บทที่14.แม่จ๋าอยากมีเมีย
โจนาธานนั่งคอตกบนเตียง เขานึกแช่งชักตัวเอง มือใหญ่ๆ ยกขึ้นตบปากแรงๆ เมื่อปากเจ้ากรรมนี่แหละ ที่คอยแต่จะทำเรื่อง อยากพูดจาหวานหูกับวันวาด แต่ไม่รู้เป็นยังไง คอยแต่จะแควะหล่อน จนหญิงสาวต้องน้ำตาตกทุกที...
“เป็นไรอีกวะโจ?” เบนเดินเข้ามาในห้องพักของน้องชาย กิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ
“เปล๊า!!” หนุ่มปากแข็งตอบเสียงสูง ช้อนสายตาขวางๆ มองพี่ชาย
เบนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง เขาตวัดขาขึ้นไขว่กัน เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองน้องชายตรงๆ
“แก...หึง!! ฉันกับวาด...เหรอ?” คำถามจี้ใจดำ แต่คนปากแข็งหรือจะยอมรับ
“บ้าสิพี่ ยัยพยาบาลกุ้งแห้งนั่น มีอะไรให้ผมหึง!!” โจนาธานแสร้งโวย เขาเสหลบตาเบน
คนเป็นพี่อมยิ้ม เขาเอื้อมมือตบลงบนบ่าของน้องชาย
“แกรู้ดีนี่ว่าพี่เป็นไง ถึงพี่ไม่บอกแกก็น่าจะเดาออก...ฉันไม่ชอบผู้หญิงว่ะ!!”
เบนตัดสินใจพูดความจริง เขาไม่ควรมีความลับกับโจนาธาน เพื่อคลี่คลายความอึมครึมระหว่างน้องชายกับวันวาด...
“เออ...ผม...”
“แกตกใจสิ!! แต่มันคือเรื่องจริงว่ะ ผู้หญิงไม่ได้ทำให้ฉันมีอารมณ์ พวกหล่อนน่ารำคาญ ฉันชอบแบบตัวใหญ่ๆ ล่ำๆ มากกว่า”
เบนเปรยพร้อมกับอมยิ้ม เขามองหน้าเหวอของโจนาธานแบบสบายใจ
“ผมไม่ใคร่แน่ใจนัก แต่ไม่คิดว่าพี่จะเป็นแบบนั้น”
ชายหนุ่มตอบกลับเสียงอ่อย เขาไม่ได้รังเกียจพี่ชายที่มีรสนิยมแบบนั้น เพียงแค่ตกใจและตั้งรับไม่ทัน
“ช่างเถอะ!! ที่นี้แกก็เลิกระแวงฉันได้แล้ว เรื่องวาดกับฉันไม่มีทางเป็นไปได้”
เบนพูดต่อ...การที่เขายอมคายความจริงก็เพื่อให้โจนาธานสบายใจ
ชายหนุ่มหน้าร้อนวูบ ข้างแก้มมีริ้วแดงๆ ที่ถูกจับได้...ใช่!! เขาระแวงพี่ชาย เมื่อตัวเองไม่สมบูรณ์ เป็นแค่ไอ้เดี้ยงที่เดินไม่ได้
“เออ...”
“แกแข็งแรงขึ้นนะโจ แกเดินได้ยังวะ ฉันว่าแกปิดอะไรฉันไว้แน่...ขาแกมีความรู้สึกแล้วใช่มั้ย?”
เบนคาดคั้น ผลการตรวจร่างกายของโจนาธานล่าสุด เขาแข็งแรงและดีขึ้นกว่าเก่า จนเบนคิดว่าโจนาธานน่าจะเคลื่อนไหวได้บ้างแล้ว เพียงแต่ไอ้น้องชายยังไม่คิดจะบอก
คนป่วยจอมเหวี่ยงเงยหน้าขึ้นยิ้ม แต่แล้วเขาก็ต้องตาค้าง เมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง
“แม่!!”
โจนาธานเรียกมารดาเสียงหลง เขาขมวดคิ้ว มองหน้านางแบบไม่อยากเชื่อตา
“ยะ!! แม่เอง...ไงหนุ่มๆ พอจะมีข่าวดีให้แม่ดีใจบ้างได้ยัง”
ทริปเที่ยวรอบโลกของมาดามรินรำไพยังไม่จบ แต่นางนึกเบื่อ บวกกับความคิดถึงบรรดาลูกชาย นางจึงขอยกเลิก แล้วเดินทางกลับ เมื่อพอจะทำใจได้กับการจากไปของสามี เวลาที่เหลือต่อไปนี้ นางขออุทิศให้บุตรชายทั้งสอง โดยเฉพาะโจนาธานที่ยังป่วยอยู่...
“แม่...มาได้ยังไงครับ เวลานี้แม่น่าจะอยู่ที่โรม”
เบนเองก็ตกใจไม่แพ้โจนาธาน เขากระเด้งตัวลุกขึ้นยืนโผไปรวบกอดร่างเล็กๆ ของมารดาเต็มอ้อมแขน
“โรมรั้งแม่ไว้ไม่อยู่หรอก เมื่อแม่คิดถึงลูกทั้งสองคน...ไงโจ อยากกอดแม่บ้างไหม เดินลงมาจากเตียงสิลูก”
นางกระเซ้าบุตรชาย เขานั่งทำตาปริบๆ แต่เมื่อโจนาธานขยับตัว ทำท่าเหมือนจะลงจากเตียงจริงๆ นางกลับร้องโวยวาย
“เดี๋ยวๆ โจ อย่าใจร้อนลูก ใจเย็นๆ”
เบนเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาเห็นน้องชายทำกายภาพบำบัดอย่างหนัก และมันน่าจะสัมฤทธิ์ผล แต่โจนาธานกลับไม่บอกข่าวดีนี่กับใคร
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดๆ เขาเบี่ยงปลายเท้าลงจากเตียง ฝ่าเท้าสัมผัส้พื้นครั้งแรก และพยายามทรงตัว ท่ามกลางการลุ้นระทึกของทั้งเบนและมาดามรินรำไพ
“ข่าวดีนี่หว่า...” เบนหัวเราะร่า เขามองโจนาธานที่ยืนทรงตัวนิ่งๆ ด้วยความปลาบปลื้ม
“โจ...โจ...แม่ดีใจ” เสียงมารดาสั่นพร่า นางน้ำตาคลอ ไม่นึกเสียใจที่ทิ้งทริปท่องเที่ยวนั่น เพื่อกลับมาหาบุตรชาย
“ผมมีเรื่องอยากขอร้องแม่...” ไหนๆ มารดาก็ยืนอยู่ตรงหน้า ท่านอยากให้เขามีครอบครัว หลังจากคิดหลายตลบ เขาคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว
“ได้สิ...ให้แม่บุกน้ำ ลุยไฟยังได้ แค่โจดีขึ้นแบบนี้ แม่ก็สุดจะปลื้ม”
สาวใหญ่เดินเขาไปประคองบุตรชาย ถึงเขาจะยืนด้วยขาตัวเองได้ แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็น คงต้องทำกายภาพบำบัดอีกนานกว่าจะฟื้นตัวเต็มร้อย...
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาเสหลบหน้ามารดา ก่อนจะพูดอุบๆ อิบๆ ในคอ “อยากมีเมีย”
ปุ๊บ!! เบนยกมือขึ้นตบเข่า เขายิ้มกริ่ม กลั้นหัวเราะจนปวดแก้ม พอแข็งแรงยืนได้ สิ่งแรกที่โจนาธานต้องการคือ ‘เมีย’ แต่ใครล่ะ...คือผู้หญิงผู้โชคร้ายคนนั้น?
“จริงๆ นะ ไม่โกหกแม่นะ ลูกสาวบ้านไหนล่ะโจ... แม่จะได้รีบไปจัดการให้เลย”
นางกล่าวเสียงกระตือรือร้น...มองสบนัยน์ตาบุตรชายคนเล็กด้วยความยินดี
“เห้ย!! ไอ้เสือ...อย่าบอกนะที่ปึงปังใส่กันนะ เพราะมีซัมติงกันแล้ว”
โจนาธานไม่ใคร่จะแคร์ผู้หญิง เขาไม่เคยใส่ใจพวกหล่อน แต่กับวันวาด ไม่รู้เป็นไงสิ เดี๋ยวก็ดีกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน หน้าหงิกหน้างอทุกวัน...แต่ไม่ยักกับไล่หล่อนออก เหมือนที่เคยทำกับพยาบาลสาวคนอื่นๆ
“อะไรตาเบน...ซัมตง ซัมติงอะไร ใครที่ไหน แม่รู้จักไหม?”
มาดามรินรำไพหันขวับมาถามบุตรชายคนโต เมื่อจู่ๆ เบนก็โพล่งทะลุขึ้นมากลางปล้อง
“พี่อยู่เฉยๆ น่า...อย่าชักใบให้เรือเสียสิ...” คนป่วยขาโวยบ่นอุบ กำลังจะเข้าเรื่อง เบนก็มาเปลี่ยนประเด็นเสียแล้ว
“โอเคๆ ฉันไม่ยุ่งเรื่องของแกก็ได้วะ...ไปทำงานดีกว่า ผมรักแม่นะครับ...ไว้เจอกันตอนมื้อค่ำ ขอสตูว์นะแม่ อยากกินฝีมือแม่ชะมัด”
เบนเอียงหน้ากดปลายจมูกกับผิวแก้มของมาดามรินรำไพ เขาวอนขอเสียงหวาน กับมื้ออาหารที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้า และฝีมือปรุงของมารดาไม่มีเชฟคนไหนเทียบได้ เมื่อนางใส่ใจขั้นตอนการทำ แถมยังใช้ใจทำ อาหารเมนูพิเศษสำหรับคนในครอบครัว
“ได้จ้ะ แต่แม่ไม่รับปากนะเบน...ว่าจะเป็นมื้อเย็นวันนี้ เพราะแม่อาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาก็ได้”
นางตอบบุตรชายคนโต ก่อนจะหมุนตัวไปมองจ้อง บุตรชายคนเล็ก ที่ยืนเฉยเหมือนหุ่นยนต์ “เมื่อไรก็ได้ครับ ยังไงแม่ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมยอมให้โจวันหนึ่ง” เบนกล่าวเสียงร่าเริง เขาเดินผิวปากออกไปจากห้อง นึกอยากเห็นหน้าวันวาด หากโจนาธานจะพามารดาไปเซอร์ไพรส์!! แต่เช้าตรู่!! “เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า แม่อยากรู้ทำไมโจถึงเร่งร้อนนัก ก็เราน่ะยังไม่แข็งแรงเลยนี่” นางหันมาซักบุตรชายคนเล็ก โจนาธานหวงความโสด เขามีแต่คู่ซ้อม ซึ่งนางพยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจสาวๆ คู่ควงเหล่านั้น เมื่อบุตรชายยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใคร แต่วันนี้...โจนาธานร้องของ มันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อสิ่งเดียวที่นางเฝ้ารอคอย คือการเห็นบุตรชายทั้งคู่ มีครอบครัวที่ดี มีคนไว้ใจได้ยืนอยู่ข้างกาย... โจนาธานเบ้ปาก เขาบิดปากไปมา เหตุผลข้อเดียวที่อยากมี ‘เมีย’ คือเขาไม่อยากอยู่ห่างจากหล่อน เมื่อสิ่งที่วันวาดทำกับเขา คือความเหินห่าง...เธอยืนกรานหนักแน่น ค่ำคืนนั้นคือคืนเดียวที่หล่อนยอมอยู่ใต้ร่างเขา เป็นแค่เมียพาร์ทไทม์จ้างรัก...ไม่มีวันเป็นเมียจริงๆ แต่...เขานี่ล่ะ ที
บทที่15.เซอร์ไพรส์สุดๆ รถยนต์รับจ้างแล่นมาจอดหน้าประตูบ้านพิศิษรุ่งเรือง สาวใหญ่ในชุดสีสันสะดุดตาก้าวเท้าลงมา สารถีคนขับรีบเปิดประตูลงมา เมื่อมีสัมภาระอยู่ที่ท้ายรถยนต์เป็นจำนวนมาก พิไลหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวที่เหลืออยู่ กลับมายังบ้านหลังเดิม...เธอแช่งชักหักกระดูกพิไลลักษณ์มาตลอดทาง เมื่อหญิงสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟัก...ขับไล่เหมือนไม่เคยมีบุญคุณ เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นกับเธอจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทอง หลังเสี่ยกวงหลงใหลพิไลลักษณ์ เขาเลี้ยงดูหล่อนแบบลับๆ และส่งเสียเงินทองให้ใช้จ่ายแบบไม่ขัดสน แต่เพราะเธอนั่นแหละ!! เพราะความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ติดอบายมุขงอมแงม เธอเลยใช้ชื่อเสี่ยกวงในการกู้ยืม ในฐานะแม่ยาย แต่...ดันไปเจอตอเข้าแบบจังเบอร์!! เจ้หงส์หยกโกรธจัด ส่งคนมากำหลาบพิไลลักษณ์ ซึ่งหญิงสาวก็ยอมเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง พิไลลักษณ์โยนความผิดทั้งหมดให้กับพิไล...เธอขับไสพิไลออกจากบ้าน เมื่อพิไลคอยแต่จะสร้างปัญหา ไม่สนใจเสียงลำเลิกบุญคุณ ที่พิไลก่นด่า เมื่อไม่มีที่ไป สาวใหญ่จึงหอบสมบัติส่วนตัวกลับรังเดิม ยังไงเสียก็
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!