“จริงเหรอ...ไม่แน่หรอก...” แป้นแย้งยิ้มๆ เธอไม่ใช่สาวใส ที่ไม่รู้อะไรเลย หลายครั้งที่โจนาธานแสดงออก มันเกินกว่าคนป่วยกับพยาบาล แม้ไม่เคยเห็นฉากเด็ดๆ เหมือนที่เอกเห็นวันนี้ แป้นแน่ใจ มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่...หนุ่ม สาวอยู่กันสองต่อสอง...ไม่มีอะไรเชียวหรือ เจ้านายหนุ่มถึงจะป่วย แต่ก็เป็นผู้ชาย...
หญิงสาวพยายามอยู่เงียบๆ หลังเอกเข็นวีแชร์พาโจนาธานมาส่งในห้องพัก...
ชายหนุ่มไม่ยอมขึ้นเตียง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง มีรีโหมตทีวีจอยักษ์อยู่ในมือ เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเบื่อๆ ตาก็คอยแต่จะมองตามวันวาด เมื่อหล่อนทำตัวเหมือนยุ่งเหลือเกิน จนไม่มีเวลาหยุดนิ่งให้เขามีโอกาสได้แควะ!!
“ม้าดีดไง? เดินเหมือนกลัวไม่ได้ออกแรง”
แก้วน้ำเย็นเฉียบมีไอน้ำเกาะพราวรอบตัวแก้ว วันวาดเดินถือมาวางไว้ใกล้ๆ โจนาธานชายหนุ่มจึงถือโอกาส จัดให้หนึ่งดอก!!
หล่อนไม่ได้ตอบ แต่นั่นเท่ากับทำให้พายุอารมณ์ของโจนาธานพัดกระพือขึ้น!!
“พูดกับฉันเนี๊ยะ!! มันจะทำให้ดอกพิกุลหล่นจากปากเธอเหรอหะ!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงแหลมปรี๊ด
หญิงสาวถอนใจ เธอหมุนตัวเดินหนี แก้วน้ำใบนั้นเลยการเป็นที่ระบายอารมณ์ของโจนาธาน
เพล้ง!
โจนาธานสะบัดมือ ปัดแก้วน้ำโชคร้าย หล่นแตกละเอียดบนพื้น...เกร็ดน้ำแข็งเกลื่อนกระจายบนพื้นพรม น้ำกระเซ็นเปียกเป็นหย่อมๆ
“อุ้ยตาย....อย่าค่ะ อย่าเข้ามา แป้นเอง แป้นจัดการเอง”
ชายหนุ่มกำลังจะแผดเสียง แต่สาวใช้ตัวอวบรีบถลาเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน แป้นวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา ในมือหล่อนมีทั้งไม้กวาดและถังขยะ
ท่ามกลางความวุ่นวาย มีสายตาสองคู่มองสบกัน ดวงตาคู่หนึ่งอ่อนเศร้า แต่ดวงตาอีกคู่เล่ากับขึงขัง แต่เมื่อดวงตาเศร้าๆ เบือนหนี ดวงตาทะมึงถึงขึงขังกลับสลดลง...ทำท่าเหมือนอยากจะขอโทษ แต่ปากหนักพูดไม่ออก ยิ่งเมื่อเขาเห็นเกร็ดน้ำตาเล็กๆ ที่บังเอิญเห็นแบบไม่ตั้งใจ เพราะหญิงสาวจงใจ เธอก้มหน้าลงยกมือกรีดน้ำตาทิ้งเร็วๆ
ความโกรธมากมี มลายหายไปจนหมด...นึกอย่าตบปากตัวเองแรงๆ เพื่อเป็นการทำโทษ
“เดี๋ยววาดมานะแป้น...ออกไปสูดอากาศหน่อย”
ชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะรั้งไว้ แต่สาวเจ้าเดินตัวปลิวออกไปแล้ว จึงได้แต่นั่งคอตก...
“เอกๆ พาฉันออกไปนั่งที่ระเบียงที”
ในห้องอึดอัดและร้อน โจนาธานนั่งไม่ติด เมื่อไม่เห็นวันวาดในสายตา
เอกวิ่งหน้าตั้งเข้ามา เขาจัดการเข็นรถวีแชร์ที่จอดอยู่มุมห้อง พร้อมกับช่วยประคองนายหนุ่มขึ้นไปนั่งบนนั้น ก่อนจะเข็นออกรถวีแชร์ไปที่ระเบียง
มันเป็นมุมโปรดหากอยู่ในช่วงที่โจนาธานอารมณ์ดี แต่เวลาเช่นนี้เขาหงุดหงิด จนแม้แต่ทิวทัศน์สวยๆ ยังดูขัดนัยน์ตา
สายน้ำไหลเอื่อยๆ ทิวไม้เขียวขจี แต่ไม่สามารถลดอุณหภูมิร้อนๆ ในร่างกายเขาลงได้
ชายหนุ่มทอดสายตาเหม่อลอย มองไปทั่ว ไม่ได้โฟกัสจุดใดจุดหนึ่ง...จนกระทั่งรถยนต์สปอร์ตหรูสีดำทะมึน ตีวงเลี้ยวเข้ามาจอดตรงโถงหน้าบ้าน รถยนต์คันนั้นคือรถยนต์คันโปรดของเบน
พี่ชายของเขาเปิดประตูลงมายืนด้านข้างรถยนต์ ร่างสูงใหญ่ของเบนสูงสง่า หากเป็นเมื่อก่อนโจนาธานรู้สึกเฉยๆ แต่วันนี้กลับรู้สึกตรงกันข้าม เขารู้สึกขวางตากับความองอาจผึงผายของเบน...
ไม่ไกลจากที่เบนยืนอยู่ วันวาดอยู่ตรงนั้น หล่อนกำลังเดินทอดน่อง...ปล่อยอารมณ์ไปกับธรรมชาติ
เบนเปลี่ยนเป้าหมายเขาเดินไปหาวันวาด และนั่นทำให้คนที่กำลังมองแทบเต้น มือของโจนาธานกำแน่น...เขาจ้องมองทั้งสองคนตาโปน...รู้สึกเหมือนถูกบีบจนหายใจไม่ออก และยิ่งวันวาดหันมายิ้มให้กับเบน โจนาธานเจ็บจนจุก มันแปลบปราบไปทั้งหัวใจ...เหมือนมีเข็มนับพันเล่ม ทิ่มแทงอยู่ตรงนั้น
เพราะโทสะ โจนาธานจึงคิดอคติ เบนมีคนอยู่ข้างกายตลอด เขาไม่เคยอยู่คนเดียว ด้านหลังเบน คือ...ไทย...
เพลิงโทสะกัดกินจิตใจของโจนาธานจนมืดดำ...เขานั่งกัดฟันกรอดๆ มโนไปต่างๆ นา ทุกเรื่องที่คิดในหัวไม่มีเรื่องดีสักเรื่องเดียว
ดังนั้นเมื่อวันวาดย้อนกลับมาอีกครั้ง...เธอคิดว่าโมหะของโจนาธานคงจางหายไป เมื่อเธอทอดเวลาไว้พอสมควร
เปล่าเลย...เมื่อเธอเผลอตัวมองสบนัยน์ตาของชายหนุ่ม...ในดวงตาของโจนาธานมีแต่ความโกรธ หญิงสาวผ่อนลมหายใจ เธอเดินเลี่ยงหลบไปอยู่มุมห้อง พยายามสงบปากสงบคำ เพื่อไม่ให้ตัวเองกระตุ้นความโกรธของชายหนุ่มขึ้นอีก...
คืนนั้นจึงเป็นคืนแรก...ที่ชายหนุ่มนอนพลิกตัวไปมา เขานอนไม่หลับตามันค้าง ไม่สามารถสลัดภาพของวันวาดที่ยืนเคียงกับเบนได้เลย
เขากลัว...
กว่าจะหลับลงได้ เวลาก็เลยวันใหม่ไปกว่า2 ชั่วโมง โจนาธานไม่รู้ วันวาดเองก็ไม่สบายใจ เธอนอนกระสับกระส่าย น้ำตาไหลปริ่ม...เจ็บหัวใจจี๊ดๆ แต่บอกใครไม่ได้ เมื่อเธอรู้ตัวเองดี...เธอเป็นแค่ผู้หญิงมีราคี...เป็นแค่ลูกหนี้ทำงานใช้แรง เป็นแค่นางบำเรอชั่วคราวที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง...
ตอนเช้าโจนาธานคิดจะขอโทษวันวาด...แต่หน้าหมองๆ แววตาช้ำๆ ของหล่อน ก็ทำให้เขาเกิดโทสะซ้ำ
“ที่นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาจนฉันพลอยไม่หลับไปด้วยนี่เพราะคิดถึงผู้ชายอยู่สิ!!”
ชายหนุ่มกัดฟันพูด เขาผลักถ้วยข้าวออกห่างตัว จนน้ำในแก้วกระฉอกออกมาจะเปรอะไปทั่วทั้งหน้าขา
หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ เอื้อมมือสั่นๆ ดึงกระดาษทิชชูในกล่องมาซับหยดน้ำที่ขาของ โจนาธานโดยไม่พูดอะไรเลย
“อย่างว่าละ...ของมันเคยเสียแล้ว...ถ้าอยากก็บอกฉันสิ ฉันช่วยสงเคราะห์ให้ ไม่คิดสตางค์ด้วย...ท่าจะคันจนกลั้นไว้ไม่อยู่ ถึงได้ไปคอยอ่อยเบน ส่งตาฉอเลาะพี่ชายฉัน เป็นไงล่ะ เบนมันชายตาแลเธอมั้ย!!”
เสียงกร้าวที่ผ่านไรฟันออกมา เพราะโจนาธานกัดฟันกรอดๆ ขณะที่พูดเสียดสีหญิงสาว
น้ำตาไหลปริ่มๆ เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ สูดจมูกแรงๆ กลั้นความเจ็บช้ำไว้ ก้มหน้าทำงานตรงหน้า พยายามไม่สนใจคำเสียดสีที่ชายหนุ่มพ่นออกมา แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหว่างอก
“เธอเป็นใบ้งั้ย!!” ชายหนุ่มตะคอก เขาชักเหลืออดกับท่าทีเฉยชาของหล่อนแล้ว
วันวาดเงยหน้าขึ้น น้ำตาเธอเอ่อ จวนเจียนจะหยด เธอเม้มปากแน่น
“คุณอยากพูดอะไรก็เชิญเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำออกมาแล้วสบายใจ วาดทนได้ แค่นี้คงไม่ถึงตาย”
เธอตอบเสียงเรียบ แม้หางเสียงจะสั่นพร่า ไม่ตายหรอกแค่คำพูดเสียดสี แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งใจ แต่...อีกสักพักเธอก็หาย...
“ถ้าคุณอยากหาย...อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ยากับอาหารจะเป็นส่วนช่วย วาดไม่ได้บังคับให้คุณกิน แต่คุณน่าจะคิดได้เอง ส่วนเรื่องที่คุณพ่นใส่หน้าวาด...เรื่องความ...อยากนั่น...วาดไม่ต้องการ วาดไม่ตายหรอก แค่เรื่องนั้น คุณนั่นแหละที่ทำท่าเหมือนจะตาย...หากต้องการมากขนาดนั้น บอกพี่เอกสิคะ พี่เอกคงสามารถช่วยคุณได้” เธอตอกกลับชายหนุ่ม ดันโต๊ะทานอาหารบนเตียงชิดตัวโจนาธานมากขึ้น พร้อมกับมองสบนัยน์ตาเขาแบบท้าทาย ดวงตาของวันวาดว่างเปล่า ไม่มีความขึ้งโกรธ โจนาธานเห็นแค่ฉาบน้ำตาที่เออคลอแค่นั้น
“แป้น...ตารางเวลากินยา วาดวางไว้ตรงนั้นนะ อาหารกลางวันกับตอนเย็น วาดจดไว้แล้ว อย่าลืมละ”
“ค่ะ...คุณวาด”
เธอเดินผละไป แป้นเดินสวนเข้ามาอย่างรู้เวลา เมื่อวันวาดต้องกลับบ้าน ถึงเวลาที่เธอต้องไปทำงานที่โรงพยาบาล
หญิงสาวเชิดหน้าเดินออกไปอย่างทระนง โดยมีสายตาละห้อยมองตามไปจนลับตา...
บทที่14.แม่จ๋าอยากมีเมีย โจนาธานนั่งคอตกบนเตียง เขานึกแช่งชักตัวเอง มือใหญ่ๆ ยกขึ้นตบปากแรงๆ เมื่อปากเจ้ากรรมนี่แหละ ที่คอยแต่จะทำเรื่อง อยากพูดจาหวานหูกับวันวาด แต่ไม่รู้เป็นยังไง คอยแต่จะแควะหล่อน จนหญิงสาวต้องน้ำตาตกทุกที... “เป็นไรอีกวะโจ?” เบนเดินเข้ามาในห้องพักของน้องชาย กิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ “เปล๊า!!” หนุ่มปากแข็งตอบเสียงสูง ช้อนสายตาขวางๆ มองพี่ชาย เบนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง เขาตวัดขาขึ้นไขว่กัน เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองน้องชายตรงๆ “แก...หึง!! ฉันกับวาด...เหรอ?” คำถามจี้ใจดำ แต่คนปากแข็งหรือจะยอมรับ “บ้าสิพี่ ยัยพยาบาลกุ้งแห้งนั่น มีอะไรให้ผมหึง!!” โจนาธานแสร้งโวย เขาเสหลบตาเบน คนเป็นพี่อมยิ้ม เขาเอื้อมมือตบลงบนบ่าของน้องชาย “แกรู้ดีนี่ว่าพี่เป็นไง ถึงพี่ไม่บอกแกก็น่าจะเดาออก...ฉันไม่ชอบผู้หญิงว่ะ!!” เบนตัดสินใจพูดความจริง เขาไม่ควรมีความลับกับโจนาธาน เพื่อคลี่คลายความอึมครึมระหว่างน้องชายกับวันวาด... “เออ...ผม...” “แกตกใจสิ!! แต่มันคื
นางตอบบุตรชายคนโต ก่อนจะหมุนตัวไปมองจ้อง บุตรชายคนเล็ก ที่ยืนเฉยเหมือนหุ่นยนต์ “เมื่อไรก็ได้ครับ ยังไงแม่ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมยอมให้โจวันหนึ่ง” เบนกล่าวเสียงร่าเริง เขาเดินผิวปากออกไปจากห้อง นึกอยากเห็นหน้าวันวาด หากโจนาธานจะพามารดาไปเซอร์ไพรส์!! แต่เช้าตรู่!! “เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า แม่อยากรู้ทำไมโจถึงเร่งร้อนนัก ก็เราน่ะยังไม่แข็งแรงเลยนี่” นางหันมาซักบุตรชายคนเล็ก โจนาธานหวงความโสด เขามีแต่คู่ซ้อม ซึ่งนางพยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจสาวๆ คู่ควงเหล่านั้น เมื่อบุตรชายยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใคร แต่วันนี้...โจนาธานร้องของ มันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อสิ่งเดียวที่นางเฝ้ารอคอย คือการเห็นบุตรชายทั้งคู่ มีครอบครัวที่ดี มีคนไว้ใจได้ยืนอยู่ข้างกาย... โจนาธานเบ้ปาก เขาบิดปากไปมา เหตุผลข้อเดียวที่อยากมี ‘เมีย’ คือเขาไม่อยากอยู่ห่างจากหล่อน เมื่อสิ่งที่วันวาดทำกับเขา คือความเหินห่าง...เธอยืนกรานหนักแน่น ค่ำคืนนั้นคือคืนเดียวที่หล่อนยอมอยู่ใต้ร่างเขา เป็นแค่เมียพาร์ทไทม์จ้างรัก...ไม่มีวันเป็นเมียจริงๆ แต่...เขานี่ล่ะ ที
บทที่15.เซอร์ไพรส์สุดๆ รถยนต์รับจ้างแล่นมาจอดหน้าประตูบ้านพิศิษรุ่งเรือง สาวใหญ่ในชุดสีสันสะดุดตาก้าวเท้าลงมา สารถีคนขับรีบเปิดประตูลงมา เมื่อมีสัมภาระอยู่ที่ท้ายรถยนต์เป็นจำนวนมาก พิไลหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวที่เหลืออยู่ กลับมายังบ้านหลังเดิม...เธอแช่งชักหักกระดูกพิไลลักษณ์มาตลอดทาง เมื่อหญิงสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟัก...ขับไล่เหมือนไม่เคยมีบุญคุณ เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นกับเธอจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทอง หลังเสี่ยกวงหลงใหลพิไลลักษณ์ เขาเลี้ยงดูหล่อนแบบลับๆ และส่งเสียเงินทองให้ใช้จ่ายแบบไม่ขัดสน แต่เพราะเธอนั่นแหละ!! เพราะความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ติดอบายมุขงอมแงม เธอเลยใช้ชื่อเสี่ยกวงในการกู้ยืม ในฐานะแม่ยาย แต่...ดันไปเจอตอเข้าแบบจังเบอร์!! เจ้หงส์หยกโกรธจัด ส่งคนมากำหลาบพิไลลักษณ์ ซึ่งหญิงสาวก็ยอมเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง พิไลลักษณ์โยนความผิดทั้งหมดให้กับพิไล...เธอขับไสพิไลออกจากบ้าน เมื่อพิไลคอยแต่จะสร้างปัญหา ไม่สนใจเสียงลำเลิกบุญคุณ ที่พิไลก่นด่า เมื่อไม่มีที่ไป สาวใหญ่จึงหอบสมบัติส่วนตัวกลับรังเดิม ยังไงเสียก็
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั