บทที่2.เผชิญหน้ากับคนป่วยจอมแสบ
“แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?”
เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50%
“ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่”
โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน
“แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...”
เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่...
โจนาธานไม่ได้ตอบกลับ เขาเบือนหน้ามองเหม่อไปนอกห้อง เหมือนเป็นการตัดบทสนทนา
“แกจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะโจ...คนที่ทำกับแกยังลอยนวลอยู่ข้างนอกนั่น แกไม่คิดจะเอาคืนมันเหรอไง?”
เบนกล่าวลอยๆ ผู้ต้องสงสัยคือเสี่ยกวง คู่แข่งทางธุรกิจ ไอ้เฒ่านั่นไม่ใช่คนดีเท่าไร หากย้อนดูปูมหลัง กว่าจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ มันเหยียบหัวคนมาเป็นร้อย...แล้วเขากับน้องก็ดันเข้ามาขวางทางมันเสียอีก จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า ‘เสี่ยกวง’ นี่แหละอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของโจนาธาน
“ผมไม่ได้ยอมแพ้นะพี่...แต่ดูสิ...มีอะไรดีขึ้นมั้ง...เหมือนเดิม...แม้แต่กระปลายเท้า ผมยังกระดิกไม่ได้”
โจนาธานตอบเสียงแหบ...เขาทอดสายตามองขาลีบเล็กของตัวเอง...ด้วยความเสียใจ
“แกก็ต้องพยายามสิ...ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้...ไม่ใช่เหรอ?”
เบนให้กำลังใจ...แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เบนเปรยลอยๆ
“ฉันหาพยาบาลคนใหม่มาให้แกแล้วล่ะ รับรองได้คนนี้... ทนถึกเหมือนควาย ต่อให้แกอาละวาดแค่ไหน...หล่อนก็คงไม่สน”
แหงล่ะ... บิดาหล่อนเป็นหนี้เขาเรือนล้าน หากวันวาดถอดใจ หล่อนต้องมีเงินล้านมาคืนเขา นี่เป็นการจ้างงานที่คุ้มค่าที่สุด เขาอยากเห็นเหมือนกัน หล่อนจะสู้ได้แค่ไหน เพราะประเมินจากท่าทาง นับว่าหล่อนแกร่งพอตัว...แววตาหล่อนจัดจ้าและไม่ย่อท้อ หล่อนคงทำงานนี้ได้อย่างดี ไม่เหมือนรายก่อนๆ ที่มาเพราะหวังผล หากโจนาธานถูกใจ หล่อนคงกลายเป็นนักตกทอง เมื่อโจนาธานคือบ่อทองดีๆ นี่เอง...
มุมปากรูปกระตุกยิ้มเหยียด...เขาตะโกนก้องในใจ!!
เขาไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวาย และมองเขาด้วยสายตาที่แฝงความเวทนา
แต่...โจนาธานเลือกที่จะนิ่ง...คนเหล่านั้นจะได้รู้ฤทธิ์เขา หากมายุ่มย่ามกับเขามากเกินไป...
โรงพยาบาลในตัวเมือง...แม่สาย...เชียงราย...
“วาดๆ วันนี้อยู่ต่อแทนพี่หน่อยสิ พี่มีธุระ”
สายใจวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาหาวันวาด หญิงสาวกำลังเข็นรถจักยานยนต์คู่ใจออกมาจากช่องจอดรถพอดี
หญิงสาวยิ้มเซียวๆ “คงไม่ได้หรอกค่ะพี่สาย วาดต้องไปทำงานอีกที่”
เธอตอบปฏิเสธ คงไม่สามารถทำแทนใครได้อีกนาน เมื่อมีงานที่ใหม่ ต้องทำประจำ จนกว่า ‘คน คนนั้น’ จะมีอาการดีขึ้น
“งานอะไร? พี่ไม่เห็นในตารางงานเลย” สายใจซักต่อ ตารางงานของทุกคนเขียนไว้บนกระดาน เผื่อหากใครมีธุระร้อน จะได้หาคนว่างทำแทนได้
“งานใหม่นะพี่สาย วาดยังไม่รู้กำหนดแน่ๆ เลยยังไม่ได้ลง”
หญิงสาวตอบตามจริง งานชิ้นนี้มีระยะเท่าไรเธอก็ยังเดาไม่ออก จนกว่าจะได้เจอตัวคนป่วย
“ที่ไหนเหรอ พอบอกได้ไหม?”
“วาดไม่ได้ปิดค่ะ แต่วาดยังไม่รู้ ต้องไปคุยกับนายจ้างก่อนค่ะ”
ข้อมูลทั้งหมด วัดวาดยังไม่รู้อย่างละเอียด จนกว่าจะได้ตกลงกันจริงจัง
“เหรอ...อย่าบอกนะว่าครูสร้างหนี้ไว้อีก วาดเลยต้องรับมาเป็นธุระ”
สายใจเดา และหล่อนเดาถูกเสียด้วย
หญิงสาวยิ้มอ่อนๆ เธอไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ทนเอาแล้วกันวาด เห้อ!! ไม่น่าเชื่อนะว่าวาดจะต้องลำบากขนาดนี้ เมื่อก่อนนะ...ครูนะรวยโคตร!! อย่างว่าแหละ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย มีแต่ฉิบหายหากหลงใหลมัน”
เป็นเรื่องที่คนมีสติรับรู้อยู่แก่ใจ...แต่ก็ไม่รู้ทำไม คนเราก็ยังลุ่มหลงอบายมุขกันเหลือเกิน อยากได้อยากมีกับการเสี่ยงโชค ที่ไม่รู้แน่ๆ ว่าจะได้หรือจะเสีย เท่าที่เห็นมีแต่ฉิบหายล่มจมตามๆ กัน
“วาดไปก่อนนะคะ...วาดต้องไปที่...”
โรงแรมขนาดใหญ่ที่เจ้าของเป็นนักธุรกิจหนุ่ม หน้าฉากคือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่เบื้องหลังคือกาสิโนเต็มรูปแบบ...จริงอยู่มันสร้างงานให้กับคนพื้นที่ มีคนได้รับผลบุญจากการทำงาน หลายครอบครัวมีรายได้จุนเจือ แต่มันก็สร้างความฉิบหายให้กับหลายครอบครัวเช่นกัน...รวมทั้งครอบครัว พิศิษรุ่งเรืองของเธอด้วย
สายลมพัดโชยปะทะใบหน้า เมื่อรถจักยานยนต์วิ่งฉิวออกจากที่ ด้วยความเร็วชนิดหากมีคนวิ่งแซงก็ย่อมได้ เมื่อตัวเลขบนไมล์ที่หน้าปัดชี้ที่เลข40 วันวาดขับรถไม่เร็วนัก เธอกลัวอุบัติเหตุ เมื่อตอนนี้มีหลายคนหวังพึ่งพา เธอจึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังโรงแรมใหญ่สวยงามชวนมอง อาคารที่ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของสองประเทศ เป็นสถาปัตยกรรมที่วันวาดยอมรับ มันสวยสมบูรณ์แบบ เหมือนที่เคยเห็นตามสื่อโซเซียล...ความอลังการจากเมล็ดเงินมหาศาลเขาทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ มีหรือจะเขาไม่หวังกำไรกลับคืนมา
หญิงสาวยิ้มเซียวๆ เมื่อมาถึงที่ เธอเลี้ยวรถจักยานยนต์ไปตามทางที่ รปภ. ใจดีชี้นำ เส้นทางอันมืดครึ้มเพราะสถานที่จอดรถ เป็นสถานที่ส่วนตัวของพนักงานที่มีรายได้น้อย พาหนะที่พวกเขาใช้ ก็ไม่พ้นจักรยานยนต์เหมือนเธอ
“ต้องไปทางไหนล่ะ”
หญิงสาวเดินวนหาทางเข้า เมื่อไม่แน่ใจนัก เธอไม่คุ้นชินสถานที่
“เธอเป็นใคร? มาทำอะไรแถวนี้”
หญิงวัยกลางคนหน้าตาบึ้ง!! นางถามวันวาดเสียงกรรโชก
“วาดมาหาคุณเบนค่ะ”
หญิงสาวตอบตามตรง สายตาที่มองจึงเปลี่ยนไปจากไม่ไว้ใจ กลายเป็นแววดูถูก ผู้หญิงสาวๆ มาหานายใหญ่ คงไม่พ้น ‘อีตัว’
“นัดไว้เหรอ?”
เสียงถามลดความแข็งกร้าวลงนิดๆ แต่ก็ยังแฝงความไม่เป็นมิตรอยู่ดี
“เปล่าค่ะ ...เออ วาดหมายถึงไม่ได้นัดเวลาแน่นอน แต่คุณเบนให้วาดมาหา เพื่อคุยธุระ”
หล่อนขมวดคิ้ว ทำท่าจะเดินหนี วันวาดจึงต้องอธิบายเพิ่ม
“เข้าประตูนี้จะเจอลิฟต์ กดชั้นสูงสุดนั่นล่ะที่ทำงานท่าน แต่ไม่ได้นัดไว้ คุณไทยคงให้พบหร็อก!!”
เสียงดูถูกยังลอยตามหลังมา หลังแจ้งสถานที่ให้วันวาดรู้
หญิงสาวเดินตัวตรง คอตั้ง เธอพยายามไม่ใส่ใจความไม่พอใจที่ฉายชัดบนสีหน้าคนที่พบเจอ หากมัวเอาอารมณ์กับคนรอบข้าง คนที่จะแย่คือตัวเอง วันวาดจึงพยายามปล่อยวาง...
ลิฟต์ค่อนข้างเก่า เมื่อเป็นลิฟต์ใช้งานของพนักงาน หญิงสาวกดหมายเลขชั้นสูงสุด ยืนสงบนิ่งระหว่างที่ตัวลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นสู่ชั้นสูงสุดของโรงแรม...
เกือบ2 นาทีที่ต้องอยู่ในลิฟต์คนเดียว ความกดดันรอบตัวทำให้หญิงสาวรู้สึกหน่วงๆ ในอก...
ติ้ง!!
เสียงสัญญาณเตือน เธอกระชับกระเป๋าสะพายไหล่แน่นขึ้น แล้วจึงก้าวออกจากด้านใน เมื่อประตูลิฟต์เปิดกว้าง
ทางเดินในชั้นนี้ ดูดีเสียจนวันวาดไม่ใคร่กล้าเหยียบย่าง มันปูด้วยพรมกำหยี่สีน้ำตาลไหม้ ดูขรึมและอลังการ ข่มให้เธอรู้สึกด้อยค่า หญิงสาวรวบรวมความกล้า เธอเดินตัวตรง ตรงไปยังเบื้องหน้า จะมาถอยหลังเพราะความกลัวไม่ได้ เมื่อหนี้ของบิดาค้ำคอ!!
ไทยเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ เขาเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง...แทนคำถาม
“วาดมาหาเจ้านายคุณค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาดันปลายเท้ากับพื้น จนเก้าอี้เคลื่อนถอยหลัง แล้วจึงผุดลุกขึ้นยืน
ก็อกๆ “พยาบาลที่คุณเบนต้องการตัว มาแล้วครับ” เขาเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ยื่นหน้าเข้าไปภายพรางส่งเสียงบอก “ให้เข้ามาซิ” เสียงแหบห้าวตะโกนสวน เบนกำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อวันนี้น้องชายตัวแสบ ประท้วง...โจนาธานไม่แตะอะไรเลยแม้แต่น้ำ...จนคนดูแลวิ่งวุ่น เมื่อคนที่เคยอาละวาดปึงปังกลับนิ่งเฉย...แต่กลับทำให้อาการของเขาทรุดลง... “มาก็ดีแล้ว...ไปกันเถอะ เธอจะได้เจอคนป่วยจอมป่วนเสียที” วันวาดยังอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าหล่อนมันแพรบเพราะยังไม่แวะล้างคราบไคล แต่ในภาวะเร่งร้อนเช่นนี้ เบนไม่สนใจความสวยงามเท่าใด เขาต้องการใครก็ได้...ที่สามารถปราบพยศโจนาธานได้สักคน... วันวาดเดินตามผู้ชายหน้าดุแบบงงๆ เขาดูเร่งร้อน การเดินของเขาก็เช่นกัน ช่วงขายาวๆ นั่นเดินฉับๆ จนเธอต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทัน ลิฟต์ขาลง ดูดีกว่าลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมาลิบลับ ตัวลิฟต์ใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้ง ผิวลิฟต์มันปราบ เพราะการเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ เธอยืนเงียบๆ ด้านข้างเขา พยายามสำรวมสายตา โฟกัสแค่ปลายเท้า เสียงถอนหายใจแร
โจนาธานตวาดลั่น เขาชี้นิ้วสั่นๆ ไปยังประตู ขับไล่ผู้หญิงแปลกหน้าแบบไม่สนใจ “เสียใจด้วยค่ะ วาดมาทำงาน พี่คุณจ้างวาดมาดูแลคุณ วาดเป็นพยาบาลอาชีพ วาดชื่อวันวาดค่ะ นับจากนี้ไป คุณต้องฟังที่วาดพูด...ไม่ทราบวันนี้คุณได้ทานอาหารบ้างมั้ยคะ?” หญิงกล่าวแนะนำตัว เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ โจนาธาน ไม่สนใจสายตาขวางๆ ของเขา เธอเชื่อว่าชายหนุ่มหมดแรงเพราะปลายนิ้วที่ยกค้างไว้ของเขา สั่นจนเธอมองเห็น เขาออกฤทธิ์อะไรเอากับเธอไม่ได้มากกว่านี้หรอก เมื่อเขาใช้แรงที่มีขวางหมอนใส่เธอจนหมด... หญิงสาวปรายตามองถาดอาหาร...ไม่มีรอยยุบ อาหารอ่อนๆ นั่นเต็มถ้วย วันวาดมองคนป่วยตรงหน้า ด้วยสายตาตำหนิเล็กๆ “ดูจากปริมาณข้าว...คุณไม่น่าจะมีอะไรตกถึงท้อง...และถ้าคุณอยากมีฤทธิ์ เพื่อจะโวยวายล่ะก็... วาดแนะนำ คุณควรทานอาหารเหล่านี้นะคะ” หญิงสาวเปรยลอยๆ เธอยกถาดอาหารนั่น เดินไปที่ประตู เธอต้องการให้ใครก็ได้นำไปอุ่น เธอจะจัดการให้คนป่วยกินอาหารเหล่านี้เอง ปึก!! เบนผงะ เมื่อมีใครบางคนดันประตูให้เปิด เขาเดินถอยหลังเปิดทางให้คนๆ นั้น “วาดต้องการอาหารชุดใหม่ค่ะ ของเก่ามันเย็นชืด
บทที่3.ยุทธการอาบน้ำผู้ชาย...ป่วย... แป้นกลับมาอีกครั้งตามกำหนดเวลาที่วันวาดร้องขอไว้ มีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งเดินตามมาด้วย เขาคือการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องพักของโจนาธานนั่นเอง “พี่เอกยืนอยู่แถวๆ นี้ค่ะ คุณวาดอยากใช้อะไรโผล่หน้าออกไปเรียกได้เลยค่ะ” แป้นแนะนำตัว และเอกก็ยิ้มรับ เขาเหลือบมองโจนาธานแบบหวาดๆ กลัวใจกับฤทธิ์ของพ่อเจ้าประคุณจริงๆ แต่ที่เอกเห็นคือ คนฤทธิ์มานอนเอนๆ อยู่กลางเตียง ใบหน้าหงิกงอ ยับย่น มีรอยไม่พอใจเต็มหน่วยตา แต่กลับไม่มีเสียงโวย เหมือนเก่า “ดีเลย วาดอยากจับ ‘เค้า’ เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ทำความสะอาดเตียงนั่นด้วย” คราบอาหารหกกระจายไปทั่ว แป้นอมยิ้ม กว่าคุณโจนาธานจะยอมรับประทานอาหาร คงออกฤทธิ์ไว้ไม่น้อย... “คุณวาดจัดการเช็ดตัวได้เลยค่ะ แป้นจะไปตามคนมาช่วยทำความสะอาดเตียง” “ที่ฉันพูดนี่ มีใครฟังมั้งมั้ย!! หรือว่าฟังภาษาคนไม่ออก ออกไป!! อย่ามาวุ่นวายกับฉัน...” เสียงแทรกจากกลางเตียง เมื่อโจนาธานเริ่มโวย “แป้นไปตามคนมาเถอะจ้ะ ทางนี้วาดกับพี่เอกคงพอรับมือไหว” หญิง
บทที่4.เสือนิ่งอย่าคิดว่าเสือหลับ5:00 นาฬิกา... โครม!! วันวาดสะดุ้ง!! เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ มองหาต้นเหตุของเสียงดังๆ ที่ทำให้ตัวเองตกใจตื่น หลังจากฟุบหลับไปตอนหลังเที่ยงคืน เมื่อโจนาธานหลับไปเพราะฤทธิ์ยา... หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนแบบกระฉับกระเฉง ยกมือตบหน้าเบาๆ ไล่ความสะลึมละลือ แล้วจึงเดินไปหยิบถาดที่หล่นบนพื้น สาเหตุคงเป็นเพราะคนไข้เจ้าอารมณ์ที่นั่งหน้ายับอยู่กลางเตียง “คุณตื่นแล้ว...ทำไมไม่เรียกวาดล่ะคะ” หญิงสาวเปรย “หิวน้ำ หรือต้องการทำธุระส่วนตัวคะ?” เธอถามต่อ โจนาธานหน้ายับ เขาหิวน้ำ และไม่อยากปลุกหล่อน เรื่องเล็กน้อยที่เขาน่าจะทำได้ แต่...ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก มันน่าโมโหที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ “ไม่!!” เขาตอบเสียงสะบัด หลุบเปลือกตาลง เพื่อปิดการสนทนา แต่...แก้วน้ำสะอาดที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ถูกยื่นให้ พร้อมกับหลอดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในแก้ว “คุณหิวน้ำวาดรู้” คนที่ตื่นนอนใหม่ๆ มักจะกระหายน้ำเหมือนกันทุกคน วันวาดจึงจัดแจงให้ โดยที่โจนาธานไม่ต้องเอ่ยปาก เ
บทที่5.คืนที่2 สำหรับการอยู่กับผู้ชายลำพัง... คนที่โจนาธานแอบรอ...เธอกำลังอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการไปค้างอ้างแรมทั้งคืน ตอนเช้าเธอจะได้ไม่ต้องกระวีกระวาดกลับมาบ้าน ไหนๆ ที่นั่นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เธอเตรียมเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวติดไปด้วย...ประหยัดหลายทางทั้งค่าน้ำมัน และเรื่องความปลอดภัย... “เขาเป็นคนยังไงมั้งล่ะวาด?” รัชนีเปิดปากถามเสียงอ่อนๆ เธอห่วงบุตรสาว ถึงจะเป็นคนป่วย แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย “เป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง และรั้นมากค่ะแม่...กว่าเขาจะยอมลงให้วาด คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ” หญิงสาวตอบ มือก็จับเสื้อยืด กางเกงวอร์มยัดลงในกระเป๋า เธอสำรองไว้ หลายๆ ชุด จะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา “แม่หมายถึงอาการป่วยของเขา...พอมีทางหายไหม?” รัชนีถาม เพราะอยากรู้ว่าระยะเวลาที่วันวาดต้องลำบากลำบน นั่นจะอีกนานแค่ไหน “พูดยากจ้ะแม่...เท่าที่เห็นเขาก็เข้าขั้นหนัก คุณเขาไม่กินยา ไม่ทำกายภาพบำบัดตามหมอสั่ง กล้ามเนื้อที่ขาเล็กและลีบมาก ต้องฟื้นฟูอีกนาน” วันวาดอธิบาย เธออ่อนใจกับความเยอะข
โจนาธานออกปากขับไล่หล่อนเหมือนทุกครั้ง... “คุณไล่วาดได้ วาดไม่ว่า... แต่วาดจะไปไหม นั่นมันอีกเรื่อง” พายุอารมณ์ที่คนป่วยมักจะสาดใส่พยาบาล เนื่องจากภาวะอารมณ์ของเขาไม่คงที่ เกิดจากภาวะจิตใจ คนที่เคยเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ไม่เคยต้องให้ใครช่วย จู่ๆ ก็ต้องนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วย รอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น....เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครทนได้ เขามักจะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา...และนั่นเป็นสิ่งที่วันวาดผจญมาแล้ว ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นแค่การรับมือกับคนป่วยเพียงคนเดียว...เธอคิดว่า...ตัวเองไหว!! “หน้าด้าน!!” “เปล่าเลยค่ะ เพราะหากเป็นคนธรรมดา เขาน่าจะเดินหนีคุณ แต่วาด...วาดทำแบบนั้นไม่ได้ ไหนจะด้วยอาชีพและหนี้สินที่เป็นตัวบังคับ วาดต้องอยู่ และทนรับสิ่งที่คุณโยนใส่...ให้ได้” หญิงสาวอธิบาย “คุณทานยาก่อนอาหารหรือยังคะ?” เธอมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็ก บนข้อมือ แล้วจึงถามโจนาธาน “ฉันไม่กิน!!” ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด วันวาดยิ้ม ท่าทีต่อต้านแบบนี้ก็แสดงว่า ยาก่อนอาหารคนป่วยจอมดื้อยังไม่กิน เธอจึงเดินไปจัดยาพร้อมกับกดกริ่งเรียกสาวใช้ เพราะหลังกินย
หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง... ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม“ช่างฉัน!!”“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป