สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง
ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย...
วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม..
“ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด
“การที่คุณมา...เออ...ขอวาด เพราะอยากรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเหรอคะ?” หญิงสาวเงยหน้ามอง เธอย้อนถามเสียงแผ่วๆ
“เปล่า!! เธอก็รู้ฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบผู้หญิงที่เคยนอนด้วย แต่กับเธอมันไม่เหมือนกัน ฉันๆ” โจนาธานพูดติดๆ ขัดๆ เขาไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนกับที่รู้สึกผูกพันกับวันวาด มันคือความรู้สึกแปลกๆ ที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แค่ว่าเขาอยากเห็นหล่อนอยู่ใกล้ๆ อยากปกป้อง อยากดูแล อยากให้หล่อนยิ้มและอยากเป็นคนที่หล่อนอยากอิงอกในเวลาที่หล่อนมีความทุกข์ เขาอยากเป็นคนๆ นั้น
“แล้วคุณรู้สึกยังไงกับวาดล่ะคะ?” หญิงสาวถามกลับ เธอลุ้นระทึก หัวใจเต้นเหมือนกลองเพล
“วันวาด...ต้องการให้พูดออกมาเลยใช่มั้ย!!” ใบหน้าโจนาธานแหยเก มันเป็นการยากที่จะเอ่ยคำๆ นี้
หญิงสาวยิ้มอ่อน “ไม่พูดก็ได้ค่ะ วาดไม่ได้บังคับคุณนี่คะ แต่นี่จะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่วาดใช้ประกอบการตัดสินใจ” คำพูดเรียบๆ แต่ทำไมโจนาธานรู้สึกเหมือนถูกกดดัน
“หึ...ยัยโหด!! ฉันมารักคนโหดๆ แบบเธอได้ยังไง...คนอะไรไม่รู้ เผด็จการ!!” ชายหนุ่มบ่น เขาเผลอตัวพูดความในใจออกมา
วันวาดยิ้มค้าง เธออ้าปากเหวอ!! เปลือกตากระพริบปริบๆ ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติที่ลอยคว้างเพราะคาดไม่ถึง
“ไม่เชื่อดิ!!” ชายหนุ่มถอนลมหายใจแรงๆ คนอย่างเขานี่พูดอะไรเชื่อถือไม่ได้เลยหรือไง “มีแต่คนอยากเป็น ‘เมีย’ ฉัน มีเธอคนแรกล่ะวาดที่กระโจนหนี คนอะไรใจแข็งชะมัด... ฟันเค้าแล้วคิดจะชิ่ง!!” เสียงออดๆ บ่น เขาตวัดสายตาค้อนวันวาดขวับๆ
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นคะ วาดแค่งง...เราทะเลาะกัน ฮึมฮัมใส่กันตลอด วาดไม่ใช่แบบที่คุณชอบด้วย...” หญิงสาวก้มมองหน้าอกแบนๆ ของตัวเอง จากภาพฉาวในอดีตของโจนาธาน ข้างตัวเขามีแต่ผู้หญิงหุ่นนาฬิกาทราย อกเป็นอก ก้นเป็นก้น เธอน่ะ...ตรงกันข้าม และไม่เคยฉอเลาะเขาด้วย แล้วผู้ชายเพียบพร้อมอย่างเขาจะมองเธอทำไม
“หึ!! พวกนั้นน่ะคู่ควง เธอน่ะคู่ชีวิต ฉันไม่ได้ต้องการผู้หญิงหน้าอกดูมๆ มาเป็นเมียนี่ เมียฉันแค่มีหน้าอก มีนมให้ลูกฉันกินก็พอ และฉันคิดว่าเธอมีคุณสมบัติการเป็นแม่ที่ดีนะ น่าจะเป็นเมียที่ยอดเยี่ยมด้วย”
“เออ...”
“ว่าไงวาด ตกลงมั้ย หรือต้องให้ฉันคุกเข่าต่อหน้า อยากได้แบบนั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มถามเสียงแข็ง หากวันวาดต้องการแบบนั้น เขายังคิดไม่ออก ตัวเองจะทำจริงเหรอ เมื่อมันเป็นเรื่องน่าอาย
หญิงสาวอมยิ้ม เธอช้อนสายตาพราวฉ่ำมองสบนัยน์ตาคมดุ “ก็ลองดูสิคะ เผื่อวาดจะใจอ่อน” ไม่อยากนึกถึงภาพนั้นเลย แต่เมื่อเผลอมโนในใจ มันก็น่าจะเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิตลูกผู้หญิง หากมีใครคนหนึ่ง ลงทุนคุกเข่าวอนขอ...
“ยัยบ้า!!” โจนาธานกรอกตามองบน หล่อนไม่ได้นึกถึงสภาพร่างกายของเขาเลย เรื่องน่าอายเช่นนั้น ยังบีบบังคับให้เขาทำ...ชายหนุ่มถอนลมหายใจแรงๆ...ร่างใหญ่หนา ทรุดลงไปนั่งที่พื้นหญ้า หัวเข่าสองข้างวางแนบยอดหญ้าสีเขียว เขาเงยหน้าขึ้น มองสาวเจ้าตรงหน้า “วาด... Please marry me?” เสียงของโจนาธานสั่น เขายื่นมือแบไว้ตรงหน้า รอให้หญิงสาวตัดสินใจ เธอจะเดินไปพร้อมเขา หรือว่าจะถอยหลังหนี
วันวาดน้ำตาคลอเธอยกมือขึ้นปิดปาก...ก่อนที่มือบางที่สั่นเทา จะยื่นลงมาวางประกบกับฝ่ามือใหญ่ที่หงายรอ
“ค่ะ...วาดจะแต่งงานกับคุณ”
เธอตอบรับทั้งน้ำตา...แล้วก็ต้องหัวเราะกิ้ก!! เพราะชายหนุ่มร้องโอดครวญ เธอลืมไปได้ยังไงว่าโจนาธานเพิ่งจะเดินได้ เขายังไม่แข็งแรงพอ
“พยุงฉันยืนหน่อยสิวาด ฉันอยากกอดเธอ”
“ค่ะ..อิๆ”
หญิงสาวสอดมือใต้รักแร้ของชายหนุ่ม ประคองให้เขายืนแบบทุลักทุเล เนื่องจากโจนาธานในตอนนี้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่ผอมบางเหมือนเมื่อแรกเจอ
มือแข็งแรงสอดกอดเอวบาง เขากดแผ่นหลังวันวาดจนร่างกายแนบชิดกัน พร้อมกับเสียงบ่นพึม!!
“อย่าบอกใครเชียวนะเรื่องนี้ อายเขาตายเลย ฉันนี่นะลงทุนคุกเข่า โคตรน้ำเน่า...”
หญิงสาวแนบแก้มกับอกอุ่น!! เธออมยิ้มก่อนจะพริ้มเปลือกตาหลุบลง...ไม่อยากคิดเลยว่าเธอจะมีวันนี้ นับตั้งแต่วันที่ยอมทำเรื่องน่าอดสู วันวาดคิดว่าตัวเองคงจะเหี่ยวเฉาไปจนตาย เมื่อร่างกายแปดเปื้อน เธอคงไม่มีวันได้มีความสุข ผู้หญิงที่เคยใช้ร่างกายแลกเงิน เป็น ‘เมียพาร์ทไทม์’ ที่หากใครรู้ก็จะดูถูก
หญิง3 ชาย1 ถอยหลังกลับเข้าไปในห้องรับแขกเหมือนเดิม ทุกคนมีแต่รอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเรื่องวุ่นวายลงเอยด้วยความยินดี
นับจากนี้ไปคงมีแต่ความสุข บ้านพิศิษรุ่งเรืองคงจะฟื้นกลับมาเหมือนเก่า มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทะนงยิ้มเต็มหน้า ในขณะที่เมียทั้งสองคนของเขากลับนั่งน้ำตาคลอ...
“ส่งลูกถึงฝั่ง จะร้องไห้ทำไมแม่นี” ท่านกระเซ้าภรรยาคนที่สอง “คุณพิอีกคน...เป็นไปกับแม่นีด้วย...” เมื่อมองภรรยาคนแรก พิไลไม่ต่างจากรัชนีเลย นางเองก็นั่งน้ำตาคลอ เด็กสาวที่นางจงชัง กลับเป็นคนพลิกฟื้น ทำให้พิศิษรุ่งเรืองกลับมามีหน้ามีตา นางช่างตาต่ำเสียจริง มองดอกบัวเป็นกงจักร มองกงจักรเป็นดอกบัว
“คุณพี่ก็ น้องดีใจแทนแม่นี มีลูกแสนดีแบบนี้ เสียดายที่น้องไม่มีลูกให้คุณพี่ได้ชื่นชมบ้าง...” พิไลเปรยเสียงเศร้า
“ยัยวาดก็ลูกสาวคุณพิค่ะ แกนับถือคุณพิ และชื่นชมเอาคุณพิเป็นแบบอย่าง...” รัชนีเอ่ยเบาๆพิไลเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง ผิดกับตัวเองที่หัวอ่อน...
“น้องฝากตาโจด้วยนะคะ น้องได้หนูวาดมาเป็นลูกสาว คุณพี่ก็ได้ตาโจไปเป็นลูกชาย แต่...ลูกชายคนนี้ คงต้องกำหลาบเยอะหน่อย พ่อฤทธิ์มากจริงๆ”
มาดามรินรำไพพูดยิ้มๆ ดังนั้นเสียงหัวเราะจึงดังประสานกัน จนสองหนุ่มสาวที่เดินกลับเขามาในห้อง มองแบบงงๆ
ชีวิตคนเราสั้นนัก...วันนี้มีความทุกข์ หากไม่ท้อ...วันพรุ่งนี้เราก็จะผ่านมันไปได้ ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลก ไม่เคยทำผิด ทุกคนล้วนแล้วก็พลาดได้ มันขึ้นอยู่กับว่าจะแก้ไขอย่างไร จงใช้สติในการหาทางแก้ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย...เมื่อมันคือหายนะในชีวิต หากใครเผลอก้าวเดินไปในเส้นทางนั้น จากที่เคยร่ำรวย...ก็อาจจะไม่เหลืออะไรเลย...
ในขณะที่สองครอบครัวกำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานวิวาห์ ข่าวร้ายในเช้าวันหนึ่ง ถึงกับทำให้พิไลสลด นางนั่งนิ่งๆ เมื่อกางหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ออกอ่านข่าวตามปกติ...แต่ที่ไม่ปรกติคือข่าวพาดหัว แม้จะกรอบเล็กๆ แต่ก็สะดุดตา เมื่อเป็นโศกนาฏกรรมที่หญิงสาวผู้หนึ่งลงมือ ปลิดชีวิตฝ่ายชาย ‘เมียเก็บเสี่ยใหญ่ยิงเสี่ยดับคาเตียงนอนของเมียเก็บอีกคน’ หากเป็นชาวบ้านร้านตลาดก็คงอ่านไปก่นด่าไป สมเพทกับชะตาชีวิตที่แสนทุเรศของหล่อน แต่เมื่อเป็นพิไล นางอ่านแล้วรู้สึกสลดเศร้า เมื่อหญิงคนร้าย คือเด็กสาวที่ท่านเคยฟูมฟักมากับมือ ส่งเสียเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แม้พิไลลักษณ์จะเนรคุณท่าน แต่ตัวเองก็มีส่วนผลักดันให้หญิงสาวต้องเดินบนเส้นทางนี้
“เป็นอะไรเหรอคุณพิ หน้าซีดๆ” ทะนงเปรย เขาเดินถือแก้วกาแฟมาทรุดนั่งข้างๆ หลังกินมื้อเช้ากันเสร็จ
“คุณพี่คะ!!”
นางดันหนังสือพิมพ์ให้ทะนงแทนคำตอบ...หน้าหนังสือกางหรา และทะนงก็สะดุดตากับข่าวนั่นพอดี
“พิโธ่!! พิไลเอ๋ย...ไม่น่าเลย...” ท่านฉวยหนังสือขึ้นมาอ่านจริงๆ จังๆ ก่อนจะครางเสียงระโหย
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
บทนำ... บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’ ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมอ
บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน “ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตั
“วาดขอประวัติคนป่วยไปศึกษาด้วยค่ะ จะได้หาวิธีตั้งรับและวิธีทำให้เขาดีขึ้นด้วย” ไหนๆ ก็ตกลงปลงใจรับงานนี้มาทำ วัดวาดจึงจำเป็นต้องรู้จักคนป่วยคนนี้ เพื่อตัวเองและบิดา “ได้...” เบนพยักหน้ารับ “ไทย เอาประวัติน้องชายฉันให้หล่อนดูสิ” เบนสั่ง เขาออกเดินหน้าตั้ง เมื่อเวลาที่โจนาธานมาถึงกระชั้นเต็มที...เขาส่งโจนาธานไปตรวจร่างกายที่อเมริกา และวันนี้คือกำหนดกลับของน้องชาย แฟ้มสีน้ำตาลไหม้ ไทยหยิบจากโต๊ะทำงานของเบน มายัดใส่มือวันวาดพร้อมกับกระซิบเสียงเคร่งๆ “หากอยากอยู่จนปลดหนี้ให้พ่อเธอได้...อย่าพยายามอ่อย คุณโจ!!” ไทยเดินตามเจ้านายไปติดๆ เขาเป็นการ์ดกึ่งเลขา ทำงานทุกหน้าที่แล้วแต่เบนจะสั่ง...เป็นลูกน้องที่รู้ใจเบนสุดๆ วันวาดถอนใจแรงๆ “กลับบ้านกันเถอะค่ะพ่อ วาดต้องไปศึกษาคนป่วยคนนี้” หญิงสาวรีบประคองทะนง เขาอ่อนแรงมาก แม้แต่แรงยืนยังไม่ค่อยมี ที่วันวาดไม่เข้าใจ ทะนงอ่อนเปลี้ยขนาดนี้ เขานั่งหลังขดหลังแข็งในบ่อนได้ยังไงเป็นวันๆ “วาด...พ่อเหลือแค่วาดนะลูก” ระหว่างทาง ทะนงย้ำแล้วย้ำอีก หากวันวาดหนี นั