Share

บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย... 3

“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?”

          ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้

          “ลูกรู้!!”

          ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ

          “วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ”

          เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน

          “เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด”

          ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ

          “พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน”

          “วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!”

          ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตางค์ไปเล่นการพนัน รัชนีกับวันวาดไม่เคยอยู่ในความคิด...

          หญิงสาวยิ้มเซียวๆ เธอก้มหน้าหลบตาบิดา

          “พ่ออย่ารู้เลยค่ะ รู้แค่ว่า...วาดไม่ได้ลักขโมยใครมาก็พอค่ะ”

          เป็นความอดสูที่เปิดปากบอกใครไม่ได้ เธอ...ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัว เมื่อเงินที่ได้มา แลกกับความผุดผ่องของตัวเอง แม้จะเป็นความลับไม่เปิดเผยให้ใครรู้ แต่เธอรู้อยู่แก่ใจ

          แม้จะกังขา แต่ทะนงเชื่อว่าวันวาดไม่ทำเรื่องเลวร้าย หล่อนเหมือนรัชนี หัวอ่อนและว่าง่าย แต่ก็เข้มแข็งในตัวเอง โอนอ่อนบางเรื่อง แต่หากแข็งกร้าวขึ้นมา วันวาดก็ไม่เคยยอมใคร หากหล่อนคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง

          สองคนพ่อลูกเดินทางไปบ้านคนที่รับจำนองบ้าน การเจรจาสำเร็จไปด้วยดี วันวาดเดินทางไปธนาคารอีกครั้ง เพื่อเบิกเงินมาไถ่โฉนดบ้านคืน เธอขอเก็บโฉนดไว้เอง และทะนงก็ไม่ขัดข้อง

บ้านพิศิษรุ่งเรือง...

          “คุณพี่ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนค่ะเนื้อตัวสกปรกไปหมดจะได้รู้สึกสบายขึ้น”

          รัชนีถลาเข้ามาหาสามี นางไม่ต่อว่าเขาสักคำ มีแต่ความเป็นห่วง จนชายสูงวัยรู้สึกละอายใจ

          “บ้านใหญ่เงียบๆ คุณพิไม่อยู่เหรอแม่นี”

          ท่านแสร้งถามแก้เก้อ...เมื่อประตูบ้านใหญ่ปิดสนิท...เหมือนไม่มีใครอยู่ที่นั่น

          สาวใหญ่เสก้มหน้าหลบ เธอยังไม่อยากพูดเรื่องที่สามีอาจจะสะเทือนใจ

          “คุณพิเธอไปอยู่กับพิไลในเมืองแล้วค่ะพ่อ วาดเจอเธอเมื่อเช้า...”

          วันวาดบอกทะนงเสียเอง เมื่อมองเห็นความลำบากใจบนใบหน้าของมารดา...

          “เหรอ” ท่านครางเสียงเศร้า แม้จะปลดหนี้ได้ แต่เพื่อนคู่ทุกข์ที่อยู่มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ มาชิงหนีไปแบบนี้ นั่นหมายความว่าคนที่ท่านเคยผูกพัน เขากลับไม่ห่วงท่านเลย

          “บอกแม่ได้ยังวาด หนูไปเอาเงินทองมาจากไหน?”

          สามีหายลับเข้าไปในตัวบ้าน รัชนีจึงหันมาคาดคั้นบุตรสาว

          วันวาดยิ้มเครียดๆ เธอจำใจต้องปิดบังความจริง ไม่อยากให้มารดารู้สึกผิด เมื่อสาเหตุทั้งหมด เป็นตัวบีบคั้นให้เธอจำใจทำ...

          “วาดยืมเจ้านายคนใหม่มาค่ะแม่ คงทำงานยันตายกว่าจะคืนเงินได้หมด”

          หญิงสาวตอบเสียงอ่อน เสก้มหน้าหลบสายตามารดา รีบหาทางเลี่ยง เพราะไม่อยากเผลอตัวพูดความจริง

          “โธ่!! แล้ววาดว่าเราควรจะย้ายไปอยู่ไหนกันดีลูก แม่นี่มืดไปหมด”

          นางครางเสียงอ่อน เหนื่อยใจแทนบุตรสาว จากนี้ไปมันคือมรสุมของครอบครัวพิศิษรุ่งเรือง คงหาความสุขไม่ได้อีกนาน จนกว่าจะปลดหนี้ได้ทั้งหมด

          “ไม่ต้องแล้วแม่ วาดกับพ่อไปคุยกับเจ้าของคนใหม่มาแล้ว เรายังอาศัยอยู่ได้”

          หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว ก้มหน้าหลบสายตามารดาอีกครั้ง แค่ค่าไถ่ตัวบิดา รัชนียังกังขา แล้วหากรู้ว่าเธอไถ่ถอนบ้านคืนมาแล้ว มารดาคงซักไม่หยุด เพราะฉะนั้นเธอจึงขอเก็บความลับนี่ไว้ก่อน ไม่อยากให้มารดาคิดมากเป็นกังวลถึงที่มาที่ไปของจำนวนเงิน

          “เหรอ...ดีจัง...เห้อ” นางถอนหายใจ “หิวกันมั้ยลูก พ่อล่ะได้กินอะไรกันมาบ้างหรือยัง?”

          พอหมดความกังวล เรื่องปากท้องก็ต้องมา รัชนีถามเสียงหลง เธอมัวแต่พะวงจนลืมกินเหมือนกัน

          “ยังเลยแม่ กำลังหิว...”

          “ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไปลูก เดี๋ยวแม่ไปตลาดแปบหนึ่ง คงต้องไปซื้อของสด เพราะในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย”

          นางบ่น เพราะเตรียมตัวเก็บของใช้ยัดใส่กระเป๋า เลยไม่ได้กินได้นอน...มีแต่ความทุกข์ ปากท้องเลยไม่ได้สนใจ

          “แม่เอาสตางค์นี่ไปนะคะ” วันวาดยัดธนบัตรใหม่เอี่ยมใส่มือของมารดาปึกใหญ่ สาวสูงวัยเงยหน้ามองบุตรสาวอึ้งๆ

          “วาดอาบน้ำก่อนนะแม่ เบี้ยวงานอีกแล้ว ไม่รู้จะถูกบ่นอะไรบ้าง” หญิงสาวแสร้งบ่น เธอรีบเดินเข้าห้อง ไม่เปิดโอกาสให้มารดาซัก

          รัชนีรีบสลัดความไม่สบายใจทิ้ง เธอเชื่อมั่นในตัวบุตรสาว วันวาดไม่เคยทำให้นางผิดหวัง สิ่งใดก็ตามที่หญิงสาวทำ มันต้องเป็นสิ่งที่ดีกับครอบครัวจริงๆ

         

คฤหาสน์รูธ...

โจนาธานสบถด้วยความหงุดหงิด เขาชะเง้อมองไปยังประตูห้อง จนคอจะยาวเท่าคอยีราฟ คนที่ต้องการเจอก็ยังไม่มาเสียที จนกระทั่งแสงสุริยาลาลับขอบฟ้า ‘พยาบาล’ ส่วนตัวก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น จากที่อารมณ์ดีมาทั้งวัน ตอนนี้อารมณ์ของเขาเริ่มขุ่นมัว ตาเริ่มขวางจนแป้นกับเอกเริ่มขยาด...

‘นาฬิกาเสีย รถเสีย หรือเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนหรือเปล่า?’

ความกังวลเกิดขึ้นในใจ เขานั่งหน้าบึ้ง เม้มปากแน่น...

ปึก...ประตูห้องพักฟื้นถูกดันให้เปิดเข้ามา ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่มีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับคนในห้อง เดินเขามาเงียบๆ เธอวางกระเป๋าสะพายที่โต๊ะ หมุนตัวไปตรวจเช็คจำนวนยา ทำเหมือนคนป่วยหน้าโหดกลางห้องเป็นอากาศธาตุ

“วันวาด!...”

โจนาธานคำรามลั่น กรามแกร่งถูกบดเข้าหากันข้างแก้มปูดโปน ดวงตาคมดุเปล่งแสงวาววับสายตามองตรงไปยังผู้หญิงตัวเล็กมุมห้อง ตาเขม็ง!!

แป้นสะดุ้ง!! เธอเอื้อมมือสะกิดชายเสื้อของเอก หน้าแป้นแหยเก สาวอวบกระตุกเสื้อเอกยิกๆ เอียงตัวกระซิบเสียงแผ่ว

“พายุลงมั้ยพี่เอก”

เอกส่ายหน้าหวือ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ เดินถอยหลังทีละก้าว และแป้นก็รีบทำตาม

“คะ?”

หญิงสาวขานรับ เธอเดินถือถ้วยยาใบเล็กมายื่นให้ชายหนุ่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เธอมาสาย...”

ชายหนุ่มกล่าวเสียงเคร่ง เขามองสบนัยน์ตาวางเปล่าของวันวาด มันสงบนิ่ง เย็นเยียบจนใจหายวูบ

“ขอโทษค่ะ วาดมีธุระต้องจัดการหลายเรื่อง ขอโทษด้วยนะคะ”

หญิงสาวตอบตามตรง เธอวิ่งวุ่นจัดการเรื่องวุ่นวายของตัวเองจนบ่ายคล้อย กว่าจะได้พักตาจริงๆ ก็จวนเจียนได้เวลา เธอรีบมาที่สุด แต่ก็ยังสายอยู่ดี

“แค่นั้น?”

“ค่ะ”

“หึ!...”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status