“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ”
“ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...”
หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม
“ค่ะ พี่หมอ...”
คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้
“เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน
การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน
มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่อสิ่งที่เขาเห็นคือตัวเองอยู่ในสายตาวันวาดตลอด แม้หล่อนจะคุยธุระกับหมอประเวท มือของหล่อนยกขึ้น ชูหัวแม่โป้งให้เขา พร้อมกับยิ้มกว้าง...
อารมณ์หงุดหงิดสลายไป เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้น
“ไปไหนดีคับคุณโจ...”
“สวน พากูไปสวนหลังบ้านที”
ชายหนุ่มสั่ง เขานั่งคอแข็ง เมื่อเอกเข็นวีแชร์ผ่านหน้าวันวาดและหมอหนุ่มใหญ่
“พี่เอกอย่าพาคุณออกไปข้างนอกนะ ค่ำแล้วยุงเยอะ”
เสียงวันวาดกล่าวกับเอก ชายหนุ่มเหลือบมอง แล้วจึงรีบชักสายตากลับก็เจ้าหล่อนมองเอกที่ไหน หล่อนกำลังมองมายังเขาชัดๆ โดยไม่ได้สนใจหนุ่มใหญ่ตรงหน้า เขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ...หล่อนห่วงเขาแหงๆ
ดังนั้นการชมสวนยามค่ำ โจนาธานจึงรู้สึกรื่นรมย์ แต่ชายหนุ่มก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติได้ไม่นาน เขารีบย้อนกลับเข้าห้อง ทั้งที่เพิ่งไปไม่ถึง10นาที
“เอกพาฉันไปนอนที” เขาสั่งเสียงขรึม
“ครับ” การ์ดหน้าดุรับคำ เขาเข็นวีแชร์ผ่านหน้าวันวาดและหมอประเวทไป
“ขอตัวสักครู่ค่ะ เดี๋ยววาดมาถามต่อ...” หญิงสาวเอ่ยขอตัว เมื่อต้องดูแลความเรียบร้อยของโจนาธานก่อน ชายหนุ่มอมยิ้ม เขานอนพริ้มเปลือกตาหลุบลง
“เช็ดตัวนะคุณ?” เสียงหล่อนกระซิบบอก แต่โจนาธานแสร้งทำเฉย
มีแต่ความเงียบ ชายหนุ่มจึงหรี่ตาขึ้นมอง
วันวาดเดินกลับมาหลังไปเตรียมผ้าเปียกๆ เพื่อใช้สำหรับเช็ดเนื้อเช็ดตัวชายหนุ่ม เขาจะได้นอนสบายๆ
“ไม่” โจนาธานตวาด เขายันตัวขึ้นเหมือนจะนั่ง ยกมือขึ้นขวางทางไว้ ไม่ยอมให้วันวาดแตะต้องเนื้อตัว
“คุณนอนทั้งแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่สบายตัว วาดจะเช็ดแค่แขนกับขา...ส่วนอื่นจะไม่แตะเลย” หญิงสาวยื่นหน้าเข้าใกล้ เธอกระซิบบอกเขาเสียงแผ่ว
“ช่างฉัน!!”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก พูดตอบเสียงขุ่น
วันวาดโครงศีรษะ เธอส่ายหน้าพร้อมกับแอบเบ้ปาก ทุกวันไม่เห็นขัด แต่ทำไมวันนี้ถึงดื้อ
หญิงสาววางผ้าเปียกบนขาเรียวลีบ โจนาธานสะดุ้ง!! แล้วเขาก็ตกใจ...ขาที่เคยไม่รู้สึกอะไรเลย เวลานี้กับมีความรู้สึกนิดๆ ผ้าเปียกๆ นั่นเย็นชื่นและเขารับรู้เต็มใจ
วันวาดลูบผ้าไปตามความยาวของเรียวขา เธอไม่สนใจมนุษย์เจ้าปัญหาที่นั่งกัดฟันกรอดๆ หญิงสาวสังเกตเห็น ขนสีดำๆ ลุกชัน เหมือนกับว่ามันมีปฏิกิริยาต้านต่อความเย็นของผ้าที่เธอกำลังลูบไล้ เธอขมวดคิ้ว เอียงคอมองโจนาธาน เขาทำหน้าปึงชา จนเธอเดาไม่ออก เธอสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง เขาไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเธอ เรื่องนี้น่าจะเป็นความยินดีของเขามากกว่า และมนุษย์ขี้โวยอย่างโจนาธานคงไม่ปิดปากสนิท
ผ้าอีกผืนในถังใบเล็กที่วันวาดถือติดมือมา เธอหยิบผ้าผืนใหม่ โยนผ้าผืนเก่าไว้ในนั้น แล้วจึงหันมาเตรียมจะเช็ดหน้าและแขนส่วนที่เหลือ
“หยุดเลย ฉันทำเอง!!”
เสียงติดรำคาญ เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องยอมให้หล่อนทำ แต่เขาจะเช็ดตัวเอง เพราะส่วนบนเป็นส่วนที่ความรู้สึกไว เขาไม่อยากขายขี้หน้า หากร่างกายเขาจะเกิดปฏิกิริยากับหล่อน เพราะพักนี้...เขารู้สึกแปลกๆ กับวันวาด คงเป็นเพราะเขาห่างผู้หญิงนานเกินไป และวันวาดก็เป็นผู้หญิง
โจนาธานยกผ้าขึ้นเช็ดหน้า เขาปลดกระดุมเสื้อ สอดผ้าเช็ดที่อกหนั่น ผิวเขาขาว...และขาวจัดช่วงนี้ เนื่องจากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในร่ม แต่ที่เขาไม่รู้คือ...วันวาดต้องรีบเบือนหน้าหนี ผิวแก้มร้อนวูบ เกิดริ้วแดงๆ เต็มสองแก้ม เมื่อมองเห็นภาพแอคคูซีฟในระยะประชิด...
สองพี่น้อง ‘รูธ’ มีความงามสง่าไม่แพ้กันเลย สองหนุ่มเป็นลูกครึ่งที่ผสมลงตัวได้เหมาะสม ร่างสูงใหญ่ติดบิดาผู้ให้กำเนิด แต่โครงหน้ากับสีผม ถอดเค้ามาจากมารดา มันจึงเป็นส่วนผสมที่กลมกลืน ทั้งห้าวหาญและอ่อนหวาน ชวนให้หลงใหล เบนดูดุดัน เมื่อเขาเป็นผู้นำและมีแต่สีหน้านิ่งเฉยเป็นนิจ โจนาธานกลับตรงกันข้าม เขาร่าเริงอัธยาศัยดี เป็นที่หมายปองของสาวๆ...อุบัติเหตุนั่น ไม่ได้ทำให้ความสมบูรณ์พร้อมของโจนาธานลดลง...เขาแค่เดินไม่ได้เลยกลายเป็นคนฉุนเฉียว แต่ในยามที่เขาอยู่เฉยๆ โจนาธานก็หล่อกระชากใจเหมือนเดิม ไม่แปลกหรอกที่พยาบาลสาวหลายคนเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะหวังอย่างอื่นด้วย
โจนาธานมองริ้วแก้มสีแดงๆ ด้วยความกระหยิ่ม
ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้น หล่อนไม่ใช่สาวน้ำแข็งเหมือนที่แสดงออก วันวาดมีอารมณ์ความรู้สึกเช่นกัน
“พอใจยัง” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนหงาย เขาโยนผ้าใช้แล้วให้หล่อน แต่กระดุมเสื้อยังเปิดอ้า โจนาธานไม่คิดจะปิดมันด้วย แผงอกขาวๆ จึงโผล่แพร่มให้คนใกล้ๆ ได้เห็น เขาจงใจ!! เขาเจตนาทำเช่นนั้น
“ค่ะ” หญิงสาวหย่อนผ้าเปียกๆ ลงในถัง เธอก้มหน้าลง เอื้อมมือจับตัวเสื้อของโจนาธานก่อนจะลงมือกลัดกระดุมให้เขาด้วยสีหน้านิ่งสนิทแต่ที่โจนาธานไม่รู้เธอต้องกลั้นลมหายใจเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นคงกำดาวไหล
วันวาดเดินตัวแข็งทื่อ เธอถือถังใส่ผ้าไว้ในมือ กำหูถังจนแน่น และพยายามสลัดภาพเรียกเลือดนั่น!! ออกไปจากความทรงจำ
ประเวทมองหนุ่ม สาวยิ้มๆ คนไข้ของเขา มีทีท่าแปลกๆ และพยาบาลสาวเองก็เช่นกัน...
สองคนนี่คงมีอะไรบางอย่างต้องกัน หมอหนุ่มใหญ่ถอนใจ เขาคงไม่เหมาะที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะเมื่อเกิดถูกใจเพศตรงข้าม หล่อนก็ดันมีคนหมายปองเสียแล้ว แถมคู่แข่ง ยังฝีมือเหนือชั้นกว่าเขาหลายขุม ดูได้จากดวงตาวาววับที่มองตามหลังวันวาดไป...เขาคงไม่มีทางแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ได้...
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?
โจนาธานอึ้ง หญิงสาวไม่เคยหยาบคาย หล่อนจะนิ่งๆ เฉยเมยเป็นส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนตอบโต้มาแบบแรงๆ “คุณจะเป็นไอ้ง่อย จะเป็นไอ้อะไร มันก็เรื่องของคุณ จะเดินได้หรือไม่ได้ มันก็ตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับวาดเลยค่ะ...อยากนอนเป็นผักเน่าให้คนรอบตัวเขาคอยสมเพทมันก็เรื่องของคุณ!! เมื่อคุณทำตัวเอง คุณกำหนดเองว่าจะเป็นแบบไหน ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก แต่...วาดเสียดาย เสียดายที่คุณมีโอกาส แต่กลับไม่สู้ วาดทุเรศตัวเองแทนค่ะ!!” หญิงสาวโพล่งยาว ความอัดอั้นในใจบีบบังคับให้เธอพูด ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจคนเดียว คนอื่นๆ ก็มีปัญหาและภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน “วาดขอโทษค่ะ ที่พูดไม่ดี...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้สึกผิดที่พูดแรงไป แต่ไม่ใช่ความผิดของเธอทั้งหมด โจนาธานกดดันจนเธอหลุด...หญิงสาวหมุนตัวเดินหนี เธอเปิดประตูห้องพักฟื้นของเขาออกไปสงบอารมณ์ด้านนอก น้ำตารื้นแทบจะล้นปริ่ม เธอจึงรีบยกมือขึ้น กรีดไล้เงาน้ำตาออกไป เธอไม่มีเวลาสำหรับการร้องไห้ เมื่อยังมีลมหายใจ...เธอจะไม่มีวันท้อ แม้ปัญหามากมายจะโถมเข้าใส่ไม่หยุด... “บ้