“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?”
ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้
“ลูกรู้!!”
ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ
“วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ”
เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน
“เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด”
ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ
“พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน”
“วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!”
ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตางค์ไปเล่นการพนัน รัชนีกับวันวาดไม่เคยอยู่ในความคิด...
หญิงสาวยิ้มเซียวๆ เธอก้มหน้าหลบตาบิดา
“พ่ออย่ารู้เลยค่ะ รู้แค่ว่า...วาดไม่ได้ลักขโมยใครมาก็พอค่ะ”
เป็นความอดสูที่เปิดปากบอกใครไม่ได้ เธอ...ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัว เมื่อเงินที่ได้มา แลกกับความผุดผ่องของตัวเอง แม้จะเป็นความลับไม่เปิดเผยให้ใครรู้ แต่เธอรู้อยู่แก่ใจ
แม้จะกังขา แต่ทะนงเชื่อว่าวันวาดไม่ทำเรื่องเลวร้าย หล่อนเหมือนรัชนี หัวอ่อนและว่าง่าย แต่ก็เข้มแข็งในตัวเอง โอนอ่อนบางเรื่อง แต่หากแข็งกร้าวขึ้นมา วันวาดก็ไม่เคยยอมใคร หากหล่อนคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง
สองคนพ่อลูกเดินทางไปบ้านคนที่รับจำนองบ้าน การเจรจาสำเร็จไปด้วยดี วันวาดเดินทางไปธนาคารอีกครั้ง เพื่อเบิกเงินมาไถ่โฉนดบ้านคืน เธอขอเก็บโฉนดไว้เอง และทะนงก็ไม่ขัดข้อง
บ้านพิศิษรุ่งเรือง...
“คุณพี่ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนค่ะเนื้อตัวสกปรกไปหมดจะได้รู้สึกสบายขึ้น”
รัชนีถลาเข้ามาหาสามี นางไม่ต่อว่าเขาสักคำ มีแต่ความเป็นห่วง จนชายสูงวัยรู้สึกละอายใจ
“บ้านใหญ่เงียบๆ คุณพิไม่อยู่เหรอแม่นี”
ท่านแสร้งถามแก้เก้อ...เมื่อประตูบ้านใหญ่ปิดสนิท...เหมือนไม่มีใครอยู่ที่นั่น
สาวใหญ่เสก้มหน้าหลบ เธอยังไม่อยากพูดเรื่องที่สามีอาจจะสะเทือนใจ
“คุณพิเธอไปอยู่กับพิไลในเมืองแล้วค่ะพ่อ วาดเจอเธอเมื่อเช้า...”
วันวาดบอกทะนงเสียเอง เมื่อมองเห็นความลำบากใจบนใบหน้าของมารดา...
“เหรอ” ท่านครางเสียงเศร้า แม้จะปลดหนี้ได้ แต่เพื่อนคู่ทุกข์ที่อยู่มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ มาชิงหนีไปแบบนี้ นั่นหมายความว่าคนที่ท่านเคยผูกพัน เขากลับไม่ห่วงท่านเลย
“บอกแม่ได้ยังวาด หนูไปเอาเงินทองมาจากไหน?”
สามีหายลับเข้าไปในตัวบ้าน รัชนีจึงหันมาคาดคั้นบุตรสาว
วันวาดยิ้มเครียดๆ เธอจำใจต้องปิดบังความจริง ไม่อยากให้มารดารู้สึกผิด เมื่อสาเหตุทั้งหมด เป็นตัวบีบคั้นให้เธอจำใจทำ...
“วาดยืมเจ้านายคนใหม่มาค่ะแม่ คงทำงานยันตายกว่าจะคืนเงินได้หมด”
หญิงสาวตอบเสียงอ่อน เสก้มหน้าหลบสายตามารดา รีบหาทางเลี่ยง เพราะไม่อยากเผลอตัวพูดความจริง
“โธ่!! แล้ววาดว่าเราควรจะย้ายไปอยู่ไหนกันดีลูก แม่นี่มืดไปหมด”
นางครางเสียงอ่อน เหนื่อยใจแทนบุตรสาว จากนี้ไปมันคือมรสุมของครอบครัวพิศิษรุ่งเรือง คงหาความสุขไม่ได้อีกนาน จนกว่าจะปลดหนี้ได้ทั้งหมด
“ไม่ต้องแล้วแม่ วาดกับพ่อไปคุยกับเจ้าของคนใหม่มาแล้ว เรายังอาศัยอยู่ได้”
หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว ก้มหน้าหลบสายตามารดาอีกครั้ง แค่ค่าไถ่ตัวบิดา รัชนียังกังขา แล้วหากรู้ว่าเธอไถ่ถอนบ้านคืนมาแล้ว มารดาคงซักไม่หยุด เพราะฉะนั้นเธอจึงขอเก็บความลับนี่ไว้ก่อน ไม่อยากให้มารดาคิดมากเป็นกังวลถึงที่มาที่ไปของจำนวนเงิน
“เหรอ...ดีจัง...เห้อ” นางถอนหายใจ “หิวกันมั้ยลูก พ่อล่ะได้กินอะไรกันมาบ้างหรือยัง?”
พอหมดความกังวล เรื่องปากท้องก็ต้องมา รัชนีถามเสียงหลง เธอมัวแต่พะวงจนลืมกินเหมือนกัน
“ยังเลยแม่ กำลังหิว...”
“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไปลูก เดี๋ยวแม่ไปตลาดแปบหนึ่ง คงต้องไปซื้อของสด เพราะในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย”
นางบ่น เพราะเตรียมตัวเก็บของใช้ยัดใส่กระเป๋า เลยไม่ได้กินได้นอน...มีแต่ความทุกข์ ปากท้องเลยไม่ได้สนใจ
“แม่เอาสตางค์นี่ไปนะคะ” วันวาดยัดธนบัตรใหม่เอี่ยมใส่มือของมารดาปึกใหญ่ สาวสูงวัยเงยหน้ามองบุตรสาวอึ้งๆ
“วาดอาบน้ำก่อนนะแม่ เบี้ยวงานอีกแล้ว ไม่รู้จะถูกบ่นอะไรบ้าง” หญิงสาวแสร้งบ่น เธอรีบเดินเข้าห้อง ไม่เปิดโอกาสให้มารดาซัก
รัชนีรีบสลัดความไม่สบายใจทิ้ง เธอเชื่อมั่นในตัวบุตรสาว วันวาดไม่เคยทำให้นางผิดหวัง สิ่งใดก็ตามที่หญิงสาวทำ มันต้องเป็นสิ่งที่ดีกับครอบครัวจริงๆ
คฤหาสน์รูธ...
โจนาธานสบถด้วยความหงุดหงิด เขาชะเง้อมองไปยังประตูห้อง จนคอจะยาวเท่าคอยีราฟ คนที่ต้องการเจอก็ยังไม่มาเสียที จนกระทั่งแสงสุริยาลาลับขอบฟ้า ‘พยาบาล’ ส่วนตัวก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น จากที่อารมณ์ดีมาทั้งวัน ตอนนี้อารมณ์ของเขาเริ่มขุ่นมัว ตาเริ่มขวางจนแป้นกับเอกเริ่มขยาด...
‘นาฬิกาเสีย รถเสีย หรือเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนหรือเปล่า?’
ความกังวลเกิดขึ้นในใจ เขานั่งหน้าบึ้ง เม้มปากแน่น...
ปึก...ประตูห้องพักฟื้นถูกดันให้เปิดเข้ามา ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่มีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับคนในห้อง เดินเขามาเงียบๆ เธอวางกระเป๋าสะพายที่โต๊ะ หมุนตัวไปตรวจเช็คจำนวนยา ทำเหมือนคนป่วยหน้าโหดกลางห้องเป็นอากาศธาตุ
“วันวาด!...”
โจนาธานคำรามลั่น กรามแกร่งถูกบดเข้าหากันข้างแก้มปูดโปน ดวงตาคมดุเปล่งแสงวาววับสายตามองตรงไปยังผู้หญิงตัวเล็กมุมห้อง ตาเขม็ง!!
แป้นสะดุ้ง!! เธอเอื้อมมือสะกิดชายเสื้อของเอก หน้าแป้นแหยเก สาวอวบกระตุกเสื้อเอกยิกๆ เอียงตัวกระซิบเสียงแผ่ว
“พายุลงมั้ยพี่เอก”
เอกส่ายหน้าหวือ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ เดินถอยหลังทีละก้าว และแป้นก็รีบทำตาม
“คะ?”
หญิงสาวขานรับ เธอเดินถือถ้วยยาใบเล็กมายื่นให้ชายหนุ่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เธอมาสาย...”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงเคร่ง เขามองสบนัยน์ตาวางเปล่าของวันวาด มันสงบนิ่ง เย็นเยียบจนใจหายวูบ
“ขอโทษค่ะ วาดมีธุระต้องจัดการหลายเรื่อง ขอโทษด้วยนะคะ”
หญิงสาวตอบตามตรง เธอวิ่งวุ่นจัดการเรื่องวุ่นวายของตัวเองจนบ่ายคล้อย กว่าจะได้พักตาจริงๆ ก็จวนเจียนได้เวลา เธอรีบมาที่สุด แต่ก็ยังสายอยู่ดี
“แค่นั้น?”
“ค่ะ”
“หึ!...”
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ นี่หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ เขากับเธอผ่านค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน แต่เมื่อฟ้าสว่าง ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ เขาได้กลับคืนมาคือความเฉยชา“คุณออกกำลังกายหนักเกินไปนะคะ กล้ามเนื้อคุณตึงมาก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ อีกไม่นานคุณก็จะเดินได้เอง”กล้ามเนื้อที่ช่วงขาของโจนาธานตึงจนแข็ง วันวาดวางมือลงไปเธอกดผิวเนื้อจึงเอ่ยเตือนโจนาธานด้วยความหวังดีชายหนุ่มขมวดคิ้ว!! นี่หล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใจคอหล่อนจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ใจเด็ดเกินไปแล้ว“เธอจริงจังกับงานเหลือเกินนะ คงอยากไปจากที่นี่เต็มทีละสิ”เสียงดังๆ แฝงการประชด วันวาดยิ้มเครียด เธอช้อนสายตาเฉยชามองเขา“เราตกลงกันแล้วนี่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”เธอทวงคำสัญญา แม้จะอายจนหน้าชากับแววตาดูแคลนของชายหนุ่ม“หึ!! ไม่เอาเปรียบฉันไปหน่อยเหรอวาด เธอโขกฉันเสียเยอะแยะ แต่ฉันได้...แค่ครั้งเดียว”วันวาดสะอึก เธอกรอกตัวเลขเสียเยอะแยะเพราะต้องการประชด แต่เมื่อใช้จ่ายจริงๆ เธอใช้ไม่ถึงครึ่งจนมานั่งเสียใจอยู่ตอนนี้“วาดคืนที่เหลือให้คุณก็ได้ค่ะ วาดไม่ต้องการมันอีกแล้ว”เธอเคลียร์หนี้ของบิดา ไถ
“ทำไมล่ะวาด เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเคร่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหญิงสาวเท่าใดนัก เมื่อหล่อนเองก็รู้สึกคล้อยตาม ความปรารถนาของหล่อนปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำ...มันมีแววกังวลและละอายปนเปมาด้วย แต่นั่นก็ไม่อาจกลบความพุ่งพล่านในหัวใจได้...ไม่ใช่เหรอ? “ไม่ค่ะ ไม่เลย” หญิงสาวส่ายใบหน้าปฏิเสธ “อย่าปฏิเสธตัวเองสิวาด...ฉันรู้ เธอรู้สึกไม่ต่างจากฉันหรอก... เราต้องการกันและกัน” ปลายนิ้วแข็งแรงยกช้อนปลายคาง เขาคลึงผิวแก้มเนียนด้วยปลายนิ้วชี้ พร้อมกับยิ้มมุมปาก “แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูก...นี่คะ” วันวาดยังพยายามท้วง เธอเสหลบสายตาร้อนแรงของโจนาธาน ความปรารถนามากล้นนั่น กำลังทำให้ใจอ่อน “เธอใจแข็งมากกว่าที่ฉันคิดนะ” โจนาธานทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง แววตาอ่อนเศร้าของหล่อน...ทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนลง จึงยอมตัดใจเขารั้งหล่อนเข้าสู่อ้อมแขน ตรึงหญิงสาวไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง “นอนนิ่งๆ น่า ฉันก็แค่อยากกอด ไม่ได้คิดทำอะไรเกินกว่านี้หรอก แต่ถ้าเธอดิ้น...ก็ไม่แน่...” ชายหนุ่มแสร้งขู่ วันวาดฮึ
บทที่11.กรรมติดจรวด “คุณแม่คะ...คุณแม่ได้ข่าวคุณพ่อบ้างไหมคะ?” พิไลลักษณ์ถามมารดาเลี้ยงด้วยความกังขา หล่อนได้ยินข่าวที่ยังไม่ได้คัดกรอง แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริง ถึงจะเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก... “ไม่...ป่านนี้โดนไอ้เสี่ยบ้านั่นฆ่าตายแล้วมั้ง”พิไลพูดแบบไม่ยี่หระ ความรักจืดจางลง ที่เหลือไว้คือความชิงชัง สามีที่เคยเป็นคนดี เปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า...ทะนงจะเป็นตายยังไงก็ช่าง!! เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว...“คุณพ่อยังไม่ตายหรอกค่ะ...เหมือนจะอยู่ดีมีสุข คุณแม่มาอยู่กับพิไล ไม่ได้ข่าวทางบ้านบ้างเลยเหรอคะ?”สาวโสภาทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรูหราพอสมควรตามกำลังเงิน ความเป็นอยู่ไม่ได้สบายเหมือนเก่า เมื่อไม่ใคร่จะมีเงินทองจับจ่าย“ใครจะสน...”พิไลพ่นควันสีขาวๆ ออกมาจากปาก เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นทั้งเหล้าและบุหรี่ เมื่อไม่มีอะไรทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้คือของแก้เซ็งที่เธอทำยามว่าง แถมช่วงนี้พิไลริอ่านหัดเล่น ‘ไพ่’ มันทำให้นางสนุกและหายเบื่อ“คุณแม่อย่าไปเสวนากับยัยป้าเจ้าของคอนโดนักรู้ไหมคะ แกนะผีการพนันเข้าสิง สักวันจะพาคุณแม่ไปมั่วในบ
หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน “แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน” พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน “ค่ะ” “ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว” พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
วันวาดอ้าปากหวอ “ดึกแล้วค่ะ คุณควรพัก...” หญิงสาวแย้ง พยายามลดเสียงลง ระวังคำตอบของตัวเอง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นให้โจนาธานโกรธขึ้นมาอีก เขาฉุนเฉียวง่ายๆ พักนี้ เธอตามอารมณ์ไม่ทัน นับตั้งแต่วันต่อมา ที่เขาขอ...นอน...กับเธออีกครั้ง แต่วันวาดละอายใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริการ วันนั้นเธอจำเป็น มันมีเหตุบีบบังคับที่เธอต้องจำใจทำ และมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงตอบปฏิเสธไปอย่างชัดๆ จนเป็นที่มาของความบาดหมาง...เธอรู้โจนาธานไม่พอใจ!! แต่เขาเลือกที่จะเก็บงำไว้“ฉันจะนอนหรือไม่นอน ไม่ใช่เรื่องของเธอนะวาด...แต่เธอ!!” ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่วันวาด เขาแค่นพูดประชดประชัน “เธอควรอยู่ไม่ห่างฉัน เธอมีหน้าที่ดูแลฉัน ไม่ใช่อยากจะออกไปแต่ข้างนอกนั่นเพื่อไป...อ่อย...ผู้ชาย”ข้างนอกนั่น มีการ์ดของเขากับพี่เป็นสิบคน...หากหล่อนอยากได้ผู้ชาย...เขาอยู่นี่ และพร้อมที่จะสนองอารมณ์หล่อนให้แบบเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั่นเลย...หญิงสาวไม่ตอบ เธอเดินกลับไปทรุดนั่งที่เดิม และเสก้มหลบสายตาเขา มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ ปล่อยให้โจนาธานนั่งฮึดฮัดเพียงคนเดียว“พรุ่งนี้เธอหยุดนี่”เสียงถามลอยตามลมมา...วันวา
บทที่12.สวรรค์มีตา...นรกมีจริง... วันหยุดที่ธรรมดา วันวาดจะต้องกลับบ้านเพื่อพักผ่อนส่วนตัว แต่...วันนี้ โจนาธานร้องขอเอาไว้ และหญิงสาวเองก็เต็มใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เขา ตามที่หัวใจลึกๆ สั่งการ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หัวใจเจ้ากรรมดัน...ไม่ฟังเสียงสมองเสียแล้ว ความสุขเล็กๆ ของวันวาดที่พยายามไม่ให้ใครรู้ เธอดีใจทุกครั้งที่โจนาธานมีอาการดีขึ้น หญิงสาวอยากเห็นเขามีแต่รอยยิ้ม... “จะไปไหนกันเหรอ? เห็นวุ่นวายกันแต่เช้า” เบนร้องถาม เขาเห็นการ์ดกับสาวใช้หลายคนวิ่งวุ่น ตั้งแต่เช้าตรู่ แป้นหันมาตอบคำถามเจ้านายหนุ่มยิ้มๆ “คุณโจสิคะ จะออกไปข้างนอก” เบนเลิกหัวคิ้วขึ้น เขายิ้มกว้างเมื่อเข้าใจความหมาย น้องชายของเขาเก็บตัวเงียบมาตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น โจนาธานไอ้หนุ่มเจ้าสำราญหายไป ทิ้งไว้แค่ผู้ชายเจ้าอารมณ์ขี้วีน...กลายเป็นคนเก็บตัวเพราะมีปม!! “จริงดิ!! ไปไหนกันล่ะ” เบนถามยิ้มๆ “ไม่รู้ค่ะ...สงสัยอยากพาคุณวาดไปเดท...” แป้นกระซิบกระซาบ การเปลี่ยนแปลงของเจ้านายก็น่าจะเพราะคุณพยาบาลสุดสวย วันวาดสวยพิศ ยิ่งมองยิ่งชื่นใ
มาดามรินรำไพ...มารดาของสองหนุ่ม เธอมีทริปท่องเที่ยวรอบโลก เพราะเบนกับโจนาธานไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจ...เพราะนางเสียใจอย่างหนัก...หลังเสียสามี แล้วโจนาธานยังมาเกิดอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้ามารดา เพื่อทำให้ท่านคลายใจ จนยอมออกเดินทางเพื่อพักตัวและใจ “เหรอ...ก็ดี” ชายหนุ่มตอบกดหมุนวีแชร์ เพราะอยากรีบออกเดินทาง อยากกินข้าวเช้ากับวันวาดตอนที่พระอาทิตย์สีส้มๆ สาดแสงอ่อนๆ กระทบผิวน้ำ มันคงเป็นบรรยากาศสุดโรมานซ์... เบนเป่าปากพรวดๆ เขารีบปิดงับประตูลงและกดล็อก... “เธอกับเบนมีอะไรกันมั้ย!!” วันวาดเดินตาม เธอช่วยประคองหลังรถวีแชร์ ระวังหลังให้คนป่วยจอมดื้ออีกทาง หญิงสาวสะดุ้ง!! “ไม่มีค่ะ...วาดจะมีอะไรกับคุณเบนล่ะคะ?” เธอรีบตอบ พร้อมกับย้อนถามเพื่อเปลี่ยนความสนใจของชายหนุ่ม “ไม่มีก็ดี...พี่ชายฉัน...ไม่ใช่แบบที่เธอคิด” แม้จะไม่รู้ทั้งหมด...โจนาธานแน่ใจ เบนมีเบื้องลึก แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เลยไม่อยากใส่ใจ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับวันวาด เขาก็จำเป็นต้องรีบสกัด “ค่ะ” ทั้งสองคนเงียบงันไปหลังจากน