“แน่นะคุณโจ” แป้นยิ้มกริ่ม
“แน่สิวะ...ถ้าทำได้เอาไปเลย...”
โจนาธานตอบเสียงเบาๆ แต่หนักแน่น
“แป้นจัดให้...”
สาวใช้ตัวอวบรับคำ หล่อนเดินถลาเข้าไปหาวันวาด พร้อมกับรีบดุนหลังหญิงสาว กลับไปที่ราวแขวนผ้าเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มต้นกระบวนการโน้มน้าววันวาด สารพันที่แป้นงัดเอามาล่อ...จนวันวาดไม่สามารถปฏิเสธได้ ในที่สุดหล่อนก็ยอมใจอ่อน...หลวมตัวทดลองใส่ชุดที่แป้นเลือกมายัดใส่มือให้
“ลองเลยค่ะ เราลองได้ค่ะคุณวาด ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าหรอก ลองเป็นเพื่อนแป้นหน่อย แป้นอยากลองแต่ไม่กล้า”
เปลือกตากระพริบปริบๆ ผสมกับใบหน้าอวบๆ ที่ม่อยลงไปถนัดใจ วันวาดจึงยอมใจอ่อน ทดลอง ลองชุดสวยๆ เหล่านั้น แม้จะเกรงใจเจ้าของร้านที่คอยอำนวยความสะดวกให้ เมื่อเธอไม่คิดจะซื้อ...เพราะแค่เห็นราคา ยังสะดุ้ง!!
สวย...นิยามคำนี้ แทบไม่ผิดเพี้ยน หลังวันวาดเดินตัวลีบออกมาจากห้องลองเสื้อ ผู้หญิงคนเดิม เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าบนร่างกาย ไม่อยากเชื่อตาก็ต้องเชื่อ เธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวของคนโบราณว่าไว้ไม่มีผิด คนงามเพราะแต่ง ไก่งามเพราะขนเป็นความจริงแท้แน่นอน
“พอยังแป้น วาดเกรงใจเขา”
หญิงสาวกระซิบเสียงเบา เธอชอบชุดเหล่านี้ก็จริง แต่จะให้ซื้อ มันเกินความจำเป็น เพราะราคามันแพงเกินไป สู้เก็บสตางค์เอาไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นดีกว่า
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคุณวาด หากเจ้าของร้านเขาจะด่า ก็ลองให้มันสะใจไปเลย” สาวใช้ตัวอวบกล่าวเสียงขึงขัง หล่อนแอบขยิบตาให้เจ้านายหนุ่มที่นั่งมองอยู่ไกลๆ แบบตาค้างก็วันวาดไม่ว่าจะลองชุดไหนก็ดูเหมาะ ดูสวยไปทุกชุด
“พอเถอะแป้น...วาดเกรงใจเขา”
เธอมองตัวเองผ่านกระจก ไม่คิดว่าแค่การเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มจะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น จากคนหน้าตาบ้านๆ พอสวมเสื้อผ้าที่ดูมีรสนิยม เธอกลับดูดีขึ้นจม
พนักงานสาวอมยิ้ม เพราะลูกค้าสาวที่กำลังลองชุดอยู่นี่หล่อนไม่รู้ตัว ว่ามีคนใจดีจ่ายสตางค์ให้ ทุกชุดที่คุณผู้หญิงคนสวยทดลองสวมใส่ หลังจากเธอเปลี่ยนออก ชุดสวยๆ เหล่านั้นจะถูกแพ็คใส่กล่อง...งานนี้โบนัสคงตุงกระเป๋าเมื่อชายหนุ่มที่เป็นพ่อบุญทุ่มใช้บัตรเครดิตชนิดไม่จำกัดจำนวนวงเงิน...
สองสาวกำลังสนุกกับการทดลองสวมชุดสวย ซึ่งหากตามความเป็นจริงคงไม่มีโอกาส เพราะทั้งแป้นและวันวาด เป็นสาวจอมงก เธอเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรง ส่งให้คนในครอบครัวใช้ ดีกว่าการมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย วันนี้จึงเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เธอจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่กล้า มันจึงเป็นความสนุกจนลืมใส่ใจคนรอบข้าง
จนกระทั่ง!!
“ต๊ายตาย...ไม่คิดว่าจะมาเจอแกที่นี่นะ...วาด”
พิไลลักษณ์นั่นเอง หล่อนยืนอยู่ไม่ไกล ด้านข้างมีผู้ชายสูงวัยรูปร่างท้วม มีเส้นผมบนศีรษะแค่กึ่งเดียว สองมือของหญิงสาวสอดคล้องไว้ที่เรียวแขนอวบๆ ประหนึ่งเป็นคู่รัก ทั้งๆ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นพ่อ-ลูกกันมากกว่า
“คุณพิไล...สวัสดีค่ะ”
วันวาดทักทายตามมารยาท แม้จะรู้สึกเคืองๆ ที่พิไลลักษณ์กับพิไล ทอดทิ้งบิดา ถึงท่านจะเป็นก่อเรื่อง แต่คำว่าครอบครัวเดียวกัน ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนเป็นห่วงเป็นใยทะนงเลยเหรอไง
“มาทำอะไรแถวนี่ยะ...หล่อนมีสตางค์มาซื้อชุดแพงๆ พวกนี้ด้วยเหรอ?” คำถามที่แฝงความดูแคลนไว้เต็มๆ ผสมกับแววตาเหยียดหยัน แป้นขยับ สาวอวบพร้อมชนเมื่อรู้สึกไม่ชอบใจผู้หญิงคนใหม่ที่เหมือนจะรู้จักกับวันวาดเป็นอย่างดี แต่ไม่ใคร่จะเป็นมิตรเท่าไร
“ใครอะคุณวาด...ดูเหมือนจะเป็นเมียน้อยเสี่ย หล่อนดีกว่าเราสองคนตรงไหน มาทำเป็นดูถูก”
เสียงแป้นไม่ได้เบาเลย ดังนั้นพิไลลักษณ์จึงได้ยิน
ในขณะที่สาวๆ กำลังจะกระโจนเข้าห่ำหันกัน...หนุ่มๆ กลับจ้องมองกันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“เข็นกูไปตรงนั้นหน่อยเอก”
เสียงของโจนาธานเข้มเสียจนเอกแอบเป็นห่วง หากเจ้านายเป็นปกติเหมือนเดิม เอกคงไม่อนาทรหรือร้อนอก ร้อนใจ แต่นี่เพราะโจนาธานยังไม่แข็งแรง ถึงเสี่ยกวงจะเป็นแค่ชายสูงวัย แต่แขนขาของมันก็เป็นปกติดี
“ครับ” เอกรับคำ เขาเกร็งตัวระวังภัยให้เจ้านายเต็มที่ การ์ดอีกสามคนด้านนอก ตั้งท่าเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อรู้อยู่แก่ใจดีทุกคน ผู้ชายอย่างเสี่ยกวง หาความดีไม่ได้ แม้จะแก่แต่มันก็เป็นตัวร้าย
“ยัยนี่ท่าจะไม่พ้นสาวใช้ ดูสภาพ!!”
พิไลลักษณ์ชักแขนออกมาจากเรียวแขนเสี่ยกวง หล่อนยกมือท้าวสะเอวและเปิดฉากฉะ เมื่อคู่ปรับเป็นแค่ผู้หญิงต่ำๆ สองคน
“แป้นเป็นสาวใช้ แล้วหนักส่วนไหนของคุณไม่ทราบคะ อาชีพของแป้นมีเกียรติ มีคุณค่าเพราะแป้นเสียเหงื่อแลกเงิน...ไม่ได้นอนแบ...เออ...ไม่อยากพูดมันกระดากปาก...”
แป้นย้อนเสียงขุ่น เชิดหน้าขึ้นท้าทาย ไม่เห็นจะกลัวหากมีเรื่อง เพราะหุ่นผอมบางอย่างพิไลลักษณ์คงไม่คณามือเธอ
“เอะ!! อี่นี่”
“คุณพิไล วาดขอค่ะ อย่ามีเรื่องเลยอายคนอื่นเปล่าๆ”
วันวาดเดินเข้ามาขวาง และผลของการที่เธอเดินเข้ามาในช่วงที่พิไลลักษณ์กำลังโกรธ
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือเรียวฟาดเข้าเต็มซีกแก้ม จนใบหน้าหวานสะบัดเพราะแรงตบ
แป้นกระโจนเข้าใส่ เธอผลักพิไลลักษณ์จนกระเด็นล้มลงไปบนพื้น โดยมีหญิงร่างอวบถลาขึ้นคร่อม และสะบัดมือตบซีกหน้าของพิไลลักษณ์เต็มแรง
เพี๊ยะๆ...
“แกทำร้ายได้แต่คนอ่อนแอกว่า อย่างแกมันต้องเจอฉัน...”
แป้นคำราม เธอผลักพิไลลักษณ์ซ้ำ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแบบองอาจ
“อ้ายยยย เสี่ยขา อีบ้านี้ตบพิไลเสี่ยจัดการมันให้พิไลด้วยนะคะ”
หญิงสาวกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน หล่อนร้องลั่น ชี้นิ้วที่สั่นระริกไปยังแป้น ดวงตาลุกวาบเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ได้สิจ้ะ...แกมาทำร้ายเมียฉันได้ยังไง แบบนี้ไม่ตายดีแน่...” กวงโบกมือ คนติดตามเสี่ยใหญ่ถลาเข้ามาด้านในจนแน่นร้าน พนักงานสาวๆ ถอยหลังชิดมุมห้อง เมื่อสถานการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดี
“นึกว่าฉันกลัวไงเสี่ย และเท่าที่รู้ เจ้หงส์หยก ไม่ได้เอวบางร่างน้อยแบบนี้นี่...ถ้าอีนี่เป็นเมียเสี่ยก็คงแค่...เมียน้อย” แป้นท้า เวลานี้เธอเห็นช้างตัวเท่ามด “อีกอย่างนะคะคนของเสี่ยทำร้ายเราก่อน”
“แป้นพอเถอะ...อย่าเลยจ้ะ” วันวาดพยายามห้าม แต่แรงโทสะทำให้แป้นไม่ฟัง
“มันทำเราก่อนนะคุณวาด กลัวทำไม คุณโจก็อยู่”
แป้นเชิดหน้า เธอเป็นขี้ข้ามีเจ้านาย และโจนาธานก็ไม่ใช่ขี้ๆ
“ใช่!! ถ้าเสี่ยกวงคิดจะอวดอำนาจกับคนของฉัน ก็ต้องถามฉันก่อนว่าฉันยอมไหม?”
เอกเข็นวีแชร์ของโจนาธานมาถึงพอดี ชายหนุ่มพูดแทรก ทอดสายตามองเสี่ยกวงแบบไม่กลัวเกรง
ชายสูงวัยยิ้มเย้ย!! “สภาพแบบนี้ คิดจะกำแหงกับคนอย่างฉัน ไปหัดเดินก่อนดีกว่าไหมไอ้หนู!!” “ขาฉันเดินไม่ได้ก็จริงนะเสี่ย แต่คิดว่าฉันมีเขี้ยวเล็บแค่นี้เหรอ กับคู่ปรับที่เป็นผู้ชายแก่ๆ คนเดียว” โจนาธนตอบเสียงเย็น ถึงขาจะเดินไม่ได้ แต่มือของเขายังใช้การได้ และที่แน่ๆ เรื่องเหนี่ยวไกปืนเป็นงานถนัด ระยะเผาขนแบบนี้ เขาคิดว่าไม่มีทางพลาดเป้า พิไลลักษณ์มองโจนาธานตาวาว ถึงเขาจะนั่งอยู่บนวีแชร์ แต่ความหล่อเหลาก็ยังพุ่งทแยงตา องศาความหล่อเหนือชั้นกว่าเสี่ยกวงหลายร้อยเท่า เธอจึงมองอยู่ห่างๆ และจดจำรายละเอียดทุกเม็ด “มากไปไอ้หนู...ว่าแต่...เป็นไงบ้างละ หายหน้าไปเสียเป็นปีๆ เราก็นึกว่า...” ปากอูมๆ ขยับพูดแบบไม่มีเสียงแต่โจนาธานอ่านปากออก เขาเดือดจนแทบเต้น แต่จำเป็นต้องระงับอารมณ์เอาไว้... “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกเสี่ย จนกว่าจะหาไอ้คนทำกับฉันเจอ รับประกันได้...มันจะได้ของสมนาคุณจากฉันคืน...แบบคาดไม่ถึง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็น เขามองสบนัยน์ตาหลุกหลิกของเสี่ยกวง เวลานี้โจนาธานฟันธง!! ไอ้เสี่ยอ้วนพุงพุ้ยนี่ อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุร้ายแรงของเขาแน่ๆ
บทที่13.ควานหาคนร้าย วันวาดนั่งกอดอกนิ่งๆ ใบหน้าเธอฉาบไว้ด้วยความเฉยชา ดวงตาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในขณะที่พาหนะสมรรถนะสูงวิ่งฉิว ตรงดิ่งกลับคฤหาสน์รูธ!! เรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง... ปรายตามองถุงสารพัน...ที่กองแอ้งแม้งอยู่ด้านหลังด้วยความขุ่นเคือง... เธอเพิ่งจะทราบความจริง...ทุกชุดที่เธอทดลองสวมในร้านนั้น โจนาธานกวาดมาจนเกลี้ยง แถมยังจ้างแป้นทำร้ายพิไลลักษณ์ ถึงหล่อนจะสมควรโดนก็เถอะ แต่เธอไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กำลัง... “ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริงๆ รึ?” ชายหนุ่มเปรย เขาอมยิ้มน้อยๆ จับตามองวันวาดทุกอิริยาบถ ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ถูกตา ต้องใจไปหมด “วาดขอบคุณที่คุณออกตัวปกป้องวาด แต่...ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ” หญิงสาวตัดสินใจพูด เก็บไว้ในใจ คนที่เป็นทุกข์ก็คือเธอ “น้อยไปสิ...แม่นั่นบังอาจทำร้ายเธอ ดูสิ... แก้มเธอแดงก่ำแบบนี้ ฉันไม่สั่งเก็บก็บุญเท่าไรแล้ว...” ชายหนุ่มตอบ เขาไหวไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวเองพิงเบาะนุ่มๆ “ป่าเถื่อน!!” “แหงอยู่แล้ว...ฉันไม่ใช่ลุคเจ้าชาย เ
“จริงเหรอ...ไม่แน่หรอก...” แป้นแย้งยิ้มๆ เธอไม่ใช่สาวใส ที่ไม่รู้อะไรเลย หลายครั้งที่โจนาธานแสดงออก มันเกินกว่าคนป่วยกับพยาบาล แม้ไม่เคยเห็นฉากเด็ดๆ เหมือนที่เอกเห็นวันนี้ แป้นแน่ใจ มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่...หนุ่ม สาวอยู่กันสองต่อสอง...ไม่มีอะไรเชียวหรือ เจ้านายหนุ่มถึงจะป่วย แต่ก็เป็นผู้ชาย... หญิงสาวพยายามอยู่เงียบๆ หลังเอกเข็นวีแชร์พาโจนาธานมาส่งในห้องพัก... ชายหนุ่มไม่ยอมขึ้นเตียง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง มีรีโหมตทีวีจอยักษ์อยู่ในมือ เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเบื่อๆ ตาก็คอยแต่จะมองตามวันวาด เมื่อหล่อนทำตัวเหมือนยุ่งเหลือเกิน จนไม่มีเวลาหยุดนิ่งให้เขามีโอกาสได้แควะ!! “ม้าดีดไง? เดินเหมือนกลัวไม่ได้ออกแรง” แก้วน้ำเย็นเฉียบมีไอน้ำเกาะพราวรอบตัวแก้ว วันวาดเดินถือมาวางไว้ใกล้ๆ โจนาธานชายหนุ่มจึงถือโอกาส จัดให้หนึ่งดอก!! หล่อนไม่ได้ตอบ แต่นั่นเท่ากับทำให้พายุอารมณ์ของโจนาธานพัดกระพือขึ้น!! “พูดกับฉันเนี๊ยะ!! มันจะทำให้ดอกพิกุลหล่นจากปากเธอเหรอหะ!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงแหลมปรี๊ด หญิงสาวถ
บทที่14.แม่จ๋าอยากมีเมีย โจนาธานนั่งคอตกบนเตียง เขานึกแช่งชักตัวเอง มือใหญ่ๆ ยกขึ้นตบปากแรงๆ เมื่อปากเจ้ากรรมนี่แหละ ที่คอยแต่จะทำเรื่อง อยากพูดจาหวานหูกับวันวาด แต่ไม่รู้เป็นยังไง คอยแต่จะแควะหล่อน จนหญิงสาวต้องน้ำตาตกทุกที... “เป็นไรอีกวะโจ?” เบนเดินเข้ามาในห้องพักของน้องชาย กิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ “เปล๊า!!” หนุ่มปากแข็งตอบเสียงสูง ช้อนสายตาขวางๆ มองพี่ชาย เบนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง เขาตวัดขาขึ้นไขว่กัน เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองน้องชายตรงๆ “แก...หึง!! ฉันกับวาด...เหรอ?” คำถามจี้ใจดำ แต่คนปากแข็งหรือจะยอมรับ “บ้าสิพี่ ยัยพยาบาลกุ้งแห้งนั่น มีอะไรให้ผมหึง!!” โจนาธานแสร้งโวย เขาเสหลบตาเบน คนเป็นพี่อมยิ้ม เขาเอื้อมมือตบลงบนบ่าของน้องชาย “แกรู้ดีนี่ว่าพี่เป็นไง ถึงพี่ไม่บอกแกก็น่าจะเดาออก...ฉันไม่ชอบผู้หญิงว่ะ!!” เบนตัดสินใจพูดความจริง เขาไม่ควรมีความลับกับโจนาธาน เพื่อคลี่คลายความอึมครึมระหว่างน้องชายกับวันวาด... “เออ...ผม...” “แกตกใจสิ!! แต่มันคื
นางตอบบุตรชายคนโต ก่อนจะหมุนตัวไปมองจ้อง บุตรชายคนเล็ก ที่ยืนเฉยเหมือนหุ่นยนต์ “เมื่อไรก็ได้ครับ ยังไงแม่ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมยอมให้โจวันหนึ่ง” เบนกล่าวเสียงร่าเริง เขาเดินผิวปากออกไปจากห้อง นึกอยากเห็นหน้าวันวาด หากโจนาธานจะพามารดาไปเซอร์ไพรส์!! แต่เช้าตรู่!! “เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า แม่อยากรู้ทำไมโจถึงเร่งร้อนนัก ก็เราน่ะยังไม่แข็งแรงเลยนี่” นางหันมาซักบุตรชายคนเล็ก โจนาธานหวงความโสด เขามีแต่คู่ซ้อม ซึ่งนางพยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจสาวๆ คู่ควงเหล่านั้น เมื่อบุตรชายยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใคร แต่วันนี้...โจนาธานร้องของ มันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อสิ่งเดียวที่นางเฝ้ารอคอย คือการเห็นบุตรชายทั้งคู่ มีครอบครัวที่ดี มีคนไว้ใจได้ยืนอยู่ข้างกาย... โจนาธานเบ้ปาก เขาบิดปากไปมา เหตุผลข้อเดียวที่อยากมี ‘เมีย’ คือเขาไม่อยากอยู่ห่างจากหล่อน เมื่อสิ่งที่วันวาดทำกับเขา คือความเหินห่าง...เธอยืนกรานหนักแน่น ค่ำคืนนั้นคือคืนเดียวที่หล่อนยอมอยู่ใต้ร่างเขา เป็นแค่เมียพาร์ทไทม์จ้างรัก...ไม่มีวันเป็นเมียจริงๆ แต่...เขานี่ล่ะ ที
บทที่15.เซอร์ไพรส์สุดๆ รถยนต์รับจ้างแล่นมาจอดหน้าประตูบ้านพิศิษรุ่งเรือง สาวใหญ่ในชุดสีสันสะดุดตาก้าวเท้าลงมา สารถีคนขับรีบเปิดประตูลงมา เมื่อมีสัมภาระอยู่ที่ท้ายรถยนต์เป็นจำนวนมาก พิไลหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวที่เหลืออยู่ กลับมายังบ้านหลังเดิม...เธอแช่งชักหักกระดูกพิไลลักษณ์มาตลอดทาง เมื่อหญิงสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟัก...ขับไล่เหมือนไม่เคยมีบุญคุณ เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นกับเธอจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทอง หลังเสี่ยกวงหลงใหลพิไลลักษณ์ เขาเลี้ยงดูหล่อนแบบลับๆ และส่งเสียเงินทองให้ใช้จ่ายแบบไม่ขัดสน แต่เพราะเธอนั่นแหละ!! เพราะความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ติดอบายมุขงอมแงม เธอเลยใช้ชื่อเสี่ยกวงในการกู้ยืม ในฐานะแม่ยาย แต่...ดันไปเจอตอเข้าแบบจังเบอร์!! เจ้หงส์หยกโกรธจัด ส่งคนมากำหลาบพิไลลักษณ์ ซึ่งหญิงสาวก็ยอมเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง พิไลลักษณ์โยนความผิดทั้งหมดให้กับพิไล...เธอขับไสพิไลออกจากบ้าน เมื่อพิไลคอยแต่จะสร้างปัญหา ไม่สนใจเสียงลำเลิกบุญคุณ ที่พิไลก่นด่า เมื่อไม่มีที่ไป สาวใหญ่จึงหอบสมบัติส่วนตัวกลับรังเดิม ยังไงเสียก็
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง