บทที่13.ควานหาคนร้าย
วันวาดนั่งกอดอกนิ่งๆ ใบหน้าเธอฉาบไว้ด้วยความเฉยชา ดวงตาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในขณะที่พาหนะสมรรถนะสูงวิ่งฉิว ตรงดิ่งกลับคฤหาสน์รูธ!!
เรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง...
ปรายตามองถุงสารพัน...ที่กองแอ้งแม้งอยู่ด้านหลังด้วยความขุ่นเคือง...
เธอเพิ่งจะทราบความจริง...ทุกชุดที่เธอทดลองสวมในร้านนั้น โจนาธานกวาดมาจนเกลี้ยง แถมยังจ้างแป้นทำร้ายพิไลลักษณ์ ถึงหล่อนจะสมควรโดนก็เถอะ แต่เธอไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กำลัง...
“ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริงๆ รึ?”
ชายหนุ่มเปรย เขาอมยิ้มน้อยๆ จับตามองวันวาดทุกอิริยาบถ ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ถูกตา ต้องใจไปหมด
“วาดขอบคุณที่คุณออกตัวปกป้องวาด แต่...ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ”
หญิงสาวตัดสินใจพูด เก็บไว้ในใจ คนที่เป็นทุกข์ก็คือเธอ
“น้อยไปสิ...แม่นั่นบังอาจทำร้ายเธอ ดูสิ... แก้มเธอแดงก่ำแบบนี้ ฉันไม่สั่งเก็บก็บุญเท่าไรแล้ว...”
ชายหนุ่มตอบ เขาไหวไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวเองพิงเบาะนุ่มๆ
“ป่าเถื่อน!!”
“แหงอยู่แล้ว...ฉันไม่ใช่ลุคเจ้าชาย เธอก็น่าจะรู้นี่ สำหรับฉัน... ใครดีมา ฉันดีตอบ ใครร้ายมาฉันตอบกลับนับสิบเท่า!!”
“...” วันวาดเงียบ...เธอไม่อยากต่อปากกับโจนาธานอีก เมื่อยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
แต่ดูเหมือนโจนาธานจะไม่หยุดแค่นั้น เขากระแซะเข้าใกล้หญิงสาว พลิกตัวอย่างรวดเร็ว จนร่างใหญ่คร่อมกักคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน
“คุณจะทำอะไรคะ?”
เสียงถามสั่นพร่า ดวงตาตื่นตระหนก แววตาไหววูบ เมื่อพอรู้ความนัย ในสายตาคู่คมเป็นอย่างดี
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก เขาไม่ตอบ...แต่ลงมือกระทำเลย...
ริมฝีปากหนาโน้มลงมาใกล้ และประกบ ‘จูบ’ โดยไม่ให้หญิงสาวมีเวลาตั้งรับ ริมฝีปากร้อนชื้นบดเบียดช้าๆ ความร้อนผะผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จนหญิงสาวหัวหมุน เธอพยายามผลักอกหนา แต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงเธอจะถูกสูบ...แค่เพียงสัมผัสคุ้นเคย กับความหวามไหวที่ประเดประดังเข้าใส่...ปลายลิ้นร้อนชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปาก ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดและดูดซึมความหวานในอุ้งปากของเธอ หญิงสาวทำได้แค่ครางเสียงแผ่วปร่า
“อ่ะ!”
วันวาดสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือของโจนาธานสอดเข้าไปแตะแผ่นหลังเปลือยใต้เสื้อชุดสวย ที่เธอยังไม่ได้เปลี่ยนออก เพราะเกิดเหตุวุ่นวายเสียก่อน มือของเขาลูบไล้แผ่วๆ เคลื่อนที่ต่ำลงมา จนถึงเอวคอด กระทั่งไปหยุดอยู่ที่เหนือสะโพกกลมกลึง...หญิงสาวผงะหลบด้วยความตกใจ แต่ภายในพื้นที่แคบๆ เช่นเบาะด้านหลังรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่บนถนนเรียบๆ มันเป็นการยากเกินกว่าจะหลบพ้น ร่างหนาหนักของโจนาธานเบียดแนบชิดเข้ามาอีก แขนข้างหนึ่งของเขาโอบรัดเอวบางไว้ไม่ยอมให้วันวาดดิ้นหลุดไปได้ ชายหนุ่มก้มลงกระซิบที่ข้างติ่งหูวันวาด
“เธอก็น่าจะรู้ เราคลิ้กกันแค่ไหน? อย่าพยายามฝืนเลยน่า”
วันวาดหายใจหอบๆ ตวัดตาค้อนชายหนุ่ม
ริมฝีปากอิ่มที่ถูกบดจูบบวมเจ่อนิด ชายหนุ่มถอนปากออก เขาครางเสียงแผ่วๆ ในลำคอ ไม่ว่าเมื่อไร ผู้หญิงที่ทำให้เขาเครื่องร้อนง่ายๆ ก็คงมีแค่วันวาดคนเดียว
“ถอยไปค่ะ”
หลังรวบรวมสติอยู่พักใหญ่ หญิงสาวตัดสินใจดันแผ่นอกหนาๆ ของคนตัวโตที่อิงแอบแนบชิดกับเธอทั้งตัว
“ไม่มีแรง...” โจนาธานตอบยวนๆ เขาถอยห่างวันวาดตอนนี้ไม่ได้ เพราะหากหล่อนเห็นบางสิ่งตรงหน้าขาเขา หล่อนจะยิ่งโกรธหนัก กางเกงของเขาปริแทบฉีกขาด เมื่อสัดส่วน ส่วนนั้นเหยียดขยาย มันพร้อมรบ เพียงแค่ได้แตะต้องหญิงสาวนิดๆ หน่อยๆ
เรียวปากอิ่มเม้มแน่น พยายามไม่ส่งเสียงดัง เมื่อไม่ได้อยู่กันแค่2 คน ตรงส่วนหน้ารถยนต์ มีการ์ดของเขากับคนขับรถอยู่ด้วย วันวาดถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เมื่อมองผ่านบ่ากว้าง การ์ดหนุ่มกับสารถีหาได้ใส่ใจด้านหลัง เธอจึงพยายามดันโจนาธานออกไป ในที่สุดก็สำเร็จ ชายหนุ่มโดนผลักจนหงายหลัง เขาเบ้ปากทำหน้ายับ ขัดใจสาวเจ้าที่คอยขัดใจอยู่เรื่อย
“คุณจะทำแบบนี้กับวาดไม่ได้นะคะ...มันจบตั้งแต่คืนนั้น และวาดไม่คิดจะ...ขายซ้ำ”
หญิงสาวกลั้นใจพูด เธอมองสบนัยน์ตาคมดุของโจนาธาน เขาตาขวาง แต่ไม่ปริปากพูดสักคำ
ชายหนุ่มนึกขัดใจ เขาอยากตะโกนใส่หน้าหล่อน...แต่เมื่อไม่ได้อยู่ในที่ส่วนตัว โจนาธานจึงพยายามข่มอารมณ์กรุ่นๆ เอาไว้...รอให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะ รอให้อยู่สองต่อสองเมื่อไร...เขาจะฉะ วันวาดให้กระเจิง...หล่อนก็แค่ผู้หญิงต่ำๆ คนหนึ่ง อย่าได้ผยองมาเชิดใส่เขา ความจริงหล่อนควรดีใจสิ เขาไม่เคยชิมซ้ำ แต่นี่...ที่อยากไม่จบ ก็เพราะครั้งเดียวมันไม่พอ และคาใจบางอย่าง...
หลังจากวันวาดพูดจบ มีแต่ความเงียบ กับบรรยากาศมาคุ!!
ที่เอกกับสารถีคนขับรู้สึก ดวงตาของเจ้านายหนุ่มวาววับ!! หากมีกระดาษกองอยู่ตรงหน้า รังสีความร้อนในหน่วยตาของโจนาธาน คงแผดเผากระดาษเหล่านั้นจนกลายเป็นเถ้าธุลี
ก่อนออกจากคฤหาสน์รูธ...มีแต่รอยยิ้ม...แต่ตอนกลับมา คนป่วยอารมณ์ดีคนนั้น กลับเข้าโหมดเดิม ใบหน้ายับย่น ตาขวางๆ จนเอกกับแป้นกลัวใจ
“คุณวาดคะ คุณโจเป็นอะไร?” แป้นกระแซะเข้ามาถาม เจ้าหล่อนเพิ่งกลับมาถึง หลังจากฉะกับพิไลลักษณ์กลางห้างสรรพสินค้า
พยาบาลคนสวยส่ายหน้าหวือ เธอเดินเลี่ยงหลบ สายตาคมดุที่ตวัดมองมาบ่อยๆ
“พี่เอก คุณโจเป็นอะไร?”
แป้นยังไม่คลายความสงสัย เจ้าหล่อนอยากรู้ความจริง
เอกพ่นลมหายใจแรงๆ เขามองตามวันวาดไป ก่อนจะเปรยลอยๆ “จะมีอะไรล่ะ คงผิดใจกับคุณวาด ก็รู้... คุณโจเจ้าอารมณ์จะตาย นึกว่าดีขึ้น สุดท้ายเหมือนเดิม...”
“แบบนี้ไม่ยาก แค่ปล่อยให้อยู่กันสองคน เดียวก็ดีกัน...คุณโจอะ...แคร์คุณวาดจะตาย”
แป้นยิ้มแฉ่ง เธอมองถุงใส่ของที่กองพะเนินอยู่ท้ายรถยนต์ หากไม่ใช่เพราะโจนาธานพึงใจวันวาด มีหรือจะทุ่มไม่อั้น เมื่อเจ้านายหนุ่มไม่เคยทำเช่นนี้กับสาวคนไหนมาก่อน เท่าที่แป้นเคยเห็น
“กลัวจะตีกันตายนะสิ...ยิ่งกว่าผัว-เมีย ทะเลาะกันอีก”
เอกบ่น หลายครั้งที่วันวาดมีแผลกลับบ้าน เพราะความเจ้าอารมณ์ของเจ้านายล้วนๆ เอกนึกสงสารหญิงสาว แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก เมื่อตัวเองก็เป็นแค่ลูกจ้าง...
“ตีกันบ่อยๆ ลูกดกแม่แป้นบอกไว้พี่เอก”
“เห้ย!! คุณโจกับคุณวาดเขาไม่ได้เป็น ผัว-เมีย กันนะ”
เอกท้วงเสียงหลง
“จริงเหรอ...ไม่แน่หรอก...” แป้นแย้งยิ้มๆ เธอไม่ใช่สาวใส ที่ไม่รู้อะไรเลย หลายครั้งที่โจนาธานแสดงออก มันเกินกว่าคนป่วยกับพยาบาล แม้ไม่เคยเห็นฉากเด็ดๆ เหมือนที่เอกเห็นวันนี้ แป้นแน่ใจ มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่...หนุ่ม สาวอยู่กันสองต่อสอง...ไม่มีอะไรเชียวหรือ เจ้านายหนุ่มถึงจะป่วย แต่ก็เป็นผู้ชาย... หญิงสาวพยายามอยู่เงียบๆ หลังเอกเข็นวีแชร์พาโจนาธานมาส่งในห้องพัก... ชายหนุ่มไม่ยอมขึ้นเตียง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง มีรีโหมตทีวีจอยักษ์อยู่ในมือ เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเบื่อๆ ตาก็คอยแต่จะมองตามวันวาด เมื่อหล่อนทำตัวเหมือนยุ่งเหลือเกิน จนไม่มีเวลาหยุดนิ่งให้เขามีโอกาสได้แควะ!! “ม้าดีดไง? เดินเหมือนกลัวไม่ได้ออกแรง” แก้วน้ำเย็นเฉียบมีไอน้ำเกาะพราวรอบตัวแก้ว วันวาดเดินถือมาวางไว้ใกล้ๆ โจนาธานชายหนุ่มจึงถือโอกาส จัดให้หนึ่งดอก!! หล่อนไม่ได้ตอบ แต่นั่นเท่ากับทำให้พายุอารมณ์ของโจนาธานพัดกระพือขึ้น!! “พูดกับฉันเนี๊ยะ!! มันจะทำให้ดอกพิกุลหล่นจากปากเธอเหรอหะ!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงแหลมปรี๊ด หญิงสาวถ
บทที่14.แม่จ๋าอยากมีเมีย โจนาธานนั่งคอตกบนเตียง เขานึกแช่งชักตัวเอง มือใหญ่ๆ ยกขึ้นตบปากแรงๆ เมื่อปากเจ้ากรรมนี่แหละ ที่คอยแต่จะทำเรื่อง อยากพูดจาหวานหูกับวันวาด แต่ไม่รู้เป็นยังไง คอยแต่จะแควะหล่อน จนหญิงสาวต้องน้ำตาตกทุกที... “เป็นไรอีกวะโจ?” เบนเดินเข้ามาในห้องพักของน้องชาย กิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ “เปล๊า!!” หนุ่มปากแข็งตอบเสียงสูง ช้อนสายตาขวางๆ มองพี่ชาย เบนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง เขาตวัดขาขึ้นไขว่กัน เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองน้องชายตรงๆ “แก...หึง!! ฉันกับวาด...เหรอ?” คำถามจี้ใจดำ แต่คนปากแข็งหรือจะยอมรับ “บ้าสิพี่ ยัยพยาบาลกุ้งแห้งนั่น มีอะไรให้ผมหึง!!” โจนาธานแสร้งโวย เขาเสหลบตาเบน คนเป็นพี่อมยิ้ม เขาเอื้อมมือตบลงบนบ่าของน้องชาย “แกรู้ดีนี่ว่าพี่เป็นไง ถึงพี่ไม่บอกแกก็น่าจะเดาออก...ฉันไม่ชอบผู้หญิงว่ะ!!” เบนตัดสินใจพูดความจริง เขาไม่ควรมีความลับกับโจนาธาน เพื่อคลี่คลายความอึมครึมระหว่างน้องชายกับวันวาด... “เออ...ผม...” “แกตกใจสิ!! แต่มันคื
นางตอบบุตรชายคนโต ก่อนจะหมุนตัวไปมองจ้อง บุตรชายคนเล็ก ที่ยืนเฉยเหมือนหุ่นยนต์ “เมื่อไรก็ได้ครับ ยังไงแม่ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมยอมให้โจวันหนึ่ง” เบนกล่าวเสียงร่าเริง เขาเดินผิวปากออกไปจากห้อง นึกอยากเห็นหน้าวันวาด หากโจนาธานจะพามารดาไปเซอร์ไพรส์!! แต่เช้าตรู่!! “เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า แม่อยากรู้ทำไมโจถึงเร่งร้อนนัก ก็เราน่ะยังไม่แข็งแรงเลยนี่” นางหันมาซักบุตรชายคนเล็ก โจนาธานหวงความโสด เขามีแต่คู่ซ้อม ซึ่งนางพยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจสาวๆ คู่ควงเหล่านั้น เมื่อบุตรชายยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใคร แต่วันนี้...โจนาธานร้องของ มันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อสิ่งเดียวที่นางเฝ้ารอคอย คือการเห็นบุตรชายทั้งคู่ มีครอบครัวที่ดี มีคนไว้ใจได้ยืนอยู่ข้างกาย... โจนาธานเบ้ปาก เขาบิดปากไปมา เหตุผลข้อเดียวที่อยากมี ‘เมีย’ คือเขาไม่อยากอยู่ห่างจากหล่อน เมื่อสิ่งที่วันวาดทำกับเขา คือความเหินห่าง...เธอยืนกรานหนักแน่น ค่ำคืนนั้นคือคืนเดียวที่หล่อนยอมอยู่ใต้ร่างเขา เป็นแค่เมียพาร์ทไทม์จ้างรัก...ไม่มีวันเป็นเมียจริงๆ แต่...เขานี่ล่ะ ที
บทที่15.เซอร์ไพรส์สุดๆ รถยนต์รับจ้างแล่นมาจอดหน้าประตูบ้านพิศิษรุ่งเรือง สาวใหญ่ในชุดสีสันสะดุดตาก้าวเท้าลงมา สารถีคนขับรีบเปิดประตูลงมา เมื่อมีสัมภาระอยู่ที่ท้ายรถยนต์เป็นจำนวนมาก พิไลหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวที่เหลืออยู่ กลับมายังบ้านหลังเดิม...เธอแช่งชักหักกระดูกพิไลลักษณ์มาตลอดทาง เมื่อหญิงสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟัก...ขับไล่เหมือนไม่เคยมีบุญคุณ เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นกับเธอจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทอง หลังเสี่ยกวงหลงใหลพิไลลักษณ์ เขาเลี้ยงดูหล่อนแบบลับๆ และส่งเสียเงินทองให้ใช้จ่ายแบบไม่ขัดสน แต่เพราะเธอนั่นแหละ!! เพราะความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ติดอบายมุขงอมแงม เธอเลยใช้ชื่อเสี่ยกวงในการกู้ยืม ในฐานะแม่ยาย แต่...ดันไปเจอตอเข้าแบบจังเบอร์!! เจ้หงส์หยกโกรธจัด ส่งคนมากำหลาบพิไลลักษณ์ ซึ่งหญิงสาวก็ยอมเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง พิไลลักษณ์โยนความผิดทั้งหมดให้กับพิไล...เธอขับไสพิไลออกจากบ้าน เมื่อพิไลคอยแต่จะสร้างปัญหา ไม่สนใจเสียงลำเลิกบุญคุณ ที่พิไลก่นด่า เมื่อไม่มีที่ไป สาวใหญ่จึงหอบสมบัติส่วนตัวกลับรังเดิม ยังไงเสียก็
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ