นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ
กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย
“ตกลงค่ะ...”
นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด
บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน...
“ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน”
นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
“อะไรนะคะ!!” หญิงสาวถามกลับเสียงหลง
“แกไม่ได้หูตึง และฉันคิดว่าแกได้ยิน เสี่ยเขารวย แกไปอยู่กับเขาแกต้องสบายแน่ แล้วก็อย่าลืมฉันล่ะ เพราะฉันแกถึงได้มีผัวรวย”
นางกล่าวเสียงขุ่น สะบัดหน้าใส่พิไลลักษณ์จนคอแทบเคล็ด
“คุณแม่คะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ พิไลเกี่ยวอะไรด้วยพิไลไม่ใช่ผัก ใช่ปลานะคะ จะมาขายจะมาซื้อกันได้ง่ายๆ”
หญิงสาวโวย!! ความจริงก็นึกชอบใจ แต่ตินิดหนึ่งตรงเสี่ยกวงแสนจะอัปลักษณ์ หากหน้าตาดีหรือหนุ่มแน่นกว่านี้พิไลลักษณ์คงรีบถลาเข้าใส่
“เอาน่า...นึกว่าเห็นแก่ฉัน...”
นางโบกมือตัดบท ขี้เกียจต่อปากต่อคำ เมื่อรู้แก่ใจว่าพิไลลักษณ์เข้าใจ แต่ทำเป็นยักท่าไปอย่างนั้นเอง
“คุณแม่!!”
“แกอย่าลืมฉันก็แล้วกันล่ะ...เสี่ยเขารออยู่ไปเถอะ”
นางยกมือขึ้นจับแขนเรียวของหญิงสาว พร้อมกับออกแรงดึง พาไปส่งเสี่ยกวงที่รออยู่อย่างปรีดิ์เปรม
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่...หญิงสาวแสร้งอิดออดแล้วก็ยอมเดินตามเสี่ยกวงไปดีๆ
พิไลจึงเดินตรงไปยังโต๊ะพนันต่อ ไม่ได้ใส่ใจบุตรสาวอย่างพิไลลักษณ์สักนิด หล่อนจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหน ตกระกำลำบากเยี่ยงไร นางไม่สน... ในสมองของพิไลตอนนี้มีแค่คำว่าต้องการแก้มือ นางจะไปทวงคืนเงินที่ละลายในวงไพ่ หารู้ไม่ว่านี่คือการเริ่มต้นเดินเข้าสู่ประตูนรก
ห้องพักเสี่ยกวง...
พิไลลักษณ์นั่งก้มหน้านิ่ง มือเรียวกุมประสานกันอยู่บนตัก หล่อนแสร้งทำตัวเป็นสาวไร้เดียงสา จะได้ทำให้ตัวเองแลดูมีค่า และหากเรียกร้องสิ่งใด ตาเฒ่าหัวงูนี่จะได้ไม่ปฏิเสธ
เสี่ยกวงยิ้มกริ่ม เขารินบรั่นดีใส่แก้วแล้วจึงถือเดินมายื่นให้หญิงสาว
“สักหน่อยมั้ยคนสวย ชื่ออะไรล่ะ จะให้เสี่ยเรียกหนูว่าอะไรดี”
“ไม่ค่ะ พิไลไม่ดื่ม...” หญิงสาวบอกปัด เปลือกตากระพริบถี่ๆ ทำเหมือนกับว่าสิ่งตรงหน้า หล่อนไม่เคยคุ้น
กวงยิ้มกว้าง “อย่ามาแสดงละครเลยหนู ฉันเดาไม่ผิด หนูไม่น่าจะ ‘ซิง’ แต่ไม่เป็นไรฉันไม่ถือ” เสี่ยปากหมาคือฉายาของกวง เขาเป็นคนพูดจาไม่มีหูรูด ดังนั้นไม่แปลกหรอกที่เขาจะโพล่งออกมาแบบนั้น
พิไลลักษณ์ผงะ!! เธอเบิกตาโตๆ มองกวงแบบตื่นตกใจ
“แล้วๆ”
“ไม่แล้วไง...ถูกใจฉันก็รับเลี้ยง ถ้าไม่ถูกใจครั้งเดียวก็จบ...”
หนุ่มรุ่นใหญ่พูดแบบไม่ยี่หระ เขามีภรรยาดุปานเสือ จะเลี้ยงดูอีหนูก็ได้แค่หลบๆ ซ่อนๆ ออกหน้าออกตาเมื่อไร เจ้หงส์หยกรู้เรื่องเป็นพัง!! เพราะฉะนั้นต้องเด็ดดวงจริงๆ เขาถึงจะเสี่ยง
พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ จะแสร้งทำตัวเป็นสาวไร้เดียงสา ก็คงจะมัดใจหนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ไม่ได้ เธอก็คงต้องแสดงฝีมือสุดกำลัง แบบไม่มีกั๊ก!! งานนี้จะสบาย นั่งกินนอนกินหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับลีลาของเธอ
“งั้น...ก็คงต้องให้เสี่ยตัดสินใจแล้วล่ะค่ะ”
พิไลลักษณ์ยิ้มหวาน...เธอขอลองดูสักตั้ง เมื่อมันหมายถึงอนาคตเธอจะไม่ต้องเดือนร้อนเรื่องเงิน มีใช้ไม่รู้จักหมด แม้จะต้องแลกมาด้วยศักดิ์ศรี...ช่างสิ ไม่มีใครหยิบยื่นให้เธอ...ทุกสิ่งต้องไขว่คว้ามาเอง...ใยต้องแคร์คำคน...เพราะหากมีเงินมีทองตุงกระเป๋า คนก็จะนับหน้าถือตาเอง
สาวเจนจัดทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าหนุ่มรุ่นคุณพ่อช้าๆ
เจ้าหล่อนช้อนสายตามองสบนัยน์ตาเรียวรี มือเรียวบางวางแหมะที่หน้าขาอวบอ้วน ลูบไล้ไปมาแผ่วๆ จ้องมองเป้าตุงๆ ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่นั่นมันหมายถึงอนาคตที่แสนสบาย หล่อนจะไต้องรีบตื่นแต่เช้า แหกขี้ตาไปเป็นขี้ข้าคนอื่น หากทำให้ผู้ชายสูงวัยคนนี้พอใจได้
กระเป๋าใส่สตางค์ของตนเองคงตุงจนแทบปริ
เมื่อชายที่อยู่ตรงเขากระเป๋าหนักและใจใหญ่
กวงทรุดนั่งลงบนโซฟา ใบหน้าของพิไลลักษณ์จึงอยู่เสมอเป้ากางเกงของเขาพอดี หล่อนเอื้อมมือมาจับ ค่อยๆ รูดซิปลง...ปลายลิ้นสีชมพูแลบออกไล้เลียริมฝีปากตนเอง ก่อนจะโน้มตัวลง อ้างับอวัยวะความเป็นชายของเสี่ยใหญ่ ความเชี่ยวชาญของหล่อนทำให้หนุ่มใหญ่แทบคลั่ง
เขากดศีรษะหล่อนลง ให้สัดส่วนของเขาสอดลึกเข้าไปอีก
“อ่า...ดีมากอีหนู”
พิไลลักษณ์น้ำตาแทบเล็ด แต่กระนั้นเลยหล่อนก็ยังไม่ยอมหยุด ปลายลิ้นของหล่อนตวัดรูดรัด ดูดดึงจนเสี่ยใหญ่เสียวสะท้าน ร่างอ้วนฉุ เกร็งกระตุก และอีกไม่ถึงนาทีเขาก็ปลดปล่อยความสุขออกมาเต็มอุ้งปากหญิงสาว พิไลลักษณ์แสยะยิ้ม ความสำเร็จกำลังจะมากองอยู่ตรงหน้าเธอ
ดังนั้น...หลังประตูห้องทำงานของเสี่ยกวง...นานนับชั่วโมง จึงมีแต่เสียงคราง ผสมกับเสียงหัวเราะร่า แบบถูกอกถูกใจเสียเหลือเกิน ชายสูงวัยที่คิดว่าตัวเองมีดี จนสาวใสวัยละอ่อนครางคร่ำไม่หยุด เขาคิดว่าเป็นเป็นยอดอาชาไนยที่มีพละกำลังดุจช้างสาร จนสามารถทำให้สาวละอ่อนครวญครางเสียงขรม หารู้ไม่...ทั้งหมดนั่นคือการแสดงละคร พิไลลักษณ์แสร้งทำตบตาเสี่ยใหญ่ และมันสัมฤทธิ์ผล เสี่ยกวงหลงใหลหล่อนแบบเต็มใจ...นับจากนี้ไป หญิงสาวคงได้เสวยสุขดั่งใจคิด...
แต่...มันจะง่ายไปไหม?
เมื่อมันเป็นเส้นทางที่น่าละอาย...
และคนเลวสมควรมีความสุขเหรอ พระเจ้าทำอะไรอยู่... ทำไมไม่มีบทลงโทษให้กับคนเหล่านี้บ้าง...
คฤหาสน์รูธ...
อาการของโจนาธานดีวันดีคืน เขาซุ่มกายภาพบำบัด จนตอนนี้ขาซ้ายและขาขวา เริ่มมีความรู้สึก ขยับได้เล็กๆ นั่นเป็นข่าวดีแต่ชายหนุ่มขออุบไว้!! เขายังไม่ต้องการให้ใครรู้ แม้แต่เบน!!
ในขณะที่อาการคนป่วยดีขึ้น ความสัมพันธ์ของโจนาธานกับวันวาดกลับแย่ลง...
เมื่อหญิงสาวเย็นชา ทำเหินห่าง ทั้งๆ ที่ชายหนุ่มพยายามที่จะชิดใกล้ เขาอยากมีค่ำคืนเช่นนั้นอีกครั้ง...
คำตอบที่ได้...คือคำปฏิเสธ!!
และโจนาธานก็หยิ่งเกินกว่าจะงอนง้อ...
แม้จะปรารถนาวันวาดแทบขาดใจ...
หล่อนพูดชัดถ้อยชัดค่ำ...คืนนั้น เป็นคืนเดียวสำหรับหล่อนกับเขา แค่...เมียพาร์ทไทม์...
เจ็บจี๊ดๆ แต่ต้องทนไว้ ทนมองหล่อนกรายไป กรายมา ยั่วยวนจนตบะแทบแตก ที่ทำได้คือต้องทน!!
“จะไปไหน?”
เสียงถามคล้ายเสียงตวาด เมื่อผสมกับดวงตาขวางๆ ของเขาด้วย วันวาดกลัวจนคอหด แต่ต้องฝืนแสร้งทำไม่ใส่ใจ
“เอ่อ... คือ คือวาดจะออกไปข้างนอกเดี๋ยวเดียว”
หญิงสาวตอบแล้วจึงยืนนิ่ง
“ไปทำอะไร...ข้างนอก” คนป่วยหน้าหงิกตาขวางถามต่อ
ในห้องพักฟื้นมีแค่เพียงสองคน วันวาดผ่อนลมหายใจออกจากปอดช้าๆ
“วาดนึกว่าคุณหลับแล้ว เลยจะออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ...” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายส่วนกลับมาทันควัน
“ที่นั่งหัวโด่อยู่นี่...หลับแล้วรึ!!”
วันวาดอ้าปากหวอ “ดึกแล้วค่ะ คุณควรพัก...” หญิงสาวแย้ง พยายามลดเสียงลง ระวังคำตอบของตัวเอง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นให้โจนาธานโกรธขึ้นมาอีก เขาฉุนเฉียวง่ายๆ พักนี้ เธอตามอารมณ์ไม่ทัน นับตั้งแต่วันต่อมา ที่เขาขอ...นอน...กับเธออีกครั้ง แต่วันวาดละอายใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริการ วันนั้นเธอจำเป็น มันมีเหตุบีบบังคับที่เธอต้องจำใจทำ และมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงตอบปฏิเสธไปอย่างชัดๆ จนเป็นที่มาของความบาดหมาง...เธอรู้โจนาธานไม่พอใจ!! แต่เขาเลือกที่จะเก็บงำไว้“ฉันจะนอนหรือไม่นอน ไม่ใช่เรื่องของเธอนะวาด...แต่เธอ!!” ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่วันวาด เขาแค่นพูดประชดประชัน “เธอควรอยู่ไม่ห่างฉัน เธอมีหน้าที่ดูแลฉัน ไม่ใช่อยากจะออกไปแต่ข้างนอกนั่นเพื่อไป...อ่อย...ผู้ชาย”ข้างนอกนั่น มีการ์ดของเขากับพี่เป็นสิบคน...หากหล่อนอยากได้ผู้ชาย...เขาอยู่นี่ และพร้อมที่จะสนองอารมณ์หล่อนให้แบบเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั่นเลย...หญิงสาวไม่ตอบ เธอเดินกลับไปทรุดนั่งที่เดิม และเสก้มหลบสายตาเขา มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ ปล่อยให้โจนาธานนั่งฮึดฮัดเพียงคนเดียว“พรุ่งนี้เธอหยุดนี่”เสียงถามลอยตามลมมา...วันวา
บทที่12.สวรรค์มีตา...นรกมีจริง... วันหยุดที่ธรรมดา วันวาดจะต้องกลับบ้านเพื่อพักผ่อนส่วนตัว แต่...วันนี้ โจนาธานร้องขอเอาไว้ และหญิงสาวเองก็เต็มใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เขา ตามที่หัวใจลึกๆ สั่งการ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หัวใจเจ้ากรรมดัน...ไม่ฟังเสียงสมองเสียแล้ว ความสุขเล็กๆ ของวันวาดที่พยายามไม่ให้ใครรู้ เธอดีใจทุกครั้งที่โจนาธานมีอาการดีขึ้น หญิงสาวอยากเห็นเขามีแต่รอยยิ้ม... “จะไปไหนกันเหรอ? เห็นวุ่นวายกันแต่เช้า” เบนร้องถาม เขาเห็นการ์ดกับสาวใช้หลายคนวิ่งวุ่น ตั้งแต่เช้าตรู่ แป้นหันมาตอบคำถามเจ้านายหนุ่มยิ้มๆ “คุณโจสิคะ จะออกไปข้างนอก” เบนเลิกหัวคิ้วขึ้น เขายิ้มกว้างเมื่อเข้าใจความหมาย น้องชายของเขาเก็บตัวเงียบมาตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น โจนาธานไอ้หนุ่มเจ้าสำราญหายไป ทิ้งไว้แค่ผู้ชายเจ้าอารมณ์ขี้วีน...กลายเป็นคนเก็บตัวเพราะมีปม!! “จริงดิ!! ไปไหนกันล่ะ” เบนถามยิ้มๆ “ไม่รู้ค่ะ...สงสัยอยากพาคุณวาดไปเดท...” แป้นกระซิบกระซาบ การเปลี่ยนแปลงของเจ้านายก็น่าจะเพราะคุณพยาบาลสุดสวย วันวาดสวยพิศ ยิ่งมองยิ่งชื่นใ
มาดามรินรำไพ...มารดาของสองหนุ่ม เธอมีทริปท่องเที่ยวรอบโลก เพราะเบนกับโจนาธานไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจ...เพราะนางเสียใจอย่างหนัก...หลังเสียสามี แล้วโจนาธานยังมาเกิดอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้ามารดา เพื่อทำให้ท่านคลายใจ จนยอมออกเดินทางเพื่อพักตัวและใจ “เหรอ...ก็ดี” ชายหนุ่มตอบกดหมุนวีแชร์ เพราะอยากรีบออกเดินทาง อยากกินข้าวเช้ากับวันวาดตอนที่พระอาทิตย์สีส้มๆ สาดแสงอ่อนๆ กระทบผิวน้ำ มันคงเป็นบรรยากาศสุดโรมานซ์... เบนเป่าปากพรวดๆ เขารีบปิดงับประตูลงและกดล็อก... “เธอกับเบนมีอะไรกันมั้ย!!” วันวาดเดินตาม เธอช่วยประคองหลังรถวีแชร์ ระวังหลังให้คนป่วยจอมดื้ออีกทาง หญิงสาวสะดุ้ง!! “ไม่มีค่ะ...วาดจะมีอะไรกับคุณเบนล่ะคะ?” เธอรีบตอบ พร้อมกับย้อนถามเพื่อเปลี่ยนความสนใจของชายหนุ่ม “ไม่มีก็ดี...พี่ชายฉัน...ไม่ใช่แบบที่เธอคิด” แม้จะไม่รู้ทั้งหมด...โจนาธานแน่ใจ เบนมีเบื้องลึก แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เลยไม่อยากใส่ใจ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับวันวาด เขาก็จำเป็นต้องรีบสกัด “ค่ะ” ทั้งสองคนเงียบงันไปหลังจากน
“แน่นะคุณโจ” แป้นยิ้มกริ่ม “แน่สิวะ...ถ้าทำได้เอาไปเลย...” โจนาธานตอบเสียงเบาๆ แต่หนักแน่น “แป้นจัดให้...” สาวใช้ตัวอวบรับคำ หล่อนเดินถลาเข้าไปหาวันวาด พร้อมกับรีบดุนหลังหญิงสาว กลับไปที่ราวแขวนผ้าเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มต้นกระบวนการโน้มน้าววันวาด สารพันที่แป้นงัดเอามาล่อ...จนวันวาดไม่สามารถปฏิเสธได้ ในที่สุดหล่อนก็ยอมใจอ่อน...หลวมตัวทดลองใส่ชุดที่แป้นเลือกมายัดใส่มือให้ “ลองเลยค่ะ เราลองได้ค่ะคุณวาด ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าหรอก ลองเป็นเพื่อนแป้นหน่อย แป้นอยากลองแต่ไม่กล้า” เปลือกตากระพริบปริบๆ ผสมกับใบหน้าอวบๆ ที่ม่อยลงไปถนัดใจ วันวาดจึงยอมใจอ่อน ทดลอง ลองชุดสวยๆ เหล่านั้น แม้จะเกรงใจเจ้าของร้านที่คอยอำนวยความสะดวกให้ เมื่อเธอไม่คิดจะซื้อ...เพราะแค่เห็นราคา ยังสะดุ้ง!! สวย...นิยามคำนี้ แทบไม่ผิดเพี้ยน หลังวันวาดเดินตัวลีบออกมาจากห้องลองเสื้อ ผู้หญิงคนเดิม เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าบนร่างกาย ไม่อยากเชื่อตาก็ต้องเชื่อ เธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวของคนโบราณว่าไว้ไม่มีผิด คนงามเพราะแต่ง ไก่งามเพราะขนเป็นความจริงแท้แน่นอน
ชายสูงวัยยิ้มเย้ย!! “สภาพแบบนี้ คิดจะกำแหงกับคนอย่างฉัน ไปหัดเดินก่อนดีกว่าไหมไอ้หนู!!” “ขาฉันเดินไม่ได้ก็จริงนะเสี่ย แต่คิดว่าฉันมีเขี้ยวเล็บแค่นี้เหรอ กับคู่ปรับที่เป็นผู้ชายแก่ๆ คนเดียว” โจนาธนตอบเสียงเย็น ถึงขาจะเดินไม่ได้ แต่มือของเขายังใช้การได้ และที่แน่ๆ เรื่องเหนี่ยวไกปืนเป็นงานถนัด ระยะเผาขนแบบนี้ เขาคิดว่าไม่มีทางพลาดเป้า พิไลลักษณ์มองโจนาธานตาวาว ถึงเขาจะนั่งอยู่บนวีแชร์ แต่ความหล่อเหลาก็ยังพุ่งทแยงตา องศาความหล่อเหนือชั้นกว่าเสี่ยกวงหลายร้อยเท่า เธอจึงมองอยู่ห่างๆ และจดจำรายละเอียดทุกเม็ด “มากไปไอ้หนู...ว่าแต่...เป็นไงบ้างละ หายหน้าไปเสียเป็นปีๆ เราก็นึกว่า...” ปากอูมๆ ขยับพูดแบบไม่มีเสียงแต่โจนาธานอ่านปากออก เขาเดือดจนแทบเต้น แต่จำเป็นต้องระงับอารมณ์เอาไว้... “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกเสี่ย จนกว่าจะหาไอ้คนทำกับฉันเจอ รับประกันได้...มันจะได้ของสมนาคุณจากฉันคืน...แบบคาดไม่ถึง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็น เขามองสบนัยน์ตาหลุกหลิกของเสี่ยกวง เวลานี้โจนาธานฟันธง!! ไอ้เสี่ยอ้วนพุงพุ้ยนี่ อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุร้ายแรงของเขาแน่ๆ
บทที่13.ควานหาคนร้าย วันวาดนั่งกอดอกนิ่งๆ ใบหน้าเธอฉาบไว้ด้วยความเฉยชา ดวงตาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในขณะที่พาหนะสมรรถนะสูงวิ่งฉิว ตรงดิ่งกลับคฤหาสน์รูธ!! เรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง... ปรายตามองถุงสารพัน...ที่กองแอ้งแม้งอยู่ด้านหลังด้วยความขุ่นเคือง... เธอเพิ่งจะทราบความจริง...ทุกชุดที่เธอทดลองสวมในร้านนั้น โจนาธานกวาดมาจนเกลี้ยง แถมยังจ้างแป้นทำร้ายพิไลลักษณ์ ถึงหล่อนจะสมควรโดนก็เถอะ แต่เธอไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กำลัง... “ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริงๆ รึ?” ชายหนุ่มเปรย เขาอมยิ้มน้อยๆ จับตามองวันวาดทุกอิริยาบถ ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ถูกตา ต้องใจไปหมด “วาดขอบคุณที่คุณออกตัวปกป้องวาด แต่...ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ” หญิงสาวตัดสินใจพูด เก็บไว้ในใจ คนที่เป็นทุกข์ก็คือเธอ “น้อยไปสิ...แม่นั่นบังอาจทำร้ายเธอ ดูสิ... แก้มเธอแดงก่ำแบบนี้ ฉันไม่สั่งเก็บก็บุญเท่าไรแล้ว...” ชายหนุ่มตอบ เขาไหวไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวเองพิงเบาะนุ่มๆ “ป่าเถื่อน!!” “แหงอยู่แล้ว...ฉันไม่ใช่ลุคเจ้าชาย เ
“จริงเหรอ...ไม่แน่หรอก...” แป้นแย้งยิ้มๆ เธอไม่ใช่สาวใส ที่ไม่รู้อะไรเลย หลายครั้งที่โจนาธานแสดงออก มันเกินกว่าคนป่วยกับพยาบาล แม้ไม่เคยเห็นฉากเด็ดๆ เหมือนที่เอกเห็นวันนี้ แป้นแน่ใจ มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่...หนุ่ม สาวอยู่กันสองต่อสอง...ไม่มีอะไรเชียวหรือ เจ้านายหนุ่มถึงจะป่วย แต่ก็เป็นผู้ชาย... หญิงสาวพยายามอยู่เงียบๆ หลังเอกเข็นวีแชร์พาโจนาธานมาส่งในห้องพัก... ชายหนุ่มไม่ยอมขึ้นเตียง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง มีรีโหมตทีวีจอยักษ์อยู่ในมือ เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเบื่อๆ ตาก็คอยแต่จะมองตามวันวาด เมื่อหล่อนทำตัวเหมือนยุ่งเหลือเกิน จนไม่มีเวลาหยุดนิ่งให้เขามีโอกาสได้แควะ!! “ม้าดีดไง? เดินเหมือนกลัวไม่ได้ออกแรง” แก้วน้ำเย็นเฉียบมีไอน้ำเกาะพราวรอบตัวแก้ว วันวาดเดินถือมาวางไว้ใกล้ๆ โจนาธานชายหนุ่มจึงถือโอกาส จัดให้หนึ่งดอก!! หล่อนไม่ได้ตอบ แต่นั่นเท่ากับทำให้พายุอารมณ์ของโจนาธานพัดกระพือขึ้น!! “พูดกับฉันเนี๊ยะ!! มันจะทำให้ดอกพิกุลหล่นจากปากเธอเหรอหะ!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงแหลมปรี๊ด หญิงสาวถ
บทที่14.แม่จ๋าอยากมีเมีย โจนาธานนั่งคอตกบนเตียง เขานึกแช่งชักตัวเอง มือใหญ่ๆ ยกขึ้นตบปากแรงๆ เมื่อปากเจ้ากรรมนี่แหละ ที่คอยแต่จะทำเรื่อง อยากพูดจาหวานหูกับวันวาด แต่ไม่รู้เป็นยังไง คอยแต่จะแควะหล่อน จนหญิงสาวต้องน้ำตาตกทุกที... “เป็นไรอีกวะโจ?” เบนเดินเข้ามาในห้องพักของน้องชาย กิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ “เปล๊า!!” หนุ่มปากแข็งตอบเสียงสูง ช้อนสายตาขวางๆ มองพี่ชาย เบนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง เขาตวัดขาขึ้นไขว่กัน เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองน้องชายตรงๆ “แก...หึง!! ฉันกับวาด...เหรอ?” คำถามจี้ใจดำ แต่คนปากแข็งหรือจะยอมรับ “บ้าสิพี่ ยัยพยาบาลกุ้งแห้งนั่น มีอะไรให้ผมหึง!!” โจนาธานแสร้งโวย เขาเสหลบตาเบน คนเป็นพี่อมยิ้ม เขาเอื้อมมือตบลงบนบ่าของน้องชาย “แกรู้ดีนี่ว่าพี่เป็นไง ถึงพี่ไม่บอกแกก็น่าจะเดาออก...ฉันไม่ชอบผู้หญิงว่ะ!!” เบนตัดสินใจพูดความจริง เขาไม่ควรมีความลับกับโจนาธาน เพื่อคลี่คลายความอึมครึมระหว่างน้องชายกับวันวาด... “เออ...ผม...” “แกตกใจสิ!! แต่มันคื