บราเซียตัวสวยถูกปลดออกด้วยมือที่สั่นระริก มันเป็นเพราะร่างกายของโจนาธานยังไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่เขาก็ไม่ยอมถอย พยายามทำตามความเคยชิน สองแขนเรียวถูกรั้งลงจากเนินอก เผยให้เห็นเต่งเต้ากลมกลึงขาวผ่อง เนินอกอวบอิ่ม ปลายยอดหดเกร็งมีติ่งเล็กๆ สีแดงอ่อน เท่าผลเชอรี่สุกใหม่ๆ มือใหญ่รีบเคลื่อนที่เขาโอบประคอง จนคนตัวเล็กสะดุ้งโหย่ง เธอหลับตาปี๋ ขมวดคิ้วจนแน่น
“กลัวเหรอวาด...มันไม่น่ากลัวหรอก ฉันรับรอง”
เวลานี้โจนาธานอารมณ์ดี อารมณ์ดีเสียจนอดไม่ได้ที่จะยอกเย้าวันวาด หญิงสาวน่ารัก น่าใคร่ เขาเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะปฏิกิริยาโดยรวมที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้
“...” วันวาดเผยอปาก เธอพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจ หายคอไม่ทัน
“นอนลงเถอะ ฉันอยากชิมเธอแล้วล่ะ”
สภาพร่างกายของตัวเองไม่พร้อมเท่าไร เขาเคลื่อนไหวได้แบบยากลำบาก โจนาธานไม่อยากให้มันติดขัด เขาวอนขอวันวาดด้วยน้ำเสียงแหบปร่า ใช้มือดันร่างเล็กบาง แบบไม่เร่งร้อน หญิงสาวกัดฟันแน่น เธอค่อยๆ ผ่อนร่างกายลงบนที่นอน มือเรียวขยุ้มกำผ้าปูที่นอนแน่น พร้อมกับเกร็งตัวจนแข็งเหมือนท่อนไม้
“ฉันไม่ฆ่าเธอหรอกน่า...เราจะไปด้วยกันช้าๆ คนดี...”
โจนาธานกระซิบข้างใบหูเล็กๆ เขากดจูบข้างขมับแผ่วๆ คร่อมร่างกายของวันวาด ไว้ด้วยร่างกายตัวเอง
ปลายจมูกโด่งแหลม กดจุมพิตข้างแก้ม ก่อนจะไถลครอบครองกลีบปากหวานหอม เขาบดจูบช้าๆ ส่งผ่านความโหยหาด้วยการแทรกปลายลิ้นเข้าไปด้านใน ดูดดึงความหวานละมุนจากเรียวลิ้นเล็กๆ ซึมซับความหวานหอม ละเลียดชิมความหวานฉ่ำ ปรนเปรอจนหญิงสาวจนหัวหมุน
ร่างกายเกร็งแข็งเหมือนท่อนไม้อ่อนยวบลง มือเรียวบางยกขึ้นวางเหนือไหล่ ลูบไล้บ่ากว้างไปมาด้วยความหลงลืม วันวาดไม่เคยคิด... สัมผัสจากเพศตรงข้าม จะทำให้ตัวเองเลือดลมวิ่งพล่านได้ขนาดนี้ ส่วนลี้ลับเต้นตุ๊บๆ ร่างกายร้อนวูบ สลับกับเย็นเยียบ
มันเป็นความทุลักทุเลที่โจนาธานโคตรขัดใจ เขาทำตามความต้องการของตัวเองแบบไม่ได้ดั่งใจนัก ชายหนุ่มนึกในใจ หลังจากวันนี้... เขาจะทำกายภาพอย่างหนัก เขาจะได้เคลื่อนไหวได้มากกว่านี้ แต่มันเป็นกลไกธรรมชาติ แม้จะสะดุดติดขัด แต่ก็ดำเนินไปตามครรลอง
ถึงจะไม่พร้อมด้วยสภาพร่างกาย แต่โจนาธานก็สามารถเมื่อคนใต้ร่างให้ความร่วมมือ
เสื้อและกางเกงของวันวาดถูกเขากำจัดออกไปจนหมด ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลน นอนบิดตัวระทดระทวย ความอวบอิ่มของหล่อนมากเกินประเมิน โจนาธานสูดลมหายใจลึกๆ เขารวบรวมแรงที่เหลือ ไม่อยากสะดุดค้างกลางครัน เสียงครางแผ่วๆ ของคนตัวเล็ก กระตุ้นให้เขาเดินหน้าต่อ ชายหนุ่มรีๆ รอๆ อยู่นาน เขาเหนื่อยหอบจนแทบหมดแรง ต้องหยุดพักเป็นระยะ ดีที่ว่า... วันวาดไม่ใช้สาวเจนจัด หล่อนอ่อนด้อยเรื่องเพศสัมพันธ์ ทั้งๆ เขาและเธอจึงค่อยคลานไปบนถนนฉิมพลีพร้อมๆ กัน
เนินอกอิ่มไหวกระเพื่อม เสียงครางแผ่วหวิวดังไม่หยุด โจนาธานพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้หญิงสาวมีความสุข แม้จะทำได้แบบไม่เต็มที่ เนื่องจากภาวะร่างกายไม่พร้อม แต่ก็ไม่แย่นักสำหรับครั้งแรก หลังอุบัติเหตุนั่น!!
กลีบดอกไม้ฉ่ำเยิ้มเพราะการปลุกเร้า คงถึงเวลาที่ชายหนุ่มจะเพิ่มความสุขในห้วงอารมณ์ เขายันกายขึ้นด้วยฝ่ามือ เสือกเสยตัวตนลงไปในช่องทางคับแน่น ค่อยแทรกลึกลงไปแบบเนิบนาบ
วันวาดสะดุ้งเยือก!! เธอรู้สึกเจ็บแปลบ จนต้องรีบลืมตา มือเรียวบางยกดันแผ่นอกหนา พร้อมกับรีบกระซิบห้าม
“จะ เจ็บ!! ยะ หยุดได้มั้ยคะ?”
เป็นคำถามที่โจนาธานไม่อยากตอบ เขาส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับกัดฟันกรอดๆ ร่างกายเขาฝ่าปราการลึกลงไปเกือบครึ่ง หากถอยหลังตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น ความแข็งขึงนั้นต้องการ การปลดปล่อย หากถอยกลับเขาคงปวดหนึบแทบขาดใจ
“ไม่ได้หรอกวาด เราต้องไปต่อ ฉันสัญญาว่าจะออมแรง”
ชายหนุ่มตอบเสียงปร่า เขากดตัวลง ใช้ร่างกายหนาหนักทับวันวาดไว้ทั้งตัว พร้อมกับค่อยกดสะโพกสอบ ทิ้งส่วนเร้นลับ เร้นลึกเข้าไปภายใน จน...สุดทาง
“กรี๊ดดดดด...”
หญิงสาวร้องกรี๊ด ร่างกายเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ มันเจ็บแปลบแทบขาดใจ ก่อนจะค่อยจางหายไป หลังชายหนุ่มอยู่นิ่งๆ เกือบ1 นาที
โจนาธานยิ้ม เขาดันฝ่ามือโหย่งตัวขึ้น ยกสะโพกถอยหลังกลับ แล้วจึงกดตัวสวนใส่แบบแรงๆ จนหญิงสาวใต้ร่างสะท้านเยือก เธอครางเสียงหลง เมื่อความเจ็บแปลบมีความเสียวกระสันปนอยู่ด้วย
“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหมวาด ไปต่อกันเถอะ”
ชายหนุ่มกระซิบถาม เขาโถมตัวใส่สุดแรง เรี่ยวแรงที่เหลือถูกงัดมาใช้ เป็นการใช้แรงมากที่สุด ในรอบ8เดือน โจนาธานกัดฟันแน่น ร่างกายอ่อนนุ่มดูดตอดเขาแทบแตกกระจาย คลื่นพายุอารมณ์สาดใส่จนสุดที่จะทานทน
“กรี๊ดดดด” เสียงกรีดร้องครั้งที่สองของวันวาด ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เป็นเพราะเธอกระโจนถึงฝั่งฝันสำเร็จ หญิงสาวตัวอ่อนยวบ สูดลมหายใจแรงๆ เปลือกตากระพริบถี่ๆ เมื่อความรู้สึกหลายหลากโถมเข้าใส่
โจนาธานตามติด เขากระทั้นเอวสอบถี่ๆ ปล่อยสายพันธุ์ชีวิต สาดใส่ส่วนลึกของร่างกายวันวาด แล้วจึงทรุดฮวบลง ชายหนุ่มพลิกตัวนอนแผ่ เขาหอบหายใจจนช่องท้องยุบวาบเห็นซี่โครงเป็นลอนๆ
หญิงสาวพลิกตัวตะแคงข้าง คู้เข่าขึ้นมาและนอนขดกอดตัวเองแน่น!!
มุมปากได้รูปมีรอยยิ้ม เขาหลุบเปลือกตาลง ร่างกายต้องการพักอย่างเร่งด่วน หลังจากเสียงแรงทั้งหมด ไปกับกิจกรรมผาดโผน
ความเงียบเข้ามาเยือน วันวาดนอนนิ่งๆ จนแน่ใจ คนข้างกายเธอหลับสนิท เพราะเธอเฝ้าสังเกตและฟังเสียง จนกระทั่งลมหายใจของโจนาธานสม่ำเสมอ หญิงสาวจึงค่อยปรือเปลือกตาขึ้นมอง เธอกระทดตัวลงจากเตียง ควานหาเสื้อผ้าตัวเองท่ามกลางความมืด...หอบหิ้วเสื้อผ้าแนบอก คลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำ แบบเงียบกริบ
มือเรียวยกปิดปาก กลั้นเสียงร่ำไห้ เธอทำตัวน่าอาย พลีกายแรกเศษเงิน แม้มันจะช่วยต่อลมหายใจ คนได้หลายคน แต่มันก็คือความน่าละอายที่จะติดตัวเธอไปจนตาย หญิงสาวคลี่ยิ้มอ่อนๆ เมื่อมองตัวเองผ่านกระจกเงา ผู้หญิงในกระจกเงา มีความเศร้าในดวงตา แต่ก็มีความยินดีปะปนด้วยเช่นกัน เธอตัดใจ... เดินไปยืนใต้ฝักบัวขนาดใหญ่ เอื้อมมือหมุนก๊อกน้ำ เปิดน้ำใสเย็น ไหลอาบร่างกาย เพื่อล้างคราบไคลน่าอดสู ออกไป...จากตัวเอง
วันวาดขัดถูตัวเองอยู่นานพอสมควร เธอเดินโผเผออกมาจากด้านในเมื่อแช่น้ำจนปากเขียว และอาจจะเป็นอันตราย เธอยุติการขัดถู เมื่อไม่ว่าพยายามเช่นไร ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มันเกิดขึ้นแล้ว และจะคงอยู่ไปอีกแสนนาน...
บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย... โจนาธานอารมณ์ดีจนคนรอบข้างรู้สึก เขายิ้มกริ่ม ดวงตามีประกายสดใส แม้จะอิดออดช่วงที่วันวาดจะกลับ เขาพยายามรั้งหล่อนไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ตามใจ เธอกลับเมื่อถึงเวลาของเธอ “อารมณ์ดีอะไรครับคุณโจ” เอกลองแยบๆ ถาม ระหว่างเจ้านายกับพยาบาลสาว ต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อคนที่เคยพูดจ้อยๆ หุบปากแน่น คนที่เป็นจอมโวย กลับยิ้มแย้มเสียแบบนั้น “ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ยว่ะ” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้ “เห็นคุณโจสบายใจ ผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แต่...ไม่บอกจริงๆ เหรอครับ” เอกสัพยอก เขากระโจนผลุง...หนีมือใหญ่ที่ฟาดผั๊วะลงมาข้างตัว เป้าหมายไม่ศีรษะก็ลำตัวเขา และหากเป็นเวลาที่โจนาธานปกติ มันอาจจะเป็นฝ่าเท้า หรือไม่ก็โดนยันโครมจนกระเด็น... “พากูไปสระทีเอก กูดูคลิบในยูทูบ เห็นหมอแนะนำการออกกำลังกายในน้ำ จะช่วยให้เขาฝึกการขยับตัวได้มากกว่าการเดินบนลู่ที่ใช้แรงเยอะ” ชายหนุ่มตั้งเป้าไว้ เขาต้องเดินให้ได้ในเร็ววันที่สุด!! นี่จะเป็นเซอร์ไพรส์ให้วันวาดรู้...คนสุดท้าย ช่วงเวลาที่เหมาะสุด ก็ตอนที่หล่อนไม่อยู่
“คงไม่มีใครมาหรอกเสี่ย ได้ข่าวว่ามันหมดตัวแล้วนี่ครับ” มันตอบเสียงสำรวม “เห้ย!! ได้ไงวะ!! มันเป็นหนี้กูอยู่ไม่น้อย...ลูก เมียมันไม่สนใจเลยเหรอ?” กวงตะคอก เขาไม่ยอมให้ทะนงแทงบัญชีเป็นศูนย์แน่ เงินที่เขาควรได้ จำนวนโขอยู่ “มีเมียสองคน ลูกสาวคน ลูกบุญธรรมอีกคน แต่ก็จนเหมือนกันหมดนั่นแหละเสี่ย!!” มันตอบพร้อมกับรีบหลบตา เมื่อเสี่ยกวงยืนขึ้น ตะโกนลั่น “ก็ไปจับเมีย จับลูกมันมาสิวะ ไม่ได้เงินเอาตัวมาขัดดอกก็ยังดี...” ความคิดชั่วชาติ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม คนเขี้ยวลากดินอย่างเสี่ยกวง ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ลูกน้องขาโหดทำหน้าปั้นยาก “เมียมันแก่หนังเหี่ยวเกรงว่าจะเอามาเสียเปล่าครับ ส่วนลูกสาวมัน...เออ” มันพูดเสียงติดๆ ขัดๆ เสี่ยกวงใจร้อนจึงตะโกนถามเสียงขุ่น “แต่...ส้นตีนอะไรของมึง ทำสะดิ้งอมพะนำเสียแบบนั้น” “ลูกสาวไอ้ทะนงมันเป็นพยาบาล เห็นเดินเข้าเดินออกบ้านไอ้พี่น้องรูธ ผมก็เลยไม่กล้าฉุดมาให้เสี่ย” คำตอบของมันทำให้หัวคิ้วเสี่ยกวงกระตุก ต่อมลองดีเต้นพล่าน หากอีนั่นเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นสิดี
“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?” ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้ “ลูกรู้!!” ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ “วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ” เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน “เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด” ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ “พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน” “วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!” ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตาง
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ นี่หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ เขากับเธอผ่านค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน แต่เมื่อฟ้าสว่าง ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ เขาได้กลับคืนมาคือความเฉยชา“คุณออกกำลังกายหนักเกินไปนะคะ กล้ามเนื้อคุณตึงมาก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ อีกไม่นานคุณก็จะเดินได้เอง”กล้ามเนื้อที่ช่วงขาของโจนาธานตึงจนแข็ง วันวาดวางมือลงไปเธอกดผิวเนื้อจึงเอ่ยเตือนโจนาธานด้วยความหวังดีชายหนุ่มขมวดคิ้ว!! นี่หล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใจคอหล่อนจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ใจเด็ดเกินไปแล้ว“เธอจริงจังกับงานเหลือเกินนะ คงอยากไปจากที่นี่เต็มทีละสิ”เสียงดังๆ แฝงการประชด วันวาดยิ้มเครียด เธอช้อนสายตาเฉยชามองเขา“เราตกลงกันแล้วนี่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”เธอทวงคำสัญญา แม้จะอายจนหน้าชากับแววตาดูแคลนของชายหนุ่ม“หึ!! ไม่เอาเปรียบฉันไปหน่อยเหรอวาด เธอโขกฉันเสียเยอะแยะ แต่ฉันได้...แค่ครั้งเดียว”วันวาดสะอึก เธอกรอกตัวเลขเสียเยอะแยะเพราะต้องการประชด แต่เมื่อใช้จ่ายจริงๆ เธอใช้ไม่ถึงครึ่งจนมานั่งเสียใจอยู่ตอนนี้“วาดคืนที่เหลือให้คุณก็ได้ค่ะ วาดไม่ต้องการมันอีกแล้ว”เธอเคลียร์หนี้ของบิดา ไถ
“ทำไมล่ะวาด เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเคร่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหญิงสาวเท่าใดนัก เมื่อหล่อนเองก็รู้สึกคล้อยตาม ความปรารถนาของหล่อนปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำ...มันมีแววกังวลและละอายปนเปมาด้วย แต่นั่นก็ไม่อาจกลบความพุ่งพล่านในหัวใจได้...ไม่ใช่เหรอ? “ไม่ค่ะ ไม่เลย” หญิงสาวส่ายใบหน้าปฏิเสธ “อย่าปฏิเสธตัวเองสิวาด...ฉันรู้ เธอรู้สึกไม่ต่างจากฉันหรอก... เราต้องการกันและกัน” ปลายนิ้วแข็งแรงยกช้อนปลายคาง เขาคลึงผิวแก้มเนียนด้วยปลายนิ้วชี้ พร้อมกับยิ้มมุมปาก “แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูก...นี่คะ” วันวาดยังพยายามท้วง เธอเสหลบสายตาร้อนแรงของโจนาธาน ความปรารถนามากล้นนั่น กำลังทำให้ใจอ่อน “เธอใจแข็งมากกว่าที่ฉันคิดนะ” โจนาธานทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง แววตาอ่อนเศร้าของหล่อน...ทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนลง จึงยอมตัดใจเขารั้งหล่อนเข้าสู่อ้อมแขน ตรึงหญิงสาวไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง “นอนนิ่งๆ น่า ฉันก็แค่อยากกอด ไม่ได้คิดทำอะไรเกินกว่านี้หรอก แต่ถ้าเธอดิ้น...ก็ไม่แน่...” ชายหนุ่มแสร้งขู่ วันวาดฮึ
บทที่11.กรรมติดจรวด “คุณแม่คะ...คุณแม่ได้ข่าวคุณพ่อบ้างไหมคะ?” พิไลลักษณ์ถามมารดาเลี้ยงด้วยความกังขา หล่อนได้ยินข่าวที่ยังไม่ได้คัดกรอง แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริง ถึงจะเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก... “ไม่...ป่านนี้โดนไอ้เสี่ยบ้านั่นฆ่าตายแล้วมั้ง”พิไลพูดแบบไม่ยี่หระ ความรักจืดจางลง ที่เหลือไว้คือความชิงชัง สามีที่เคยเป็นคนดี เปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า...ทะนงจะเป็นตายยังไงก็ช่าง!! เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว...“คุณพ่อยังไม่ตายหรอกค่ะ...เหมือนจะอยู่ดีมีสุข คุณแม่มาอยู่กับพิไล ไม่ได้ข่าวทางบ้านบ้างเลยเหรอคะ?”สาวโสภาทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรูหราพอสมควรตามกำลังเงิน ความเป็นอยู่ไม่ได้สบายเหมือนเก่า เมื่อไม่ใคร่จะมีเงินทองจับจ่าย“ใครจะสน...”พิไลพ่นควันสีขาวๆ ออกมาจากปาก เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นทั้งเหล้าและบุหรี่ เมื่อไม่มีอะไรทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้คือของแก้เซ็งที่เธอทำยามว่าง แถมช่วงนี้พิไลริอ่านหัดเล่น ‘ไพ่’ มันทำให้นางสนุกและหายเบื่อ“คุณแม่อย่าไปเสวนากับยัยป้าเจ้าของคอนโดนักรู้ไหมคะ แกนะผีการพนันเข้าสิง สักวันจะพาคุณแม่ไปมั่วในบ
หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน “แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน” พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน “ค่ะ” “ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว” พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก