เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ
“คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน
“แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง
หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า
โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง
“อุ้ย!!”
“เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน”
ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะทำได้ คือเปล่งเสียงครางเท่านั้น
“บ้า” หญิงสาวค้อนขวับ...เธอรีบกัดแอปเปิ้ลในมือ เป็นคำเตือนที่วันวาดเห็นด้วย เพราะแววตาของโจนาธานคุกรุ่นไปด้วยไฟพิศวาส หากเธอยังไม่อยากหิวตาย คงต้องรีบหาอะไรใส่ท้องไว้ก่อน
ปากเล็กที่อ้างับผลไม้สีสด โจนาธานมองเพลิน เขาเดินมาทรุดนั่งข้างๆ วางมือเหนือพนักโซฟาและไล้มือกับผิวเปลือยเหนือต้นคอวันวาด ความร้อนในร่างกายของเขา แผ่กระกายไปยังด้านข้าง...หญิงสาวขนลุกซู่!! เธอรีบกลืนเนื้อแอปเปิ้ลลงไปในคอ หัวใจเต้นตึกตัก...
ใบหน้าคมคายโน้มลงต่ำ ปากสีเข้มอ้างับแอบเปิ้ลสีสดในมือของวันวาด เขาช้อนสายตาฉ่ำเชื่อมมองสบนัยน์ตาวาวหวาน
“คิดจะกินเจ้านี่อีกนานมั้ย?” คำถามชวนกระเส่า วันวาดยังไม่ทันตอบ ใบหน้าคมก็โน้มเข้ามาใกล้ เขาประกบปากหนาหยักกับปากสีระเรื่อแบบถือสิทธิ์ ปลายลิ้นสากระคายดันเนื้อผลไม้จากปากตัวเอง ไปยังปากของวันวาด เขาบดจูบแรงๆ จนเจ้าตัวต้องรีบกลืนผลไม้ชิ้นนั้น ก่อนจะแหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบจากสามีด้วยความเต็มใจ
“วาดจ๋า...” โจนาธานเรียกวันวาดเสียงหวาน นัยน์ตาหวานฉ่ำเปล่งประกายอย่างมีความสุข เมื่อได้ตะกองกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขนสมใจ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวเรียงกันเป็นแนวยาว
“ขา...” พยาบาลวิชาชีพขานรับเสียงฉ่ำ
“มีความสุขมั้ยทูนหัว” ชายหนุ่มถาม กดปลายจมูกกับนวลแก้มใสของคนใต้ร่าง
หญิงสาวยิ้มกว้าง เธออยากตะโกนดังๆ บอกเขาเสียด้วยซ้ำ นับตั้งแต่รู้จักเขามา...เธอไม่เคยเลยที่จะไม่สุขใจ
“เราจะอยู่กันแบบนี้ไปจนตาย...” เสียงชายหนุ่มแหบปร่า
“ถ้าคุณไม่เบื่อวาดเสียก่อน วาดก็จะไม่ไปไหนค่ะ” หญิงสาวยิ้มละไม เอียงแก้มให้สามีได้จุมพิตถนัดถนี่ขึ้น
“ไม่มีวันนั้นแน่ ฉันอดทนรอวันนี้มานาน...ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงวาดเลย”
โจนาธานยิ้มเจ้าเล่ห์ มือแข็งแรงของชายหนุ่มสอดไปใต้ชุดเดรสสีอ่อน กอบกุมเนินอกครัดเคร่งไว้เต็มอุ้งมือ
ปลายนิ้วร้อนผ่าวลากจากใต้ฐานอกลงไปช่วงเอวกิ่ว วันวาดกลั้นลมหายใจ เธอครางแผ่วๆ เมื่อความเสียดสยิวแผ่กระจายไปทั่วตารางนิ้วของร่างกาย... เธอแขม่วท้องจนแผ่นท้องยุบวาบ ตอนที่โจนาธานสอดมือเข้าไปใต้ชั้นในผ้าลูกไม้
“อืมมม...” หญิงสาวเผลอตัวคราง รีบหลุบเปลือกตาลง ลมหายใจหอบกระชั้น เมื่อนิ้วซุกซนแทรกเข้าไปตรงกลีบดอกไม้ฉ่ำน้ำ ปลายนิ้วแสนรู้ทำงานอย่างแข็งขัน และเพราะความขยันของนิ้วแกร่งร้อนนั้น กำลังทำให้วันวาดแทบขาดใจตาย เธอครางเสียงแผ่วๆ ที่เริ่มจะดังขึ้น เพราะความเสียสยิวจากความช่ำชองของคนตัวใหญ่ เจ้าของนิ้วร้ายกาจนั่น
“บอกฉันหน่อยสิวาด...เธอต้องการฉันมั้ย?”
เสียงกระซิบแห้งๆ ดังชิดริมใบหู
หญิงสาวส่ายใบหน้า เธอไม่ได้ปฏิเสธ แต่เธอกำลังจะขาดใจตาย เสียงที่เปล่งออกมาจึงขาดห้วง... “วาดรักคุณค่ะ วาดต้องการคุณ...ได้โปรด?!!” เสียงวิงวอนอ่อนระโหย ร่างกายของเธอเกร็งกระตุก โจนาธานรีบชักนิ้วซุกซนนั่นออกมา เขากระชากชั้นในสีเนื้อออกจากสะโพกผายด้วยความเร่งร้อน...
“ได้เลยทูนหัว...”
บ็อกเซอร์ตัวเก่งถูกสลัดออกไปจากร่างกายโจนาธาน ชายหนุ่มชันเรียวขางามสร่างตั้งตรง เขาแทรกความแกร่งร้อนเข้าไปแทนที่ พร้อมกับรีบขยับตัวช้าๆ บดสะโพกเป็นวงกลม ครางเสียงแหบห้าว กับความซาบซ่านที่ได้รับคืนมา ชายหนุ่มเร่งสร้างบทเพลงแห่งรัก มันเป็นจังหวะร้อนระอุ จนน้ำทะเลในมัลดีฟส์ แทบเดือด
ใต้แผ่นกระจกคือแผ่นน้ำเย็นฉ่ำ อุณหภูมิรอบตัวปกติ เหมาะสำหรับการดื่มด่ำกับธรรมชาติแสนสวย มัลดีฟส์เป็นเหมือนสวนสวรรค์ ที่พระเจ้าสร้างมาให้เป็นของขวัญของทุกคนบนโลก แต่ความงามนั้นไม่สามารถตรึงสายตาของโจนาธานได้ เวลานี้มีเพียงใบหน้าชื่นเหงื่อของวันวาดเท่านั้นที่จะสะกดสายตาของชายหนุ่มได้
บทรักครั้งแรกจบลงในเวลาไม่ถึง10นาที วันวาดถอนใจรวยริน เปลือกตาเธอพริ้มหลับ ทำท่าเหมือนจะหลับแต่...ดูเหมือนว่าสามีป้ายแดงของเธอจะยังไม่พอใจ...ร่างอ่อนบางถูกพลิกขึ้น เธอถูกดันขึ้นด้านบน โดยที่โจนาธานอยู่ด้านล่าง หญิงสาวกระพริบเปลือกตาปริบๆ เธอยันฝ่ามือกับแผ่นอกกว้าง ห่อตัวจนลำตัวโก่ง เพื่อซ่อนความอวบอิ่มจากสายตาคนมอง
แววตาของเขาพราวฉ่ำจนหัวใจเธอเต้นกระเส่า...
“เออ...คุณจะทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามเสียงสั่น ปากสั่น เธออายจนตัวแดงเหมือนกุ้งโดนไฟ
“สงสารคนป่วยที่ไม่ค่อยมีแรงหน่อยครับ...ดูสิไอ้ตัวร้ายมันยังไม่สลด คุณพยาบาลได้โปรดทำให้มันสลดลงได้ไหมครับ” โจนาธานอ้อน เขาปรายตามองกึ่งกลางร่างกาย และเมื่อวันวาดลดตามองตาม หัวใจเธอเต้นระรัว กับความแข็งขึงที่ได้เห็นเต็มสองตา...
“วาดๆ...เออ...” หญิงสาวกระอึกกระอัก หน้าเธอร้อนซู่...ผิวแก้มเหมือนอังไฟ
“นะๆ” ชายหนุ่มยังไม่ละความพยายาม เขาจับตรึงเอวกิ่วไว้ สกัดไม่ให้ภรรยาสุดสวยขยับหนี
เปลือกตางอนงามกระพริบปริบๆ หน้าร้อนฉ่า กับสภาพคาบเกี่ยวที่ทำให้เลือดในกายเหมือนน้ำเดือด100องศาในกาต้มน้ำ
“นะๆ” โจนาธานยังไม่ละความพยายาม เขาลุ้นจนแทบลืมหายใจ
และเมื่อหญิงสาวยอมทำตามสิ่งที่เขาร้องขอ...ชายหนุ่มก็แทบจะเปลี่ยนใจ เมื่อจังหวะรักของมือใหม่ มันเนิบนาบไม่ทันใจคนใจร้อน
พยาบาลสาวที่เคยมีแต่ความกล้า วันนี้วันวาดกลายเป็นคนขี้อาย เมื่อสิ่งที่สามีต้องการ เธอเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรก...หญิงสาวหย่อนสะโพก ทิ้งน้ำหนักตัวลง สวมครอบความแข็งขึงของสามีไว้ตลอดความแข็งแกร่ง บั้นเอวอวบอิ่มขยับเคลื่อนไหวช้าๆ เธอสูดปากครางเบาๆ เมื่อความเสียวซ่านแทรกลึกเข้ามาในใจ สามีหนุ่มกัดกรามกรอดๆ เขาหลุบเปลือกตาลง ใช้มือแกร่งบังคับการขยับตัวของเธอ และดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจเขาสักนิด...
ในที่สุดโจนาธานก็อดใจรอความหฤหรรษ์ไม่ไหว เขาเอียงตัว พลิกร่างอวบอัดของวันวาดลงมาอยู่ใต้ตัวเอง
ถอดถอนแก่นกายออกมาจากลีบดอกไม้สวรรค์ จับหล่อนพลิกคว่ำ ใช้หมอนอิงใบใหญ่ รองใต้แผ่นท้องราบเรียบจนก้นงอนงามกระดกโด่ง
“เอาไว้ครั้งหน้าฉันจะสอนวาดเอง แต่ตอนนี้ ขอก่อนนะคนสวย”
เสียงแหบปร่ากระซิบบอกข้างหู วันวาดยังไม่ชินกับรสชาติความเผ็ดร้อน แต่ไม่ต้องห่วง เขาอาสาจะสอนให้เธอเอง แต่ตอนนี้ คงรอไม่ได้ เขาเก็บกดมานาน จนความอดทนหดสั้น ชายหนุ่มโหมแรงสุดตัว...เขาเสือกเสยความร้อนแรง จนกายสาวสั่นระรัว เสียงครางของวันวาดเหมือนแมวเหมียว เธอครางระส่ำ กับพายุพิศวาสที่โจนาธานสาดใส่...
มือเรียวเกร็งขยุ้มโซฟาใต้ฝ่ามือ เธอสะบัดใบหน้า ครางเสียงลั่น เมื่อสามีโหมกำลังใส่แบบไม่ออมแรง ร่างกายสั่นสะเทือนเหมือนพายุซัดใส่...ผิวกายเต้นระริก กับความซ่านสยิวที่เกือบทำให้ลมหายใจปลิดปลิว
ดวงตาปรือฉ่ำ หรี่มองความงามของท้องทะเลนอกหน้าต่าง โดยที่ร่างกายของเธอยังถูกความเสียดเสียด พุ่งใส่ไม่หยุดไม่หย่อน
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
บทนำ... บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’ ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมอ
บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน “ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตั
“วาดขอประวัติคนป่วยไปศึกษาด้วยค่ะ จะได้หาวิธีตั้งรับและวิธีทำให้เขาดีขึ้นด้วย” ไหนๆ ก็ตกลงปลงใจรับงานนี้มาทำ วัดวาดจึงจำเป็นต้องรู้จักคนป่วยคนนี้ เพื่อตัวเองและบิดา “ได้...” เบนพยักหน้ารับ “ไทย เอาประวัติน้องชายฉันให้หล่อนดูสิ” เบนสั่ง เขาออกเดินหน้าตั้ง เมื่อเวลาที่โจนาธานมาถึงกระชั้นเต็มที...เขาส่งโจนาธานไปตรวจร่างกายที่อเมริกา และวันนี้คือกำหนดกลับของน้องชาย แฟ้มสีน้ำตาลไหม้ ไทยหยิบจากโต๊ะทำงานของเบน มายัดใส่มือวันวาดพร้อมกับกระซิบเสียงเคร่งๆ “หากอยากอยู่จนปลดหนี้ให้พ่อเธอได้...อย่าพยายามอ่อย คุณโจ!!” ไทยเดินตามเจ้านายไปติดๆ เขาเป็นการ์ดกึ่งเลขา ทำงานทุกหน้าที่แล้วแต่เบนจะสั่ง...เป็นลูกน้องที่รู้ใจเบนสุดๆ วันวาดถอนใจแรงๆ “กลับบ้านกันเถอะค่ะพ่อ วาดต้องไปศึกษาคนป่วยคนนี้” หญิงสาวรีบประคองทะนง เขาอ่อนแรงมาก แม้แต่แรงยืนยังไม่ค่อยมี ที่วันวาดไม่เข้าใจ ทะนงอ่อนเปลี้ยขนาดนี้ เขานั่งหลังขดหลังแข็งในบ่อนได้ยังไงเป็นวันๆ “วาด...พ่อเหลือแค่วาดนะลูก” ระหว่างทาง ทะนงย้ำแล้วย้ำอีก หากวันวาดหนี นั
บทที่2.เผชิญหน้ากับคนป่วยจอมแสบ “แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?” เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50% “ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่” โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน “แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...” เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่... โจนาธานไม่ได้ตอบกลับ เขาเบือนหน้ามองเหม่อไป
ก็อกๆ “พยาบาลที่คุณเบนต้องการตัว มาแล้วครับ” เขาเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ยื่นหน้าเข้าไปภายพรางส่งเสียงบอก “ให้เข้ามาซิ” เสียงแหบห้าวตะโกนสวน เบนกำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อวันนี้น้องชายตัวแสบ ประท้วง...โจนาธานไม่แตะอะไรเลยแม้แต่น้ำ...จนคนดูแลวิ่งวุ่น เมื่อคนที่เคยอาละวาดปึงปังกลับนิ่งเฉย...แต่กลับทำให้อาการของเขาทรุดลง... “มาก็ดีแล้ว...ไปกันเถอะ เธอจะได้เจอคนป่วยจอมป่วนเสียที” วันวาดยังอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าหล่อนมันแพรบเพราะยังไม่แวะล้างคราบไคล แต่ในภาวะเร่งร้อนเช่นนี้ เบนไม่สนใจความสวยงามเท่าใด เขาต้องการใครก็ได้...ที่สามารถปราบพยศโจนาธานได้สักคน... วันวาดเดินตามผู้ชายหน้าดุแบบงงๆ เขาดูเร่งร้อน การเดินของเขาก็เช่นกัน ช่วงขายาวๆ นั่นเดินฉับๆ จนเธอต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทัน ลิฟต์ขาลง ดูดีกว่าลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมาลิบลับ ตัวลิฟต์ใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้ง ผิวลิฟต์มันปราบ เพราะการเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ เธอยืนเงียบๆ ด้านข้างเขา พยายามสำรวมสายตา โฟกัสแค่ปลายเท้า เสียงถอนหายใจแร
โจนาธานตวาดลั่น เขาชี้นิ้วสั่นๆ ไปยังประตู ขับไล่ผู้หญิงแปลกหน้าแบบไม่สนใจ “เสียใจด้วยค่ะ วาดมาทำงาน พี่คุณจ้างวาดมาดูแลคุณ วาดเป็นพยาบาลอาชีพ วาดชื่อวันวาดค่ะ นับจากนี้ไป คุณต้องฟังที่วาดพูด...ไม่ทราบวันนี้คุณได้ทานอาหารบ้างมั้ยคะ?” หญิงกล่าวแนะนำตัว เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ โจนาธาน ไม่สนใจสายตาขวางๆ ของเขา เธอเชื่อว่าชายหนุ่มหมดแรงเพราะปลายนิ้วที่ยกค้างไว้ของเขา สั่นจนเธอมองเห็น เขาออกฤทธิ์อะไรเอากับเธอไม่ได้มากกว่านี้หรอก เมื่อเขาใช้แรงที่มีขวางหมอนใส่เธอจนหมด... หญิงสาวปรายตามองถาดอาหาร...ไม่มีรอยยุบ อาหารอ่อนๆ นั่นเต็มถ้วย วันวาดมองคนป่วยตรงหน้า ด้วยสายตาตำหนิเล็กๆ “ดูจากปริมาณข้าว...คุณไม่น่าจะมีอะไรตกถึงท้อง...และถ้าคุณอยากมีฤทธิ์ เพื่อจะโวยวายล่ะก็... วาดแนะนำ คุณควรทานอาหารเหล่านี้นะคะ” หญิงสาวเปรยลอยๆ เธอยกถาดอาหารนั่น เดินไปที่ประตู เธอต้องการให้ใครก็ได้นำไปอุ่น เธอจะจัดการให้คนป่วยกินอาหารเหล่านี้เอง ปึก!! เบนผงะ เมื่อมีใครบางคนดันประตูให้เปิด เขาเดินถอยหลังเปิดทางให้คนๆ นั้น “วาดต้องการอาหารชุดใหม่ค่ะ ของเก่ามันเย็นชืด