บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป
เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า...
ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน
สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!!
“รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว
โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเปียกๆ ถูกลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเขา โจนาธานอยากโวย...เขาลืมตาขึ้น แยกเขี้ยวให้หล่อน...แทนคำพูดเกรี้ยวกราด
“เธอบอกฉันก่อนไม่ได้เหรอไงหะ?”
“วาดรู้ว่าคุณตื่นแล้ว อย่าอารมณ์เสียเลยนะคะ วันนี้อากาศดีจะตาย...ไว้ว่างๆ วาดจะพาคุณออกไปนั่งที่ระเบียงนั่น...คุณจะได้เห็นความงามยามเช้า...ดีกว่าทนอุดอู้อยู่ในห้องนี่เสียอีก...”
หล่อนพูดจ้อยๆ ไม่เหลือเค้าความสลดเหมือนเมื่อตอนค่ำ ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ!! เอะ!! แล้วเขาจะเห็นใจหล่อนทำไม...ความต้องการของเขาคือการขับไล่หล่อนไปพ้นๆ ไม่ใช่เหรอ?
มือหล่อนทำงานไม่หยุด เช็ดนั่นเช็ดนี่ สลับกับจับโจนาธานพลิกตัวไปมา เขากลายเป็นตุ๊กตาของหล่อนแล้วหรือไง ชายหนุ่มพยายามขืนไว้ แต่แรงของเขายังมีไม่มากพอ จนไม่สามารถต้านแรงของวันวาดได้ หล่อนจับเขาเช็ดตัวทาแป้งฝุ่น แปรงฟัน หวีผม แล้วก็บ่นงึมงำ
“ผมคุณก็ยาว หนวดเคราก็ยาว ไม่รำคาญหรือไงคะ?”
“แล้วเธอยุ่งอะไรกับฉันหะ จะผมหรือหนวด มันก็อยู่บ่นตัวฉันนี่ ฉันยังไม่บ่นสักคำ แล้วเธอจะบ่นทำไม!”
ชายหนุ่มบ่นแต่น้ำหนักเสียงไม่ได้แรงจนคนฟังตระหนก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นยิ้ม
“มันดูรกๆ แล้วเวลาทานข้าวคุณไม่รำคาญเหรอ”
หญิงสาวเปรยลอยๆ ไม่ได้กะเกณฑ์อะไร ยังให้คนไข้เป็นคนตัดสินใจเอง
“ช่างฉันสิ!!” เขาพูดปัดๆ พริ้มเปลือกตาหลุบลง เหมือนตัดบทการสนทนา
วันวานผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เธอมองโจนาธานนิ่งๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
กว่าโจนาธานจะรู้ วันวาดก็บึ่งจักยานยนต์คันเก่งของหล่อนไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว เขาเผลอหลับเพราะฤทธิ์ยา ทั้งๆ ที่ตั้งใจป่วนพยาบาลสาวสุดตัว
“คุณโจตื่นแล้ว...อาบน้ำเลยไหมครับ?” เอกนั่งอยู่ไม่ไกล เขาเข้ามารอโจนาธาน เพราะเจ้านายยังไม่ได้อาบน้ำล้างตัว
“ก็ดี...” ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร เขาทรงกายลุกขึ้นนั่ง มีเอกคอยช่วยประคอง
“แกว่าฉันจะเดินได้มั้ยวะ?” เป็นคำถามที่ชายหนุ่มไม่เคยปริปากถามใครเลย แม้แต่นายแพทย์ส่วนตัวที่เข้ามาตรวจร่างกายเข้าเป็นประจำ สำหรับเอก โจนาธานแน่ใจ การ์ดของเขาคนนี้ปากหนัก และไม่เคยแพร่งพรายความลับของเขาให้บุคคลที่สามรู้
“ผมเชื่อว่าเจ้านายกลับมาเดินได้อย่างแน่นอนครับ!!” เอกยิ้มให้กำลังใจ เงินถึง มีพร้อมทั้งคนทั้งเงิน มีเหรอที่โจนาธานจะกลับมาเดินเหมือนเก่าไม่ได้ ขอแค่เจ้านายยังมีความหวัง
“ยัยจุ้นนั่น...ก็พูดเงี้ยะ” มุมปากได้รูปกดลง เขาบ่นถึงคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยด้วยความขัดเคือง
“คุณวาดเธอทำงานนี้มานานพอสมควร น่าจะเห็นคนไข้มาเยอะเลยพอจะคาดเดาได้น่ะครับ” เอกไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้วันวาด แต่เพราะอาชีพของหล่อน วันวาดน่าจะรู้
“คนก่อนๆ ไม่เห็นเป็นยังงี้เลย” ชายหนุ่มวักน้ำจากในอ่างขึ้นลูบหน้า เขานอนแช่ตัวในอ่างกุชชี่ ให้สายน้ำอุ่นๆ ช่วยชะล้างและผ่อนคลายความเมื่อยล้า เพราะเขานอนแช่อยู่บนเตียงทั้งวัน
การ์ดหน้าดุนึกอยากจะหัวเราะ พยาบาลคนก่อนๆ แต่ละคนมาเพราะเผื่อฟลุค เศรษฐีหนุ่มล้มป่วย นอนนิ่งไม่ไหวติง...หากเขาหลวมตัวพลาดท่า พวกหล่อนก็จะเสวยสุขบนกองเงินกองทอง...เป็นสะใภ้เศรษฐี แม้สามีจะพิการ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เมื่อเขามีสตางค์อัดแน่นเต็มกระเป๋า
“คุณวาดเธอเป็นมืออาชีพครับ”
“แหงล่ะ ดุยังกับคนแก่ สอนฉันเหมือนตัวเองรู้ไปหมด...ต้องทำอย่างนั้นนะคะ ต้องทำอย่างนี้นะคะ เหอะ!!”
ชายหนุ่มบ่น เขาจีบปาก จีบคอพูดก่นว่าวันวาดลับหลัง แต่ที่โจนาธานเถียงไม่ได้เลย คือหล่อนทำงานจริงจัง หล่อนดูแลเขาเหมือนมืออาชีพ ไม่เคยแม้แต่จะแทะโลม และนี่คือสิ่งที่โจนาธานไม่พอใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเลตติ้งตก...
อาบน้ำเสร็จ โจนาธานก็ถูกเอกอุ้มมาวางไว้บนเตียง วันนี้เขาแต่งตัวดีกว่าเก่า เมื่อนายแพทย์จะมาตรวจร่างกายเขาเพื่อประเมินอาการ...เบนโทร. นัด หมอประเวทจึงมาช้าหน่อย เพราะต้องการอยู่เจอวันวาดด้วย เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่โจนาธานเป็นอยู่
มันคงไม่มีอะไรเหมือนเคย หากโจนาธานไม่รู้สึกขวางตา หมอหนุ่มใหญ่ที่เพิ่งหย่าร้างกับภรรยา เป็นหมอที่ประจำอยู่ในเมือง ค่อนข้างมีชื่อและดูแลทุกคนในครอบครัวรูธมานาน แววตาของหมอประเวทที่ชายหนุ่มจับได้ มันทำให้โจนาธานรู้สึกคันในหัวใจยิบๆ เหมือนมีไม้แหลมๆ ทิ่มแทงอยู่ตรงนั้น ยิ่งวันวาดยิ้มหวาน เขายิ่งรู้สึกเดือดดาล
“อยากมี ‘ผัว’ เป็นหมอล่ะสิ!!”
ชายหนุ่มบ่นพึม เขาปรายตามองสองคนที่ยืนคุยกันอยู่มุมห้องด้วยสายตาขวางๆ
ประเวทยิ้ม เขาชอบใจการทำงานของพยาบาลสาวหน้าใส เดาจากใบหน้าคร่าวๆ ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนทำงานในอาชีพนี้มากว่า5 ปี ผลการทำงานของหล่อนออกมาดีและน่าชื่นชม คนไข้ขาโวยของเขา สงบลงเยอะ เท่าที่ตรวจดูคร่าวๆ วันนี้ อาการของโจนาธานดีขึ้นมาก และหากยังเป็นเช่นนี้ ในอนาคตไม่ไกลนี่ ชายหนุ่มคงสามารถฟื้นตัว และกลับมาเดินได้อีกครั้ง
“ผมไม่เคยเจอคุณวาดเลย ไม่น่าเชื่อว่าทำงานนี้มานาน”
หมอใหญ่ประจำโรงพยาบาลเอกชนเอ่ยชม
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?