ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ นี่หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ เขากับเธอผ่านค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน แต่เมื่อฟ้าสว่าง ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ เขาได้กลับคืนมาคือความเฉยชา
“คุณออกกำลังกายหนักเกินไปนะคะ กล้ามเนื้อคุณตึงมาก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ อีกไม่นานคุณก็จะเดินได้เอง”
กล้ามเนื้อที่ช่วงขาของโจนาธานตึงจนแข็ง วันวาดวางมือลงไปเธอกดผิวเนื้อจึงเอ่ยเตือนโจนาธานด้วยความหวังดี
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว!! นี่หล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใจคอหล่อนจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ใจเด็ดเกินไปแล้ว
“เธอจริงจังกับงานเหลือเกินนะ คงอยากไปจากที่นี่เต็มทีละสิ”
เสียงดังๆ แฝงการประชด วันวาดยิ้มเครียด เธอช้อนสายตาเฉยชามองเขา
“เราตกลงกันแล้วนี่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”
เธอทวงคำสัญญา แม้จะอายจนหน้าชากับแววตาดูแคลนของชายหนุ่ม
“หึ!! ไม่เอาเปรียบฉันไปหน่อยเหรอวาด เธอโขกฉันเสียเยอะแยะ แต่ฉันได้...แค่ครั้งเดียว”
วันวาดสะอึก เธอกรอกตัวเลขเสียเยอะแยะเพราะต้องการประชด แต่เมื่อใช้จ่ายจริงๆ เธอใช้ไม่ถึงครึ่งจนมานั่งเสียใจอยู่ตอนนี้
“วาดคืนที่เหลือให้คุณก็ได้ค่ะ วาดไม่ต้องการมันอีกแล้ว”
เธอเคลียร์หนี้ของบิดา ไถ่บ้านคืน จากนี้ไปคงไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เมื่อเธอมีแรงมีกำลัง คงหาเลี้ยงบิดา มารดาได้โดยไม่ต้องพลีกายแรกเศษเงินจากใครอีก ครั้งเดียวก็อดสูจนเชิดหน้าเป็นคนดีไม่ได้เหมือนเดิม
โจนาธานกำมือแน่น เขาโมโหสุดๆ
“ฉันไม่รับคืน แต่จะขอ...ใช้เธอเป็นครั้งคราวไป”
คำพูดของโจนาธานตีเข้ากลางแสกหน้า เขาเห็นเธอเป็นผู้หญิงขายบริการหรือไร?
“ไม่ค่ะ!! วาดตกลงกับคุณ แค่...ครั้งเดียว พาร์ทไทม์ค่ะ ไม่ได้ประจำ”
วันวาดเงยหน้าขึ้น เธอมองสบตาเขา กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อกระไอความอายฉาบใบหน้า
“แต่ฉันมีสตางค์ และฉันอยาก!! ฉันไม่อยากไปหาซื้อที่อื่น เมื่อมีคนขายอยู่ตรงหน้า” ชายหนุ่มกล่าวเหยียดหยัน เขาโมโหหล่อนจนแทบกระอัก เศษเงินที่หล่อนเอาไปไม่ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือน แต่ที่โจนาธานเกรี้ยวกราด ก็เพราะหล่อนเฉยเมย ในอดีตผู้หญิงที่เคยมีค่ำคืนแสนสุขกับเขา พวกหล่อนจะเคล้าเคลียร์ฉอเลาะจนน่ารำคาญ แต่นี่อะไร? วันวาดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนทำเหมือนเขาเป็นคนอื่น ไม่ใช่ผู้ชายที่เป็น ‘ผัว’ หล่อนทำเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่เคยมีอะไรต่อกัน
มือเรียวบางกำแน่น เธอกดเล็บลงไปในผิวเนื้อ สะกดความโกรธที่กำลังพุ่งสูงปรี๊ด!!
“ขอโทษค่ะ การขายปิดลงแล้ว... วาดไม่อยากได้สตางค์ รอแค่คุณเดินได้ วาดจะไปทันที”
เธอช้อนสายตาวาววับมองสบนัยน์ตาแข็งกร้าวของโจนาธาน แล้วจึงตอบเสียงเย็น ก่อนจะเดินหนีไป ไม่อยู่เป็นที่รองอารมณ์โกรธของผู้ชายพูดไม่รู้เรื่อง
“วันวาด!!”
ชายหนุ่มตะโกนก้อง เขาเหวี่ยงหมอนนุ่มสุดแรง มันกระทบผิวประตูและตกลงไม่ไกลจากประตูเท่าไร โดยที่วันวาดไม่รู้ เพราะหล่อนเดินชิ่งหนีไปเสียแล้ว
โจนาธานยกมือจับหัวเตียงเขาพยายามโหย่งตัวขึ้น เขาต้องการไปพูดกับหล่อนให้รู้เรื่อง แต่อุปสรรคใหญ่ของเขาคือ...เขาเดินไม่ได้...
หญิงสาวยกมือกรีดคราบน้ำตาที่ข้างแก้ม เธอต้องทนได้ เพราะคาดเดาเอาไว้ เหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้นแน่ เธอต้องทนไหว เมื่อสิ่งที่เขาพูดไม่ได้เกินจริง เธอทำตัวเช่นนั้นเพราะอับจน แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะใช้คำพูดเหล่านั้นทำร้ายเธอได้...
วันวาดย้อนกลับมาอีกครั้ง หลังทำใจให้สงบ เธอเบิกตากว้าง เมื่อเปิดประตูเข้ามา ด้านในเหมือนพายุลูกย่อมๆ พลัดหลงเข้ามาในนี้ ข้าวของเครื่องใช้หล่นระเกะระกะ กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น โดยที่ต้นเหตุนั่งหน้าตึงอยู่กลางเตียง และบนเตียงนั้น ไม่ต่างอะไรกับที่พื้นเลย หมอนนุ่มๆ สมควรอยู่บนนั้น แต่ในความจริงมันร่วงเกลื่อน คงเป็นเพราะคนโมโหร้ายนั่น ขว้างปาจนกระเด็น หญิงสาวเดินเก็บของบนพื้น เธอไม่ได้พูดอะไรเลย และโจนาธานก็เช่นกัน เขานั่งหน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่น แต่ก็ไม่ปริปากเช่นกัน
15นาทีสำหรับการเก็บข้าวของบนพื้น หญิงสาวมองความเรียบร้อยยิ้มๆ ยังดีที่ไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย เมื่อสิ่งของที่โจนาธานขว้างทิ้งนั้น ไมใช่แก้วหรือของแข็ง
“หิวน้ำ...”
ชายหนุ่มก้มหน้าซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่อเขาไม่สามารถวิ่งตามหล่อนได้ ก็ต้องดึงหล่อนเข้ามาใกล้และจัดการหล่อน โดยที่หล่อนขัดขืนไม่ได้ แผนใหม่เด็ดสุดติ่ง โจนาธานคิดได้ตอนที่เห็นวันวาดเปิดประตูเข้ามา ต่อให้หล่อนปฏิเสธเหย็งๆ หล่อนไม่ขายบริการ แต่หากเขาจะซื้อ...เขาต้องได้ เมื่อหล่อนยังวนเวียนอยู่รอบตัว...
หญิงสาวเดินไปรินน้ำใส่แก้ว เธอถือแก้วเดินไปยื่นให้เขา
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอน เขากางแขน กางขาแผ่เต็มเตียง “ไม่มีแรง...ป้อนหน่อย”
เสียงเปรยเบาๆ กับเปลือกตาที่ปิดลง ซ่อนแววตาจัดจ้า
วันวาดวางแก้วลงบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง เธอฉวยหมอนใบใหญ่ เดินเขาไปสอดใต้แผ่นหลังโจนาธาน และนั่นเป็นระยะประชิดตัวที่ชายหนุ่มเก็งเอาไว้ เขาพลิกตัวเร็วๆ รั้งหล่อนแรงๆ จนวัดวาดถลาตัวปลิว ล้มลงบนที่นอนแบบไม่ได้ตั้งตัว
“อุ้ย!”
“เธอคิดเหรอวาด... ว่าจะหนีฉันพ้น”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหอบๆ เขาคร่อมร่างเล็กบางไว้ด้วยร่างกายใหญ่โต มือแข็งแรงจับตรึงข้อมือเล็กๆ เอาไว้
“ปล่อยค่ะ คุณควรพัก”
หญิงสาวเบี่ยงใบหน้าหนี เมื่อโจนาธานลดตัวลงต่ำ เขากดปลายจมูกลงบนผิวแก้มแต่เมื่อวันวาดเอียงหน้าหนี จมูกซุกซนจึงฝังลงตรงซอกคอแทน
“เธอคิดว่า...ฉันจะหมดแรงง่ายๆ แค่...”
“หยุดพูดเถอะค่ะ อย่ารื้อฟื้นเลย...” เสียงอ่อนระโหยเปรยลอยๆ เธออายจนแทบแทรกดินหนี
“ถ้าเธอไม่เริ่มก่อนคิดว่าฉันอยากพูดถึงหรือไง”
“คุณเป็นสุภาพบุรุษค่ะ เท่าที่วาดรู้จัก วาดหวังแค่คุณจะรักษาคำพูด”
หญิงสาวกล่าว เธอสรรเสริญความเป็นชายของโจนาธานและหวังให้มันกระทบใจเขาบ้าง
“ก็เพราะฉันเป็นผู้ชายไง ฉันถึงต้องการเธอ”
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงใกล้ๆ เขาทาบปากแกร่งร้อนกับกลีบปากนุ่มนิ่ม บดจูบแรงๆ เหมือนต้องการลงทัณฑ์ ก่อนที่ความรุนแรงจะเปลี่ยนไป กลายเป็นความอ่อนหวานรัดรึง จูบยาวนานเกือบทำให้วันวาดใจอ่อน เธอวูบวาบไปทั้งตัว ผิวกายซ่านระริก กับสัมผัสจากผู้ชายที่น่าปรารถนา
“พะ พอเถอะคะ เราไม่ควรทำแบบนี้” วันวาดวิงวอนเสียงพร่า เธอสูดลมหายใจแรงๆ เมื่อชายหนุ่มถอนปากออกไปจากกลีบปากของตนเอง
“ทำไมล่ะวาด เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเคร่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหญิงสาวเท่าใดนัก เมื่อหล่อนเองก็รู้สึกคล้อยตาม ความปรารถนาของหล่อนปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำ...มันมีแววกังวลและละอายปนเปมาด้วย แต่นั่นก็ไม่อาจกลบความพุ่งพล่านในหัวใจได้...ไม่ใช่เหรอ? “ไม่ค่ะ ไม่เลย” หญิงสาวส่ายใบหน้าปฏิเสธ “อย่าปฏิเสธตัวเองสิวาด...ฉันรู้ เธอรู้สึกไม่ต่างจากฉันหรอก... เราต้องการกันและกัน” ปลายนิ้วแข็งแรงยกช้อนปลายคาง เขาคลึงผิวแก้มเนียนด้วยปลายนิ้วชี้ พร้อมกับยิ้มมุมปาก “แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูก...นี่คะ” วันวาดยังพยายามท้วง เธอเสหลบสายตาร้อนแรงของโจนาธาน ความปรารถนามากล้นนั่น กำลังทำให้ใจอ่อน “เธอใจแข็งมากกว่าที่ฉันคิดนะ” โจนาธานทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง แววตาอ่อนเศร้าของหล่อน...ทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนลง จึงยอมตัดใจเขารั้งหล่อนเข้าสู่อ้อมแขน ตรึงหญิงสาวไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง “นอนนิ่งๆ น่า ฉันก็แค่อยากกอด ไม่ได้คิดทำอะไรเกินกว่านี้หรอก แต่ถ้าเธอดิ้น...ก็ไม่แน่...” ชายหนุ่มแสร้งขู่ วันวาดฮึ
บทที่11.กรรมติดจรวด “คุณแม่คะ...คุณแม่ได้ข่าวคุณพ่อบ้างไหมคะ?” พิไลลักษณ์ถามมารดาเลี้ยงด้วยความกังขา หล่อนได้ยินข่าวที่ยังไม่ได้คัดกรอง แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริง ถึงจะเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก... “ไม่...ป่านนี้โดนไอ้เสี่ยบ้านั่นฆ่าตายแล้วมั้ง”พิไลพูดแบบไม่ยี่หระ ความรักจืดจางลง ที่เหลือไว้คือความชิงชัง สามีที่เคยเป็นคนดี เปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า...ทะนงจะเป็นตายยังไงก็ช่าง!! เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว...“คุณพ่อยังไม่ตายหรอกค่ะ...เหมือนจะอยู่ดีมีสุข คุณแม่มาอยู่กับพิไล ไม่ได้ข่าวทางบ้านบ้างเลยเหรอคะ?”สาวโสภาทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรูหราพอสมควรตามกำลังเงิน ความเป็นอยู่ไม่ได้สบายเหมือนเก่า เมื่อไม่ใคร่จะมีเงินทองจับจ่าย“ใครจะสน...”พิไลพ่นควันสีขาวๆ ออกมาจากปาก เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นทั้งเหล้าและบุหรี่ เมื่อไม่มีอะไรทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้คือของแก้เซ็งที่เธอทำยามว่าง แถมช่วงนี้พิไลริอ่านหัดเล่น ‘ไพ่’ มันทำให้นางสนุกและหายเบื่อ“คุณแม่อย่าไปเสวนากับยัยป้าเจ้าของคอนโดนักรู้ไหมคะ แกนะผีการพนันเข้าสิง สักวันจะพาคุณแม่ไปมั่วในบ
หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน “แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน” พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน “ค่ะ” “ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว” พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
วันวาดอ้าปากหวอ “ดึกแล้วค่ะ คุณควรพัก...” หญิงสาวแย้ง พยายามลดเสียงลง ระวังคำตอบของตัวเอง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นให้โจนาธานโกรธขึ้นมาอีก เขาฉุนเฉียวง่ายๆ พักนี้ เธอตามอารมณ์ไม่ทัน นับตั้งแต่วันต่อมา ที่เขาขอ...นอน...กับเธออีกครั้ง แต่วันวาดละอายใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริการ วันนั้นเธอจำเป็น มันมีเหตุบีบบังคับที่เธอต้องจำใจทำ และมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงตอบปฏิเสธไปอย่างชัดๆ จนเป็นที่มาของความบาดหมาง...เธอรู้โจนาธานไม่พอใจ!! แต่เขาเลือกที่จะเก็บงำไว้“ฉันจะนอนหรือไม่นอน ไม่ใช่เรื่องของเธอนะวาด...แต่เธอ!!” ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่วันวาด เขาแค่นพูดประชดประชัน “เธอควรอยู่ไม่ห่างฉัน เธอมีหน้าที่ดูแลฉัน ไม่ใช่อยากจะออกไปแต่ข้างนอกนั่นเพื่อไป...อ่อย...ผู้ชาย”ข้างนอกนั่น มีการ์ดของเขากับพี่เป็นสิบคน...หากหล่อนอยากได้ผู้ชาย...เขาอยู่นี่ และพร้อมที่จะสนองอารมณ์หล่อนให้แบบเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั่นเลย...หญิงสาวไม่ตอบ เธอเดินกลับไปทรุดนั่งที่เดิม และเสก้มหลบสายตาเขา มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ ปล่อยให้โจนาธานนั่งฮึดฮัดเพียงคนเดียว“พรุ่งนี้เธอหยุดนี่”เสียงถามลอยตามลมมา...วันวา
บทที่12.สวรรค์มีตา...นรกมีจริง... วันหยุดที่ธรรมดา วันวาดจะต้องกลับบ้านเพื่อพักผ่อนส่วนตัว แต่...วันนี้ โจนาธานร้องขอเอาไว้ และหญิงสาวเองก็เต็มใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เขา ตามที่หัวใจลึกๆ สั่งการ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หัวใจเจ้ากรรมดัน...ไม่ฟังเสียงสมองเสียแล้ว ความสุขเล็กๆ ของวันวาดที่พยายามไม่ให้ใครรู้ เธอดีใจทุกครั้งที่โจนาธานมีอาการดีขึ้น หญิงสาวอยากเห็นเขามีแต่รอยยิ้ม... “จะไปไหนกันเหรอ? เห็นวุ่นวายกันแต่เช้า” เบนร้องถาม เขาเห็นการ์ดกับสาวใช้หลายคนวิ่งวุ่น ตั้งแต่เช้าตรู่ แป้นหันมาตอบคำถามเจ้านายหนุ่มยิ้มๆ “คุณโจสิคะ จะออกไปข้างนอก” เบนเลิกหัวคิ้วขึ้น เขายิ้มกว้างเมื่อเข้าใจความหมาย น้องชายของเขาเก็บตัวเงียบมาตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น โจนาธานไอ้หนุ่มเจ้าสำราญหายไป ทิ้งไว้แค่ผู้ชายเจ้าอารมณ์ขี้วีน...กลายเป็นคนเก็บตัวเพราะมีปม!! “จริงดิ!! ไปไหนกันล่ะ” เบนถามยิ้มๆ “ไม่รู้ค่ะ...สงสัยอยากพาคุณวาดไปเดท...” แป้นกระซิบกระซาบ การเปลี่ยนแปลงของเจ้านายก็น่าจะเพราะคุณพยาบาลสุดสวย วันวาดสวยพิศ ยิ่งมองยิ่งชื่นใ
มาดามรินรำไพ...มารดาของสองหนุ่ม เธอมีทริปท่องเที่ยวรอบโลก เพราะเบนกับโจนาธานไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจ...เพราะนางเสียใจอย่างหนัก...หลังเสียสามี แล้วโจนาธานยังมาเกิดอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้ามารดา เพื่อทำให้ท่านคลายใจ จนยอมออกเดินทางเพื่อพักตัวและใจ “เหรอ...ก็ดี” ชายหนุ่มตอบกดหมุนวีแชร์ เพราะอยากรีบออกเดินทาง อยากกินข้าวเช้ากับวันวาดตอนที่พระอาทิตย์สีส้มๆ สาดแสงอ่อนๆ กระทบผิวน้ำ มันคงเป็นบรรยากาศสุดโรมานซ์... เบนเป่าปากพรวดๆ เขารีบปิดงับประตูลงและกดล็อก... “เธอกับเบนมีอะไรกันมั้ย!!” วันวาดเดินตาม เธอช่วยประคองหลังรถวีแชร์ ระวังหลังให้คนป่วยจอมดื้ออีกทาง หญิงสาวสะดุ้ง!! “ไม่มีค่ะ...วาดจะมีอะไรกับคุณเบนล่ะคะ?” เธอรีบตอบ พร้อมกับย้อนถามเพื่อเปลี่ยนความสนใจของชายหนุ่ม “ไม่มีก็ดี...พี่ชายฉัน...ไม่ใช่แบบที่เธอคิด” แม้จะไม่รู้ทั้งหมด...โจนาธานแน่ใจ เบนมีเบื้องลึก แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เลยไม่อยากใส่ใจ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับวันวาด เขาก็จำเป็นต้องรีบสกัด “ค่ะ” ทั้งสองคนเงียบงันไปหลังจากน
“แน่นะคุณโจ” แป้นยิ้มกริ่ม “แน่สิวะ...ถ้าทำได้เอาไปเลย...” โจนาธานตอบเสียงเบาๆ แต่หนักแน่น “แป้นจัดให้...” สาวใช้ตัวอวบรับคำ หล่อนเดินถลาเข้าไปหาวันวาด พร้อมกับรีบดุนหลังหญิงสาว กลับไปที่ราวแขวนผ้าเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มต้นกระบวนการโน้มน้าววันวาด สารพันที่แป้นงัดเอามาล่อ...จนวันวาดไม่สามารถปฏิเสธได้ ในที่สุดหล่อนก็ยอมใจอ่อน...หลวมตัวทดลองใส่ชุดที่แป้นเลือกมายัดใส่มือให้ “ลองเลยค่ะ เราลองได้ค่ะคุณวาด ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าหรอก ลองเป็นเพื่อนแป้นหน่อย แป้นอยากลองแต่ไม่กล้า” เปลือกตากระพริบปริบๆ ผสมกับใบหน้าอวบๆ ที่ม่อยลงไปถนัดใจ วันวาดจึงยอมใจอ่อน ทดลอง ลองชุดสวยๆ เหล่านั้น แม้จะเกรงใจเจ้าของร้านที่คอยอำนวยความสะดวกให้ เมื่อเธอไม่คิดจะซื้อ...เพราะแค่เห็นราคา ยังสะดุ้ง!! สวย...นิยามคำนี้ แทบไม่ผิดเพี้ยน หลังวันวาดเดินตัวลีบออกมาจากห้องลองเสื้อ ผู้หญิงคนเดิม เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าบนร่างกาย ไม่อยากเชื่อตาก็ต้องเชื่อ เธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวของคนโบราณว่าไว้ไม่มีผิด คนงามเพราะแต่ง ไก่งามเพราะขนเป็นความจริงแท้แน่นอน