บทที่16.ฮันนีมูน
3เดือนต่อมา...
งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้
ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น
ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ...
เขาเลือกมัลดีฟส์...
เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล...
รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน
เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
ที่นั่งเฟิร์สคลาส เป็นชั้นที่วันวาดไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวาสนา เธอนั่งมองก้อนเมฆสีขาวขุ่นลอยเรี่ยใต้ปีกเครื่องบิน พรางนึกในใจด้วยความสุข วันนี้ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งได้มีโอกาสสูงเสมอท้องฟ้า เป็นความยินดีที่มีคนอำนวยความสะดวกให้ แม้เขาจะนั่งปั้นหน้านิ่งๆ อยู่ข้างๆ แต่วันวาดรู้ดี ในใจลึกๆ ของโจนาธานมีแต่ความหวังดี
“ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกสิ่งที่คุณทำให้วาด”
หญิงสาวกล่าว ทุกสิ่งที่โจนาธานมอบให้ เธอไม่เคยคิด แล้วก็ไม่เคยหวัง เมื่อมันเป็นแค่ความฝันของผู้หญิงธรรมดา ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะโชคดีได้ครอบครองผู้ชายที่ดูดีจรดปลายเท้าอย่างเขา หลังเขาเดินได้ปกติ แม้จะยังไม่คล่องเท่าใด
“สำหรับเธอ แค่นี้น้อยไปนะวาด หากเทียบกับสิ่งที่เธอทำให้ฉัน หากวันนั้นเธอทอดใจ...ฉันก็ยังเป็นแค่คนป่วยที่นอนอยู่บนที่นอน...ไม่คิดจะสู้ มีแต่ความท้อแท้ในหัว”
โจนาธานหันมายิ้ม เขารวบมือวันวาดไปกุมไว้หลวมๆ ทอดตาฉ่ำๆ มองสบนัยน์ตากลมโต
“อยาก ‘จูบ’ เธอชะมัด เมื่อไรไอ้เครื่องบ้านี่จะแลนดิ้งสักที”
โจนาธานบ่น เขาจูบวันวาดครั้งสุดท้าย ตรงหน้าแท่นพิธี และเวลานี้เขาอยากจูบเธอที่สุด
หญิงสาวอมยิ้ม เธอเสก้มหน้าหลบ และคิดในใจเล่นๆ มันไม่หยุดอยู่แค่จูบแน่ เมื่อสายตาของโจนาธานบอกเธอเช่นนั้น
“ไม่เป็นไร...ฉันทนได้ ทนมาตั้ง3-4 เดือน ยังไหว...แต่...เธอเถอะวาด...จะไหวเหรอ...ฉันทวงคืนหนักแน่...อยากแกล้งให้ฉันอดอยากดีนัก” เป็นคำขู่ที่หวามใจที่สุด นับตั้งแต่ได้ยินจากปากของโจนาธาน หญิงสาวยิ้มรับ เธอช้อนตาขึ้นมองสามีหนุ่ม แววตาวันวาดมีแววท้าทายนิดๆ และนั่นเกือบทำให้โจนาธานคลั่ง เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับกัดกรามกรอดๆ
“มองฉันแบบนี้ เธอไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่วาด”
วันวาดอมยิ้มกับคำขู่ที่ไม่ได้น่ากลัว คำขู่นั่นทำให้เธอตื่นเต้นเล็กๆ และเฝ้ารอถึงช่วงเวลาเดียวกันแบบแทบจะอดใจรอไม่ได้...
เมื่อเครื่องบินร่อนลงจอดลงบนรันเวย์เมืองมาเล่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมัลดีฟส์ คนที่นิ่งสงบตอนอยู่บนเครื่องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาเร่งคนขับเครื่องบินน้ำยิกๆ โจนาธานต้องการไปให้ถึงที่พักก่อนที่ความอดทนของเขาจะสิ้นสุดลง บนเครื่องบินน้ำที่ต้องโดยสารไปยังรีสอร์ท โจนาธานขยับตัวด้วยความอึดอัดหลายๆ ครั้ง จนวันวาดอดไม่ได้ที่จะขำ ความใจร้อนของสามี
โจนาธานย่นคิ้วพยายามมองแผ่นน้ำใสแจ๋ว เพื่อให้ประจุความร้อนในกายเขาลดลง แต่มันเสียเปล่า ร่างกายของเขาร้อนระอุจนเกือบจะปริเขาพยายามแล้วแต่มันไร้ประโยชน์ เขาต้องการเธอ สายตาฉ่ำหวานทอดมองภรรยาหมาดๆ แบบมีความหมาย พร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่มเมื่อระยะทางหดสั้นลงไปทุกที... จนวันวาดเริ่มใจไม่ดี
เมื่อถึงที่หมาย คนใจร้อนกระโจนลงไปบนพื้นทรายขาวละเอียด เขาจูงมือวันวาดเดินลิ่วๆ จนเธอแทบจะสะดุดขาตัวเองล้ม
“รีบไปไหนคะ ช้าๆ ก็ได้ค่ะ เดียวคุณจะล้ม”
หญิงสาวร้องเตือน ถึงโจนาธานจะเดินได้ แต่เขายังต้องปรับสมดุลร่างกายอีกนานหลายเดือน กว่าจะกลับเป็นปกติเหมือนเดิม
“ช้าๆ ค่ะ” กระเป๋าเดินทางของเธอเพิ่งถูกลำเลียงลงมาจากเครื่องบิน และมันจะถูกส่งไปยังห้องพักในรีสอร์ทแห่งนี้ แต่ทว่าคนใจร้อนตรงหน้าเธอนี่แหละ ที่ทนรอไม่ไหว
“ช้าไม่ได้แล้วทูนหัว หากไม่อยากเล่นหนังสดให้คนอื่นดูที่หาดนี่ละก็... รีบเช็คอินเร็วๆ”
โจนาธานไม่ได้ขู่ ความปรารถนาของเขาล้นปริ่ม ความอดทนของของสิ้นสุดลง ตั้งแต่ได้จูบวันวาดหน้าแท่นพิธี ที่เขาอดทนมาจนถึงตรงนี้ได้ เขาก็ยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลย...
วันวาดยิ้มแหยๆ เธอเร่งเดินเร็วขึ้น เมื่อรู้ดี... สามีตนเองยังไม่แข็งแรง ถึงเขาจะเดินได้ แต่ก็ฝืนเต็มทน
ระหว่างที่กรอกข้อมูลตรงหน้าลอบบี้นั่น โจนาธานเคาะผิวโต๊ะเร่ง จนวันวาดรีบเร่งเขียนประวัติส่วนตัวในกระดาษที่เจ้าหน้าที่ประจำลอบบี้ร้องขอจนมือสั่น
เธอถอนใจเฮือกๆ เมื่อสามารถเดินผ่านประตูที่พักเข้ามาก่อนที่โจนาธานจะสติหลุด และปล้ำเธอต่อหน้าพนักงานเข็นกระเป๋า ชายหนุ่มควักธนบัตรให้ทิปคนหิ้วกระเป๋า เขาแทบไม่ได้ดูจำนวน และเมื่อประตูปิดลง...เขาเดินย่างสมขุมใส่ภรรยาป้ายแดง ที่เดินถอยหลังหนี พร้อมกับมองสบตาเขาด้วยสายตาหวาดๆ
“เออ...”
“หยุดพูดได้แล้ววาด...หมดเวลาของเธอแล้ว...ทีนี้ฉันจะเอาคืนเธอบ้าง ที่เธอแกล้งยั่วฉันมาตลอดเวลา3 เดือนนี่”
โจนาธานกล่าว มือของเขาปลดเสื้อผ้าบนตัว เหมือนนักแสดงโชว์ในบาร์เกย์ เขาปลดกระดุมเสื้อช้าๆ ทีละเม็ด ในขณะที่เดินเข้าหาเธอ เสื้อสีขาวบนตัวถูกเหวี่ยงปลิวหวือ ตามด้วยเข็มขัดหนังจระเข้ และกางเกงคือชิ้นสุดท้าย เวลานี้บนตัวโจนาธานมีเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว
วันวาดกลืนน้ำลายฝืดๆ เธอยิ้มแหยส่งให้สามีป้ายแดง
“ยังสว่างอยู่เลยนะคะ” แสงแดดส่องกระทบผิวน้ำ...มีริ้วคลื่นเป็นระลอก เธอใฝ่ฝันถึงความงามของสถานที่นี้มาตลอดชีวิต แต่คงจะได้ชื่นชมทะเลสวย น้ำใสนี่ หลังโจนาธานสงบลง...
“ดีสิ...เธอเห็นปลานั่นมั้ย?”
โจนาธานชี้ลงไปที่ปลายเท้าวันวาด ใต้แผ่นกระจกใส่ที่เธอยืนอยู่ ปลาตัวเล็กๆ แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำตรงนั้น สีสวยละลานตาไปหมด และเมื่อเธอก้มมอง ก็เป็นจังหวะเหมาะที่ชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่พอดี
“ว้าย!!”
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
บทนำ... บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’ ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมอ
บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน “ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตั
“วาดขอประวัติคนป่วยไปศึกษาด้วยค่ะ จะได้หาวิธีตั้งรับและวิธีทำให้เขาดีขึ้นด้วย” ไหนๆ ก็ตกลงปลงใจรับงานนี้มาทำ วัดวาดจึงจำเป็นต้องรู้จักคนป่วยคนนี้ เพื่อตัวเองและบิดา “ได้...” เบนพยักหน้ารับ “ไทย เอาประวัติน้องชายฉันให้หล่อนดูสิ” เบนสั่ง เขาออกเดินหน้าตั้ง เมื่อเวลาที่โจนาธานมาถึงกระชั้นเต็มที...เขาส่งโจนาธานไปตรวจร่างกายที่อเมริกา และวันนี้คือกำหนดกลับของน้องชาย แฟ้มสีน้ำตาลไหม้ ไทยหยิบจากโต๊ะทำงานของเบน มายัดใส่มือวันวาดพร้อมกับกระซิบเสียงเคร่งๆ “หากอยากอยู่จนปลดหนี้ให้พ่อเธอได้...อย่าพยายามอ่อย คุณโจ!!” ไทยเดินตามเจ้านายไปติดๆ เขาเป็นการ์ดกึ่งเลขา ทำงานทุกหน้าที่แล้วแต่เบนจะสั่ง...เป็นลูกน้องที่รู้ใจเบนสุดๆ วันวาดถอนใจแรงๆ “กลับบ้านกันเถอะค่ะพ่อ วาดต้องไปศึกษาคนป่วยคนนี้” หญิงสาวรีบประคองทะนง เขาอ่อนแรงมาก แม้แต่แรงยืนยังไม่ค่อยมี ที่วันวาดไม่เข้าใจ ทะนงอ่อนเปลี้ยขนาดนี้ เขานั่งหลังขดหลังแข็งในบ่อนได้ยังไงเป็นวันๆ “วาด...พ่อเหลือแค่วาดนะลูก” ระหว่างทาง ทะนงย้ำแล้วย้ำอีก หากวันวาดหนี นั
บทที่2.เผชิญหน้ากับคนป่วยจอมแสบ “แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?” เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50% “ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่” โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน “แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...” เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่... โจนาธานไม่ได้ตอบกลับ เขาเบือนหน้ามองเหม่อไป
ก็อกๆ “พยาบาลที่คุณเบนต้องการตัว มาแล้วครับ” เขาเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ยื่นหน้าเข้าไปภายพรางส่งเสียงบอก “ให้เข้ามาซิ” เสียงแหบห้าวตะโกนสวน เบนกำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อวันนี้น้องชายตัวแสบ ประท้วง...โจนาธานไม่แตะอะไรเลยแม้แต่น้ำ...จนคนดูแลวิ่งวุ่น เมื่อคนที่เคยอาละวาดปึงปังกลับนิ่งเฉย...แต่กลับทำให้อาการของเขาทรุดลง... “มาก็ดีแล้ว...ไปกันเถอะ เธอจะได้เจอคนป่วยจอมป่วนเสียที” วันวาดยังอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าหล่อนมันแพรบเพราะยังไม่แวะล้างคราบไคล แต่ในภาวะเร่งร้อนเช่นนี้ เบนไม่สนใจความสวยงามเท่าใด เขาต้องการใครก็ได้...ที่สามารถปราบพยศโจนาธานได้สักคน... วันวาดเดินตามผู้ชายหน้าดุแบบงงๆ เขาดูเร่งร้อน การเดินของเขาก็เช่นกัน ช่วงขายาวๆ นั่นเดินฉับๆ จนเธอต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทัน ลิฟต์ขาลง ดูดีกว่าลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมาลิบลับ ตัวลิฟต์ใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้ง ผิวลิฟต์มันปราบ เพราะการเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ เธอยืนเงียบๆ ด้านข้างเขา พยายามสำรวมสายตา โฟกัสแค่ปลายเท้า เสียงถอนหายใจแร