Share

บทที่9.เมียชั่วครั้ง... 1

บทที่9.เมียชั่วครั้ง...

          เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...

“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?”

          วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้...

          “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ”

          เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที

          “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ”

          หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย

          น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่เห็นกลับไม่เห็นแบบนั้น...

          เขาเห็นตามสายตาที่มืดบอดเพราะความโกรธ!!

          มือของโจนาธานกำแน่น...เขามองวันวาดกับเบน ด้วยสายตาเจ็บปวด ลับหลังเขา วันวาดทำตัวแบบนี้เองเหรอ หล่อนซุกตัวอยู่กับอกพี่ชาย เสียงสะอื้นของหล่อนยังไม่ทำให้เขาเจ็บเท่า กับเรียวแขนของหล่อนที่กอดกระชับเอวเบนอย่างแนบแน่น

          “เอกพากูกลับที!!”

          เขาตัดใจ หลุบเปลือกตาลง...พยายามสลัดภาพแสนรวดร้าวนั้นออกไปจากใจ

          เอกเข็นรถวีแชร์กลับมาที่รถยนต์คันใหญ่ เขาไม่ได้ปริปากพูดอะไร เนื่องจากเจ้านายเงียบผิดปรกติ เอกเห็นเหมือนที่โจนาธานเห็น แต่เขาคิดคนละแบบกับเจ้านาย ที่เขาเห็นคือวันวาดที่กำลังร่ำไห้ หล่อนกำลังเสียใจกับอะไรบางอย่างที่ทั้งเขาและเจ้านายไม่รู้ และเบนอยู่ตรงนั้นพอดี เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาวแกร่งอย่างคุณพยาบาล แต่มันต้องร้ายแรงแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคนเข้มแข็งอย่างคุณพยาบาลคงไม่ฟูมฟายขนาดนั้น...

          เอกจึงพาโจนาธานกลับคฤหาสน์รูธ ภายในรถยนต์เงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรเลย...หากมีเข็มหล่นบนพื้นสักเล่ม เสียงคงดังก้องจนหูแทบแตก เมื่อบรรยากาศภายในรถยนต์วังเวงจนน่าใจหาย...

         

          “เธอจะทำไงต่อล่ะ?” เบนเป็นห่วง เขาเมตตาวันวาดเพราะความขยันขันแข็งของหล่อน

          “ไม่รู้สิคะ วาดไม่รู้เลย” เธอตอบเสียงหมองเศร้า ร้อยพันปัญหาที่โถมเข้ามานี่ เธอสุดปัญญาที่จะแก้ไข

          “ฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้เสี่ยนั่นจะทำยังไงกับพ่อเธอ แต่มันคงไม่ยอมเสียเงินฟรีแน่”

          วันวาดก้มหน้าลง เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ

          “พ่ออยู่ที่ไหนคะเวลานี้”

          ขั้นแรกเธอต้องการรู้ว่าบิดายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เรื่องเงินนั้นเธอคงไม่มีปัญญา...เป็นห่วงแค่บิดาเท่านั้น ท่านจะเป็นอย่างไรต่อไป...

          “ก็คงอยู่ที่บ่อนนั่นแหละ ไอ้กวงมันคงไม่ปล่อยมาหรอก หากไม่มีเงินไปคืนมัน”

          “วาดไม่มีเงินหรอกค่ะ...วาดคงต้องปรึกษาแม่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไงต่อ”

          “ให้ฉันช่วยเธอมั้ย?”

          เบนเต็มใจหากวันวาดอยากยืมสตางค์ เขาเต็มใจควักกระเป๋าให้ เมื่อรู้สึกเวทนาหล่อนเหลือเกิน

          “ไม่ค่ะ!! หากวาดยืมคุณ พ่อก็คงก่อเรื่องอีก วาดไม่มีปัญญาหามาคืนคุณหรอกค่ะ...แค่ของเก่า วาดยังหามาคืนคุณไม่ได้ วาดไม่กล้าขอเพิ่มค่ะ”

          หญิงสาวส่ายใบหน้า...เงินก้อนนี้หากเบนหยิบยื่นให้ บิดาก็จะไม่สำนึก เมื่อยังมีคนใจดีให้หยิบยืม ครั้งหน้าต้องร้ายแรงกว่านี้แน่!!

          “ฉันพร้อมจะช่วยเธอนะวาด มีอะไรก็บอกฉัน”

          เบนโครงศีรษะ เขาเวทนาวันวาด แต่ไม่ได้นึกสงสารทะนง ผู้ชายแก่คนนั้นสมควรถูกทำโทษ เขาจะได้สำนึกเสียที สิ่งที่เขากระทำ ส่งผลอะไรถึงลูกเมียบ้าง...

          เบนอยู่ปลอบใจวันวาดชั่วเวลาหนึ่งเขากลับไปเมื่อไม่สามารถโน้มน้าวให้วันวาดยอมรับความช่วยเหลือจากตัวเองได้ หญิงสาวตรงกลับบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกงาน รถจักยานยนต์วิ่งฉิว ความเร็วเพิ่มมากกว่าเก่าเล็กน้อย จนกระทั่งถึงบ้านพิศิษรุ่งเรือง...

          ประตูบ้านใหญ่เปิดอ้า มีรถปิคอัฟคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน กับผู้ชายแปลกหน้าสองคนที่กำลังขนของขึ้นรถกันให้จ้าละหวั่น!! วันวาดจอดรถจักยานยนต์ข้างบ้าน เธอเดินเข้าไปมอง เห็นคุณพิไลยืนชี้นิ้วสั่ง เสียงหล่อนเร่งร้อน และดังลั่น

          “เร็วหน่อยสิย่ะ เดี๋ยวก็ค่ำก่อน”

          นางปรายตามองวันวาด มุมปากสีสดแสยะยิ้มเหยียดหยัน... “หล่อนก็เหมือนกันแม่วาด รีบหาที่ซุกหัวนอนล่ะ ก่อนที่เจ้าของใหม่เขาจะมาไล่ที่”

          ความจริงที่น่าตระหนก สิ่งที่เธอเพิ่งได้รับรู้ วันวาดยืนตัวชา ข่าวร้ายประเดประดังเข้ามา จนเธอแทบทรุด

          “หมายความว่ายังไงคะคุณพิ?”

          เธอถามกลับเสียงแผ่วหวิว

          “จะหมายความว่ายังไงล่ะยะ...บ้านนี้นะติดจำนอง พ่อเราเอาไปแปะโป้งไว้นานแล้ว นี่ก็ถึงกำหนดจ่ายดอกแล้ว พ่อแกยังไม่โผล่หัว ไม่รู้ไปซุกหัวอยู่บ่อนไหนสิ...แก่จะตายลงโลง ยังไม่รู้จักหยุด...เหอะ!! ฉันไม่อยู่ด้วยแล้วล่ะ ฉันจะไปอยู่กับพิไลมันในเมือง แกสองแม่ลูกจะไปไหนก็ไป...ฝากเอาพ่อแกไปอยู่ด้วยล่ะ ฉันสุดทนแล้วจริงๆ”

          นางโพล่งเสียงขุ่น ทนจนทนไม่ไหว นางจะไม่ทนลำบากอีกต่อไป เมื่อทะนงยังคิดไม่ได้ เขาอยากจะไปไหนก็เชิญเลย

          “คุณแม่คะ เอาพวกนั้นไปด้วยไหมคะ?”

          พิไลลักษณ์ชี้นิ้วไปยังเครื่องเรือนไม้เก่าแก่ หล่อนตาลุกวาบหากเปลี่ยนเป็นเงินคงได้ไม่น้อย

          “จะไปเก็บไว้ตรงไหนละพิไล แม่ว่าห้องแคบๆ นั่นใส่พวกนี้ไปจะเต็มเปล่าๆ” นางท้วง

          “ใครว่าล่ะคุณแม่ มีร้านเครื่องเรือนเก่าอยู่ที่หน้าอาพาร์ทเม้นท์ เอาไปปล่อย เอาเงินมาใช้ไม่ดีกว่าเหรอคะ ยังไงเสีย บ้านนี้ก็ถูกยึดแน่ๆ จะปล่อยสมบัติเก่าให้เจ้าของใหม่ได้ใช้ฟรีๆ เหรอคะคุณแม่”

          “อืม...งั้นก็กวาดไปให้หมด...เปลี่ยนเป็นเงินก็ดีเหมือนกัน”

          พิไลเห็นด้วยกับความคิดลูกเลี้ยง นางกราดตามองสิ่งที่สามารถแปลงเป็นเงินได้ ก่อนจะกะราคาคร่าวๆ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status