“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ”
เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง
“แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!”
โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา...
“ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ”
แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง
“คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย”
แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ
“เอามาสักเล่มสิ!!”
ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี
“คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้”
ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจที่ทำได้ด้วยตัวเอง
“ความจริงถ้าคุณโจทำกายภาพบำบัดตามที่คุณวาดแนะนำ ผมว่าโอกาสที่จะเดินได้เป็นไปได้เลยนะครับ”
เอกชวนคุย เมื่อเข็นวีแชร์ที่โจนาธานนั่งมาที่ระเบียงพร้อมกับหนังสืออ่านเล่นหนึ่งเล่ม
ชายหนุ่มเริ่มเห็นด้วย...หากเขาอยากเดินได้ คงต้องฟังยัยพยาบาลพูดมากนั่น แต่มันก็จะเป็นการดีกับตัวเอง เพราะหากเขาเดินได้ เขาก็จะได้กลับไปทำงานเหมือนเดิมไม่ใช่ นั่งๆ นอนๆ ไร้ค่าไปวันๆ
“ขอกาแฟแก้วสิ อ่านนานๆ เริ่มง่วง”
ไม่น่าเชื่อเขาจะอ่านหนังสือได้ยาวนาน ตั้งแต่แดดอ่อนๆ จนแดดเริ่มแรงขึ้น เขาเปรยบอกเอกที่นั่งอยู่ไม่ไกล
การ์ดหนุ่มยิ้มแหย “คุณวาดบอกให้งดชา กาแฟ หากคุณอยากทานน้ำ ให้เป็นน้ำผลไม้ หรือไม่ก็น้ำหวานครับ”
โจนาธานกรอกตามองแผ่นฟ้า เอาเถอะเขาจะยอมเชื่อหล่อน ไม่ใช่เพราะหล่อนถูก แต่เพราะเขา...อยากเดินได้
“เออ...น้ำอะไรก็เอามาเถอะกูหิว...”
ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่น เขาพลิกหน้าหนังสือแรงๆ เบ้ปาก และแอบแลบลิ้นให้ลมแร้ง
เอกกุลีกุจอไปหาน้ำหวานเย็นๆ มาให้ตามความต้องการของนายหนุ่ม และเมื่อได้ดื่มน้ำสมใจ โจนาธานก็ลดการตะบึงตะบอน ความหวานของน้ำหวานทำให้เขาสดชื่นขึ้น...และอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย จนเริ่มเบื่อ เอกจึงพากลับเข้ามาในห้อง เพื่อให้เจ้านายหนุ่มได้พักสายตา
โจนาธานตื่นมากินอาหารมื้อกลางวันและหลับยาวเพราะฤทธิ์ยา มาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนบ่ายคล้อย เขาปรือตามอง จึงเห็นวันวาดเดินไปเดินมาในห้อง เธอกำลังทำอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มแสร้งนอนนิ่งๆ เขาปรือตามองหล่อน เห็นหล่อนกำลังกะเกณฑ์ให้สาวใช้ ทำอะไรกับสิ่งของในห้องเขา ชายหนุ่มแน่ใจ ห้องเขาไม่ได้โล่งขนาดนี้ เหมือนสิ่งของเครื่องใช้ของเขา จะถูกย้ายออกไป ตอนเขาหลับ มีบางอย่างมาแทนที่ แต่กลับทำให้ห้องดูโล่งๆ และสว่างขึ้น
มาเฉลยเอาก็เมื่อเบนเดินเข้ามาเยี่ยมเขาเหมือนทุกวัน
“บ๊ะ!! ไอเดียดีมากเลยวาด ไม่น่าเชื่อ ห้องรกๆ ของโจมันดูโล่งขึ้นจม”
โต๊ะทำงาน ตู้ และโซฟาที่มีถูกแทนที่ด้วยลู่หัดเดินที่ตั้งอยู่กลางห้อง...มันเป็นอุปกรณ์เสริมที่วัดวาดร้องขอจากเบน และชายหนุ่มจัดการให้ เขาไม่คิดว่าวัดวานจะจัดห้องใหม่ของโจนาธานจนดูโปร่งสบายตาแบบนี้
โจนาธานแอบเบ้ปาก เขาอยากโวย!! แต่...เบนยืนจังก้าอยู่กลางห้อง ไอ้พี่ชายเขาคงเข้าข้างหล่อนแน่ เมื่อเบนชมเปราะเสียขนาดนั้น
“ฉันนอนอยู่นี่ มีใครคิดจะบอกฉันก่อนมั้ย?”
โจนาธานยันกายขึ้นนั่ง เขาพยายามช่วยตัวเองโดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือใคร เบนมอง เขาไม่ได้ขยับเข้าไปช่วย เพราะวันวาดถลึงตาห้าม เธอต้องการให้โจนาธานมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ไม่ใช้ต้องอาศัยคนอื่นๆ ร่ำไป แม้จะเป็นการทรงตัวแสนลำบาก แต่ในที่สุดโจนาธานก็ทำได้ เขานอนเอนๆ กึ่งนั่งกึ่งนอน มองทุกคนที่กำลังเดินวุ่นด้วยสายตาขวางๆ
“คุณหลับค่ะ ตอนที่วาดมาถึง อีกอย่าง พอคุณตื่นคุณก็จะเห็นเอง...”
หญิงสาวเป็นคนตอบ เธอเดินเขามาสอดหมอนอีกใบที่แผ่นหลังของเขา ช่วยให้โจนาธานนั่งได้สบายขึ้น
“หึ!!” หญิงสาวได้ยินเสียงกระแทกลมหายใจ เธออมยิ้ม และรีบปัดความไม่สบายใจทิ้ง เธอไม่ได้ละลาบละล้วง ทุกสิ่งที่กำลังทำ เธอแจ้งเบนไปแล้ว และเจ้าของบ้านหนุ่มเห็นด้วย เขายินดีทำทุกทาง หากช่วยให้น้องชายมีอาการดีขึ้น
“ฉันมันแค่หัวหลักหัวตอ...” ชายหนุ่มยังพูดต่อ
แต่เมื่อวันวาดทักเรื่องหนวด เครา บนใบหน้าเขา เสียงบ่นจึงสงบลง “คุณโกนหนวด เห็นมั้ย... วาดบอกแล้ว ดูดีขึ้นมากเลยค่ะ” โจนาธานเหลือบตามองวันวาด หล่อนมีอาการอย่างที่พูดจริงๆ ดวงตาของหล่อนที่เคยนิ่งสนิท กลับพริบพราว เหมือนสมใจอย่างที่หล่อนต้องการ...
“แหงล่ะ ฉันมันน้องเทพบุตร...ที่ฉันยอมลงให้มีแค่เบน”
มือแข็งแรงยกขึ้นกอดอก เขาเชิดปลายคางขึ้น เหมือนกำลังอวดโฉมตัวเองให้วันวาดมองเต็มตา
“ฮ่าๆ” เบนหัวเราะร่า เขาเดินเข้ามาตบมือที่หัวไหล่โจนาธาน “แกดีขึ้นมากเลยไอ้เสือ อีกไม่นานแกเดินได้แน่!! สู้ๆ นะน้องรัก” เบนให้กำลังใจ เขารอวันที่โจนาธานจะกลับมาเหมือนเดิม แม้จะไม่เต็มร้อย...ขอแค่เดินได้ ไม่ใช่นั่งๆ นอนๆ อยู่แค่บนเตียง
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?
โจนาธานอึ้ง หญิงสาวไม่เคยหยาบคาย หล่อนจะนิ่งๆ เฉยเมยเป็นส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนตอบโต้มาแบบแรงๆ “คุณจะเป็นไอ้ง่อย จะเป็นไอ้อะไร มันก็เรื่องของคุณ จะเดินได้หรือไม่ได้ มันก็ตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับวาดเลยค่ะ...อยากนอนเป็นผักเน่าให้คนรอบตัวเขาคอยสมเพทมันก็เรื่องของคุณ!! เมื่อคุณทำตัวเอง คุณกำหนดเองว่าจะเป็นแบบไหน ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก แต่...วาดเสียดาย เสียดายที่คุณมีโอกาส แต่กลับไม่สู้ วาดทุเรศตัวเองแทนค่ะ!!” หญิงสาวโพล่งยาว ความอัดอั้นในใจบีบบังคับให้เธอพูด ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจคนเดียว คนอื่นๆ ก็มีปัญหาและภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน “วาดขอโทษค่ะ ที่พูดไม่ดี...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้สึกผิดที่พูดแรงไป แต่ไม่ใช่ความผิดของเธอทั้งหมด โจนาธานกดดันจนเธอหลุด...หญิงสาวหมุนตัวเดินหนี เธอเปิดประตูห้องพักฟื้นของเขาออกไปสงบอารมณ์ด้านนอก น้ำตารื้นแทบจะล้นปริ่ม เธอจึงรีบยกมือขึ้น กรีดไล้เงาน้ำตาออกไป เธอไม่มีเวลาสำหรับการร้องไห้ เมื่อยังมีลมหายใจ...เธอจะไม่มีวันท้อ แม้ปัญหามากมายจะโถมเข้าใส่ไม่หยุด... “บ้
“วาดคิดว่าคุณแค่อยากล้อเล่น...” “ฉันจริงจัง เธอจะว่าไง...ถ้าตกลง ก็เดินขึ้นเตียงมาได้เลย หลังคืนนี้ผ่านไป...เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการกลับคืนมา” โจนาธานท้าทาย เขาเห็นแววตาลังเลของหล่อน มีความเป็นไปได้สูงที่หล่อนจะตกลง เมื่อวันวาดกำลังเข้าตาจน “...” หญิงสาวก้มหน้าลง เธอกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่... หญิงสาวไม่ได้มีทางเลือกมากนัก หากเธอตัดสินใจทำ... มันน่าอายเธอรู้ แต่มันจะช่วยได้หลายคน พ่อ แม่...บางทีบ้านที่เธอเกิด อาจจะไม่ตกเป็นของคนอื่น “เท่าไรคะ? ค่าตัววาด เท่าไร?” เธอกลั้นใจถามดวงตาแดงก่ำ กระบอกตาร้อนผ่าว “แล้วแต่เธอจะเรียก ฉันมีจ่าย!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขาใจป้ำ กระเป๋าหนักพอ “เรื่องนี้จะเป็นความลับ...ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรานะคะ... เพราะวันใดที่มีคนรู้มากกว่าเราสองคน วาดจะไปจากที่นี่ทันที ทุกอย่างที่ตกลงกันไว้จะยุติ!!” เธอกันฟันพูด ยอมทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อต่อลมหายใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะบิดา... “ตกลง...” โจนาธานตอบเสียงกระหึ่ม เขายิ้มมุมปาก ตอบตกลงโดยไม่ต