Share

บทที่11.กรรมติดจรวด 3

นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ

          กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย

          “ตกลงค่ะ...”

          นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด

          บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน...

          “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน”

          นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก

          “อะไรนะคะ!!” หญิงสาวถามกลับเสียงหลง

          “แกไม่ได้หูตึง และฉันคิดว่าแกได้ยิน เสี่ยเขารวย แกไปอยู่กับเขาแกต้องสบายแน่ แล้วก็อย่าลืมฉันล่ะ เพราะฉันแกถึงได้มีผัวรวย”

          นางกล่าวเสียงขุ่น สะบัดหน้าใส่พิไลลักษณ์จนคอแทบเคล็ด

          “คุณแม่คะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ พิไลเกี่ยวอะไรด้วยพิไลไม่ใช่ผัก ใช่ปลานะคะ จะมาขายจะมาซื้อกันได้ง่ายๆ”

          หญิงสาวโวย!! ความจริงก็นึกชอบใจ แต่ตินิดหนึ่งตรงเสี่ยกวงแสนจะอัปลักษณ์ หากหน้าตาดีหรือหนุ่มแน่นกว่านี้พิไลลักษณ์คงรีบถลาเข้าใส่

          “เอาน่า...นึกว่าเห็นแก่ฉัน...”

          นางโบกมือตัดบท ขี้เกียจต่อปากต่อคำ เมื่อรู้แก่ใจว่าพิไลลักษณ์เข้าใจ แต่ทำเป็นยักท่าไปอย่างนั้นเอง

          “คุณแม่!!”

          “แกอย่าลืมฉันก็แล้วกันล่ะ...เสี่ยเขารออยู่ไปเถอะ”

          นางยกมือขึ้นจับแขนเรียวของหญิงสาว พร้อมกับออกแรงดึง พาไปส่งเสี่ยกวงที่รออยู่อย่างปรีดิ์เปรม

          ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่...หญิงสาวแสร้งอิดออดแล้วก็ยอมเดินตามเสี่ยกวงไปดีๆ

          พิไลจึงเดินตรงไปยังโต๊ะพนันต่อ ไม่ได้ใส่ใจบุตรสาวอย่างพิไลลักษณ์สักนิด หล่อนจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหน ตกระกำลำบากเยี่ยงไร นางไม่สน... ในสมองของพิไลตอนนี้มีแค่คำว่าต้องการแก้มือ นางจะไปทวงคืนเงินที่ละลายในวงไพ่ หารู้ไม่ว่านี่คือการเริ่มต้นเดินเข้าสู่ประตูนรก

ห้องพักเสี่ยกวง...

          พิไลลักษณ์นั่งก้มหน้านิ่ง มือเรียวกุมประสานกันอยู่บนตัก หล่อนแสร้งทำตัวเป็นสาวไร้เดียงสา จะได้ทำให้ตัวเองแลดูมีค่า และหากเรียกร้องสิ่งใด ตาเฒ่าหัวงูนี่จะได้ไม่ปฏิเสธ

          เสี่ยกวงยิ้มกริ่ม เขารินบรั่นดีใส่แก้วแล้วจึงถือเดินมายื่นให้หญิงสาว

          “สักหน่อยมั้ยคนสวย ชื่ออะไรล่ะ จะให้เสี่ยเรียกหนูว่าอะไรดี”

          “ไม่ค่ะ พิไลไม่ดื่ม...” หญิงสาวบอกปัด เปลือกตากระพริบถี่ๆ ทำเหมือนกับว่าสิ่งตรงหน้า หล่อนไม่เคยคุ้น

          กวงยิ้มกว้าง “อย่ามาแสดงละครเลยหนู ฉันเดาไม่ผิด หนูไม่น่าจะ ‘ซิง’ แต่ไม่เป็นไรฉันไม่ถือ” เสี่ยปากหมาคือฉายาของกวง เขาเป็นคนพูดจาไม่มีหูรูด ดังนั้นไม่แปลกหรอกที่เขาจะโพล่งออกมาแบบนั้น

          พิไลลักษณ์ผงะ!! เธอเบิกตาโตๆ มองกวงแบบตื่นตกใจ

          “แล้วๆ”

          “ไม่แล้วไง...ถูกใจฉันก็รับเลี้ยง ถ้าไม่ถูกใจครั้งเดียวก็จบ...”

          หนุ่มรุ่นใหญ่พูดแบบไม่ยี่หระ เขามีภรรยาดุปานเสือ จะเลี้ยงดูอีหนูก็ได้แค่หลบๆ ซ่อนๆ ออกหน้าออกตาเมื่อไร เจ้หงส์หยกรู้เรื่องเป็นพัง!! เพราะฉะนั้นต้องเด็ดดวงจริงๆ เขาถึงจะเสี่ยง

          พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ จะแสร้งทำตัวเป็นสาวไร้เดียงสา ก็คงจะมัดใจหนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ไม่ได้ เธอก็คงต้องแสดงฝีมือสุดกำลัง แบบไม่มีกั๊ก!! งานนี้จะสบาย นั่งกินนอนกินหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับลีลาของเธอ

          “งั้น...ก็คงต้องให้เสี่ยตัดสินใจแล้วล่ะค่ะ”

          พิไลลักษณ์ยิ้มหวาน...เธอขอลองดูสักตั้ง เมื่อมันหมายถึงอนาคตเธอจะไม่ต้องเดือนร้อนเรื่องเงิน มีใช้ไม่รู้จักหมด แม้จะต้องแลกมาด้วยศักดิ์ศรี...ช่างสิ ไม่มีใครหยิบยื่นให้เธอ...ทุกสิ่งต้องไขว่คว้ามาเอง...ใยต้องแคร์คำคน...เพราะหากมีเงินมีทองตุงกระเป๋า คนก็จะนับหน้าถือตาเอง

          สาวเจนจัดทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าหนุ่มรุ่นคุณพ่อช้าๆ

          เจ้าหล่อนช้อนสายตามองสบนัยน์ตาเรียวรี มือเรียวบางวางแหมะที่หน้าขาอวบอ้วน ลูบไล้ไปมาแผ่วๆ จ้องมองเป้าตุงๆ ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่นั่นมันหมายถึงอนาคตที่แสนสบาย หล่อนจะไต้องรีบตื่นแต่เช้า แหกขี้ตาไปเป็นขี้ข้าคนอื่น หากทำให้ผู้ชายสูงวัยคนนี้พอใจได้

          กระเป๋าใส่สตางค์ของตนเองคงตุงจนแทบปริ

          เมื่อชายที่อยู่ตรงเขากระเป๋าหนักและใจใหญ่

          กวงทรุดนั่งลงบนโซฟา ใบหน้าของพิไลลักษณ์จึงอยู่เสมอเป้ากางเกงของเขาพอดี หล่อนเอื้อมมือมาจับ ค่อยๆ รูดซิปลง...ปลายลิ้นสีชมพูแลบออกไล้เลียริมฝีปากตนเอง ก่อนจะโน้มตัวลง อ้างับอวัยวะความเป็นชายของเสี่ยใหญ่ ความเชี่ยวชาญของหล่อนทำให้หนุ่มใหญ่แทบคลั่ง

          เขากดศีรษะหล่อนลง ให้สัดส่วนของเขาสอดลึกเข้าไปอีก

          “อ่า...ดีมากอีหนู”

          พิไลลักษณ์น้ำตาแทบเล็ด แต่กระนั้นเลยหล่อนก็ยังไม่ยอมหยุด ปลายลิ้นของหล่อนตวัดรูดรัด ดูดดึงจนเสี่ยใหญ่เสียวสะท้าน ร่างอ้วนฉุ เกร็งกระตุก และอีกไม่ถึงนาทีเขาก็ปลดปล่อยความสุขออกมาเต็มอุ้งปากหญิงสาว พิไลลักษณ์แสยะยิ้ม ความสำเร็จกำลังจะมากองอยู่ตรงหน้าเธอ

          ดังนั้น...หลังประตูห้องทำงานของเสี่ยกวง...นานนับชั่วโมง จึงมีแต่เสียงคราง ผสมกับเสียงหัวเราะร่า แบบถูกอกถูกใจเสียเหลือเกิน ชายสูงวัยที่คิดว่าตัวเองมีดี จนสาวใสวัยละอ่อนครางคร่ำไม่หยุด เขาคิดว่าเป็นเป็นยอดอาชาไนยที่มีพละกำลังดุจช้างสาร จนสามารถทำให้สาวละอ่อนครวญครางเสียงขรม หารู้ไม่...ทั้งหมดนั่นคือการแสดงละคร พิไลลักษณ์แสร้งทำตบตาเสี่ยใหญ่ และมันสัมฤทธิ์ผล เสี่ยกวงหลงใหลหล่อนแบบเต็มใจ...นับจากนี้ไป หญิงสาวคงได้เสวยสุขดั่งใจคิด...

          แต่...มันจะง่ายไปไหม?

          เมื่อมันเป็นเส้นทางที่น่าละอาย...

          และคนเลวสมควรมีความสุขเหรอ พระเจ้าทำอะไรอยู่... ทำไมไม่มีบทลงโทษให้กับคนเหล่านี้บ้าง...

คฤหาสน์รูธ...

          อาการของโจนาธานดีวันดีคืน เขาซุ่มกายภาพบำบัด จนตอนนี้ขาซ้ายและขาขวา เริ่มมีความรู้สึก ขยับได้เล็กๆ นั่นเป็นข่าวดีแต่ชายหนุ่มขออุบไว้!! เขายังไม่ต้องการให้ใครรู้ แม้แต่เบน!!

          ในขณะที่อาการคนป่วยดีขึ้น ความสัมพันธ์ของโจนาธานกับวันวาดกลับแย่ลง...

          เมื่อหญิงสาวเย็นชา ทำเหินห่าง ทั้งๆ ที่ชายหนุ่มพยายามที่จะชิดใกล้ เขาอยากมีค่ำคืนเช่นนั้นอีกครั้ง...

          คำตอบที่ได้...คือคำปฏิเสธ!!

          และโจนาธานก็หยิ่งเกินกว่าจะงอนง้อ...

          แม้จะปรารถนาวันวาดแทบขาดใจ...

          หล่อนพูดชัดถ้อยชัดค่ำ...คืนนั้น เป็นคืนเดียวสำหรับหล่อนกับเขา แค่...เมียพาร์ทไทม์...

          เจ็บจี๊ดๆ แต่ต้องทนไว้ ทนมองหล่อนกรายไป กรายมา ยั่วยวนจนตบะแทบแตก ที่ทำได้คือต้องทน!!

“จะไปไหน?”

เสียงถามคล้ายเสียงตวาด เมื่อผสมกับดวงตาขวางๆ ของเขาด้วย วันวาดกลัวจนคอหด แต่ต้องฝืนแสร้งทำไม่ใส่ใจ

“เอ่อ... คือ คือวาดจะออกไปข้างนอกเดี๋ยวเดียว”

หญิงสาวตอบแล้วจึงยืนนิ่ง

“ไปทำอะไร...ข้างนอก” คนป่วยหน้าหงิกตาขวางถามต่อ

ในห้องพักฟื้นมีแค่เพียงสองคน วันวาดผ่อนลมหายใจออกจากปอดช้าๆ

“วาดนึกว่าคุณหลับแล้ว เลยจะออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ...” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายส่วนกลับมาทันควัน

“ที่นั่งหัวโด่อยู่นี่...หลับแล้วรึ!!”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status