บทที่11.กรรมติดจรวด
“คุณแม่คะ...คุณแม่ได้ข่าวคุณพ่อบ้างไหมคะ?”
พิไลลักษณ์ถามมารดาเลี้ยงด้วยความกังขา หล่อนได้ยินข่าวที่ยังไม่ได้คัดกรอง แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริง ถึงจะเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก...
“ไม่...ป่านนี้โดนไอ้เสี่ยบ้านั่นฆ่าตายแล้วมั้ง”
พิไลพูดแบบไม่ยี่หระ ความรักจืดจางลง ที่เหลือไว้คือความชิงชัง สามีที่เคยเป็นคนดี เปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า...ทะนงจะเป็นตายยังไงก็ช่าง!! เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว...
“คุณพ่อยังไม่ตายหรอกค่ะ...เหมือนจะอยู่ดีมีสุข คุณแม่มาอยู่กับพิไล ไม่ได้ข่าวทางบ้านบ้างเลยเหรอคะ?”
สาวโสภาทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรูหราพอสมควรตามกำลังเงิน ความเป็นอยู่ไม่ได้สบายเหมือนเก่า เมื่อไม่ใคร่จะมีเงินทองจับจ่าย
“ใครจะสน...”
พิไลพ่นควันสีขาวๆ ออกมาจากปาก เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นทั้งเหล้าและบุหรี่ เมื่อไม่มีอะไรทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้คือของแก้เซ็งที่เธอทำยามว่าง แถมช่วงนี้พิไลริอ่านหัดเล่น ‘ไพ่’ มันทำให้นางสนุกและหายเบื่อ
“คุณแม่อย่าไปเสวนากับยัยป้าเจ้าของคอนโดนักรู้ไหมคะ แกนะผีการพนันเข้าสิง สักวันจะพาคุณแม่ไปมั่วในบ่อน”
“ก็ดีสิ!! ฉันก็อยากรู้พ่อแกติดอะไรหนักหนากับไอ้การเสี่ยงดวงนี่”
“ไม่รู้สิคะ พิไลไม่เห็นจะสน นั่งหลังขดหลังแข็ง ไม่เห็นได้มีแต่เสีย”
“แกรู้ได้ไงพิไล เอ้า!! แม่ให้ ได้มาเยอะวันนี้ไม่เห็นจะยาก”
พิไลลากกระเป๋าสะพายไหล่ที่นางวางแหมะไว้ไม่ไกลตัว ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา ควักธนบัตรปึกใหญ่ยัดใส่มือบุตรบุญธรรม
“อะไรคะนี่?” พิไลลักษณ์มองสตางค์ในมืองงๆ
“ฉันเล่นได้ไงล่ะ... กวาดอีป้าเจ้าของคอนโดมาเรียบ เป็นหมื่นเลยแกเอ๋ย”
พิไลคุยโอ่ แค่ชิมลางครั้งแรกก็ไปได้สวย นางกินเรียบกวาดมาคนเดียวทั้งวง
“คุณแม่คะ พิไลเพิ่งเตือน...ถ้าเสียละก็... พิไลไม่มีปัญญาหาไปจ่ายนะคะ ไหนจะค่าห้อง ค่ากิน ค่านู้นนี่...”
แม้จะยินดีที่มีลาภลอย แต่หญิงสาวก็อดวิตกไม่ได้ หากมารดาเลี้ยงมาเบียดเบียนเงินทอง เธอจะไม่พอใช้จ่าย
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า เดี๋ยวเงินเดือนนังวาดออก ฉันก็จะไปรับมาเหมือนเคย”
สาวใหญ่ไหวไหล่ นางยิ้มเย็น นางเป็นคนรับเงินเดือนวันวาด ตั้งแต่หญิงสาวเริ่มทำงาน
“มันจะยอมเหรอคะคุณแม่...” พิไลลักษณ์ติง สถานการณ์ไม่เหมือนก่อน ไม่ได้อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน หากวันวาดไม่ยอมขึ้นมา มันจะยุ่งเปล่า
“ก็ลองดูสิ!!”
พิไลไม่สนความลำบากของสองแม่ลูกนั่น จะมีกินหรือไม่ก็แล้วแต่เลย เมื่อรัชนีทำให้นางขุ่นใจ เวลานี้นางยกสามีให้รัชนีครอง อีนังลูกสาวก็ต้องจ่ายค่าปลอบขวัญให้นางด้วยสิ...
พิไลไม่สนใจคำเตือนของพิไลลักษณ์ วันรุ่งขึ้นนางจึงนวยนาดมาเดินเมียงๆ มองๆ เจ้าของคอนโด เพื่อหาอะไรทำแก้เซ็ง และคงไม่พ้นการเล่นไพ่...
สายสวาทเปิดประตูห้องพักกึ่งออฟฟิตออกมา นางย่นหัวคิ้วมองพิไลงงๆ
“มายืนเกะกะอะไรแถวนี้ละคะคุณนาย” นางยังขุ่นใจไม่หาย เพราะเมื่อวันก่อนพิไลมือขึ้น ฟาดเงินในกระเป๋านางไปจนเกลี้ยง
“วันนี้ไม่มีกิจกรรมยามว่างเหรอคะคุณ”
สาวใหญ่ถามยิ้มๆ
“ขาขาด...ฉันเลยว่าจะไปบ่อน...ไปหาเงินค่าขนมสักนิด พอหอมปากหอมคอ”
เพื่อนใหม่สายนักเสี่ยงโชคตอบเสียงเรียบ นางยิ้มอ่อน ปรายตามองเพื่อนใหม่เหมือนดูแคลน
พิไลขยับกระเป๋าสตางค์ในซอกรักแร้ ในนั้นมีเงินสดพอสมควร นางแอบจิกสามีไว้ เพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน มันโขอยู่และหากนางมือขึ้นเหมือนวันก่อน คงไม่เงินติดกระเป๋าเพิ่มขึ้น
“ไปมั้ยล่ะ แค่นี้เอง...”
กลางเมืองใหญ่ มีแต่สิ่งปลูกสร้างเจริญหูเจริญตา แต่หารู้ไม่ตามซอกตามหลืบมีความดำมืดซุกซ่อนอาศัยอยู่ เป็นหายนะเล็กๆ ที่หากใครถลำลงไปก็มีสิทธิ์หมดอนาคตได้เช่นกัน...
“ถ้ามือขึ้น เดี๋ยวฉันเลี้ยงขนม”
พิไลคุยเขื่อง สายสวาทยิ้มรับ นางยังไงก็ได้เมื่อเล่นแค่เอามัน ไม่ได้หวังกอบโกยเงินทอง เป็นความสุขที่นางรู้จักยับยั้ง แต่ไม่ใคร่แน่ใจว่าเพื่อนใหม่แสนลำพองจะเป็นอย่างไร หากโง่ถลำลงไปทั้งตัว นางก็ช่วยไม่ได้...
แต่เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างพิไล นางคงพกเทพีแห่งโชคลาภมาด้วย...ตอนเดินเข้าไปนางมีสตางค์ในกระเป๋าแค่เรือนหมื่น...แต่ขากลับออกมา นางมีสตางค์เพิ่มเป็นเรือนแสน มันทำให้พิไลลำพองและเริ่มถลำลึกลงไปในบ่วงอบายมุขแบบไม่รู้ตัว...
“ไปด้วยกันไหมสาย...” ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร โดยพิไลอาสาเป็นเจ้ามือ นางซดเบียร์เย็นไปอึกใหญ่ แล้วจึงกระซิบกระซาบถามเพื่อนใหม่ที่พาไปรวย
“ไปไหนคุณนาย” สายสวาทตักยำรสแซ่บใส่ปาก นางถามกลับแบบไม่เข้าใจ
“ก็คุณสมชายเขาชวน ไปบ่อนเสี่ยกวงพรุ่งนี้ ฉันกำลังมือขึ้นต้องรีบโกยไว้ก่อน...วันนี้แสน พรุ่งนี้อาจจะได้เป็นล้าน”
พิไลคุยฟุ้ง จนสายสวาทแอบค่อนในใจ ‘หรือไม่ก็หมดตัว’ นางไม่พูดออกมา ได้แต่ยิ้มเยาะในใจ มือใหม่รายไหน รายนั้น ยังไม่เสียไม่รู้สึก วันนี้ลำพองกับความโชคดี พรุ่งนี้อาจนั่งน้ำตาตกเพราะดวงซวย
“จะดีเหรอ...บ่อนใหญ่เชียวนะ ถ้าเป็นหนี้เขาละก็... เจ้าของบ่อนเอาตายถ้าไม่คืน”
สายสวาทอยู่ในวงการพอตัว นางรู้ว่าที่ไหนโปร่งใส ที่ไหนมีเล่ห์กล นางเล่นแก้เบื่อเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ดูท่าแล้วพิไลคงไม่ใช่ นางหวังรวยจนไม่ดูลู่ทางลม
“บ่อนใหญ่สิดี เราจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ”
สาวใหญ่ดวงดีคุยฟุ้ง นางหวังไปโกยเงินเข้ากระเป๋า แต่หารู้ไม่ว่า...หนทางข้างหน้าคือหายนะชัดๆ
“ไปเถอะ ฉันไม่ไปหรอกจ้ะ ฉันเล่นแค่พอหอมปากหอมคอ...เผื่อเสียขึ้นมาเสียดายแย่...เขาเล่นกันหนักๆ ทั้งนั้น”
บ่อนเสี่ยกวงมีแต่เขี้ยวลากดิน หากไม่เจ๋งจริงไม่มีใครเหยียบย่างเข้าไป มือใหม่อย่างพิไลคงได้กลายเป็นหมูให้พวกเขี้ยวตันทั้งหลายถลุง สายสวาทยิ้มเย็น นางไม่คิดจะเตือน ดีเสียอีกจะได้เป็นการสอนน้องใหม่ให้รู้เสียบ้าง วงการนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีแต่เศษแก้วเกลื่อนเต็มพื้น หลังจากนี้พิไลจะได้ไม่คุยฟุ้ง
“ตามใจ ชวนไปรวยไม่ไป”
สาวใหญ่ที่กำลังเดินวนอยู่บนปากเหวไหวไหล่ นางละเลียดชิมอาหารสุดอร่อยแบบบันเทิงเริงรมย์ ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน...และเริ่มดำเนินชีวิตในเช้าวันใหม่ตามเส้นทางของตัวเอง
“หูยยย คุณแม่แต่งตัวสวยจังค่ะ...จะไปไหนเหรอคะ?”
วันนี้พิไลลักษณ์รู้สึกเบื่อๆ หล่อนเลยขี้เกียจไปทำงาน แต่เมื่อตื่นขึ้นมา กลับพบว่าพิไลกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านเช่นกัน แถมยังงัดชุดเก่งออกมาแต่งตัวเสียงพริ้ง!!
“แกก็รู้พิไล เมื่อคืนฉันได้มา เลยจะไปต่อทุนสักหน่อย”
นางคุยฟุ้ง...ยิ้มกว้างๆ เมื่อบุตรสาวคนสวยชมไม่ขาดปาก “คุณแม่เก่งค่ะ วันนี้คงรวยเป็นล้าน...”
สาวโสภายกนิ้มหัวแม่โป้งให้ เธอหันไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน เพื่อจะหากาแฟกินแก้ง่วง
“แกไม่ไปทำงานเหรอไงหะ!!”
นางมาอาศัยอยู่กับพิไลลักษณ์แค่1 อาทิตย์ แต่บุตรสาวกลับมีวันหยุดหลายวัน หากเทียบกับวันวาด อีหอกข้างแคร่นั่น มันทำงานแบบไม่มีวันหยุด ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย...ทนถึกเหมือนวัว เหมือนควาย
“เบื่อค่ะ...จ้านายจิกหัวใช้ยังกับพิไลเป็นทาส แถมเงินเดือนก็นิดเดียวเอง”
หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน “แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน” พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน “ค่ะ” “ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว” พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
วันวาดอ้าปากหวอ “ดึกแล้วค่ะ คุณควรพัก...” หญิงสาวแย้ง พยายามลดเสียงลง ระวังคำตอบของตัวเอง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นให้โจนาธานโกรธขึ้นมาอีก เขาฉุนเฉียวง่ายๆ พักนี้ เธอตามอารมณ์ไม่ทัน นับตั้งแต่วันต่อมา ที่เขาขอ...นอน...กับเธออีกครั้ง แต่วันวาดละอายใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริการ วันนั้นเธอจำเป็น มันมีเหตุบีบบังคับที่เธอต้องจำใจทำ และมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงตอบปฏิเสธไปอย่างชัดๆ จนเป็นที่มาของความบาดหมาง...เธอรู้โจนาธานไม่พอใจ!! แต่เขาเลือกที่จะเก็บงำไว้“ฉันจะนอนหรือไม่นอน ไม่ใช่เรื่องของเธอนะวาด...แต่เธอ!!” ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่วันวาด เขาแค่นพูดประชดประชัน “เธอควรอยู่ไม่ห่างฉัน เธอมีหน้าที่ดูแลฉัน ไม่ใช่อยากจะออกไปแต่ข้างนอกนั่นเพื่อไป...อ่อย...ผู้ชาย”ข้างนอกนั่น มีการ์ดของเขากับพี่เป็นสิบคน...หากหล่อนอยากได้ผู้ชาย...เขาอยู่นี่ และพร้อมที่จะสนองอารมณ์หล่อนให้แบบเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั่นเลย...หญิงสาวไม่ตอบ เธอเดินกลับไปทรุดนั่งที่เดิม และเสก้มหลบสายตาเขา มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ ปล่อยให้โจนาธานนั่งฮึดฮัดเพียงคนเดียว“พรุ่งนี้เธอหยุดนี่”เสียงถามลอยตามลมมา...วันวา
บทที่12.สวรรค์มีตา...นรกมีจริง... วันหยุดที่ธรรมดา วันวาดจะต้องกลับบ้านเพื่อพักผ่อนส่วนตัว แต่...วันนี้ โจนาธานร้องขอเอาไว้ และหญิงสาวเองก็เต็มใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เขา ตามที่หัวใจลึกๆ สั่งการ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หัวใจเจ้ากรรมดัน...ไม่ฟังเสียงสมองเสียแล้ว ความสุขเล็กๆ ของวันวาดที่พยายามไม่ให้ใครรู้ เธอดีใจทุกครั้งที่โจนาธานมีอาการดีขึ้น หญิงสาวอยากเห็นเขามีแต่รอยยิ้ม... “จะไปไหนกันเหรอ? เห็นวุ่นวายกันแต่เช้า” เบนร้องถาม เขาเห็นการ์ดกับสาวใช้หลายคนวิ่งวุ่น ตั้งแต่เช้าตรู่ แป้นหันมาตอบคำถามเจ้านายหนุ่มยิ้มๆ “คุณโจสิคะ จะออกไปข้างนอก” เบนเลิกหัวคิ้วขึ้น เขายิ้มกว้างเมื่อเข้าใจความหมาย น้องชายของเขาเก็บตัวเงียบมาตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น โจนาธานไอ้หนุ่มเจ้าสำราญหายไป ทิ้งไว้แค่ผู้ชายเจ้าอารมณ์ขี้วีน...กลายเป็นคนเก็บตัวเพราะมีปม!! “จริงดิ!! ไปไหนกันล่ะ” เบนถามยิ้มๆ “ไม่รู้ค่ะ...สงสัยอยากพาคุณวาดไปเดท...” แป้นกระซิบกระซาบ การเปลี่ยนแปลงของเจ้านายก็น่าจะเพราะคุณพยาบาลสุดสวย วันวาดสวยพิศ ยิ่งมองยิ่งชื่นใ
มาดามรินรำไพ...มารดาของสองหนุ่ม เธอมีทริปท่องเที่ยวรอบโลก เพราะเบนกับโจนาธานไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจ...เพราะนางเสียใจอย่างหนัก...หลังเสียสามี แล้วโจนาธานยังมาเกิดอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้ามารดา เพื่อทำให้ท่านคลายใจ จนยอมออกเดินทางเพื่อพักตัวและใจ “เหรอ...ก็ดี” ชายหนุ่มตอบกดหมุนวีแชร์ เพราะอยากรีบออกเดินทาง อยากกินข้าวเช้ากับวันวาดตอนที่พระอาทิตย์สีส้มๆ สาดแสงอ่อนๆ กระทบผิวน้ำ มันคงเป็นบรรยากาศสุดโรมานซ์... เบนเป่าปากพรวดๆ เขารีบปิดงับประตูลงและกดล็อก... “เธอกับเบนมีอะไรกันมั้ย!!” วันวาดเดินตาม เธอช่วยประคองหลังรถวีแชร์ ระวังหลังให้คนป่วยจอมดื้ออีกทาง หญิงสาวสะดุ้ง!! “ไม่มีค่ะ...วาดจะมีอะไรกับคุณเบนล่ะคะ?” เธอรีบตอบ พร้อมกับย้อนถามเพื่อเปลี่ยนความสนใจของชายหนุ่ม “ไม่มีก็ดี...พี่ชายฉัน...ไม่ใช่แบบที่เธอคิด” แม้จะไม่รู้ทั้งหมด...โจนาธานแน่ใจ เบนมีเบื้องลึก แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เลยไม่อยากใส่ใจ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับวันวาด เขาก็จำเป็นต้องรีบสกัด “ค่ะ” ทั้งสองคนเงียบงันไปหลังจากน
“แน่นะคุณโจ” แป้นยิ้มกริ่ม “แน่สิวะ...ถ้าทำได้เอาไปเลย...” โจนาธานตอบเสียงเบาๆ แต่หนักแน่น “แป้นจัดให้...” สาวใช้ตัวอวบรับคำ หล่อนเดินถลาเข้าไปหาวันวาด พร้อมกับรีบดุนหลังหญิงสาว กลับไปที่ราวแขวนผ้าเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มต้นกระบวนการโน้มน้าววันวาด สารพันที่แป้นงัดเอามาล่อ...จนวันวาดไม่สามารถปฏิเสธได้ ในที่สุดหล่อนก็ยอมใจอ่อน...หลวมตัวทดลองใส่ชุดที่แป้นเลือกมายัดใส่มือให้ “ลองเลยค่ะ เราลองได้ค่ะคุณวาด ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าหรอก ลองเป็นเพื่อนแป้นหน่อย แป้นอยากลองแต่ไม่กล้า” เปลือกตากระพริบปริบๆ ผสมกับใบหน้าอวบๆ ที่ม่อยลงไปถนัดใจ วันวาดจึงยอมใจอ่อน ทดลอง ลองชุดสวยๆ เหล่านั้น แม้จะเกรงใจเจ้าของร้านที่คอยอำนวยความสะดวกให้ เมื่อเธอไม่คิดจะซื้อ...เพราะแค่เห็นราคา ยังสะดุ้ง!! สวย...นิยามคำนี้ แทบไม่ผิดเพี้ยน หลังวันวาดเดินตัวลีบออกมาจากห้องลองเสื้อ ผู้หญิงคนเดิม เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าบนร่างกาย ไม่อยากเชื่อตาก็ต้องเชื่อ เธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวของคนโบราณว่าไว้ไม่มีผิด คนงามเพราะแต่ง ไก่งามเพราะขนเป็นความจริงแท้แน่นอน
ชายสูงวัยยิ้มเย้ย!! “สภาพแบบนี้ คิดจะกำแหงกับคนอย่างฉัน ไปหัดเดินก่อนดีกว่าไหมไอ้หนู!!” “ขาฉันเดินไม่ได้ก็จริงนะเสี่ย แต่คิดว่าฉันมีเขี้ยวเล็บแค่นี้เหรอ กับคู่ปรับที่เป็นผู้ชายแก่ๆ คนเดียว” โจนาธนตอบเสียงเย็น ถึงขาจะเดินไม่ได้ แต่มือของเขายังใช้การได้ และที่แน่ๆ เรื่องเหนี่ยวไกปืนเป็นงานถนัด ระยะเผาขนแบบนี้ เขาคิดว่าไม่มีทางพลาดเป้า พิไลลักษณ์มองโจนาธานตาวาว ถึงเขาจะนั่งอยู่บนวีแชร์ แต่ความหล่อเหลาก็ยังพุ่งทแยงตา องศาความหล่อเหนือชั้นกว่าเสี่ยกวงหลายร้อยเท่า เธอจึงมองอยู่ห่างๆ และจดจำรายละเอียดทุกเม็ด “มากไปไอ้หนู...ว่าแต่...เป็นไงบ้างละ หายหน้าไปเสียเป็นปีๆ เราก็นึกว่า...” ปากอูมๆ ขยับพูดแบบไม่มีเสียงแต่โจนาธานอ่านปากออก เขาเดือดจนแทบเต้น แต่จำเป็นต้องระงับอารมณ์เอาไว้... “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกเสี่ย จนกว่าจะหาไอ้คนทำกับฉันเจอ รับประกันได้...มันจะได้ของสมนาคุณจากฉันคืน...แบบคาดไม่ถึง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็น เขามองสบนัยน์ตาหลุกหลิกของเสี่ยกวง เวลานี้โจนาธานฟันธง!! ไอ้เสี่ยอ้วนพุงพุ้ยนี่ อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุร้ายแรงของเขาแน่ๆ
บทที่13.ควานหาคนร้าย วันวาดนั่งกอดอกนิ่งๆ ใบหน้าเธอฉาบไว้ด้วยความเฉยชา ดวงตาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในขณะที่พาหนะสมรรถนะสูงวิ่งฉิว ตรงดิ่งกลับคฤหาสน์รูธ!! เรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง... ปรายตามองถุงสารพัน...ที่กองแอ้งแม้งอยู่ด้านหลังด้วยความขุ่นเคือง... เธอเพิ่งจะทราบความจริง...ทุกชุดที่เธอทดลองสวมในร้านนั้น โจนาธานกวาดมาจนเกลี้ยง แถมยังจ้างแป้นทำร้ายพิไลลักษณ์ ถึงหล่อนจะสมควรโดนก็เถอะ แต่เธอไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กำลัง... “ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริงๆ รึ?” ชายหนุ่มเปรย เขาอมยิ้มน้อยๆ จับตามองวันวาดทุกอิริยาบถ ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ถูกตา ต้องใจไปหมด “วาดขอบคุณที่คุณออกตัวปกป้องวาด แต่...ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ” หญิงสาวตัดสินใจพูด เก็บไว้ในใจ คนที่เป็นทุกข์ก็คือเธอ “น้อยไปสิ...แม่นั่นบังอาจทำร้ายเธอ ดูสิ... แก้มเธอแดงก่ำแบบนี้ ฉันไม่สั่งเก็บก็บุญเท่าไรแล้ว...” ชายหนุ่มตอบ เขาไหวไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวเองพิงเบาะนุ่มๆ “ป่าเถื่อน!!” “แหงอยู่แล้ว...ฉันไม่ใช่ลุคเจ้าชาย เ