บทที่9.เมียชั่วครั้ง...
เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...
“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?”
วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้...
“ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ”
เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที
“วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ”
หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย
น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่เห็นกลับไม่เห็นแบบนั้น...
เขาเห็นตามสายตาที่มืดบอดเพราะความโกรธ!!
มือของโจนาธานกำแน่น...เขามองวันวาดกับเบน ด้วยสายตาเจ็บปวด ลับหลังเขา วันวาดทำตัวแบบนี้เองเหรอ หล่อนซุกตัวอยู่กับอกพี่ชาย เสียงสะอื้นของหล่อนยังไม่ทำให้เขาเจ็บเท่า กับเรียวแขนของหล่อนที่กอดกระชับเอวเบนอย่างแนบแน่น
“เอกพากูกลับที!!”
เขาตัดใจ หลุบเปลือกตาลง...พยายามสลัดภาพแสนรวดร้าวนั้นออกไปจากใจ
เอกเข็นรถวีแชร์กลับมาที่รถยนต์คันใหญ่ เขาไม่ได้ปริปากพูดอะไร เนื่องจากเจ้านายเงียบผิดปรกติ เอกเห็นเหมือนที่โจนาธานเห็น แต่เขาคิดคนละแบบกับเจ้านาย ที่เขาเห็นคือวันวาดที่กำลังร่ำไห้ หล่อนกำลังเสียใจกับอะไรบางอย่างที่ทั้งเขาและเจ้านายไม่รู้ และเบนอยู่ตรงนั้นพอดี เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาวแกร่งอย่างคุณพยาบาล แต่มันต้องร้ายแรงแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคนเข้มแข็งอย่างคุณพยาบาลคงไม่ฟูมฟายขนาดนั้น...
เอกจึงพาโจนาธานกลับคฤหาสน์รูธ ภายในรถยนต์เงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรเลย...หากมีเข็มหล่นบนพื้นสักเล่ม เสียงคงดังก้องจนหูแทบแตก เมื่อบรรยากาศภายในรถยนต์วังเวงจนน่าใจหาย...
“เธอจะทำไงต่อล่ะ?” เบนเป็นห่วง เขาเมตตาวันวาดเพราะความขยันขันแข็งของหล่อน
“ไม่รู้สิคะ วาดไม่รู้เลย” เธอตอบเสียงหมองเศร้า ร้อยพันปัญหาที่โถมเข้ามานี่ เธอสุดปัญญาที่จะแก้ไข
“ฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้เสี่ยนั่นจะทำยังไงกับพ่อเธอ แต่มันคงไม่ยอมเสียเงินฟรีแน่”
วันวาดก้มหน้าลง เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ
“พ่ออยู่ที่ไหนคะเวลานี้”
ขั้นแรกเธอต้องการรู้ว่าบิดายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เรื่องเงินนั้นเธอคงไม่มีปัญญา...เป็นห่วงแค่บิดาเท่านั้น ท่านจะเป็นอย่างไรต่อไป...
“ก็คงอยู่ที่บ่อนนั่นแหละ ไอ้กวงมันคงไม่ปล่อยมาหรอก หากไม่มีเงินไปคืนมัน”
“วาดไม่มีเงินหรอกค่ะ...วาดคงต้องปรึกษาแม่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไงต่อ”
“ให้ฉันช่วยเธอมั้ย?”
เบนเต็มใจหากวันวาดอยากยืมสตางค์ เขาเต็มใจควักกระเป๋าให้ เมื่อรู้สึกเวทนาหล่อนเหลือเกิน
“ไม่ค่ะ!! หากวาดยืมคุณ พ่อก็คงก่อเรื่องอีก วาดไม่มีปัญญาหามาคืนคุณหรอกค่ะ...แค่ของเก่า วาดยังหามาคืนคุณไม่ได้ วาดไม่กล้าขอเพิ่มค่ะ”
หญิงสาวส่ายใบหน้า...เงินก้อนนี้หากเบนหยิบยื่นให้ บิดาก็จะไม่สำนึก เมื่อยังมีคนใจดีให้หยิบยืม ครั้งหน้าต้องร้ายแรงกว่านี้แน่!!
“ฉันพร้อมจะช่วยเธอนะวาด มีอะไรก็บอกฉัน”
เบนโครงศีรษะ เขาเวทนาวันวาด แต่ไม่ได้นึกสงสารทะนง ผู้ชายแก่คนนั้นสมควรถูกทำโทษ เขาจะได้สำนึกเสียที สิ่งที่เขากระทำ ส่งผลอะไรถึงลูกเมียบ้าง...
เบนอยู่ปลอบใจวันวาดชั่วเวลาหนึ่งเขากลับไปเมื่อไม่สามารถโน้มน้าวให้วันวาดยอมรับความช่วยเหลือจากตัวเองได้ หญิงสาวตรงกลับบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกงาน รถจักยานยนต์วิ่งฉิว ความเร็วเพิ่มมากกว่าเก่าเล็กน้อย จนกระทั่งถึงบ้านพิศิษรุ่งเรือง...
ประตูบ้านใหญ่เปิดอ้า มีรถปิคอัฟคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน กับผู้ชายแปลกหน้าสองคนที่กำลังขนของขึ้นรถกันให้จ้าละหวั่น!! วันวาดจอดรถจักยานยนต์ข้างบ้าน เธอเดินเข้าไปมอง เห็นคุณพิไลยืนชี้นิ้วสั่ง เสียงหล่อนเร่งร้อน และดังลั่น
“เร็วหน่อยสิย่ะ เดี๋ยวก็ค่ำก่อน”
นางปรายตามองวันวาด มุมปากสีสดแสยะยิ้มเหยียดหยัน... “หล่อนก็เหมือนกันแม่วาด รีบหาที่ซุกหัวนอนล่ะ ก่อนที่เจ้าของใหม่เขาจะมาไล่ที่”
ความจริงที่น่าตระหนก สิ่งที่เธอเพิ่งได้รับรู้ วันวาดยืนตัวชา ข่าวร้ายประเดประดังเข้ามา จนเธอแทบทรุด
“หมายความว่ายังไงคะคุณพิ?”
เธอถามกลับเสียงแผ่วหวิว
“จะหมายความว่ายังไงล่ะยะ...บ้านนี้นะติดจำนอง พ่อเราเอาไปแปะโป้งไว้นานแล้ว นี่ก็ถึงกำหนดจ่ายดอกแล้ว พ่อแกยังไม่โผล่หัว ไม่รู้ไปซุกหัวอยู่บ่อนไหนสิ...แก่จะตายลงโลง ยังไม่รู้จักหยุด...เหอะ!! ฉันไม่อยู่ด้วยแล้วล่ะ ฉันจะไปอยู่กับพิไลมันในเมือง แกสองแม่ลูกจะไปไหนก็ไป...ฝากเอาพ่อแกไปอยู่ด้วยล่ะ ฉันสุดทนแล้วจริงๆ”
นางโพล่งเสียงขุ่น ทนจนทนไม่ไหว นางจะไม่ทนลำบากอีกต่อไป เมื่อทะนงยังคิดไม่ได้ เขาอยากจะไปไหนก็เชิญเลย
“คุณแม่คะ เอาพวกนั้นไปด้วยไหมคะ?”
พิไลลักษณ์ชี้นิ้วไปยังเครื่องเรือนไม้เก่าแก่ หล่อนตาลุกวาบหากเปลี่ยนเป็นเงินคงได้ไม่น้อย
“จะไปเก็บไว้ตรงไหนละพิไล แม่ว่าห้องแคบๆ นั่นใส่พวกนี้ไปจะเต็มเปล่าๆ” นางท้วง
“ใครว่าล่ะคุณแม่ มีร้านเครื่องเรือนเก่าอยู่ที่หน้าอาพาร์ทเม้นท์ เอาไปปล่อย เอาเงินมาใช้ไม่ดีกว่าเหรอคะ ยังไงเสีย บ้านนี้ก็ถูกยึดแน่ๆ จะปล่อยสมบัติเก่าให้เจ้าของใหม่ได้ใช้ฟรีๆ เหรอคะคุณแม่”
“อืม...งั้นก็กวาดไปให้หมด...เปลี่ยนเป็นเงินก็ดีเหมือนกัน”
พิไลเห็นด้วยกับความคิดลูกเลี้ยง นางกราดตามองสิ่งที่สามารถแปลงเป็นเงินได้ ก่อนจะกะราคาคร่าวๆ
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?
โจนาธานอึ้ง หญิงสาวไม่เคยหยาบคาย หล่อนจะนิ่งๆ เฉยเมยเป็นส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนตอบโต้มาแบบแรงๆ “คุณจะเป็นไอ้ง่อย จะเป็นไอ้อะไร มันก็เรื่องของคุณ จะเดินได้หรือไม่ได้ มันก็ตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับวาดเลยค่ะ...อยากนอนเป็นผักเน่าให้คนรอบตัวเขาคอยสมเพทมันก็เรื่องของคุณ!! เมื่อคุณทำตัวเอง คุณกำหนดเองว่าจะเป็นแบบไหน ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก แต่...วาดเสียดาย เสียดายที่คุณมีโอกาส แต่กลับไม่สู้ วาดทุเรศตัวเองแทนค่ะ!!” หญิงสาวโพล่งยาว ความอัดอั้นในใจบีบบังคับให้เธอพูด ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจคนเดียว คนอื่นๆ ก็มีปัญหาและภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน “วาดขอโทษค่ะ ที่พูดไม่ดี...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้สึกผิดที่พูดแรงไป แต่ไม่ใช่ความผิดของเธอทั้งหมด โจนาธานกดดันจนเธอหลุด...หญิงสาวหมุนตัวเดินหนี เธอเปิดประตูห้องพักฟื้นของเขาออกไปสงบอารมณ์ด้านนอก น้ำตารื้นแทบจะล้นปริ่ม เธอจึงรีบยกมือขึ้น กรีดไล้เงาน้ำตาออกไป เธอไม่มีเวลาสำหรับการร้องไห้ เมื่อยังมีลมหายใจ...เธอจะไม่มีวันท้อ แม้ปัญหามากมายจะโถมเข้าใส่ไม่หยุด... “บ้
“วาดคิดว่าคุณแค่อยากล้อเล่น...” “ฉันจริงจัง เธอจะว่าไง...ถ้าตกลง ก็เดินขึ้นเตียงมาได้เลย หลังคืนนี้ผ่านไป...เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการกลับคืนมา” โจนาธานท้าทาย เขาเห็นแววตาลังเลของหล่อน มีความเป็นไปได้สูงที่หล่อนจะตกลง เมื่อวันวาดกำลังเข้าตาจน “...” หญิงสาวก้มหน้าลง เธอกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่... หญิงสาวไม่ได้มีทางเลือกมากนัก หากเธอตัดสินใจทำ... มันน่าอายเธอรู้ แต่มันจะช่วยได้หลายคน พ่อ แม่...บางทีบ้านที่เธอเกิด อาจจะไม่ตกเป็นของคนอื่น “เท่าไรคะ? ค่าตัววาด เท่าไร?” เธอกลั้นใจถามดวงตาแดงก่ำ กระบอกตาร้อนผ่าว “แล้วแต่เธอจะเรียก ฉันมีจ่าย!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขาใจป้ำ กระเป๋าหนักพอ “เรื่องนี้จะเป็นความลับ...ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรานะคะ... เพราะวันใดที่มีคนรู้มากกว่าเราสองคน วาดจะไปจากที่นี่ทันที ทุกอย่างที่ตกลงกันไว้จะยุติ!!” เธอกันฟันพูด ยอมทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อต่อลมหายใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะบิดา... “ตกลง...” โจนาธานตอบเสียงกระหึ่ม เขายิ้มมุมปาก ตอบตกลงโดยไม่ต
บราเซียตัวสวยถูกปลดออกด้วยมือที่สั่นระริก มันเป็นเพราะร่างกายของโจนาธานยังไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่เขาก็ไม่ยอมถอย พยายามทำตามความเคยชิน สองแขนเรียวถูกรั้งลงจากเนินอก เผยให้เห็นเต่งเต้ากลมกลึงขาวผ่อง เนินอกอวบอิ่ม ปลายยอดหดเกร็งมีติ่งเล็กๆ สีแดงอ่อน เท่าผลเชอรี่สุกใหม่ๆ มือใหญ่รีบเคลื่อนที่เขาโอบประคอง จนคนตัวเล็กสะดุ้งโหย่ง เธอหลับตาปี๋ ขมวดคิ้วจนแน่น“กลัวเหรอวาด...มันไม่น่ากลัวหรอก ฉันรับรอง”เวลานี้โจนาธานอารมณ์ดี อารมณ์ดีเสียจนอดไม่ได้ที่จะยอกเย้าวันวาด หญิงสาวน่ารัก น่าใคร่ เขาเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะปฏิกิริยาโดยรวมที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้“...” วันวาดเผยอปาก เธอพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจ หายคอไม่ทัน“นอนลงเถอะ ฉันอยากชิมเธอแล้วล่ะ”สภาพร่างกายของตัวเองไม่พร้อมเท่าไร เขาเคลื่อนไหวได้แบบยากลำบาก โจนาธานไม่อยากให้มันติดขัด เขาวอนขอวันวาดด้วยน้ำเสียงแหบปร่า ใช้มือดันร่างเล็กบาง แบบไม่เร่งร้อน หญิงสาวกัดฟันแน่น เธอค่อยๆ ผ่อนร่างกายลงบนที่นอน มือเรียวขยุ้มกำผ้าปูที่นอนแน่น พร้อมกับเกร็งตัวจนแข็งเหมือนท่อนไม้“ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก
บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย... โจนาธานอารมณ์ดีจนคนรอบข้างรู้สึก เขายิ้มกริ่ม ดวงตามีประกายสดใส แม้จะอิดออดช่วงที่วันวาดจะกลับ เขาพยายามรั้งหล่อนไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ตามใจ เธอกลับเมื่อถึงเวลาของเธอ “อารมณ์ดีอะไรครับคุณโจ” เอกลองแยบๆ ถาม ระหว่างเจ้านายกับพยาบาลสาว ต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อคนที่เคยพูดจ้อยๆ หุบปากแน่น คนที่เป็นจอมโวย กลับยิ้มแย้มเสียแบบนั้น “ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ยว่ะ” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้ “เห็นคุณโจสบายใจ ผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แต่...ไม่บอกจริงๆ เหรอครับ” เอกสัพยอก เขากระโจนผลุง...หนีมือใหญ่ที่ฟาดผั๊วะลงมาข้างตัว เป้าหมายไม่ศีรษะก็ลำตัวเขา และหากเป็นเวลาที่โจนาธานปกติ มันอาจจะเป็นฝ่าเท้า หรือไม่ก็โดนยันโครมจนกระเด็น... “พากูไปสระทีเอก กูดูคลิบในยูทูบ เห็นหมอแนะนำการออกกำลังกายในน้ำ จะช่วยให้เขาฝึกการขยับตัวได้มากกว่าการเดินบนลู่ที่ใช้แรงเยอะ” ชายหนุ่มตั้งเป้าไว้ เขาต้องเดินให้ได้ในเร็ววันที่สุด!! นี่จะเป็นเซอร์ไพรส์ให้วันวาดรู้...คนสุดท้าย ช่วงเวลาที่เหมาะสุด ก็ตอนที่หล่อนไม่อยู่
“คงไม่มีใครมาหรอกเสี่ย ได้ข่าวว่ามันหมดตัวแล้วนี่ครับ” มันตอบเสียงสำรวม “เห้ย!! ได้ไงวะ!! มันเป็นหนี้กูอยู่ไม่น้อย...ลูก เมียมันไม่สนใจเลยเหรอ?” กวงตะคอก เขาไม่ยอมให้ทะนงแทงบัญชีเป็นศูนย์แน่ เงินที่เขาควรได้ จำนวนโขอยู่ “มีเมียสองคน ลูกสาวคน ลูกบุญธรรมอีกคน แต่ก็จนเหมือนกันหมดนั่นแหละเสี่ย!!” มันตอบพร้อมกับรีบหลบตา เมื่อเสี่ยกวงยืนขึ้น ตะโกนลั่น “ก็ไปจับเมีย จับลูกมันมาสิวะ ไม่ได้เงินเอาตัวมาขัดดอกก็ยังดี...” ความคิดชั่วชาติ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม คนเขี้ยวลากดินอย่างเสี่ยกวง ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ลูกน้องขาโหดทำหน้าปั้นยาก “เมียมันแก่หนังเหี่ยวเกรงว่าจะเอามาเสียเปล่าครับ ส่วนลูกสาวมัน...เออ” มันพูดเสียงติดๆ ขัดๆ เสี่ยกวงใจร้อนจึงตะโกนถามเสียงขุ่น “แต่...ส้นตีนอะไรของมึง ทำสะดิ้งอมพะนำเสียแบบนั้น” “ลูกสาวไอ้ทะนงมันเป็นพยาบาล เห็นเดินเข้าเดินออกบ้านไอ้พี่น้องรูธ ผมก็เลยไม่กล้าฉุดมาให้เสี่ย” คำตอบของมันทำให้หัวคิ้วเสี่ยกวงกระตุก ต่อมลองดีเต้นพล่าน หากอีนั่นเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นสิดี
“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?” ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้ “ลูกรู้!!” ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ “วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ” เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน “เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด” ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ “พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน” “วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!” ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตาง
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ นี่หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ เขากับเธอผ่านค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน แต่เมื่อฟ้าสว่าง ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ เขาได้กลับคืนมาคือความเฉยชา“คุณออกกำลังกายหนักเกินไปนะคะ กล้ามเนื้อคุณตึงมาก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ อีกไม่นานคุณก็จะเดินได้เอง”กล้ามเนื้อที่ช่วงขาของโจนาธานตึงจนแข็ง วันวาดวางมือลงไปเธอกดผิวเนื้อจึงเอ่ยเตือนโจนาธานด้วยความหวังดีชายหนุ่มขมวดคิ้ว!! นี่หล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใจคอหล่อนจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ใจเด็ดเกินไปแล้ว“เธอจริงจังกับงานเหลือเกินนะ คงอยากไปจากที่นี่เต็มทีละสิ”เสียงดังๆ แฝงการประชด วันวาดยิ้มเครียด เธอช้อนสายตาเฉยชามองเขา“เราตกลงกันแล้วนี่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”เธอทวงคำสัญญา แม้จะอายจนหน้าชากับแววตาดูแคลนของชายหนุ่ม“หึ!! ไม่เอาเปรียบฉันไปหน่อยเหรอวาด เธอโขกฉันเสียเยอะแยะ แต่ฉันได้...แค่ครั้งเดียว”วันวาดสะอึก เธอกรอกตัวเลขเสียเยอะแยะเพราะต้องการประชด แต่เมื่อใช้จ่ายจริงๆ เธอใช้ไม่ถึงครึ่งจนมานั่งเสียใจอยู่ตอนนี้“วาดคืนที่เหลือให้คุณก็ได้ค่ะ วาดไม่ต้องการมันอีกแล้ว”เธอเคลียร์หนี้ของบิดา ไถ