Share

บทที่12.สวรรค์มีตา...นรกมีจริง...2

มาดามรินรำไพ...มารดาของสองหนุ่ม เธอมีทริปท่องเที่ยวรอบโลก เพราะเบนกับโจนาธานไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจ...เพราะนางเสียใจอย่างหนัก...หลังเสียสามี แล้วโจนาธานยังมาเกิดอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้ามารดา เพื่อทำให้ท่านคลายใจ จนยอมออกเดินทางเพื่อพักตัวและใจ

          “เหรอ...ก็ดี”

          ชายหนุ่มตอบกดหมุนวีแชร์ เพราะอยากรีบออกเดินทาง อยากกินข้าวเช้ากับวันวาดตอนที่พระอาทิตย์สีส้มๆ สาดแสงอ่อนๆ กระทบผิวน้ำ มันคงเป็นบรรยากาศสุดโรมานซ์...

          เบนเป่าปากพรวดๆ เขารีบปิดงับประตูลงและกดล็อก...

         

          “เธอกับเบนมีอะไรกันมั้ย!!” วันวาดเดินตาม เธอช่วยประคองหลังรถวีแชร์ ระวังหลังให้คนป่วยจอมดื้ออีกทาง

          หญิงสาวสะดุ้ง!! “ไม่มีค่ะ...วาดจะมีอะไรกับคุณเบนล่ะคะ?” เธอรีบตอบ พร้อมกับย้อนถามเพื่อเปลี่ยนความสนใจของชายหนุ่ม

          “ไม่มีก็ดี...พี่ชายฉัน...ไม่ใช่แบบที่เธอคิด”

          แม้จะไม่รู้ทั้งหมด...โจนาธานแน่ใจ เบนมีเบื้องลึก แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เลยไม่อยากใส่ใจ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับวันวาด เขาก็จำเป็นต้องรีบสกัด

          “ค่ะ” ทั้งสองคนเงียบงันไปหลังจากนั้น แม้กระทั่งออกเดินทาง ก็ยังไม่มีใครปริปากพูด จนแป้นกับเอกรู้สึกถึงความอึมครึมนั่นด้วย

          “ที่ฉันสั่งครบมั้ย...”

          เสียงห้วนๆ เอ่ยถาม เขานั่งหลับตาแต่ไม่ได้หลับอยากที่ทุกคนเข้าใจ

          “ครบค่ะคุณโจ” แป้นรีบตอบ เธอหันมายิ้มแหยๆ ให้วันวาด พร้อมกับเอียงตัวกระซิบเสียงแผ่วๆ “คุณโจไปกินรังแตนที่ไหนมา เมื่อเช้าก็ยังดีๆ อยู่นี่”

          หญิงสาวปั้นหน้ายับ...เธอส่ายหน้าหวือ...แอบชำเรืองมองหน้าหงิกๆ ของโจนาธานบ่อยๆ ไม่รู้เขาอารมณ์เสียเรื่องอะไรนี่สิ

          “เมื่อไรจะถึงสักทีวะเอก...” ชายหนุ่มถามช่วงที่รถยนต์เลี้ยวเข้าไปจอดริมน้ำพอดี

          “ถึงแล้วคับคุณโจ” เอกตอบ เขาเปิดประตูด้านข้างกว้างๆ หลังรถยนต์จอดสนิท และเพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้านาย

          วันวาดเดินลงไปก่อนเธอยืนคอยและรีบถลาเข้าไปตอนที่วีแชร์ของชายหนุ่มเกิดสะดุด

          “เจ็บมั้ยคะ?” เสียงตื่นๆ บวกกับความห่วงใยที่ผสมปนมาในกระแสเสียง สลายความขุ่นใจของชายหนุ่มไปจนหมด เขายิ้มอ่อนๆ ให้หล่อน มือแข็งแรงเอื้อมตบบนหลังมือของวันวาด “ไม่เลย...ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยนะวาด ห่วงฉันเหรอ?”

          แป้นกับเอก เบือนหน้าหนี ทั้งสองคนยิ้มจนปากแทบจะฉีก เพราะฉากสวีทหวานๆ ของเจ้านายกับพยาบาลคู่ใจ

          “เออ...” วันวาดไปไม่เป็นผิวหน้าเธอร้อนฉ่า และคาดว่าผิวแก้มคงแดงก่ำไม่น้อย ไม่อย่างนั้นใบหน้าหงิกๆ ของคนป่วยคงไม่บานแฉ่งแบบนี้ เขายิ้มกรุ่มกริ่ม ดวงตาระยิบระยับ จนเธอสะเทิ้น...

          “จวนได้เวลาทานยาก่อนอาหารแล้วค่ะ คุณจะรับเลยไหม?”

          หญิงสาวหาเรื่องเฉไฉ เธอรีบหมุนตัวเดินหนี ปล่อยให้โจนาธานยิ้มหวานอยู่คนเดียว

          “เอก...กาแฟวันนี้หว๊านหวาน แกว่ามั้ย?”

          ชายหนุ่มเปรย เขากำลังจิบกาแฟ พร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานของวันวาด แม้หล่อนจะก้มต่ำหลบตาตลอดก็ตาม แต่แค่ได้เห็นผิวแก้มแดงๆ นั่น แค่นี้ก็แสนสุขใจ จนอดไม่ได้ที่จะกระเซ้าเย้าแหย่...

          “แป้น แกใส่น้ำตาลให้คุณโจกี่ก้อน? สงสัยแกคงใส่ไปเยอะสิ คุณโจถึงบ่น”

          เอกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว รีบหันไปดุแป้น สาวอวบยิ้มแฉ่ง เธอเอียงตัวกระซิบตอบการ์ดหน้าดุ “คุณโจกินกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลพี่เอก” คำตอบของสาวใช้ตัวอวบ ยิ่งทำให้หนุ่มหน้าดุงง

          “ไม่ใส่น้ำตาล แล้วทำไมหวานล่ะ?”

          เสียงเปรยของเอก แสดงว่าเขาไม่รู้อะไรเลย แป้นเลยเฉลยให้ฟัง แต่ดูเหมือนเอกจะยังคงตามไม่ทัน...เหมือนเดิม

          “พี่เอกนี่ไม่รู้เรื่อง กาแฟหวาน เพราะมีคนนั่งกินด้วยต่างหากเล่า”

          วันวาดก้มหน้าลงอีก ผิวแก้มเธอร้อนระอุ และหากมีใครเอามือมาอัง คงได้สะดุ้งเพราะความร้อน เธออายจนแทบเอาหน้าจุ่มลงไปในแก้วกาแฟตรงหน้า คำพูดกำกวมของโจนาธาน มันส่ออะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งเธอไม่อยากเขาข้างตัวเอง...แต่มันชี้ชัดไปแบบนั้น...

          “บรรยากาศเหมือนเช้าวันแต่งงานเนอะ...แดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ กับอาหารอร่อยถูกปากกับคนรู้ใจ”

          แป้นบิดผ้าในมือเกือบขาด ไม่คิดว่าคนเกรี้ยวกราดที่เห็นจนชินตา บทจะพูดจาหวานๆ ก็ชวนให้หลงเคลิ้ม

          “วาดไปเตรียมยาหลังอาหารนะคะ”

          วันวาดรีบลุกขึ้นยืน เธอยอมเสียมารยาท เพราะหากยังนั่งนิ่งๆ แบบนี้ เธอคงได้กลายเป็นขี้เถ้า เพราะคงไหม้ดำเป็นตอตะโก เมื่อองศาความร้อนในกายพุ่งพรวดๆ

          “หึๆ” โจนาธานหัวเราะหึๆ ตามหลัง เขาไม่ได้ทักท้วง ได้แต่มองตามวันวาดที่หายลับไปทางท้ายรถยนต์ เพื่อเตรียมยาอย่างที่หล่อนว่า

          หญิงสาวยกมือทาบอก ตรงตำแหน่งหัวใจ วันนี้หัวใจเธอทำงานหนัก...เต้นแรงๆ แทบจะกระเด็นกระดอนออกมาจากช่องอก กับคำพูดที่ลดเลี้ยวของคนป่วยจอมเหวี่ยง...

          พอแดดเริ่มแรงขึ้น...ชายหนุ่มจึงยอมถอนตัว เขายังมีเวลาเกี้ยววันวาดอีกทั้งวัน หล่อนไม่ใจอ่อนให้มันรู้ไป...

          ดังนั้นพอสายๆ ขบวนของโจนาธานจึงย้ายมาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง...ผู้คนยังบางตา เพราะยังเป็นเวลาเช้าตรู่ สองหนุ่ม สองสาว จึงเดินเล่นกันแบบชิลๆ วันวาดอมยิ้ม มองแป้นที่วิ่งถลาไปมา ยามที่พบสิ่งถูกใจ แหงล่ะ...แป้นกับเอก อยู่ติดกับโจนาธาน แบบไม่เคยได้ไปไหน ช่วงเวลาเลวร้ายนั่นหมดไปแล้ว เวลานี้โจนาธานไม่เหมือนเดิม เขาดีขึ้น และไม่ค่อยอาละวาด ยิ่งวันนี้เป็นเจ้านายสุดใจดี พามาเที่ยวแถมยังเป็นเจ้าบุญทุ่ม เปย์ให้แบบไม่อั้น

          “จริงนะคุณโจ...ไม่หักเงินเดือนแป้นแน่นะ?” สาวอวบถามย้ำอีกหลายรอบ เพราะต่อให้อยากได้จริงๆ หากต้องควักกระเป๋าตัวเอง แป้นขอมองดูเฉยๆ ดีกว่า ชุดสวยก็จริง แต่มันแพงเกินไปสำหรับคนที่มีภาระอย่างเธอ เพราะการเอาสตางค์ที่ทำงานได้มา แลกกับชุดๆ เดียว แป้นยอมกลืนน้ำลาย และเก็บความชอบไว้กับตัว เงินจำนวนที่เสียไปกับชุด มันแปรเป็นสิ่งของ อาหารให้ทุกคนในครอบครัวได้ แป้นขอเก็บสตางค์ทุกบาท ส่งให้พ่อ แม่ และน้องใช้จ่ายดีกว่า

          “ฉันเคยโกหกแกเหรอแป้น...”

          “แหม...คุณโจก็ แป้นเสียดายสตางค์ แต่ถ้าคุณโจจ่าย...แป้นเอา!!”

          สาวอวบตอบเสียงกระร่อยกระหริบ...อยากได้ก็อยากได้...แต่อดทนได้ถ้าต้องควักกระเป๋าตัวเอง

          “ตามสบาย ฉันพามา ฉันจ่ายให้...วาดล่ะ อยากได้มั้ย?” ชายหนุ่มตอบสาวใช้ตัวอวบ เขามองเลยไปยังวันวาดที่ยืนอยู่เยื้องๆ มือเธอละไปตามราวแขวนเสื้อผ้า แต่ไม่กล้าที่จะหยิบขึ้นมาดู

          “ไม่ค่ะ!!” หญิงสาวรีบตอบ เธอเดินผละออกมาจากราวแขวน จำไม่ได้เหมือนกัน เธอซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไร...เนื่องจากไม่มีเวลา หลักๆ เลยคือไม่มีสตางค์...

          “แป้น...ถ้าเธอทำให้วาดลองชุดนั่นได้ ฉันให้เธอ10ชุด โอเคมั้ย?”

          ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่ว เขามองวันวาด สลับกับมองสาวใช้ตัวอวบ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status