ชายสูงวัยยิ้มเย้ย!! “สภาพแบบนี้ คิดจะกำแหงกับคนอย่างฉัน ไปหัดเดินก่อนดีกว่าไหมไอ้หนู!!”
“ขาฉันเดินไม่ได้ก็จริงนะเสี่ย แต่คิดว่าฉันมีเขี้ยวเล็บแค่นี้เหรอ กับคู่ปรับที่เป็นผู้ชายแก่ๆ คนเดียว”
โจนาธนตอบเสียงเย็น ถึงขาจะเดินไม่ได้ แต่มือของเขายังใช้การได้ และที่แน่ๆ เรื่องเหนี่ยวไกปืนเป็นงานถนัด ระยะเผาขนแบบนี้ เขาคิดว่าไม่มีทางพลาดเป้า
พิไลลักษณ์มองโจนาธานตาวาว ถึงเขาจะนั่งอยู่บนวีแชร์ แต่ความหล่อเหลาก็ยังพุ่งทแยงตา องศาความหล่อเหนือชั้นกว่าเสี่ยกวงหลายร้อยเท่า เธอจึงมองอยู่ห่างๆ และจดจำรายละเอียดทุกเม็ด
“มากไปไอ้หนู...ว่าแต่...เป็นไงบ้างละ หายหน้าไปเสียเป็นปีๆ เราก็นึกว่า...” ปากอูมๆ ขยับพูดแบบไม่มีเสียงแต่โจนาธานอ่านปากออก เขาเดือดจนแทบเต้น แต่จำเป็นต้องระงับอารมณ์เอาไว้...
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกเสี่ย จนกว่าจะหาไอ้คนทำกับฉันเจอ รับประกันได้...มันจะได้ของสมนาคุณจากฉันคืน...แบบคาดไม่ถึง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็น เขามองสบนัยน์ตาหลุกหลิกของเสี่ยกวง เวลานี้โจนาธานฟันธง!! ไอ้เสี่ยอ้วนพุงพุ้ยนี่ อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุร้ายแรงของเขาแน่ๆ
และก่อนที่จะเกิดการวิวาท...คนที่ไม่ควรมา กลับปรากฏกายขึ้นสะแบบนั้นเอง
เจ้หงส์หยก...เมียสุดรักสุดบูชาของเสี่ยกวง
นางเดินหน้าตึงตรงมามาหาสามี มีการ์ดหน้าโหดเดินตามมาเป็นพรวน จนร้านขายเสื้อแลดูแคบไปถนัดตา เมื่อมีผู้คนยืนอยู่ในร้านมากเกินไป...แต่พวกเขาไม่ใช่ลูกค้า เป็นคนติดตามรูปร่างสูงใหญ่ล่ำบึก!!
“เสี่ย...ฉันเคยบอกเสี่ยแล้วใช่มั้ย!! จะกินจุบกินจิบที่ไหนฉันก็ไม่ว่า แต่อย่ามาควงกันออกนอกหน้าในที่สาธารณะ คนที่รู้จักฉันจะคิดยังไงหะ” นางกล่าวเสียงแข็งกับสามี แต่ดวงตาเรียวรีจ้องเลยไปยังพิไลลักษณ์ หญิงสาวรู้ตัวดี รีบถอยกรูดไปอยู่ด้านหลังเสี่ยกวง ท่าทีอหังการเมื่อสักครู่ไม่มีเหลือให้เห็น
“มาได้ยังไงจ้ะนี่น้องหงษ์ พี่กวงไม่ได้ตั้งใจค่ะ” ชายหน้าเหี้ยม...เปลี่ยนเป็นหน้าซีดสลด รีบถลาเข้าไปแก้ตัวกับภรรยาเสียงลนลาน เมื่อใครๆ ก็รู้กิตติศัพท์ของเจ้หงษ์หยกดี หล่อนโหดกว่าสามีและเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง
พิไลลักษณ์หน้าซีดเผือด เธอแทบอยากจะมุดดินหนี เมื่อเคยได้รับเทียบขู่จากภรรยาของเสี่ยกวง ไม่คิดว่าจะมาเจอตัวเป็นๆ แถมนางแลดูน่ากลัวจนขนลุก
“ไม่ตั้งใจ...ฟังไม่ขึ้นค่ะเสี่ย เอาเถอะ...ครั้งนี้ฉันจะอนุโลมให้ แต่หากมีครั้งหน้า อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายนะ”
นางสะบัดหน้าใส่สามี แล้วจึงเดินหนี มีเสี่ยกวงเดินตามไปติดๆ ทิ้งให้พิไลลักษณ์ยืนคว้าง เมื่อคนคุ้มกะลาหัวรีบแจ้นตามตูดเมียสุดโหดไปไม่ห่าง
“ไปที่อื่นดีมั้ยคะคุณโจ ที่นี่เหมือนจะเหม็นๆ ใครบางคนโดนทิ้งเป็น...” แป้นเปรยลอยๆ เธอแอบเหน็บพิไลลักษณ์ที่ยืนหน้าตึงอยู่กลางวงล้อมของพวกเธอ
“แป้น!!” วันวาดกระซิบดุ ยังไงเสียเธอกับพิไลลักษณ์ก็โตมาด้วยกัน
“วาด...อย่าใจดีนักสิ บางครั้งเราก็ต้องสู้ ไม่ใช่ให้คนอื่นข่มฝ่ายเดียว”
โจนาธานกล่าว เขามองผิวแก้มของหญิงสาวที่มีริ้วแดง พรางนึกขัดเคืองในใจ ผู้หญิงคนนี้บังอาจแตะต้องสมบัติของเขา หล่อนสมควรได้รับการสั่งสอน
“วาดรู้ค่ะ แค่พิไลไม่ได้ตั้งใจ” เธอแก้ตัวแทนพิไลลักษณ์
“ฉันตั้งใจย่ะ!! และหากย้อนเวลาได้ ฉันจะไม่ออมมือเลย” หญิงสาวยังไม่รู้ตัว วันวาดไม่เหมือนเดิม หญิงสาวมีคนกางปีกป้อง และเมื่อพิไลลักษณ์ย้ำความคิดของหล่อน โจนาธานจึงไม่นึกเสียใจที่จะจัดการ เขาโบกมือนิดๆ การ์ดของเขาเดินเขามาใกล้ๆ แล้วก็รุมล้อมพิไลลักษณ์เอาไว้ จนหล่อนหนีออกจากวงล้อมไม่ได้
“อย่าเลยคะ...วาดขอ...” หญิงสาวคราง เธอรู้ดีว่าโจนาธานคิดจะทำอะไร
“บางครั้ง หล่อนก็ควรได้รับบทเรียน จะได้ไม่มากร่างผิดที่...” ชายหนุ่มพูดลอยๆ เขาเข็นวีแชร์เข้าไปใกล้ๆ
วันวาดกรอกตามองบน เธอเบ้ปาก เมื่อสุดที่จะห้ามปราม ได้แต่ภาวนาไม่ให้โจนาธานลงโทษพิไลลักษณ์หนักเกินไป...
“แป้น...เธออยากได้ชุดสวยๆ เพิ่มอีกสักสิบชุดมั้ย?”
สาวอวบพยักหน้ารัวๆ “อยากสิคะคุณโจ ไม่น่าถาม”
“จัดให้หล่อนหน่อยสิ...หล่อนอยากมีเรื่อง แล้วเธอก็ช็อปได้เลย ฉันจ่ายเอง...”
สิ้นเสียงโจนาธาน วันวาดพยายามจะเข้าไปห้าม แต่เธอถูกการ์ดของชายหนุ่มกันออกมาห่างๆ มีเพียงแป้นกับพิไลลักษณ์เท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิม คนของโจนาธานจัดการเคลียร์สถานที่ จึงเหลือสองสาวที่ยืนประจันหน้ากัน โดยมีพนักงานบางคนคอยลุ้น...
“แหม...งานง่ายๆ ได้ตบคนนี่ ของชอบ”
แป้นยกมือขึ้นดัด เสียงกระดูกลั่นกร็อบๆ สาวอวบย่างสามขุมเข้าหา และพิไลลักษณ์ได้แต่เดินถอยหลังกรูดๆ นึกแช่งชักหักกระดูกเสี่ยกวง ที่พาเธอมาทิ้งไว้คนเดียว โดยที่เขารีบตามเมียแก่ไป ไม่เหลียวแลเธอเลย
“ฉันมีมือเหมือนกันย่ะ เข้ามาสิ ฉันไม่ยอมให้หล่อนตบฟรีๆ หรอก”
หญิงสาวแสร้งขู่ ทั้งๆ ที่กลัวจนขาสั่น รูปร่างของแป้นถึกเหมือนควาย เธอจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ ไม่แคล้วคงโดนตบจนเยิน
“ไม่ต้องท้า...เดี๋ยวแป้นจัดให้!!”
สาวใช้ตัวอวบแสยะยิ้ม ถลาเข้าไปหาพิไลลักษณ์ และตวัดฝ่ามือหนาหนักฟาดผู้หญิงบอบบางอย่างคู่ปรับไม่ยั้ง
“ช่วยด้วยๆ”
พิไลลักษณ์สิ้นความอาย เธอร้องลั่น แต่หาได้มีคนช่วย มีแต่คนยืนมุง และพากันยิ้มด้วยความสาแก่ใจ
บทที่13.ควานหาคนร้าย วันวาดนั่งกอดอกนิ่งๆ ใบหน้าเธอฉาบไว้ด้วยความเฉยชา ดวงตาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในขณะที่พาหนะสมรรถนะสูงวิ่งฉิว ตรงดิ่งกลับคฤหาสน์รูธ!! เรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง... ปรายตามองถุงสารพัน...ที่กองแอ้งแม้งอยู่ด้านหลังด้วยความขุ่นเคือง... เธอเพิ่งจะทราบความจริง...ทุกชุดที่เธอทดลองสวมในร้านนั้น โจนาธานกวาดมาจนเกลี้ยง แถมยังจ้างแป้นทำร้ายพิไลลักษณ์ ถึงหล่อนจะสมควรโดนก็เถอะ แต่เธอไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กำลัง... “ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริงๆ รึ?” ชายหนุ่มเปรย เขาอมยิ้มน้อยๆ จับตามองวันวาดทุกอิริยาบถ ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ถูกตา ต้องใจไปหมด “วาดขอบคุณที่คุณออกตัวปกป้องวาด แต่...ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ” หญิงสาวตัดสินใจพูด เก็บไว้ในใจ คนที่เป็นทุกข์ก็คือเธอ “น้อยไปสิ...แม่นั่นบังอาจทำร้ายเธอ ดูสิ... แก้มเธอแดงก่ำแบบนี้ ฉันไม่สั่งเก็บก็บุญเท่าไรแล้ว...” ชายหนุ่มตอบ เขาไหวไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวเองพิงเบาะนุ่มๆ “ป่าเถื่อน!!” “แหงอยู่แล้ว...ฉันไม่ใช่ลุคเจ้าชาย เ
“จริงเหรอ...ไม่แน่หรอก...” แป้นแย้งยิ้มๆ เธอไม่ใช่สาวใส ที่ไม่รู้อะไรเลย หลายครั้งที่โจนาธานแสดงออก มันเกินกว่าคนป่วยกับพยาบาล แม้ไม่เคยเห็นฉากเด็ดๆ เหมือนที่เอกเห็นวันนี้ แป้นแน่ใจ มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่...หนุ่ม สาวอยู่กันสองต่อสอง...ไม่มีอะไรเชียวหรือ เจ้านายหนุ่มถึงจะป่วย แต่ก็เป็นผู้ชาย... หญิงสาวพยายามอยู่เงียบๆ หลังเอกเข็นวีแชร์พาโจนาธานมาส่งในห้องพัก... ชายหนุ่มไม่ยอมขึ้นเตียง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง มีรีโหมตทีวีจอยักษ์อยู่ในมือ เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเบื่อๆ ตาก็คอยแต่จะมองตามวันวาด เมื่อหล่อนทำตัวเหมือนยุ่งเหลือเกิน จนไม่มีเวลาหยุดนิ่งให้เขามีโอกาสได้แควะ!! “ม้าดีดไง? เดินเหมือนกลัวไม่ได้ออกแรง” แก้วน้ำเย็นเฉียบมีไอน้ำเกาะพราวรอบตัวแก้ว วันวาดเดินถือมาวางไว้ใกล้ๆ โจนาธานชายหนุ่มจึงถือโอกาส จัดให้หนึ่งดอก!! หล่อนไม่ได้ตอบ แต่นั่นเท่ากับทำให้พายุอารมณ์ของโจนาธานพัดกระพือขึ้น!! “พูดกับฉันเนี๊ยะ!! มันจะทำให้ดอกพิกุลหล่นจากปากเธอเหรอหะ!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงแหลมปรี๊ด หญิงสาวถ
บทที่14.แม่จ๋าอยากมีเมีย โจนาธานนั่งคอตกบนเตียง เขานึกแช่งชักตัวเอง มือใหญ่ๆ ยกขึ้นตบปากแรงๆ เมื่อปากเจ้ากรรมนี่แหละ ที่คอยแต่จะทำเรื่อง อยากพูดจาหวานหูกับวันวาด แต่ไม่รู้เป็นยังไง คอยแต่จะแควะหล่อน จนหญิงสาวต้องน้ำตาตกทุกที... “เป็นไรอีกวะโจ?” เบนเดินเข้ามาในห้องพักของน้องชาย กิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ “เปล๊า!!” หนุ่มปากแข็งตอบเสียงสูง ช้อนสายตาขวางๆ มองพี่ชาย เบนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง เขาตวัดขาขึ้นไขว่กัน เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองน้องชายตรงๆ “แก...หึง!! ฉันกับวาด...เหรอ?” คำถามจี้ใจดำ แต่คนปากแข็งหรือจะยอมรับ “บ้าสิพี่ ยัยพยาบาลกุ้งแห้งนั่น มีอะไรให้ผมหึง!!” โจนาธานแสร้งโวย เขาเสหลบตาเบน คนเป็นพี่อมยิ้ม เขาเอื้อมมือตบลงบนบ่าของน้องชาย “แกรู้ดีนี่ว่าพี่เป็นไง ถึงพี่ไม่บอกแกก็น่าจะเดาออก...ฉันไม่ชอบผู้หญิงว่ะ!!” เบนตัดสินใจพูดความจริง เขาไม่ควรมีความลับกับโจนาธาน เพื่อคลี่คลายความอึมครึมระหว่างน้องชายกับวันวาด... “เออ...ผม...” “แกตกใจสิ!! แต่มันคื
นางตอบบุตรชายคนโต ก่อนจะหมุนตัวไปมองจ้อง บุตรชายคนเล็ก ที่ยืนเฉยเหมือนหุ่นยนต์ “เมื่อไรก็ได้ครับ ยังไงแม่ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมยอมให้โจวันหนึ่ง” เบนกล่าวเสียงร่าเริง เขาเดินผิวปากออกไปจากห้อง นึกอยากเห็นหน้าวันวาด หากโจนาธานจะพามารดาไปเซอร์ไพรส์!! แต่เช้าตรู่!! “เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า แม่อยากรู้ทำไมโจถึงเร่งร้อนนัก ก็เราน่ะยังไม่แข็งแรงเลยนี่” นางหันมาซักบุตรชายคนเล็ก โจนาธานหวงความโสด เขามีแต่คู่ซ้อม ซึ่งนางพยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจสาวๆ คู่ควงเหล่านั้น เมื่อบุตรชายยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใคร แต่วันนี้...โจนาธานร้องของ มันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อสิ่งเดียวที่นางเฝ้ารอคอย คือการเห็นบุตรชายทั้งคู่ มีครอบครัวที่ดี มีคนไว้ใจได้ยืนอยู่ข้างกาย... โจนาธานเบ้ปาก เขาบิดปากไปมา เหตุผลข้อเดียวที่อยากมี ‘เมีย’ คือเขาไม่อยากอยู่ห่างจากหล่อน เมื่อสิ่งที่วันวาดทำกับเขา คือความเหินห่าง...เธอยืนกรานหนักแน่น ค่ำคืนนั้นคือคืนเดียวที่หล่อนยอมอยู่ใต้ร่างเขา เป็นแค่เมียพาร์ทไทม์จ้างรัก...ไม่มีวันเป็นเมียจริงๆ แต่...เขานี่ล่ะ ที
บทที่15.เซอร์ไพรส์สุดๆ รถยนต์รับจ้างแล่นมาจอดหน้าประตูบ้านพิศิษรุ่งเรือง สาวใหญ่ในชุดสีสันสะดุดตาก้าวเท้าลงมา สารถีคนขับรีบเปิดประตูลงมา เมื่อมีสัมภาระอยู่ที่ท้ายรถยนต์เป็นจำนวนมาก พิไลหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวที่เหลืออยู่ กลับมายังบ้านหลังเดิม...เธอแช่งชักหักกระดูกพิไลลักษณ์มาตลอดทาง เมื่อหญิงสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟัก...ขับไล่เหมือนไม่เคยมีบุญคุณ เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นกับเธอจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทอง หลังเสี่ยกวงหลงใหลพิไลลักษณ์ เขาเลี้ยงดูหล่อนแบบลับๆ และส่งเสียเงินทองให้ใช้จ่ายแบบไม่ขัดสน แต่เพราะเธอนั่นแหละ!! เพราะความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ติดอบายมุขงอมแงม เธอเลยใช้ชื่อเสี่ยกวงในการกู้ยืม ในฐานะแม่ยาย แต่...ดันไปเจอตอเข้าแบบจังเบอร์!! เจ้หงส์หยกโกรธจัด ส่งคนมากำหลาบพิไลลักษณ์ ซึ่งหญิงสาวก็ยอมเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง พิไลลักษณ์โยนความผิดทั้งหมดให้กับพิไล...เธอขับไสพิไลออกจากบ้าน เมื่อพิไลคอยแต่จะสร้างปัญหา ไม่สนใจเสียงลำเลิกบุญคุณ ที่พิไลก่นด่า เมื่อไม่มีที่ไป สาวใหญ่จึงหอบสมบัติส่วนตัวกลับรังเดิม ยังไงเสียก็
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้