Share

บทที่15.เซอร์ไพรส์สุดๆ 3

“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง...

          วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน

          “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ

          “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!”

          ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก...

          “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว

          นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง

          “ถ้าวาดทำจริง คุณพิก็ต้องสมควรกราบวาด...เพราะสิ่งที่ลูกทำ ทำให้พวกเราทุกคนมีที่ซุกหัวนอน ไม่อย่างนั้นเหรอ...คงไม่แคล้วได้นอนข้างทาง...” ทะนงตอกกลับเสียงขุ่น ท่านเดินมายืนบังบุตรสาว มือเหี่ยวๆ ยกขึ้นแตะหลังมือวันวาด สิ่งที่ท่านรับรู้ คือมือวันวาดเย็นเฉียบและสั่นระริก ท่านตระหนก แต่พยายามไม่เผยพิรุธ ไม่อย่างนั้นบุตรสาวจะใจเสียมากขึ้น

          “หึ!!” นางสะบัดหน้าหนี จนคำเถียง เมื่อสิ่งที่สามีพูดมาเป็นความจริง

          “อีกอย่างนะคุณพิ...ไอ้ท่าทางกร่างๆ นี่ หยุดเถอะอย่าทำ ครอบครัวเราน่าจะสงบสุขได้แล้ว เอาเวลามาทำมาหากินดีกว่า ไพ่...การพนันนั่น ไม่ทำให้ใครรวย...พอสักที นึกว่าเห็นแกพี่”

          สาวใหญ่ฮึดฮัด แต่นางเถียงไม่ออก...เมื่อทะนงพูดมา คือความเป็นจริง นางถอนใจ แต่เพราะทิฐิ จึงยังอ่อนลงไม่มาก

          “ฉันขอโทษแล้วกัน...ทั้งคุณพี่ แม่นี แล้วก็วาด...”

          พิไลเหมือนตัวคนเดียว และคนตรงหน้า ไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่พวกเขาคือครอบครัวของนาง หากไม่มีพวกเขา นางเองก็ไม่มีใคร

          รัชนียกชายผ้าขึ้นซับหัวตา นางยิ้มอ่อนๆ แม้จะรู้สึกหนักอก เพราะที่มาที่ไปของเงิน ก็ยังไม่รู้แน่ชัด...

          นางมองบุตรสาวก่อนจะถอนใจ

          “สายแล้วค่ะ ทานข้าวกันดีกว่า”

          รัชนีเดินเข้ามาแทรกกลาง นางพูดพร้อมกับยิ้ม “เชิญค่ะคุณพิ คุณพี่ วาดไปลูก เดี๋ยวจะได้ไปทำงาน...”

          โบราณสอนไว้ น้ำนิ่งไหลลึก น้ำขุ่นเอาไว้ข้างใน น้ำใสเอาไว้ข้างนอก หากคิดจะถนอมความรู้สึกของคนรอบข้าง ก็จำต้องเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ ไม่แสดงออกมาอย่างเปิดเผย เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายลงเอง...

          “พ่อขอโทษ...เพราะพ่อ เพราะพ่อเอง...” ทะนงกระซิบเสียงแผ่ว เขาตบหลังมือวันวาดเบาๆ หญิงสาวน้ำตาคลอ น้ำตาร้อนไหลเออ แต่เธอไม่เคยนึกเสียใจ ถึงสิ่งที่เธอทำจะทำให้เกิดรอยราคี แต่มันช่วยทุกคนได้ ยิ่งกว่านี้วันวาดก็ยอม...

          “วาด...”

          “ไม่ต้องพูดลูก ช่างมัน...เราจะลืมมันให้หมด มันเป็นอดีต...ต่อไปนี้คืออนาคต”

          ทะนงกล่าวเสียงเครือ ท่านรั้งบุตรสาวมากอดแนบอก วันวาดซุกใบหน้ากับแผงอกบิดา...เธอสูดจมูกฟุตฟิต กลั้นน้ำตาไว้ในอก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ทะนง

          มือเหี่ยวๆ ลูบบนศีรษะทุยได้รูป เขาสัญญาในใจ จากนี้ไป จะทำทุกอย่างเพื่อให้บุตรสาวมีความสุขบ้าง

          “ไปค่ะ ทานข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด...” รัชนีสูดจมูกแรงๆ เธอกลืนก้อนสะอื้นเก็บไว้ในอกเช่นเดียวกับบุตรสาว

          พิไลเดินคอตก นางเดินตามทั้งสามคนไป แม้ไม่มีใครมีทีท่ารังเกียจ แต่เธอก็รู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเป็นส่วนเกิน

          4ชีวิตกำลังเดินเข้าไปในบ้าน แต่...เสียงแตรรถยนต์ดังอยู่หน้าประตูรั้ว ทั้งหมดจึงหันไปมองพร้อมกัน เมื่อเป็นเวลานานแล้วที่พิศิษรุ่งเรืองไม่มีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยือน

          “ใครมาแต่เช้าน่ะแม่นี นัดใครมาเอาขนมหรือเปล่า?” ทะนงถาม เขาพยายามเพ่งมองผ่านรั้วต้นไม้ไป แต่รถยนต์คันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้านไม่คุ้นตาสักนิด...

          “เปล่านี่คะคุณพี่...” รัชนีตอบ เธอเตรียมตัวจะไปเปิดประตูรั้ว

          “วาดไปเองค่ะแม่...” หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเธอมีเวลาเหลืออีก1 ชั่วโมง จึงอาสามารดาไปเปิดประตูบ้านเสียเอง

          พิไลขมวดคิ้ว “ใครมาหาคุณพิไหม? เป็นหนี้ใครไว้หรือเปล่า” ทะนงหันไปถามภรรยา สาวใหญ่ส่ายหน้า เธอไม่มีเครดิต มานานแล้ว จึงไม่มีหนี้ก้อนใหญ่ มีแค่เล็กๆ น้อยๆ และคนเหล่านั้นก็ไม่มีใครมีรถยนต์แบบนี้สักคน

          วันวาดเปิดประตูรั้ว เธอชะงัก เมื่อรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านเปิดประตูด้านข้างเอาไว้ และคนที่นั่งอยู่ในนั้น คือคนที่เธอเพิ่งจากมาไม่ถึง1 ชั่วโมง

          โจนาธาน ...ที่น่าตกใจคือ ด้านข้างของเขา มีสตรีสูงวัย ผู้หญิงเธอเคยเห็นท่านผ่านรูปถ่าย ไม่คิดว่าตัวจริง จะยังสวยสง่า...มาดามรินรำไพ...แต่ว่า...พวกเขามาทำอะไรที่นี่?

          “น่าอยู่ดีนะ ร่มรื่นดีจัง” เสียงหวานนุ่มเอ่ยเบาๆ นางเดินลงมาจากรถยนต์ และมองวันวาดยิ้มๆ

          “เออ...” หญิงสาวกระอึกกระอักรีบยกมือขึ้นนบไหว้ตามความเคยชิน

          มาดามรินรำไพยิ้มอ่อนให้หญิงสาว “ลงมาสิโจ ลูกนั่นแหละมัวชักช้า...แม่ใจร้อน...แม่รีบ” นางเอ่ยเสียงขรม เมื่อหันไปเอ็ดบุตรชาย ที่มัวแต่งุ่มง่าม มาดามรินรำไพไม่นึกรังเกียจผู้หญิงตรงหน้า หล่อนเป็นหญิงไทยที่ดูเรียบร้อยและมีความเป็นกุลสตรี เรื่องฐานะ!! นางไม่เคยสน เมื่อลูกชายรัก และนางเห็นว่าเหมาะ แค่นี้ก็พอแล้วหากโจนาธานคิดจะเริ่มต้นชีวิตคู่ บอกตรงๆ เลย...นางอยากอุ้มหลาน...

          วันวาดตาค้าง...เพราะโจนาธานก้าวลงจากรถเข็น แม้จะยังดูไม่แข็งแรงเท่าไร แต่มันน่าตกใจ...เขาเดินได้

          “ไงจ้ะหนูวาด เซอร์ไพรส์!!”

          นางพูดเสียงกระหึ่ม โจนาธานบอกความลับนี้กับนาง แลกกับการที่ร้องขอให้นางพามาสู่ขอสาวให้...

          คนเป็นแม่จะทำอย่างไรล่ะ... ก็ดีใจจนเนื้อเต้นนะสิ มาดามรินรำไพเลยรีบเดินทางมาบ้านพิศิษรุ่งเรือง ไม่มีคำคัดค้าน...มีแต่ความกระหยิ่มยินดี ยิ่งเห็นว่าที่สะใภ้ตัวเป็นๆ นางก็ยิ่งนึกชอบ กริยา รูปร่างหน้าตา ผิดจากที่คิดไว้ เพราะในอดีต รสนิยมของโจนาธานต้องพวก เนื้อ นม ไข่ สมองกลวงๆ และดัดจริต วันวาดตรงข้ามกับที่นางคิดไว้ เพราะฉะนั้น หล่อนผ่าน!!

          “ไปๆ เข้าบ้านเถอะ พ่อ-แม่ อยู่ไหมจ้ะ จะได้ให้เสร็จในวันเดียวเลย”

          สาวใหญ่ยังคงกระฉับกระเฉง แม้อายุอานามจะปาเข้าไปเลข5ปลายๆ แต่นางก็ยังแข็งแรง คล่องแคล้วเหมือนสาวรุ่นๆ

          อะไร? ยังไง? วันวาดเดินตามไปแบบงงๆ เธอคอยระวังหลังให้โจนาธาน เมื่อรู้ดีว่า ชายหนุ่มยังไม่แข็งแรงพร้อม เธอแอบค่อนโจนาธานในใจ เขาไม่เคยปริปากบอกให้เธอรู้ ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันตลอด...

          “ด่าฉันอยู่สิ...ถ้าฉันบอกเธอ เธอจะแปลกใจไหมล่ะที่เห็นฉันเดินได้”

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status