บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย... โจนาธานอารมณ์ดีจนคนรอบข้างรู้สึก เขายิ้มกริ่ม ดวงตามีประกายสดใส แม้จะอิดออดช่วงที่วันวาดจะกลับ เขาพยายามรั้งหล่อนไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ตามใจ เธอกลับเมื่อถึงเวลาของเธอ “อารมณ์ดีอะไรครับคุณโจ” เอกลองแยบๆ ถาม ระหว่างเจ้านายกับพยาบาลสาว ต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อคนที่เคยพูดจ้อยๆ หุบปากแน่น คนที่เป็นจอมโวย กลับยิ้มแย้มเสียแบบนั้น “ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ยว่ะ” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้ “เห็นคุณโจสบายใจ ผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แต่...ไม่บอกจริงๆ เหรอครับ” เอกสัพยอก เขากระโจนผลุง...หนีมือใหญ่ที่ฟาดผั๊วะลงมาข้างตัว เป้าหมายไม่ศีรษะก็ลำตัวเขา และหากเป็นเวลาที่โจนาธานปกติ มันอาจจะเป็นฝ่าเท้า หรือไม่ก็โดนยันโครมจนกระเด็น... “พากูไปสระทีเอก กูดูคลิบในยูทูบ เห็นหมอแนะนำการออกกำลังกายในน้ำ จะช่วยให้เขาฝึกการขยับตัวได้มากกว่าการเดินบนลู่ที่ใช้แรงเยอะ” ชายหนุ่มตั้งเป้าไว้ เขาต้องเดินให้ได้ในเร็ววันที่สุด!! นี่จะเป็นเซอร์ไพรส์ให้วันวาดรู้...คนสุดท้าย ช่วงเวลาที่เหมาะสุด ก็ตอนที่หล่อนไม่อยู่
“คงไม่มีใครมาหรอกเสี่ย ได้ข่าวว่ามันหมดตัวแล้วนี่ครับ” มันตอบเสียงสำรวม “เห้ย!! ได้ไงวะ!! มันเป็นหนี้กูอยู่ไม่น้อย...ลูก เมียมันไม่สนใจเลยเหรอ?” กวงตะคอก เขาไม่ยอมให้ทะนงแทงบัญชีเป็นศูนย์แน่ เงินที่เขาควรได้ จำนวนโขอยู่ “มีเมียสองคน ลูกสาวคน ลูกบุญธรรมอีกคน แต่ก็จนเหมือนกันหมดนั่นแหละเสี่ย!!” มันตอบพร้อมกับรีบหลบตา เมื่อเสี่ยกวงยืนขึ้น ตะโกนลั่น “ก็ไปจับเมีย จับลูกมันมาสิวะ ไม่ได้เงินเอาตัวมาขัดดอกก็ยังดี...” ความคิดชั่วชาติ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม คนเขี้ยวลากดินอย่างเสี่ยกวง ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ลูกน้องขาโหดทำหน้าปั้นยาก “เมียมันแก่หนังเหี่ยวเกรงว่าจะเอามาเสียเปล่าครับ ส่วนลูกสาวมัน...เออ” มันพูดเสียงติดๆ ขัดๆ เสี่ยกวงใจร้อนจึงตะโกนถามเสียงขุ่น “แต่...ส้นตีนอะไรของมึง ทำสะดิ้งอมพะนำเสียแบบนั้น” “ลูกสาวไอ้ทะนงมันเป็นพยาบาล เห็นเดินเข้าเดินออกบ้านไอ้พี่น้องรูธ ผมก็เลยไม่กล้าฉุดมาให้เสี่ย” คำตอบของมันทำให้หัวคิ้วเสี่ยกวงกระตุก ต่อมลองดีเต้นพล่าน หากอีนั่นเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นสิดี
“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?” ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้ “ลูกรู้!!” ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ “วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ” เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน “เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด” ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ “พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน” “วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!” ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตาง
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ นี่หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ เขากับเธอผ่านค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน แต่เมื่อฟ้าสว่าง ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ เขาได้กลับคืนมาคือความเฉยชา“คุณออกกำลังกายหนักเกินไปนะคะ กล้ามเนื้อคุณตึงมาก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อยๆ ทำ อีกไม่นานคุณก็จะเดินได้เอง”กล้ามเนื้อที่ช่วงขาของโจนาธานตึงจนแข็ง วันวาดวางมือลงไปเธอกดผิวเนื้อจึงเอ่ยเตือนโจนาธานด้วยความหวังดีชายหนุ่มขมวดคิ้ว!! นี่หล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใจคอหล่อนจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ใจเด็ดเกินไปแล้ว“เธอจริงจังกับงานเหลือเกินนะ คงอยากไปจากที่นี่เต็มทีละสิ”เสียงดังๆ แฝงการประชด วันวาดยิ้มเครียด เธอช้อนสายตาเฉยชามองเขา“เราตกลงกันแล้วนี่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”เธอทวงคำสัญญา แม้จะอายจนหน้าชากับแววตาดูแคลนของชายหนุ่ม“หึ!! ไม่เอาเปรียบฉันไปหน่อยเหรอวาด เธอโขกฉันเสียเยอะแยะ แต่ฉันได้...แค่ครั้งเดียว”วันวาดสะอึก เธอกรอกตัวเลขเสียเยอะแยะเพราะต้องการประชด แต่เมื่อใช้จ่ายจริงๆ เธอใช้ไม่ถึงครึ่งจนมานั่งเสียใจอยู่ตอนนี้“วาดคืนที่เหลือให้คุณก็ได้ค่ะ วาดไม่ต้องการมันอีกแล้ว”เธอเคลียร์หนี้ของบิดา ไถ
“ทำไมล่ะวาด เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเคร่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหญิงสาวเท่าใดนัก เมื่อหล่อนเองก็รู้สึกคล้อยตาม ความปรารถนาของหล่อนปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำ...มันมีแววกังวลและละอายปนเปมาด้วย แต่นั่นก็ไม่อาจกลบความพุ่งพล่านในหัวใจได้...ไม่ใช่เหรอ? “ไม่ค่ะ ไม่เลย” หญิงสาวส่ายใบหน้าปฏิเสธ “อย่าปฏิเสธตัวเองสิวาด...ฉันรู้ เธอรู้สึกไม่ต่างจากฉันหรอก... เราต้องการกันและกัน” ปลายนิ้วแข็งแรงยกช้อนปลายคาง เขาคลึงผิวแก้มเนียนด้วยปลายนิ้วชี้ พร้อมกับยิ้มมุมปาก “แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูก...นี่คะ” วันวาดยังพยายามท้วง เธอเสหลบสายตาร้อนแรงของโจนาธาน ความปรารถนามากล้นนั่น กำลังทำให้ใจอ่อน “เธอใจแข็งมากกว่าที่ฉันคิดนะ” โจนาธานทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง แววตาอ่อนเศร้าของหล่อน...ทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนลง จึงยอมตัดใจเขารั้งหล่อนเข้าสู่อ้อมแขน ตรึงหญิงสาวไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง “นอนนิ่งๆ น่า ฉันก็แค่อยากกอด ไม่ได้คิดทำอะไรเกินกว่านี้หรอก แต่ถ้าเธอดิ้น...ก็ไม่แน่...” ชายหนุ่มแสร้งขู่ วันวาดฮึ
บทที่11.กรรมติดจรวด “คุณแม่คะ...คุณแม่ได้ข่าวคุณพ่อบ้างไหมคะ?” พิไลลักษณ์ถามมารดาเลี้ยงด้วยความกังขา หล่อนได้ยินข่าวที่ยังไม่ได้คัดกรอง แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริง ถึงจะเป็นคำบอกเล่าปากต่อปาก... “ไม่...ป่านนี้โดนไอ้เสี่ยบ้านั่นฆ่าตายแล้วมั้ง”พิไลพูดแบบไม่ยี่หระ ความรักจืดจางลง ที่เหลือไว้คือความชิงชัง สามีที่เคยเป็นคนดี เปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า...ทะนงจะเป็นตายยังไงก็ช่าง!! เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว...“คุณพ่อยังไม่ตายหรอกค่ะ...เหมือนจะอยู่ดีมีสุข คุณแม่มาอยู่กับพิไล ไม่ได้ข่าวทางบ้านบ้างเลยเหรอคะ?”สาวโสภาทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรูหราพอสมควรตามกำลังเงิน ความเป็นอยู่ไม่ได้สบายเหมือนเก่า เมื่อไม่ใคร่จะมีเงินทองจับจ่าย“ใครจะสน...”พิไลพ่นควันสีขาวๆ ออกมาจากปาก เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นทั้งเหล้าและบุหรี่ เมื่อไม่มีอะไรทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้คือของแก้เซ็งที่เธอทำยามว่าง แถมช่วงนี้พิไลริอ่านหัดเล่น ‘ไพ่’ มันทำให้นางสนุกและหายเบื่อ“คุณแม่อย่าไปเสวนากับยัยป้าเจ้าของคอนโดนักรู้ไหมคะ แกนะผีการพนันเข้าสิง สักวันจะพาคุณแม่ไปมั่วในบ
หญิงสาวเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่เคยทำที่ไหนทน...อาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทาง...หล่อนหวังตกถังข้าวสาร หากเจอเจ้านายใจป้ำ แม้จะเป็นบ้านเล็ก พิไลลักษณ์ก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีสตางค์ตุงกระเป๋า แต่เป้าหมายที่หล่อนค้นหายังไม่เจอ ก็เท่านั้นเอง ส่วนมากคนมีฐานะมักจะเป็นคุณลุงแก่ๆ และกลัวเมียจับจิต ยังไม่มีหนุ่มใหญ่ใจถึงคนไหนเข้าตาเธอสักคน “แกก็หา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนสิ จะได้ไม่ต้องทำงาน” พิไลแนะนำ หากบุตรบุญธรรมมีสามีรวย นางเองก็จะได้อาศัยใบบุญไปด้วย พิไลลักษณ์ยิ้มกร่อยๆ ใช่ว่าเธอไม่หาเสียเมื่อไร แต่คนมั่งมีสมัยนี้ก็ไม่ได้โง่ เขามองคนระดับเดียวกัน ส่วนเธอก็เป็นได้แค่ทางผ่าน “ค่ะ” “ฉันไปล่ะ คนมารับโทร. มาแล้ว” พิไลฉวยกระเป๋าสะพายข้างตัวมาคล้องไว้ที่แขนซ้าย นางผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดออกไปช้าๆ “ถ้าฉันเฮง!! ฉันจะโทร. มาให้แกไปรับนะพิไล ฉันไม่ไว้ใจคนพาไปเลย...ดูเจ้าเล่ห์พิกล” นางหันมากล่าวกับพิไลลักษณ์ ก่อนจะดันประตูออกไปด้านนอก สาวโสภาคลี่ยิ้ม เธอภาวนาให้มารดามือขึ้น จะได้ไม่ต้องจำกัดจำเขี่ย เรื่องกินเรื่องอยู่ สองสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องอับจน
นางรีบตกปากรับคำ หันมาสั่งพิไลลักษณ์ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับแบบงงๆ กวงเดินนำหน้า พิไลเดินตามหลัง และในห้องที่เย็นฉ่ำ ข้อเสนอของกวงทำให้พิไลอึ้ง!! แต่ก็รีบตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด พิไลลักษณ์ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวของนางก็จริง!! แต่บุญคุณที่นางส่งเสริม เลี้ยงดูมา พิไลลักษณ์สมควรตอบแทนบ้าง...แม้มันจะดูน่ารังเกียจ...เพราะเท่ากับว่านางเป็นคนผลักพิไลลักษณ์ลงไปสู่ขุมนรก เมื่อเสี่ยกวงไม่น่าจะใช่คนตัวเปล่า อายุอานามขนาดนี้ คงไม่แคล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ค่าตัวของพิไลลักษณ์ก็น่าสนใจ เท่ากับนางปลดหนี้ของเสี่ยกวง แถมยังได้เงินมาต่อทุนด้วย “ตกลงค่ะ...” นางรับคำ หยิบเงินสดฟ่อนใหญ่มายัดใส่กระเป๋าแบบไม่แคร์สิ่งใด บางทีสิ่งที่นางทำ พิไลลักษณ์อาจจะชอบใจก็ได้ เมื่อบุตรบุญธรรมของนางเองก็กำลังมองหาความสะดวกสบายอยู่เช่นกัน... “ยัยพิไล...ฉันขายแก่ให้เสี่ยกวงเขาแล้วนะ...แกก็ไปกับเขาเถอะ นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนของฉันที่เลี้ยงแกจนโตก็แล้วกัน” นางเปรยเสียงเย็น เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเสี่ยกวงแล้วเจอพิไลลักษณ์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย