บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย...
โจนาธานอารมณ์ดีจนคนรอบข้างรู้สึก เขายิ้มกริ่ม ดวงตามีประกายสดใส แม้จะอิดออดช่วงที่วันวาดจะกลับ เขาพยายามรั้งหล่อนไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ตามใจ เธอกลับเมื่อถึงเวลาของเธอ
“อารมณ์ดีอะไรครับคุณโจ”
เอกลองแยบๆ ถาม ระหว่างเจ้านายกับพยาบาลสาว ต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อคนที่เคยพูดจ้อยๆ หุบปากแน่น คนที่เป็นจอมโวย กลับยิ้มแย้มเสียแบบนั้น
“ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ยว่ะ”
ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้
“เห็นคุณโจสบายใจ ผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แต่...ไม่บอกจริงๆ เหรอครับ”
เอกสัพยอก เขากระโจนผลุง...หนีมือใหญ่ที่ฟาดผั๊วะลงมาข้างตัว เป้าหมายไม่ศีรษะก็ลำตัวเขา และหากเป็นเวลาที่โจนาธานปกติ มันอาจจะเป็นฝ่าเท้า หรือไม่ก็โดนยันโครมจนกระเด็น...
“พากูไปสระทีเอก กูดูคลิบในยูทูบ เห็นหมอแนะนำการออกกำลังกายในน้ำ จะช่วยให้เขาฝึกการขยับตัวได้มากกว่าการเดินบนลู่ที่ใช้แรงเยอะ”
ชายหนุ่มตั้งเป้าไว้ เขาต้องเดินให้ได้ในเร็ววันที่สุด!! นี่จะเป็นเซอร์ไพรส์ให้วันวาดรู้...คนสุดท้าย ช่วงเวลาที่เหมาะสุด ก็ตอนที่หล่อนไม่อยู่ เขาจะลุกเดินให้หล่อนดู ในวันที่เขาพร้อมจริงๆ
เอกแสนจะปลื้ม เจ้านายจอมโวยเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ วันนี้เอกได้เจ้านายสุดขยันคนเดิมคืนมา ที่เหลือก็คือการหวนกลับมาเดินได้ของโจนาธาน เขาภาวนาในใจ บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ดลบันดาลให้โจนาธานกลับมาเดินได้เหมือนเก่า
“แม่คะ ใครคือคนที่รับจำนองบ้านเราคะ”
ใบหน้าหมองของบุตรสาวสะดุดใจรัชนี แต่คำถามของวันวาด ทำให้นางจึงหมดความสนใจเรื่องความหมองเศร้าของลูก เพราะปัญหาใหญ่ในเวลานี้คือกำลังจะถูกไล่ ไม่มีที่ซุกหัวนอน
“แม่ก็ไม่ค่อยรู้หรอกวาด ญาติๆ คุณพิแก คงต้องถามพ่อนั่นล่ะ พ่อเราน่าจะรู้เรื่องดีที่สุด”
รัชนีเปรย นางถอนใจเฮือกใหญ่ๆ
“วาดคงต้องไปเอาตัวพ่อกลับมาก่อน...แม่ไม่ต้องเก็บของแล้วนะคะ เราจะอยู่ที่นี่แหละ วาดจัดการเอง”
หญิงสาวกล่าวกับมารดา เธอเดินเลี่ยงเข้าห้องนอน เพราะต้องการเอกสารบางอย่าง
วันวาดเดินกลับออกมาอีกครั้ง และรัชนีกำลังรออยู่ นางรู้สึกสับสน เมื่อบ้านกำลังโดนยึด เจ้าของใหม่กำลังจะมาไล่ที่ นางกับลูกก็คงอยู่ไม่ได้ แล้วทำไมวันวาดถึงบอกแบบนั้น
“ขอวาดไปตามพ่อก่อนนะแม่ เราค่อยคุยกันหลังจากนั้น ถ้ามีใครมาไล่!! แม่บอกให้เขารอวาดกลับมาก่อน”
หญิงสาวเปรยเสียงเข้ม เธอไม่มีเวลามากนัก อันดับแรกที่ต้องเคลียร์ คือต้องนำตัวทะนงกลับมาก่อน จากนั้นค่อยๆ ไล่แก้ทีละเปราะ เมื่อท่านผูกปมไว้เยอะเหลือเกิน
วันวาดรีบไปธนาคารเป็นอันดับแรก เธอจัดการนำกระดาษชิ้นเล็กที่ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาจัดการฝากใส่บัญชี หญิงสาวยิ้มเครียดๆ ตอนที่จรดปากกาเติมตัวเลขในช่องที่ว่าง...จำนวนเงินนั่น...คือค่าความสาวของเธอที่เสียไป...เมื่อคืน...
พนักงานสาวเงยหน้ามองวันวาด เมื่อหญิงสาวเขียนใบเบิกเงินพร้อมๆ กับในนำฝาก
สายตาของหล่อน...มองแบบไม่อยากเชื่อในขณะที่มือหล่อนกดแป้นคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเป็นระวิง
“เรียบร้อยค่ะ”
เกือบ30 นาทีที่วันวาดยืนขาแข็ง เธอรับสมุดบัญชีมายัดใส่ในกระเป๋าสะพาย กับซองสีน้ำตาลไหม้ ที่บรรจุเงินสด1 ล้านบาทมาหนีบไว้ตรงซอกรักแร้...แล้วจึงเดินคอแข็งออกมาจากช่องบริการ ท่ามกลางสายตาสุดกังขาของพนักงานสาวนางนั้น
ตอนนี้ในบัญชีของวันวาดมีเงินสดนอนนิ่งๆ อยู่ในนั้น...9 ล้าน รวมกับที่เบิกมาสดๆ 1 ล้านบาท โจนาธานต้องจ่ายให้เธอ10 ล้าน สำหรับการบริการแค่ครั้งเดียว...
มีเสียงซุบซิบแว่วเข้าหู เธอกำลังเป็นประเด็นร้อนๆ ให้คนเหล่านั้นพูดถึง...เมื่อบัญชีปลายทางที่จ่ายเงินให้เธอเป็นของคนดัง
โจนาธาน อัครัก รูธ ไม่มีใครไม่รู้จักเขา แม้เขาจะหายหน้าหายตาไปเกือบปี เพราะอุบัติเหตุนั่น
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ยังไม่มีคนยอมเสียมารยาทเอ่ยปากถาม และหากมีคนถามจริง!! เธอก็คงไม่คิดจะตอบ
ต่อให้มีคนมายืนชี้หน้าด่ากราด...วันวาดก็ไม่คิดจะปริปากพูด เธอแบกรับความอดสูเอาไว้ แต่จะไม่ยอมให้ใครล่วงรู้ความลับเช่นกัน
“ใครอะ”
“ไม่รู้สิ ฉันเคยเห็นหล่อนที่โรงพยาบาล คงเป็นพยาบาลล่ะมั้ง”
“หล่อนเอาเช็คนี่มาได้ไง”
“จะรู้เหรอ อยากรู้ก็ถามเองดิ...ใครจะกล้า”
สรรพเสียงเหล่านั้นทำให้วันวาดหน้าร้อนวูบ เธอเชิดหน้าเดินคอแข็ง จนกระทั่งถึงรถจักยานยนต์คู่ใจ หญิงสาวเป่าปากพรวด...เธอจะมัวมาอายไม่ได้ ไหนๆ ก็เดินมาไกลถึงขั้นนี้ จำเป็นต้องใช้สิ่งที่โจนาธานให้มาให้เกิดประโยชน์ที่สุด...
ที่บ่อนเสี่ยกวง...
บ่อนเสี่ยกวง...
ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วม ศีรษะมีเส้นผมปกคลุมแค่กึ่งเดียว นอกนั้นล้านเลี่ยนเพราะเส้นผมพร้อมใจทิ้งเขาไป เหลือไว้นิดหน่อยพอให้ไม่โล่งเลี่ยนจนเกินไปนัก เขากำลังนั่งมองบัญชีรายรับที่เลขานุการสุดสวยนำมาให้ตรวจเช็คด้วยความสุขใจ นับวันเสี่ยกวงจะมีรายได้เพิ่มพูน มีเงินหมุนเวียนในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า10ล้านบาท แต่ก็ยังน้อยกว่ากาสิโนคู่แข่งหลายสิบเท่า เมื่อกาสิโนของไอ้สองพี่น้องนั่นมีผู้คนกระเป๋าหนักนิยมไปใช้บริการกันจนหนาตา เมื่อกาสิโนแห่งนั้นมีแต่ความเที่ยงธรรม ไร้กลโกงเหมือนดังกาสิโนของตัวเอง แต่เสี่ยกวงหาได้แคร์ เขาทำแบบนี้ไม่ได้หนักหัวใคร ใครจะไปเล่นการพนันที่กาสิโนไอ้สองแสบพี่น้องสุดหล่อนนั่น ก็ตามใจ เขาบีบบังคับไม่ได้ แต่คนใดก็ตามที่หลงมาในอาณาจักรของเขา ก็อย่าหมายว่าจะเบี้ยวได้ หากเล่นเสีย
เขาเปิดสมุดตรวจรายได้ในแต่ละวัน มีรายชื่อลูกหนี้นับร้อยที่ต้องนำเงินมาชดใช้ รวมทั้งบุคคลที่คาดว่าจะเป็นหนี้สูญ
“ไอ้แก่ทะนงนี่...ยังไม่มีญาติมาไถ่ตัวอีกเหรอวะ?”
กวงเปรยถามลูกน้องหน้าเหี้ยมที่ยืนหลบอยู่มุมห้อง
“คงไม่มีใครมาหรอกเสี่ย ได้ข่าวว่ามันหมดตัวแล้วนี่ครับ” มันตอบเสียงสำรวม “เห้ย!! ได้ไงวะ!! มันเป็นหนี้กูอยู่ไม่น้อย...ลูก เมียมันไม่สนใจเลยเหรอ?” กวงตะคอก เขาไม่ยอมให้ทะนงแทงบัญชีเป็นศูนย์แน่ เงินที่เขาควรได้ จำนวนโขอยู่ “มีเมียสองคน ลูกสาวคน ลูกบุญธรรมอีกคน แต่ก็จนเหมือนกันหมดนั่นแหละเสี่ย!!” มันตอบพร้อมกับรีบหลบตา เมื่อเสี่ยกวงยืนขึ้น ตะโกนลั่น “ก็ไปจับเมีย จับลูกมันมาสิวะ ไม่ได้เงินเอาตัวมาขัดดอกก็ยังดี...” ความคิดชั่วชาติ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม คนเขี้ยวลากดินอย่างเสี่ยกวง ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ลูกน้องขาโหดทำหน้าปั้นยาก “เมียมันแก่หนังเหี่ยวเกรงว่าจะเอามาเสียเปล่าครับ ส่วนลูกสาวมัน...เออ” มันพูดเสียงติดๆ ขัดๆ เสี่ยกวงใจร้อนจึงตะโกนถามเสียงขุ่น “แต่...ส้นตีนอะไรของมึง ทำสะดิ้งอมพะนำเสียแบบนั้น” “ลูกสาวไอ้ทะนงมันเป็นพยาบาล เห็นเดินเข้าเดินออกบ้านไอ้พี่น้องรูธ ผมก็เลยไม่กล้าฉุดมาให้เสี่ย” คำตอบของมันทำให้หัวคิ้วเสี่ยกวงกระตุก ต่อมลองดีเต้นพล่าน หากอีนั่นเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นสิดี
“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?” ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้ “ลูกรู้!!” ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ “วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ” เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน “เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด” ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ “พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน” “วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!” ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตาง
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ นี่หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ เขากับเธอผ่านค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน แต่เมื่อฟ้าสว่าง ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ เขาได้กลับคืนมาคือความเฉยชา“คุณออกกำลังกายหนักเกินไปนะคะ กล้ามเนื้อคุณตึงมาก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ อีกไม่นานคุณก็จะเดินได้เอง”กล้ามเนื้อที่ช่วงขาของโจนาธานตึงจนแข็ง วันวาดวางมือลงไปเธอกดผิวเนื้อจึงเอ่ยเตือนโจนาธานด้วยความหวังดีชายหนุ่มขมวดคิ้ว!! นี่หล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใจคอหล่อนจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ใจเด็ดเกินไปแล้ว“เธอจริงจังกับงานเหลือเกินนะ คงอยากไปจากที่นี่เต็มทีละสิ”เสียงดังๆ แฝงการประชด วันวาดยิ้มเครียด เธอช้อนสายตาเฉยชามองเขา“เราตกลงกันแล้วนี่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”เธอทวงคำสัญญา แม้จะอายจนหน้าชากับแววตาดูแคลนของชายหนุ่ม“หึ!! ไม่เอาเปรียบฉันไปหน่อยเหรอวาด เธอโขกฉันเสียเยอะแยะ แต่ฉันได้...แค่ครั้งเดียว”วันวาดสะอึก เธอกรอกตัวเลขเสียเยอะแยะเพราะต้องการประชด แต่เมื่อใช้จ่ายจริงๆ เธอใช้ไม่ถึงครึ่งจนมานั่งเสียใจอยู่ตอนนี้“วาดคืนที่เหลือให้คุณก็ได้ค่ะ วาดไม่ต้องการมันอีกแล้ว”เธอเคลียร์หนี้ของบิดา ไถ
“ทำไมล่ะวาด เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเคร่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหญิงสาวเท่าใดนัก เมื่อหล่อนเองก็รู้สึกคล้อยตาม ความปรารถนาของหล่อนปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำ...มันมีแววกังวลและละอายปนเปมาด้วย แต่นั่นก็ไม่อาจกลบความพุ่งพล่านในหัวใจได้...ไม่ใช่เหรอ? “ไม่ค่ะ ไม่เลย” หญิงสาวส่ายใบหน้าปฏิเสธ “อย่าปฏิเสธตัวเองสิวาด...ฉันรู้ เธอรู้สึกไม่ต่างจากฉันหรอก... เราต้องการกันและกัน” ปลายนิ้วแข็งแรงยกช้อนปลายคาง เขาคลึงผิวแก้มเนียนด้วยปลายนิ้วชี้ พร้อมกับยิ้มมุมปาก “แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูก...นี่คะ” วันวาดยังพยายามท้วง เธอเสหลบสายตาร้อนแรงของโจนาธาน ความปรารถนามากล้นนั่น กำลังทำให้ใจอ่อน “เธอใจแข็งมากกว่าที่ฉันคิดนะ” โจนาธานทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง แววตาอ่อนเศร้าของหล่อน...ทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนลง จึงยอมตัดใจเขารั้งหล่อนเข้าสู่อ้อมแขน ตรึงหญิงสาวไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง “นอนนิ่งๆ น่า ฉันก็แค่อยากกอด ไม่ได้คิดทำอะไรเกินกว่านี้หรอก แต่ถ้าเธอดิ้น...ก็ไม่แน่...” ชายหนุ่มแสร้งขู่ วันวาดฮึ
บทที่11.กรรมติดจรวด “คุณแม่คะ...คุณแม่ได้ข่าวคุณพ่อบ้างไหมคะ?” พิไลลักษณ์ถามมารดาเลี้ยงด้วยความกังขา หล่อนได้ยินข่าวที่ยังไม่ได้คัดกรอง แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริง ถึงจะเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก... “ไม่...ป่านนี้โดนไอ้เสี่ยบ้านั่นฆ่าตายแล้วมั้ง”พิไลพูดแบบไม่ยี่หระ ความรักจืดจางลง ที่เหลือไว้คือความชิงชัง สามีที่เคยเป็นคนดี เปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า...ทะนงจะเป็นตายยังไงก็ช่าง!! เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว...“คุณพ่อยังไม่ตายหรอกค่ะ...เหมือนจะอยู่ดีมีสุข คุณแม่มาอยู่กับพิไล ไม่ได้ข่าวทางบ้านบ้างเลยเหรอคะ?”สาวโสภาทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรูหราพอสมควรตามกำลังเงิน ความเป็นอยู่ไม่ได้สบายเหมือนเก่า เมื่อไม่ใคร่จะมีเงินทองจับจ่าย“ใครจะสน...”พิไลพ่นควันสีขาวๆ ออกมาจากปาก เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นทั้งเหล้าและบุหรี่ เมื่อไม่มีอะไรทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้คือของแก้เซ็งที่เธอทำยามว่าง แถมช่วงนี้พิไลริอ่านหัดเล่น ‘ไพ่’ มันทำให้นางสนุกและหายเบื่อ“คุณแม่อย่าไปเสวนากับยัยป้าเจ้าของคอนโดนักรู้ไหมคะ แกนะผีการพนันเข้าสิง สักวันจะพาคุณแม่ไปมั่วในบ
หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน “แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน” พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน “ค่ะ” “ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว” พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
วันวาดอ้าปากหวอ “ดึกแล้วค่ะ คุณควรพัก...” หญิงสาวแย้ง พยายามลดเสียงลง ระวังคำตอบของตัวเอง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นให้โจนาธานโกรธขึ้นมาอีก เขาฉุนเฉียวง่ายๆ พักนี้ เธอตามอารมณ์ไม่ทัน นับตั้งแต่วันต่อมา ที่เขาขอ...นอน...กับเธออีกครั้ง แต่วันวาดละอายใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริการ วันนั้นเธอจำเป็น มันมีเหตุบีบบังคับที่เธอต้องจำใจทำ และมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงตอบปฏิเสธไปอย่างชัดๆ จนเป็นที่มาของความบาดหมาง...เธอรู้โจนาธานไม่พอใจ!! แต่เขาเลือกที่จะเก็บงำไว้“ฉันจะนอนหรือไม่นอน ไม่ใช่เรื่องของเธอนะวาด...แต่เธอ!!” ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่วันวาด เขาแค่นพูดประชดประชัน “เธอควรอยู่ไม่ห่างฉัน เธอมีหน้าที่ดูแลฉัน ไม่ใช่อยากจะออกไปแต่ข้างนอกนั่นเพื่อไป...อ่อย...ผู้ชาย”ข้างนอกนั่น มีการ์ดของเขากับพี่เป็นสิบคน...หากหล่อนอยากได้ผู้ชาย...เขาอยู่นี่ และพร้อมที่จะสนองอารมณ์หล่อนให้แบบเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั่นเลย...หญิงสาวไม่ตอบ เธอเดินกลับไปทรุดนั่งที่เดิม และเสก้มหลบสายตาเขา มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ ปล่อยให้โจนาธานนั่งฮึดฮัดเพียงคนเดียว“พรุ่งนี้เธอหยุดนี่”เสียงถามลอยตามลมมา...วันวา