พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย
“น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง
“ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ
พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน...
น้ำตานางไหลริน...
แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้
กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวายกับเรื่องตัวเอง ที่สำคัญเลย นางไม่มีสตางค์ติดตัวสักบาท จะให้ไปนั่งเชิดในร้านอาหารเพื่อหาอะไรใส่ท้องก็เกรงว่าจะถูกตะเพิดออกมาไม่ทัน มันตันหนทาง จนต้องกระเสือกกระสนกลับมาที่บ้านเดิม...แม้จะไม่รู้อนาคต แต่มันคือความหวังสุดท้าย...
หิว...นางจะมัวมานั่งจมทุกข์ก็ไม่มีประโยชน์ ไหนๆ คืนนี้และวันต่อไปนางก็มีที่ซุกหัวนอน
พิไลจึงเดินลงมาจากห้องนอน เพื่อหาอะไรกินรองท้อง
นางเดินไปหลังบ้าน ส่วนที่เป็นครัว ที่ที่เดียวที่นางจะหาอะไรกินได้
ทะนง รัชนี กำลังทำอะไรบางอย่าง พิไลจ้องมองก่อนจะเบ้ปาก เมื่อทั้งสามีและเมียเก็บของเขา กำลังหยิบขนมคุกกี้ชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในถุง
“หิวละสิ...ในตู้มีกับข้าวเหลืออยู่กินเสีย...พี่มีเรื่องต้องคุยกับคุณพิพอดี...”
ทะนงเปรย เขาไม่ได้เหลือบมองภรรยา คงสาละวนทำงานตรงหน้าอย่างแข็งขัน
รัชนีขยับตัว นางคิดจะลุกไปจัดแจงให้พิไลตามความเคยชิน แต่.
“ทำงานของเธอไปเถอะแม่นี คุณพิเขามีมือ ถ้าแค่หาข้าวกินยังอาศัยคนอื่น ก็ปล่อยให้หิวตายไปเถอะ”
ชายสูงวัยปราม เขาต้องทำตัวเป็นหลัก ต่อไปนี้จะไม่ทนมองให้รัชนีถูกกด ทุกคนมีค่าเท่ากัน มีมือมีเท้าที่ช่วยเหลือตัวเองได้ จะมาเอาเปรียบกันไม่ได้
พิไลสะบัดหน้าพรึด!! นางหิวจึงลงให้ ครั้งต่อไปคงไม่ยอม เวลานี้ขอหาอะไรใส่ปากใส่ท้องก่อน เดี๋ยวค่อยมาจัดการทีหลัง
นางนั่งกินข้าว สลับกับเหลือบมองสามีกับรัชนีไปด้วย...
นางมองถุงขนมที่กองไว้ กับที่สามีกับรัชนีกำลังแพ็คใส่ถุง มีจำนวนเยอะเกินกว่าจะเก็บไว้กินเอง...
“คุณพี่!! อย่าบอกนะว่าทำขนมขาย...” นางเบ้ปาก มองทั้งสองคนเหยียดๆ
“แล้วมันผิดตรงไหนละคุณพิ ได้สตางค์ด้วย ดีกว่าหายใจทิ้งไปวันๆ เสียอีก ไม่มีเวลาว่างทำให้ฟุ้งซ่านด้วยนา”
ทะนงเงยหน้าขึ้น เขาตอบภรรยาเสียงเรียบ...เมื่อก่อทะนงเองก็คิดเช่นนั้น ทำขนมเหนื่อยแทบตาย ได้ค่าตอบแทนนิดเดียว...แต่เมื่อตัวเองไม่มีรายได้ วันวาดเป็นคนเดียวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง บุตรสาวต้องทำงาน24 ชั่วโมง ดังนั้น ทะนงจึงปรึกษากับรัชนี เขาจะทำงานเล็กๆ นี่ให้เป็นจริงเป็นจัง เมื่อตัวเองรู้จักคนเยอะ ทะนงเลยออกหาลูกค้า และได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี บรรดาคนที่เขาคิดว่าพวกเขาทอดทิ้งท่าน กลับยินดีช่วย ตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อนเก่าๆ ต่างต้อนรับ เขาเลยเพิ่งรู้ การที่ทุกคนเบือนหน้าหนี เพราะเขาทำตัวไม่ดี แต่เมื่อกลับใจได้ เพื่อนต่างก็ล้วนหันกลับมาต้อนรับ กิจการทำขนมของทะนงจึงมีกำไรมากกว่าที่เขาคิด จนร่ำๆ จะขยายงาน โดยการจ้างแม่บ้านว่างงานใกล้ๆ บ้าน รวมเป็นกลุ่มเพื่อสร้างรายได้ เรื่องนี้แค่รอวันวาดเห็นชอบ เพราะบุตรสาวสัญญาว่าจะออกทุนให้
“หึ!!”
พิไลกระแทกลมหายใจใส่...นางถือจานชามใช้แล้วไปทิ้งไว้ในอ่าง กำลังจะเดินหนี เสียงสามีก็ตะโกนบอก “ล้างเสียด้วยนะคุณพิ บ้านนี้ไม่มีขี้ข้า ใครทำสกปรกก็รู้จักทำความสะอาดเสียด้วย แล้วถ้ามีสำนึก มาช่วยกันทำงานตรงนี้ จะได้มีเงินซื้อข้าวของใช้”
พิไลแทบกรี๊ด!! ทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนไปจนแทบตั้งรับไม่ทัน นางกำมือแน่น...กัดริมฝีปากจนเจ็บ แล้วจึงก้มหน้าล้างจานแบบกระแทกกระทั้น
“คุณพี่คะ...จะดีเหรอ...” รัชนีท้วงเสียงอ่อน
“ดีที่สุดแล้วละ คุณพิจะได้รู้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เธอคือเมีย คุณพิก็คือเมีย ทุกคนเสมอกัน จะมาทำตัวข่มกันแบบเมื่อก่อนไม่ได้...”
ทะนงยิ้ม ตบหลังมือรัชนีเบาๆ เขาพยายามเข้มแข็งเป็นหลักของบ้าน ทำตัวเป็นกลางและให้ความยุติธรรมกับทุกคน ไม่เอาหูไปนา เอาตาไปไร่เหมือนเมื่อก่อน ลูกเมียจะได้สงบสุข ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ...
สาวใหญ่คลี่ยิ้มอ่อนๆ น้ำตานางซึม...ในที่สุดความพยายามของนางก็เกิดผล...แต่รัชนีก็เจียมตัว ยังไงเสียนางก็มาทีหลัง นางให้เกียรติพิไลเสมอมา...
เช้าวันใหม่...
เป็นเหมือนเดิมทุกวัน วันวาดจะกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนสายๆ แล้วก็จะเลยไปทำงาน รถยนต์ของหล่อนก็ยังเป็นจักยานยนต์คันเก่าๆ เหมือนเดิม แม้ในบัญชีของวันวาดจะมีเงินเกือบ5 ล้าน
หญิงสาวจอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างบ้านใหญ่ ถอนใหญ่เฮือกใหญ่ๆ ด้วยความหนักอก วันนี้เธอกลับมาพร้อมกับความไม่สบายใจ ผู้ชายปากกล้าคนนั้น เสียดสีเสียจนเธอน้ำตาตก...หญิงสาวถอนใจแรงๆ สะบัดความกลัดกลุ้มทิ้งเตรียมตัวจะเดินกลับบ้านหลังเล็กเพื่อจัดการกับตัวเอง หญิงสาวอ้าปากหาวๆ หวอดๆ แล้วจึงชะงัก เมื่อมองเห็นพิไลยืนขวางทางอยู่ ใบหน้าพิไลตึงเปรี๊ยะ!!
“แม่วาด...มีเงินให้ฉันสักหน่อยมั้ย...ฉันจะไปธุระ”
นางตะคอก จ้องมองวันวาดตาเขม็ง
หญิงสาวยกมือขึ้นทำความเคารพเอ่ยทักเสียอ่อนๆ “คุณพิมาตั้งแต่เมื่อไรคะ?”
“ฉันจะมาตอนไหนก็ช่างฉันเถอะ เอาเงินมาสิ ฉันต้องใช้”
นางกรรโชกเสียงขุ่น มองวันวาดตาขวางๆ
“วาดไม่มีสตางค์ติดตัวค่ะ” หญิงสาวตอบตามจริง เธอไม่พกสตางค์ติดตัวเยอะ พกแค่พอใช้ดังนั้นเธอจึงไม่มีให้พิไลในตอนนี้
“อย่ามากำแหงใส่ฉันนะยะ...อีวาด!! เอาเงินมา ไม่อย่างนั้นก็เฉดหัวออกไปจากบ้านฉันเลย”
เป็นเช่นนี้ทุกครั้งหากพิไลอยากข่มลูกเลี้ยง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม วันวาดเงยหน้าขึ้นมอง เธอคลี่ยิ้มอ่อนๆ
“คุณพิอาจจะเข้าใจผิด...บ้านนี้เปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าของแล้วค่ะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านพ่อเหมือนเก่า แต่เป็นบ้านของแม่วาด...วาดจะไม่ไปไหนถ้าคนไล่ไม่ใช่แม่”
สาวใหญ่สะอึก...นางกำมือแน่น...
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง