หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน
“แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน”
พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย
พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน
“ค่ะ”
“ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว”
พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก
สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน เพราะไม่เคยมีใครรวยเพราะการพนัน เงินที่ได้มามันเป็นเงินร้อน อยู่ไม่นานเดี๋ยวก็ลอยไปเข้ากระเป๋าคนอื่น หากยังไม่หยุดเดินเข้าประตูนรก
บ่าย2กว่า...เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของพิไลลักษณ์กรีดร้อง หญิงสาวกดรับก่อนกรอกเสียงตอบไป
“มีอะไรคะคุณแม่ ได้หรือเสีย...”
คนโทร. มาไม่ใช่ใครที่ไหนเลย พิไลนั่นเอง
“ฉันบอกแกแล้วนี่พิไล ถ้าฉันรวยฉันจะโทร. หาแก” พิไลคุยฟุ้ง เวลานี้ในกระเป๋านางมีเงินสดฟ่อนใหญ่ เฉียดๆ หนึ่งล้านบาท เป็นความโชคดีสุดๆ จนนางอยากอวดใครสักคน
“จริงเหรอคะคุณแม่!! โชคดีจัง เดี๋ยวพิไลออกไปรับนะคะ เราจะไปช็อปที่ไหนกันดี”
หญิงสาวกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เธอพูดเสียงสั่น ตื่นเต้นยินดีไปกับพิไลด้วย
“ที่ไหนก็ได้ แกรู้ไหม...ฉันโกยมาเท่าไร!!” พิไลเอ่ยเสียงกระหึม
“ให้เดา...น่าจะหลายแสน...ใช่ไหมคะ?”
“ผิด...เกือบล้าน...ฉันมีเงินสดเฉียดล้านอยู่ในกระเป๋าตอนนี้”
นางกำหูกระเป๋าแน่น เพราะเป็นครั้งแรกที่พิไลทำเงินได้เยอะขนาดนี้จากการเสี่ยงโชค
“รอไม่เกิน30นาทีค่ะ เดี๋ยวพิไลไปรับ”
หล่อนลุกขึ้นยืน เดินไปคว้ากุญแจรถยนต์คันเก่ง เตรียมตัวออกไปรับพิไล วันนี้คงเป็นวันที่แสนจะมีความสุข เมื่อมีเงินจับจ่าย หลังจากกระเบียดกระเสียรมาหลายเดือน เพราะเงินเดือนไม่พอใช้...
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พิไลคิด นางกำลังอยู่ในบ่อนของเสี่ยกวง เสี่ยขาโหดที่ไม่มีทางปล่อยให้ใครเข้ามาโกยเงินจากกระเป๋าตัวเองง่ายๆ เรื่องที่พิไลโชคดี นางมีดวงวันนี้จึงไปถึงหูชายใจเหี้ยม เขาเดินออกจากห้องทำงานมามองพิไลด้วยดวงตาวาวๆ พร้อมกับแผนเด็ด ชักจูงหล่อนกลับเขาสู่เกม และถ่ายเทเงินจากระเป๋าของหล่อน มาสู่กระเป๋าตัวเองอีกครั้ง...
“สวัสดีครับคุณนาย ผมเสี่ยกวง เป็นเจ้าของที่นี่”
ชายสูงวัยจึงเดินเข้าไปทักทายพิไล พร้อมกับการแนะนำตัว
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” พิไลพยักหน้ารับ เธอชะเง้อมองหาพิไลลักษณ์ เมื่อนั่งรออยู่นาน บุตรสาวยังมาไม่ถึงสักที
“ได้ข่าวว่าคุณนายเฮง!! สนใจจะไปเขต VIP มั้ยครับ คุณนายอาจจะโชคดียิ่งกว่าเก่า”
พิไลตาโต...หากฟลุ๊คๆ ขึ้นมา นางอาจเพิ่มเงินจากเรือนล้านเป็นหลายๆ ล้าน ลองดูก็ไม่เสียหลาย
“เออ...”
“ไม่ลองสักหน่อยเหรอครับ โซนนั้นไม่ได้ให้เข้าไปกันง่ายๆ มีเงินต่ำกว่าล้านนี่ไม่มีโอกาสนะครับ”
กวงโน้มนาว เอาเงินล้านมาล่อ และพิไลก็หลงกลง่ายๆ นางเดินตามเกมของกวง โดยไม่มีรู้เลยว่าทั้งหมดนี่คือแผนชั่ว
พิไลกำลังหน้าเครียด ไพ่ในมือสวยเสียจนนางหลงกลเปย์ไม่ยั้ง แต่ก็พ่ายให้แก่เจ้ามือร่ำไป จนเงินในกระเป๋านางร่อยหรอเกือบหมด นางเริ่มเหงื่อตกอยากได้คืน จึงทุ่มสุดตัวจนกระทั่งหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือติดกระเป๋าสักบาท...
นางหันรีหันขวาง และกวงก็เดินเข้ามาเสนอเรื่องการหยิบยืม...
พิไลตกลงแบบไม่ลังเล...นางต้องการแก้มือ โดยไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นเหยื่อ
กวงพยักหน้าสั่งคนแจกไพ่ ให้อ่อยให้พิไลก่อน แล้วค่อยตลบหลังเอาคืนทีหลัง
ดังนั้นเมื่อพิไลลักษณ์มาถึง...เธอถามหามารดา และเธอได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดี จากผู้ชายตาเรียวรีที่ยืนมองจากชั้นบัญชาการ หล่อนเดินไปหามารดาบุญธรรมแบบปรีดิ์เปรม หญิงสาวแทบกรี๊ด!! เมื่อจำนวนเงินที่กองอยู่ตรงหน้ามารดามันเยอะจนน่าตกใจ
“คุณแม่”
“อะไรยะ ฉันกำลังเฮง...” นางกระซิบตอบแสยะยิ้มปากเกือบฉีก กำลังลุ้นไพ่ในมือ นางป็อกแปด เตรียมจะหงายไพ่ เดิมพันครั้งนี้นางทุ่มไปหลายแสน และหวังรวยมหาศาล แต่...เจ้ามือยิ้มกริ่ม เขาหงายไพ่ของตัวเองลงตรงหน้าก่อนที่พิไลจะทันได้หงายไพ่ เจ้ามือป็อกเก้า สีเดียวกัน ดังนั้นขาไพ่รอบวงต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า!! สาวใหญ่เหงื่อตก เธอมองเงินตรงหน้าที่ยุบวาบลงในพริบตา...
“...” นางเม้มปากแน่น มองกองเงินตรงหน้าเจ้ามือด้วยความเสียดาย หากตานี้นางได้ นางก็จะมีเงินไปคืนเสี่ยกวงและรวยเป็นล้าน น่าเสียดายที่ไพ่ในมือของเจ้ามือดันใหญ่กว่านาง
เอาว่ะ!! พิไลตัดสินใจ นางดันเงินปึกใหญ่ตรงหน้า วัดดวงครั้งสุดท้าย หากรวยก็รวยเละ!! และหากเสียนางจะไปเอาเพิ่มอีกสักล้าน นางคงไม่เสียทุกครั้งไปหรอก
กวงมองผู้หญิงสาวข้างตัวพิไลตาวาว หล่อนอวบอึ๋มถูกใจ และหากได้หล่อนมาครองคงยิ่งดี
เขาส่งซิกให้คนแจกไพ่ จัดการพิไลในเกมนี้ เมื่อเห็นนางดันเงินหน้าตักทั้งหมด...ในการเดิมพัน กวงเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ เขายกมือกอดอก รอ...เวลา...
พิไลลักษณ์พลอยเหงื่อตกไปด้วย ชั่วเวลาแค่พริบตาเดียว กองเงินขนาดใหญ่พร่องลงจนเกือบหมด เธออยากห้ามมารดา แต่รู้ดีว่าไม่ควรทำ พิไลเป็นคนรั้น...หากเผลอห้ามตอนนี้คงไม่แคล้วถูกตะเพิด!!
และก็เป็นอย่างที่กวงต้องการ...พิไลหน้าซีดเมื่อหยิบไพ่ตรงหน้าของตัวเองขึ้นมาดู แต้มที่ได้ต่ำสุดๆ นางมองเงินทั้งหมดด้วยความเจ็บใจ ก่อนหน้านี้นางกำลังดวงดี มือขึ้น เจ้ามือแจกอะไรมาก็กิน กินจนมีแต่เสียงบ่นจากรอบตัว นางเลยลำพอง...พลาดตาเดียว เงินที่นางได้มาเทคืนไปจนหมด และตานี้เป็นเดิมพันที่นางตั้งความหวังไว้มาก ไม่คิดว่ามันจะฉิบหายวายวอด...เมื่อไพ่ตานี้ ไม่มีทางสู้...เมื่อมันมีแค่แต้มเดียว นางกำลังจะขอเรียกไพ่ เผื่อพระเจ้าเข้าข้างนาง หากเปิดไพ่ใบใหม่มาและได้แปด นางก็ยังพอมีทางรอด...
เจ้ามือชิงหงายไพ่เสียก่อน พิไลหน้าซีด นางนึกอยากเป็นลม... ป็อกแปด!!
หมดกัน!! นางครางในอก ควานมือล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าสะพาย เงินที่หามาได้ เงินที่ยืมมาจากเสี่ยกวง หายวับไปกับตา แต่การเล่นไพ่แค่2 ตา...
“คุณแม่คะ...”
นางหันมามองพิไลลักษณ์ ดวงตาพิไลแดงก่ำ นางเสียดายเงินแทบขาดใจ แถมซ้ำร้ายยังเป็นหนี้เรือนล้าน...
“สวัสดีคุณนาย...” กวงเดินเข้ามาหา เขาคิดว่าเป็นจังหวะเหมาะทีเดียว
“เออ...เสี่ย...ฉัน”
นางหน้าซีดมือสั่น...พูดจาติดๆ ขัดๆ เหงื่อแตกซิกๆ จนแม้แต่พิไลลักษณ์ยังรู้สึก
“ให้ผมช่วยไหมครับ...”
กวงเสนอตัว เขาหลุบเปลือกตาลงซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ไว้อย่างมิดเม้น
“ได้เหรอคะ ได้เหรอ เออ...ของเก่า...เออ”
พิไลพูดติดๆ ขัดๆ เธออายที่จะโพล่งเรื่องหนี้
“เชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่า ผมยินดีและเต็มใจ แต่มีข้อแม้...”
กวงเงยหน้าขึ้นมองพิไลตรงๆ เขายิ้มมุมปาก...ทางที่เขาจะได้แม่สาวสมันสุดสวยข้างตัวคุณนายหน้าโง่นี่เปิดกว้างเสียจนไม่อยากรอ...
“ค่ะ ได้ค่ะ พิไลรอแม่อยู่นี่นะเดี๋ยวมา”
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
วันวาดอ้าปากหวอ “ดึกแล้วค่ะ คุณควรพัก...” หญิงสาวแย้ง พยายามลดเสียงลง ระวังคำตอบของตัวเอง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นให้โจนาธานโกรธขึ้นมาอีก เขาฉุนเฉียวง่ายๆ พักนี้ เธอตามอารมณ์ไม่ทัน นับตั้งแต่วันต่อมา ที่เขาขอ...นอน...กับเธออีกครั้ง แต่วันวาดละอายใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริการ วันนั้นเธอจำเป็น มันมีเหตุบีบบังคับที่เธอต้องจำใจทำ และมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงตอบปฏิเสธไปอย่างชัดๆ จนเป็นที่มาของความบาดหมาง...เธอรู้โจนาธานไม่พอใจ!! แต่เขาเลือกที่จะเก็บงำไว้“ฉันจะนอนหรือไม่นอน ไม่ใช่เรื่องของเธอนะวาด...แต่เธอ!!” ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่วันวาด เขาแค่นพูดประชดประชัน “เธอควรอยู่ไม่ห่างฉัน เธอมีหน้าที่ดูแลฉัน ไม่ใช่อยากจะออกไปแต่ข้างนอกนั่นเพื่อไป...อ่อย...ผู้ชาย”ข้างนอกนั่น มีการ์ดของเขากับพี่เป็นสิบคน...หากหล่อนอยากได้ผู้ชาย...เขาอยู่นี่ และพร้อมที่จะสนองอารมณ์หล่อนให้แบบเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั่นเลย...หญิงสาวไม่ตอบ เธอเดินกลับไปทรุดนั่งที่เดิม และเสก้มหลบสายตาเขา มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ ปล่อยให้โจนาธานนั่งฮึดฮัดเพียงคนเดียว“พรุ่งนี้เธอหยุดนี่”เสียงถามลอยตามลมมา...วันวา
บทที่12.สวรรค์มีตา...นรกมีจริง... วันหยุดที่ธรรมดา วันวาดจะต้องกลับบ้านเพื่อพักผ่อนส่วนตัว แต่...วันนี้ โจนาธานร้องขอเอาไว้ และหญิงสาวเองก็เต็มใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เขา ตามที่หัวใจลึกๆ สั่งการ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หัวใจเจ้ากรรมดัน...ไม่ฟังเสียงสมองเสียแล้ว ความสุขเล็กๆ ของวันวาดที่พยายามไม่ให้ใครรู้ เธอดีใจทุกครั้งที่โจนาธานมีอาการดีขึ้น หญิงสาวอยากเห็นเขามีแต่รอยยิ้ม... “จะไปไหนกันเหรอ? เห็นวุ่นวายกันแต่เช้า” เบนร้องถาม เขาเห็นการ์ดกับสาวใช้หลายคนวิ่งวุ่น ตั้งแต่เช้าตรู่ แป้นหันมาตอบคำถามเจ้านายหนุ่มยิ้มๆ “คุณโจสิคะ จะออกไปข้างนอก” เบนเลิกหัวคิ้วขึ้น เขายิ้มกว้างเมื่อเข้าใจความหมาย น้องชายของเขาเก็บตัวเงียบมาตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น โจนาธานไอ้หนุ่มเจ้าสำราญหายไป ทิ้งไว้แค่ผู้ชายเจ้าอารมณ์ขี้วีน...กลายเป็นคนเก็บตัวเพราะมีปม!! “จริงดิ!! ไปไหนกันล่ะ” เบนถามยิ้มๆ “ไม่รู้ค่ะ...สงสัยอยากพาคุณวาดไปเดท...” แป้นกระซิบกระซาบ การเปลี่ยนแปลงของเจ้านายก็น่าจะเพราะคุณพยาบาลสุดสวย วันวาดสวยพิศ ยิ่งมองยิ่งชื่นใ
มาดามรินรำไพ...มารดาของสองหนุ่ม เธอมีทริปท่องเที่ยวรอบโลก เพราะเบนกับโจนาธานไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจ...เพราะนางเสียใจอย่างหนัก...หลังเสียสามี แล้วโจนาธานยังมาเกิดอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้ามารดา เพื่อทำให้ท่านคลายใจ จนยอมออกเดินทางเพื่อพักตัวและใจ “เหรอ...ก็ดี” ชายหนุ่มตอบกดหมุนวีแชร์ เพราะอยากรีบออกเดินทาง อยากกินข้าวเช้ากับวันวาดตอนที่พระอาทิตย์สีส้มๆ สาดแสงอ่อนๆ กระทบผิวน้ำ มันคงเป็นบรรยากาศสุดโรมานซ์... เบนเป่าปากพรวดๆ เขารีบปิดงับประตูลงและกดล็อก... “เธอกับเบนมีอะไรกันมั้ย!!” วันวาดเดินตาม เธอช่วยประคองหลังรถวีแชร์ ระวังหลังให้คนป่วยจอมดื้ออีกทาง หญิงสาวสะดุ้ง!! “ไม่มีค่ะ...วาดจะมีอะไรกับคุณเบนล่ะคะ?” เธอรีบตอบ พร้อมกับย้อนถามเพื่อเปลี่ยนความสนใจของชายหนุ่ม “ไม่มีก็ดี...พี่ชายฉัน...ไม่ใช่แบบที่เธอคิด” แม้จะไม่รู้ทั้งหมด...โจนาธานแน่ใจ เบนมีเบื้องลึก แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เลยไม่อยากใส่ใจ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับวันวาด เขาก็จำเป็นต้องรีบสกัด “ค่ะ” ทั้งสองคนเงียบงันไปหลังจากน
“แน่นะคุณโจ” แป้นยิ้มกริ่ม “แน่สิวะ...ถ้าทำได้เอาไปเลย...” โจนาธานตอบเสียงเบาๆ แต่หนักแน่น “แป้นจัดให้...” สาวใช้ตัวอวบรับคำ หล่อนเดินถลาเข้าไปหาวันวาด พร้อมกับรีบดุนหลังหญิงสาว กลับไปที่ราวแขวนผ้าเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มต้นกระบวนการโน้มน้าววันวาด สารพันที่แป้นงัดเอามาล่อ...จนวันวาดไม่สามารถปฏิเสธได้ ในที่สุดหล่อนก็ยอมใจอ่อน...หลวมตัวทดลองใส่ชุดที่แป้นเลือกมายัดใส่มือให้ “ลองเลยค่ะ เราลองได้ค่ะคุณวาด ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าหรอก ลองเป็นเพื่อนแป้นหน่อย แป้นอยากลองแต่ไม่กล้า” เปลือกตากระพริบปริบๆ ผสมกับใบหน้าอวบๆ ที่ม่อยลงไปถนัดใจ วันวาดจึงยอมใจอ่อน ทดลอง ลองชุดสวยๆ เหล่านั้น แม้จะเกรงใจเจ้าของร้านที่คอยอำนวยความสะดวกให้ เมื่อเธอไม่คิดจะซื้อ...เพราะแค่เห็นราคา ยังสะดุ้ง!! สวย...นิยามคำนี้ แทบไม่ผิดเพี้ยน หลังวันวาดเดินตัวลีบออกมาจากห้องลองเสื้อ ผู้หญิงคนเดิม เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าบนร่างกาย ไม่อยากเชื่อตาก็ต้องเชื่อ เธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวของคนโบราณว่าไว้ไม่มีผิด คนงามเพราะแต่ง ไก่งามเพราะขนเป็นความจริงแท้แน่นอน
ชายสูงวัยยิ้มเย้ย!! “สภาพแบบนี้ คิดจะกำแหงกับคนอย่างฉัน ไปหัดเดินก่อนดีกว่าไหมไอ้หนู!!” “ขาฉันเดินไม่ได้ก็จริงนะเสี่ย แต่คิดว่าฉันมีเขี้ยวเล็บแค่นี้เหรอ กับคู่ปรับที่เป็นผู้ชายแก่ๆ คนเดียว” โจนาธนตอบเสียงเย็น ถึงขาจะเดินไม่ได้ แต่มือของเขายังใช้การได้ และที่แน่ๆ เรื่องเหนี่ยวไกปืนเป็นงานถนัด ระยะเผาขนแบบนี้ เขาคิดว่าไม่มีทางพลาดเป้า พิไลลักษณ์มองโจนาธานตาวาว ถึงเขาจะนั่งอยู่บนวีแชร์ แต่ความหล่อเหลาก็ยังพุ่งทแยงตา องศาความหล่อเหนือชั้นกว่าเสี่ยกวงหลายร้อยเท่า เธอจึงมองอยู่ห่างๆ และจดจำรายละเอียดทุกเม็ด “มากไปไอ้หนู...ว่าแต่...เป็นไงบ้างละ หายหน้าไปเสียเป็นปีๆ เราก็นึกว่า...” ปากอูมๆ ขยับพูดแบบไม่มีเสียงแต่โจนาธานอ่านปากออก เขาเดือดจนแทบเต้น แต่จำเป็นต้องระงับอารมณ์เอาไว้... “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกเสี่ย จนกว่าจะหาไอ้คนทำกับฉันเจอ รับประกันได้...มันจะได้ของสมนาคุณจากฉันคืน...แบบคาดไม่ถึง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็น เขามองสบนัยน์ตาหลุกหลิกของเสี่ยกวง เวลานี้โจนาธานฟันธง!! ไอ้เสี่ยอ้วนพุงพุ้ยนี่ อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุร้ายแรงของเขาแน่ๆ
บทที่13.ควานหาคนร้าย วันวาดนั่งกอดอกนิ่งๆ ใบหน้าเธอฉาบไว้ด้วยความเฉยชา ดวงตาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในขณะที่พาหนะสมรรถนะสูงวิ่งฉิว ตรงดิ่งกลับคฤหาสน์รูธ!! เรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง... ปรายตามองถุงสารพัน...ที่กองแอ้งแม้งอยู่ด้านหลังด้วยความขุ่นเคือง... เธอเพิ่งจะทราบความจริง...ทุกชุดที่เธอทดลองสวมในร้านนั้น โจนาธานกวาดมาจนเกลี้ยง แถมยังจ้างแป้นทำร้ายพิไลลักษณ์ ถึงหล่อนจะสมควรโดนก็เถอะ แต่เธอไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กำลัง... “ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริงๆ รึ?” ชายหนุ่มเปรย เขาอมยิ้มน้อยๆ จับตามองวันวาดทุกอิริยาบถ ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ถูกตา ต้องใจไปหมด “วาดขอบคุณที่คุณออกตัวปกป้องวาด แต่...ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ” หญิงสาวตัดสินใจพูด เก็บไว้ในใจ คนที่เป็นทุกข์ก็คือเธอ “น้อยไปสิ...แม่นั่นบังอาจทำร้ายเธอ ดูสิ... แก้มเธอแดงก่ำแบบนี้ ฉันไม่สั่งเก็บก็บุญเท่าไรแล้ว...” ชายหนุ่มตอบ เขาไหวไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวเองพิงเบาะนุ่มๆ “ป่าเถื่อน!!” “แหงอยู่แล้ว...ฉันไม่ใช่ลุคเจ้าชาย เ
“จริงเหรอ...ไม่แน่หรอก...” แป้นแย้งยิ้มๆ เธอไม่ใช่สาวใส ที่ไม่รู้อะไรเลย หลายครั้งที่โจนาธานแสดงออก มันเกินกว่าคนป่วยกับพยาบาล แม้ไม่เคยเห็นฉากเด็ดๆ เหมือนที่เอกเห็นวันนี้ แป้นแน่ใจ มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่...หนุ่ม สาวอยู่กันสองต่อสอง...ไม่มีอะไรเชียวหรือ เจ้านายหนุ่มถึงจะป่วย แต่ก็เป็นผู้ชาย... หญิงสาวพยายามอยู่เงียบๆ หลังเอกเข็นวีแชร์พาโจนาธานมาส่งในห้องพัก... ชายหนุ่มไม่ยอมขึ้นเตียง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง มีรีโหมตทีวีจอยักษ์อยู่ในมือ เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเบื่อๆ ตาก็คอยแต่จะมองตามวันวาด เมื่อหล่อนทำตัวเหมือนยุ่งเหลือเกิน จนไม่มีเวลาหยุดนิ่งให้เขามีโอกาสได้แควะ!! “ม้าดีดไง? เดินเหมือนกลัวไม่ได้ออกแรง” แก้วน้ำเย็นเฉียบมีไอน้ำเกาะพราวรอบตัวแก้ว วันวาดเดินถือมาวางไว้ใกล้ๆ โจนาธานชายหนุ่มจึงถือโอกาส จัดให้หนึ่งดอก!! หล่อนไม่ได้ตอบ แต่นั่นเท่ากับทำให้พายุอารมณ์ของโจนาธานพัดกระพือขึ้น!! “พูดกับฉันเนี๊ยะ!! มันจะทำให้ดอกพิกุลหล่นจากปากเธอเหรอหะ!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงแหลมปรี๊ด หญิงสาวถ