หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า
แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง...
ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ
“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก
“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม
“ช่างฉัน!!”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน่ะ อายุก็ไม่น้อย จะยอมแพ้เด็กๆ หรือไงคะ?”
ชายหนุ่มเบ้ปาก เขาอยากปัดถ้วยข้าวทิ้ง
“คุณหิว...วาดรู้ ทานไปเถอะค่ะ อย่าฝืนเลย”
โจนาธานตัดใจ เขาพยายามไม่แสดงอาการสั่นๆ ออกมา ค่อยๆ หยิบช้อน และตักอาหารใส่ปาก...มีอาหารหกเลอะเทอะในบางครั้ง จนเขานึกโมโหตัวเอง!! มีสายตาให้กำลังใจของพยาบาลจอมจุ้นคอยลุ้น คนป่วยจอมยโสไม่อยากอายหล่อน เขาจึงพยายามเกร็งมือ ทำให้ดีขึ้น ช่วงหลังๆ ก่อนที่ข้าวต้มในถ้วยจะหมด เขาสามารถตักอาหารใส่ปากโดยที่ไม่มีการหกหล่น...
วันวาดชำเรืองมองคนป่วยจอมหยิ่งบนเตียงบ่อยๆ เขานั่งเอนๆ มีหมอนใบใหญ่หนุนหลัง และพยายามช่วยเหลือตัวเองโดยไม่คิดร้องของความช่วยเหลือ เธอแอบชื่นชมเขาในใจ...หากตัดอารมณ์ขี้โมโหนั่นทิ้ง โจนาธานก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ดูดีจนใจเธอกระตุก วันละหลายๆ รอบ
“คุณอยากอาบน้ำอีกมั้ยคะ?”
ถ้วยยาใบเดิมถูกส่งให้ชายหนุ่ม ในนั่นมียาจำนวนเท่าเดิม แต่ต่างสี เขาเอื้อมหยิบเม็ดยาโยนใส่ปากโดยไม่พูดอะไร ตัดบทให้หล่อนด้วยการโบกมือไล่...
“ไม่...ฉันอยากนอน...”
วันวาดพยักหน้ารับ เธอเข็นโต๊ะไปเก็บที่เดิม เดินหายลับเข้าไปในห้องน้ำกลับออกมาพร้อมกับกาละมังขนาดย่อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กๆ พาดไว้ที่หัวไหล่
“วาดจะเช็ดหน้ากับมือให้คุณ คุณจะได้นอนสบายๆ”
หญิงสาวบอกลอยๆ เธอทำอย่างที่ตัวเองควรทำ และคนป่วยบนเตียงไม่คิดจะพูดอะไรเลย
โจนาธานรู้สึกดีขึ้น คราบเหนอะหนะมุมปากหายไป
“พ่อเธอเล่นการพนันเหรอ?”
เป็นคำพูดลอยๆ จากคนที่หลับตาพริ้ม วันวาดชะงัก เธอผ่อนลมหายใจยาวเหยียดก่อนตอบ “ค่ะ กาสิโนพี่คุณ กับอีกหลายๆ ที่”
หญิงสาวไม่ได้พูดประชด ความจริงเป็นเช่นนั้น
“ทำไมไม่ห้ามล่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยปากถาม เขาปรือตาขึ้นมอง...
“นั่นคือการแก้ที่ปลายเหตุหรือเปล่าล่ะคะ ความจริง... ถ้าไม่มีบ่อน พ่อก็คงไม่ถลำเข้าไป...” นั่นคือความคิดของเธอ การห้ามไม่ให้คนโลภเข้าไปเสี่ยงโชค มันยากกว่าไม่ใช่เหรอ หากไม่มีสถานที่เหล่านี้ล่ะ...ถ้าไม่มีนักธุรกิจหัวใสอย่างคนตรงหน้าเธอ ก็คงไม่มีคนโง่ หรือคนโลภกลายเป็นเหยื่ออบายมุข
“นั่นคืองานของฉันนะ ช่วยไม่ได้นี่”
ชายหนุ่มตอบแบบไม่ยี่หระ!! เขากดยิ้มมุมปาก เพราะความโลภของมนุษย์ พวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อ เงินร้อนจากการพนัน มันอยู่ไม่นาน มีสิ่งยั่วตา ล่อใจ พวกเข้าก็จะถลาเข้ามาเพื่อหวังกอบโกย แต่กลับต้องเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากมาทิ้งไว้แทน
“ค่ะ...พ่อวาดโง่เอง โง่ที่คิดว่าจะร่ำรวยเพราะการเสี่ยงโชคได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีความเป็นไปได้เลย”
หญิงสาวไขเตียงลง เธอปล่อยให้คนไข้จอมป่วนนอนสบายๆ และพยายามสะกดความไม่พอใจเนื่องจากสิ่งที่เขาทำ เพราะคนอย่างพวกเขานี่ไง ที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกับหลายครอบครัว มีแต่ความฉิบหาย ล่มจม หลังสถานที่อุบาทนั่นถูกปลูกสร้างขึ้น
“มันช่วยไม่ได้น่ะ คนโง่ ก็ยังเป็นคนโง่...วันยังค่ำ”
โจนาธานกล่าว เขาไม่ได้เยาะหยันคนเหล่านั้น ก็เพราะมีคนโลภ เพราะมีคนหวังความร่ำรวยนี่ไงล่ะ เขากับพี่ถึงมีที่ทำกิน มันช่วยไม่ได้นี่ พวกเขาไม่มีสมองเอง มีใครบ้างล่ะร่ำรวยเพราะการพนัน นอกจากเจ้าของบ่อน...
วันวาดชะงัก ช้อนที่กำลังตักข้าวต้มสุดอร่อยหยุดกึก คำพูดของเขาเหยียบกลางแสกหน้าเธอ เขาพูดถูก แต่หากไม่มีนักธุรกิจหัวใสอย่างพวกเขา คนโง่ๆ ที่เขาพูดถึง ก็คงไม่ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว... หญิงสาวพยายามกลืนอาหารลงไปในลำคอ เธอยังต้องใช้แรงอีกมากในการมีชีวิตอยู่บนโลก คำพูดของเขาทำให้เธอเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอถึงตาย หญิงสาวข่มความโกรธลง เธอกลืนอาหารคำสุดท้ายลงไปในคอ แล้วจึงตัดสินใจยุติการรับประทาน เมื่อลำคอตีบตัน จนไม่สามารถกลืนอาหารลงไปได้อีก
วันวาดล้างมือในอ้าง เธอมองตัวเองผ่านกระจกเงา ภาพสะท้อนที่เห็นนั้น คือภาพตัวเองที่ใบหน้ามีแต่ความทุกข์ทน หลายปีมานี่... เธอแทบจะยิ้มไม่ออก จริงอยู่...ชีวิตของเธอต้องฝ่าฟันมาตั้งแต่เด็ก แต่มันเทียบไม่ได้เลยช่วง3ปีมานี่ นับตั้งแต่วันที่บิดาเดินทางไปพักผ่อนด้วยการเข้าบ่อนกาสิโนครั้งแรก
เธอจำได้ดี...วันนั้นท่านกลับมาพร้อมกับความยินดี มีแต่เสียงหัวเราะลั่นบ้าน แม้แต่แม่ของเธอก็ยังได้ของกำนัล แต่วันวาดกลับไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิด เค้าลางความวุ่นวายกำลังจะตามมา เธอไม่เชื่อหรอกว่า...บิดาจะไม่ไปอีก แล้วก็เป็นอย่างที่เธอหวั่นกลัว...3วันหลังจากนั้น บิดาก็กลับมาบ้าน หลังจากหายไปพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ที่ท่านคุยฟุ้ง!! ว่าเป็นเงินที่ชนะการเดิมพัน...
เป็นอย่างที่วันวาดคิด...ครั้งที่สองของการไปพักผ่อนในบ่อน...ท่านกลับมาพร้อมกับใบหน้าหมองๆ กับอารมณ์กราดเกรี้ยว...
หลังจากนั้นบิดาก็เดินทางไปกลับ ระหว่างบ่อนการพนัน กับบ้านเป็นว่าเล่น เธอได้แต่เฝ้ามองอย่างเป็นกังวล...และความหายนะก็คืบคลานเข้ามาประชิดบ้านพิศิษรุ่งเรือง...
“...” เธอสูดลมหายใจลึกๆ จะโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ เขาเป็นนักธุรกิจ อันไหนที่ทำกำไรให้ตนเอง ไม่แปลกหรอกที่คนอย่างพวกเขาจะรีบคว้าเอาไว้...ต้องโทษความโง่ของเราเอง หวังรวยทางลัด...สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อ...
โจนาธานเฝ้ามองยัยจอมจุ้น...หล่อนเงียบไปหลังการสนทนานั่น คำพูดของเขาคงกระทบใจหล่อน คนพูดมากชั่งสอนอย่างหล่อน ถึงได้หุบปากเงียบ
“คุณจะนอนเลยมั้ยคะ? วาดจะได้หรี่แสงไฟ”
แต่หล่อนก็ยังทำหน้าที่ตัวเอง คอยดูแลเขา เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นของหล่อน พยายามที่จะเลี่ยง ไม่มองสบนัยน์ตาเขาเหมือนเคย...สงสัยเขาต้องรู้เรื่องของหล่อนเสียบ้าง จะได้รู้ว่าหล่อนมีปมอะไรนักกับกาสิโน หล่อนถึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น ตอนที่เขาเอ่ยถึง...
ไฟฟ้าถูกปิด เมื่อโจนาธารควรได้พักเต็มที่ วันวาดนั่งอยู่ประจำที่เดิม หล่อนทำงานของหล่อนไป จนกระทั่งคนป่วยหลับ หญิงสาวจึงถือโอกาสพักตา...
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่