต่มันปากดีเป็นบ้า!!”
เบนบ่นยิ้มๆ น้องชายคนเก่าฉลาดเป็นกรด เจ้าชู้ตัวพ่อ เป็นหนุ่มเสน่ห์แรงคนหนึ่ง แต่ปัจจุบัน โจนาธานไม่ต่างอะไรกับซากศพ เมื่อร่างกายผอมซูบเพราะขาดอาหาร เพราะชายหนุ่มทรมานตัวเอง เขาอยากตาย มากกว่าการมีชีวิตอยู่
รายละเอียดของคนป่วยที่เธอต้องดูแล ค่อนข้างไปทางคนเจ้าอารมณ์ วันวาดผ่อนลมหายใจแผ่วๆ คงไม่มีใครทำให้เธอหวั่นไหวได้หรอก เมื่อคำพูดเสียดสีเช่นนี้ เธอผจญมาตั้งแต่จำความได้ หญิงสาวมั่นใจ เธอรับมือคนป่วย คนนี้ไหว...
10นาทีสำหรับการเดินทาง สิ้นสุดลงเมื่อรถยนต์วิ่งผ่านรั้วเหล็กสูงใหญ่ บรรยากาศโดยรอบสวยงามจนวันวาดตะลึง
บ้านหลังใหญ่น้องๆ ปราสาท ตัวบ้านสวยงามชวนให้หลงใหล มีสาวใช้วิ่งถลามาต้อนรับแบบรู้หน้าที่ เบนก้าวลงจากรถยนต์ เขาโยนกระเป๋าเอกสารให้หล่อน ก่อนจะเดินนำหน้าวันวาดเข้าไปด้านใน
“นี่พยาบาลคนใหม่ที่จะมาดูแลโจ หาห้องให้หล่อนด้วย เอาใกล้ๆ ห้องโจนะ”
ถึงวันวาดจะไม่ได้อยู่ประจำ หล่อนก็น่าจะมีห้องส่วนตัวไว้จัดการธุระ
“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ วาดต้องอยู่ใกล้ๆ คนป่วย”
เบนยิ้ม เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เขาแน่ใจ หล่อนได้ใช้แน่ เมื่อไม่มีใครทนฤทธิ์โจนาธานได้นานเกิน3 ชั่วโมง...
“นี่ห้องโจ...ต้องให้ฉันเข้าไปด้วยมั้ย?”
การลองภูมิของวันวาดเริ่มขึ้น หลังเบนเดินนำจนมาถึงห้องๆ หนึ่ง
“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณ”
หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองเบน เธอยิ้มให้เขา เอื้อมมือแตะลูกบิดประตู หลังรวบรวมความกล้า...เธอพร้อมแล้ว
ตุ๊บ!!
หมอนใบหนึ่งหล่นปุลงตรงหน้า เมื่อเธอดันประตูเปิดเข้ามาด้านในห้อง
สิ่งแรกที่สายตารับรู้ คือความมืดครึ้ม เมื่อหน้าต่างทุกบานถูกปิด ม่านถูกรูดบดบังแสง จนแทบจะมองอะไรไม่เห็น
วันวาดเพ่งมองฝ่าความมืด เธอปิดงับประตูลงไม่ได้พูดอะไร ก้มลงเก็บหมอนไว้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินคลำทางจนสามารถปรับสายตาให้คุ้นกับความมืด มองเห็นภายในห้องลางๆ และที่สำคัญ สายตาวาวๆ กลางเตียงนั่น กำลังจ้องมองเธอแบบตาไม่กระพริบ...
เบนยืนอิงไหล่กับกรอบประตู เขาเงี่ยหูฟังเสียงจากภายในห้อง นึกอยากหัวเราะครั้งแรก...เมื่อไม่มีเสียงกรี๊ด!! ไม่มีเสียงร้องโวยวายของผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านประตูนี่ไป...
กระเป๋าสะพายไหล่ถูกวางลงบนโต๊ะเตี้ยๆ กลางห้อง เธอเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มงาน
สิ่งแรกที่ควรทำ คือทำให้ห้องสว่างขึ้น ไม่ใช่มืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น...
เธอเดินไปรูดม่าน....
ทันที่ที่แสงจากภายนอกส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา
เสียงโวยก็ดังขึ้น!!
“ใครให้หล่อนสาระแนเปิดม่านหะ!!”
หญิงสาวหมุนตัวกลับมามอง เธอตกใจเล็กๆ กับสภาพผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งเอนๆ อยู่กลางเตียง เขาผอมจนน่าใจหาย ใบหน้าตอบ คางรกครึ้มไปด้วยหนวดและเครา แต่แววตากลับจัดจ้า...
“ห้องมืดจนวาดมองอะไรไม่เห็นเลยค่ะ จะให้รูดม่านปิดเหมือนเดิมก็ได้ แต่วาดคงต้องขอเปิดไฟ...”
เธอตอบเสียงเรียบ หยุดรอฟังคำตอบของเจ้าของห้อง
“นั่นประตู หล่อนมาทางไหน...เชิญออกไปทางนั้นได้เลย ฉันไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามายุ่มย่าม!!”
โจนาธานตวาดลั่น เขาชี้นิ้วสั่นๆ ไปยังประตู ขับไล่ผู้หญิงแปลกหน้าแบบไม่สนใจ “เสียใจด้วยค่ะ วาดมาทำงาน พี่คุณจ้างวาดมาดูแลคุณ วาดเป็นพยาบาลอาชีพ วาดชื่อวันวาดค่ะ นับจากนี้ไป คุณต้องฟังที่วาดพูด...ไม่ทราบวันนี้คุณได้ทานอาหารบ้างมั้ยคะ?” หญิงกล่าวแนะนำตัว เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ โจนาธาน ไม่สนใจสายตาขวางๆ ของเขา เธอเชื่อว่าชายหนุ่มหมดแรงเพราะปลายนิ้วที่ยกค้างไว้ของเขา สั่นจนเธอมองเห็น เขาออกฤทธิ์อะไรเอากับเธอไม่ได้มากกว่านี้หรอก เมื่อเขาใช้แรงที่มีขวางหมอนใส่เธอจนหมด... หญิงสาวปรายตามองถาดอาหาร...ไม่มีรอยยุบ อาหารอ่อนๆ นั่นเต็มถ้วย วันวาดมองคนป่วยตรงหน้า ด้วยสายตาตำหนิเล็กๆ “ดูจากปริมาณข้าว...คุณไม่น่าจะมีอะไรตกถึงท้อง...และถ้าคุณอยากมีฤทธิ์ เพื่อจะโวยวายล่ะก็... วาดแนะนำ คุณควรทานอาหารเหล่านี้นะคะ” หญิงสาวเปรยลอยๆ เธอยกถาดอาหารนั่น เดินไปที่ประตู เธอต้องการให้ใครก็ได้นำไปอุ่น เธอจะจัดการให้คนป่วยกินอาหารเหล่านี้เอง ปึก!! เบนผงะ เมื่อมีใครบางคนดันประตูให้เปิด เขาเดินถอยหลังเปิดทางให้คนๆ นั้น “วาดต้องการอาหารชุดใหม่ค่ะ ของเก่ามันเย็นชืด
บทที่3.ยุทธการอาบน้ำผู้ชาย...ป่วย... แป้นกลับมาอีกครั้งตามกำหนดเวลาที่วันวาดร้องขอไว้ มีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งเดินตามมาด้วย เขาคือการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องพักของโจนาธานนั่นเอง “พี่เอกยืนอยู่แถวๆ นี้ค่ะ คุณวาดอยากใช้อะไรโผล่หน้าออกไปเรียกได้เลยค่ะ” แป้นแนะนำตัว และเอกก็ยิ้มรับ เขาเหลือบมองโจนาธานแบบหวาดๆ กลัวใจกับฤทธิ์ของพ่อเจ้าประคุณจริงๆ แต่ที่เอกเห็นคือ คนฤทธิ์มานอนเอนๆ อยู่กลางเตียง ใบหน้าหงิกงอ ยับย่น มีรอยไม่พอใจเต็มหน่วยตา แต่กลับไม่มีเสียงโวย เหมือนเก่า “ดีเลย วาดอยากจับ ‘เค้า’ เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ทำความสะอาดเตียงนั่นด้วย” คราบอาหารหกกระจายไปทั่ว แป้นอมยิ้ม กว่าคุณโจนาธานจะยอมรับประทานอาหาร คงออกฤทธิ์ไว้ไม่น้อย... “คุณวาดจัดการเช็ดตัวได้เลยค่ะ แป้นจะไปตามคนมาช่วยทำความสะอาดเตียง” “ที่ฉันพูดนี่ มีใครฟังมั้งมั้ย!! หรือว่าฟังภาษาคนไม่ออก ออกไป!! อย่ามาวุ่นวายกับฉัน...” เสียงแทรกจากกลางเตียง เมื่อโจนาธานเริ่มโวย “แป้นไปตามคนมาเถอะจ้ะ ทางนี้วาดกับพี่เอกคงพอรับมือไหว” หญิง
บทที่4.เสือนิ่งอย่าคิดว่าเสือหลับ5:00 นาฬิกา... โครม!! วันวาดสะดุ้ง!! เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ มองหาต้นเหตุของเสียงดังๆ ที่ทำให้ตัวเองตกใจตื่น หลังจากฟุบหลับไปตอนหลังเที่ยงคืน เมื่อโจนาธานหลับไปเพราะฤทธิ์ยา... หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนแบบกระฉับกระเฉง ยกมือตบหน้าเบาๆ ไล่ความสะลึมละลือ แล้วจึงเดินไปหยิบถาดที่หล่นบนพื้น สาเหตุคงเป็นเพราะคนไข้เจ้าอารมณ์ที่นั่งหน้ายับอยู่กลางเตียง “คุณตื่นแล้ว...ทำไมไม่เรียกวาดล่ะคะ” หญิงสาวเปรย “หิวน้ำ หรือต้องการทำธุระส่วนตัวคะ?” เธอถามต่อ โจนาธานหน้ายับ เขาหิวน้ำ และไม่อยากปลุกหล่อน เรื่องเล็กน้อยที่เขาน่าจะทำได้ แต่...ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก มันน่าโมโหที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ “ไม่!!” เขาตอบเสียงสะบัด หลุบเปลือกตาลง เพื่อปิดการสนทนา แต่...แก้วน้ำสะอาดที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ถูกยื่นให้ พร้อมกับหลอดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในแก้ว “คุณหิวน้ำวาดรู้” คนที่ตื่นนอนใหม่ๆ มักจะกระหายน้ำเหมือนกันทุกคน วันวาดจึงจัดแจงให้ โดยที่โจนาธานไม่ต้องเอ่ยปาก เ
บทที่5.คืนที่2 สำหรับการอยู่กับผู้ชายลำพัง... คนที่โจนาธานแอบรอ...เธอกำลังอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการไปค้างอ้างแรมทั้งคืน ตอนเช้าเธอจะได้ไม่ต้องกระวีกระวาดกลับมาบ้าน ไหนๆ ที่นั่นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เธอเตรียมเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวติดไปด้วย...ประหยัดหลายทางทั้งค่าน้ำมัน และเรื่องความปลอดภัย... “เขาเป็นคนยังไงมั้งล่ะวาด?” รัชนีเปิดปากถามเสียงอ่อนๆ เธอห่วงบุตรสาว ถึงจะเป็นคนป่วย แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย “เป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง และรั้นมากค่ะแม่...กว่าเขาจะยอมลงให้วาด คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ” หญิงสาวตอบ มือก็จับเสื้อยืด กางเกงวอร์มยัดลงในกระเป๋า เธอสำรองไว้ หลายๆ ชุด จะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา “แม่หมายถึงอาการป่วยของเขา...พอมีทางหายไหม?” รัชนีถาม เพราะอยากรู้ว่าระยะเวลาที่วันวาดต้องลำบากลำบน นั่นจะอีกนานแค่ไหน “พูดยากจ้ะแม่...เท่าที่เห็นเขาก็เข้าขั้นหนัก คุณเขาไม่กินยา ไม่ทำกายภาพบำบัดตามหมอสั่ง กล้ามเนื้อที่ขาเล็กและลีบมาก ต้องฟื้นฟูอีกนาน” วันวาดอธิบาย เธออ่อนใจกับความเยอะข
โจนาธานออกปากขับไล่หล่อนเหมือนทุกครั้ง... “คุณไล่วาดได้ วาดไม่ว่า... แต่วาดจะไปไหม นั่นมันอีกเรื่อง” พายุอารมณ์ที่คนป่วยมักจะสาดใส่พยาบาล เนื่องจากภาวะอารมณ์ของเขาไม่คงที่ เกิดจากภาวะจิตใจ คนที่เคยเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ไม่เคยต้องให้ใครช่วย จู่ๆ ก็ต้องนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วย รอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น....เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครทนได้ เขามักจะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา...และนั่นเป็นสิ่งที่วันวาดผจญมาแล้ว ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นแค่การรับมือกับคนป่วยเพียงคนเดียว...เธอคิดว่า...ตัวเองไหว!! “หน้าด้าน!!” “เปล่าเลยค่ะ เพราะหากเป็นคนธรรมดา เขาน่าจะเดินหนีคุณ แต่วาด...วาดทำแบบนั้นไม่ได้ ไหนจะด้วยอาชีพและหนี้สินที่เป็นตัวบังคับ วาดต้องอยู่ และทนรับสิ่งที่คุณโยนใส่...ให้ได้” หญิงสาวอธิบาย “คุณทานยาก่อนอาหารหรือยังคะ?” เธอมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็ก บนข้อมือ แล้วจึงถามโจนาธาน “ฉันไม่กิน!!” ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด วันวาดยิ้ม ท่าทีต่อต้านแบบนี้ก็แสดงว่า ยาก่อนอาหารคนป่วยจอมดื้อยังไม่กิน เธอจึงเดินไปจัดยาพร้อมกับกดกริ่งเรียกสาวใช้ เพราะหลังกินย
หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง... ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม“ช่างฉัน!!”“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่