หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ”
“ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว”
หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง
“วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน”
หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ
โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!”
“คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย”
เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง
“เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!”
โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้
“กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล้ว ขอทำตัวมีประโยชน์สักหน่อย ไม่ใช่รับเงินแล้วนอนอย่างเดียว”
หญิงสาวชวนคุยหลังจากอาบน้ำจนหน้าผ่อง และกลิ่นหอมฟุ้งของสบู่ลอยตลบอบอวล เธอหิวจนท้องร้อง แต่ไหนๆ ก็จะหาอะไรใส่ท้องตัวเอง มีน้ำใจทำมาเผื่อแผ่คนจ่ายสตางค์ให้คงไม่เสียเปล่า
“กินแล้วไม่ท้องเสียนะ”
ชายหนุ่มกล่าวหน้าตาย...
“หึ!! ดูถูก...เห็นอย่างนี้วาดทำกับข้าวเป็นนะคุณ ถึงจะรสมือไม่เท่าแม่...แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่จนต้องเททิ้ง”
หญิงสาวยกมือกอดอก พูดเสียงงอดแงด ตวัดตามองชายหนุ่มเหมือนจะค้อน
โจนาธานอมยิ้ม เขาเสก้มหน้าลง “ลองทำมาซิ!! เดี๋ยวฉันจะเป็นหนูทดลองให้เอง... เอกมึงเตรียมยาแก้ท้องเสียไว้ให้กูที เพื่อฉุกเฉิน!!”
เอกกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม เจ้านายกับคุณพยาบาลหยอกกันแรงๆ แต่ฟังยังไงก็เหมือน... คู่รัก...กำลังหยอกเอินกัน เอ...มันยังไงกันหว่า...
“หึ!! แล้วก็อย่ามาเรียกร้องให้วาดทำให้ทานแล้วกัน วาดมีครู ไม่ใช่มั่วทำค่ะ รับประกันกินแล้วไม่ท้องเสีย แต่ถูกปากคุณหรือเปล่า อันนั้นไม่รู้”
หญิงสาวตอบเสียงขุ่น เกิดแรงฮึดที่จะลบคำสบประมาทของชายหนุ่ม วันวาดเดินตุปัดตุป่อง หายไปกว่า40 นาที กลับมาพร้อมกับถาดใบโตกับอาหารจานใหญ่ที่โจนาธานได้กลิ่นยังต้องกลืนน้ำลายเอือกๆ สีสัน...ผ่าน!! หน้าตาและการจัดแต่ง...ผ่าน!! ที่นี้ก็เหลือรสชาติ...ที่ต้องลิ้มลองเอง...
“สเต็กปลาแซลมอนค่ะ ดีต่อสุขภาพและมีประโยชน์กับร่างกายคุณโดยตรง”
จานใบใหญ่กับอาหารกลิ่นชวนลองชิมถูกวางบนโต๊ะและถูกเข็นมาชิดเตียงโดยคนทำเมนูนี้
“ผักวาดเลือกใช้ผักโขมเพราะผักชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี แมกนีเซียม สังกะสี โฟเลต ธาตุเหล็ก แคลเซียมและอร่อย” หญิงสาวชี้แจงยิ้มๆ เหมือนกำลังสอนคนไม่รู้ ให้รู้เพิ่มขึ้น “ตอนแรกวาดว่าจะอบชีส แต่กลัวคุณรอนาน เลยทำแค่ผัดเนยทานคู่กับสเต็กปลาแก้เลี่ยน...”
“คงไม่ถึงตายมั้งว่ะเอก กลิ่นผ่าน หน้าตาผ่าน แต่จะ...ได้ไหมต้องลอง”
ชายหนุ่มยังไม่วายสัพยอก เขาหยิบมีดกับซ้อมขึ้นมาถือไว้ แสร้งทำเป็นกล้าๆ กลัวๆ ที่จะลิ้มลอง จนวันวาดอดไม่ได้ที่จะหมั้นไส้
“ป้าสมบอกว่าอร่อย คุณอย่ามาดิสเครดิตวาด ด้วยการสบประมาทก่อนที่จะลองชิมคะ วาดไม่กลัว”
หญิงสาวยืดอก คุยโอ่!! เมื่อคนการันตีความอร่อยคือแม่ครัวของบ้านหลังนี้ เพราะหากฝีมือไม่ไหวจริงๆ นางคงไม่ปล่อยผ่านให้วันวาดนำมาเสิร์ฟเจ้านาย
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ เขาลงมือชิม โดยมีหญิงสาวยืนลุ้นอยู่ข้างๆ
เอกเลี่ยงออกไปจากห้อง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน เขาแอบเชียร์วันวาดในใจ หากหญิงสาวจะทำให้เจ้านายมีกำลังใจ จนสามารถผลักดันให้เจ้านายฮึดสู้ และอาจจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง เอกก็ยินดีสนับสนุน
“อ้าว!! ออกมาทำไมพี่เอก คุณโจอาบน้ำแล้วเหรอ?”
ออกแรงจนเหงื่อโซม โจนาธานคงอยากอาบน้ำ เมื่อเห็นเอกเดินหลบฉากออกมา แป้นเลยถาม
“คุณวาดอยู่!!”
การ์ดหนุ่มตอบเรียบๆ เขาเดินไปนั่งประจำที่ ชำเรืองมองประตูห้องพักฟื้นเจ้านายยิ้มๆ
“อ๋ออออ...”
แป้นยิ้มแป้นสมชื่อ หล่อนเดินกลับไปทำงานอื่น เมื่อวันวาดอยู่...ดูเหมือนคนอื่นๆ จะหมดประโยชน์ ไม่ได้รับความสนใจจากโจนาธาน เมื่อวันวาดกลายเป็นคนสำคัญ ผิดกับวันแรกๆ ที่เจ้านายหนุ่มจ้องแต่จะเสือกไส ไล่ส่ง...
“เป็นไงคุณ ถ้าไม่อร่อยก็อย่าฝืน...วาดรับได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มแหยๆ พูดเสียงอ่อยๆ เมื่อโจนาธานกินเงียบๆ ไม่ปริปากบ่นเหมือนเคย
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เขามองหล่อนก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปาก
“ก็ไม่ได้แย่นักหรอกน่า... แต่ถ้าจะให้ชมว่าอร่อย ยังไม่ได้ มีข้อแม้ว่า... เธอต้องทำมาให้ฉันชิมบ่อยๆ จนกว่ารสมือจะดีกว่านี้”
หญิงสาวเป่าปาก เธอตวัดค้อนให้ชายหนุ่ม เขาจงใจแกล้งให้เธอใจเสีย แล้วก็ตลบหลังด้วยคำชมที่ฟังแปร่งๆ
“วาดจะเอาเวลาไหนมาทำให้คุณชิม นานๆ ครั้งพอได้ค่ะ แต่บ่อยๆ คงไม่ไหว”
หญิงสาวตอบพร้อมกับแอบเบ้ปาก ในหนึ่งวันเธอทำงานแทบไม่มีเวลาพัก ไม่มีช่วงเวลาว่างๆ พอที่จะทำแบบที่เขาพูด
“ฉันรอได้...”
คำตอบของโจนาธานทำเอาวันวาดอึ้ง!! เธอได้ยินแล้วรู้สึกร้อนหน้าวูบ มันเหมือนคำสัญญายังไงพิกล หญิงสาวรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป...เมื่อมันเป็นไปไม่ได้หรอก...คนแบบโจนาธานมีตัวเลือกเยอะแยะ หากเขาเดินได้ปกติ เธอก็จะกลายเป็นแค่...คนเคยรู้จัก มีผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เข้าแถวรอให้เขาเลือก แล้วคนมีฐานะอย่างเขาหรือ จะมาเสียเวลามองคนไม่มีอะไรเลยอย่างเธอ ตอนนี้ชายหนุ่มแค่เหงาตามวิสัยผู้ชาย อดไม่ได้ที่จะหยอกเอินคนใกล้ตัว หากเธอหลงลมปากเขา คนที่เสียใจ...คือตัวเอง วันวาดมั่นใจว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกัน แต่พอได้ใกล้ชิดโจนาธานเขาจริงๆ ปราการนั่น กลายเป็นกำแพงแก้วเสียอย่างนั้น...มันเปราะบางหมิ่นแหม่...บอบบางจนน่าใจหาย เพราะหากมันแตกหักลงมา เธอคงไม่มีอะไรป้องกันตัว และอาจกลายเป็นเหยื่อของเขา ในที่สุด!!
‘ไม่ได้รู้สึกไปเองนะ’ วันวาดคิดในใจ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอคิดว่าคนป่วยจอมโวยวาย สงบลง เขาไม่ค่อยโวยเหมือนเก่า คำพูดคำจาก็เปลี่ยนไป ไอ้ที่เคยดุ เคยแอบจิกกัด แทบไม่มีให้ได้ยิน แถมยังขยันทำกายภาพอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งพัฒนาการของเขาดีขึ้น เริ่มมีความรู้สึกที่ขา เป็นข่าวดีที่เธอร่วมยินดีด้วย
แถมยังมีคำพูดแปลกๆ ให้เธอเอาเก็บไปคิด ความพูดแฝงความนัยที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
แววตาวาวๆ ซ่อนบางอย่างที่วันวาดไม่กล้าค้นหาไว้ เพราะกลัวที่จะแปลภาษาในความนัยนั่นได้
และมันจะเป็นอันตรายกับก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ของตัวเอง
หญิงสาวสงบเสงี่ยมลง แต่โจนาธานกับเป็นฝ่ายรุกเสียเอง เธอจึงพยายามวางเฉย รักษาที่มั่นของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น พยายามไม่ใส่ใจกับความหมายในดวงตาของโจนาธาน เพื่อตัวเองจะได้ไม่หวั่นไหวมากขึ้น
“ดีขึ้นนี่หว่าไอ้เสือ”
เบนก็ยังเป็นเบน เป็นพี่ชายที่ห่วงและคอยเป็นกำลังใจ เขาจะแวะมาหาโจนาธานทุกเช้าก่อนไปทำงาน
“แหงล่ะ ผมนะ ‘รูธ’ ไม่ใช่ไอ้แหย เจ็บได้ หายเป็นนะพี่”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ เขามีกิจกรรมทำทั้งวัน ช่วงเวลาที่รอวันวาดมาคอยดูแล
“แกเปลี่ยนไปว่ะ!! ไอ้มนุษย์เจ้าอารมณ์คนนั้นไปไหนหว่า? แหมๆ ใครนะทำให้แกเปลี่ยนความคิด หรือว่า...”
เบนสัพยอก หากวันวาดทำให้น้องชายเขาดีขึ้น เขาก็ไม่ได้คิดขัดขวาง...แม้หล่อนจะมีแต่ตัว
“ผมทำเพื่อตัวเองไม่ได้เหรอ? จะมีใคร๊!!”
ชายหนุ่มตอบเสียงสูงปรี๊ด เถลจนสีข้างแทบถลอก เขาหลบสายตาพี่ชาย อายจนหน้าร้อนวูบ ที่ดันทะลึ่ง เกิดความรู้สึกแปลกๆ กับคนดูแลที่แรกเริ่มเขาตั้งป้อมรังเกียจ!!
“เหรออออ...”
เบนลากเสียงยาวๆ เขาไม่ได้แซ็วต่อ ทำเป็นรู้ไม่ชี้ ชวนคุยสัพเพเหระ จนได้เวลาไปทำงาน
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?
โจนาธานอึ้ง หญิงสาวไม่เคยหยาบคาย หล่อนจะนิ่งๆ เฉยเมยเป็นส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนตอบโต้มาแบบแรงๆ “คุณจะเป็นไอ้ง่อย จะเป็นไอ้อะไร มันก็เรื่องของคุณ จะเดินได้หรือไม่ได้ มันก็ตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับวาดเลยค่ะ...อยากนอนเป็นผักเน่าให้คนรอบตัวเขาคอยสมเพทมันก็เรื่องของคุณ!! เมื่อคุณทำตัวเอง คุณกำหนดเองว่าจะเป็นแบบไหน ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก แต่...วาดเสียดาย เสียดายที่คุณมีโอกาส แต่กลับไม่สู้ วาดทุเรศตัวเองแทนค่ะ!!” หญิงสาวโพล่งยาว ความอัดอั้นในใจบีบบังคับให้เธอพูด ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจคนเดียว คนอื่นๆ ก็มีปัญหาและภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน “วาดขอโทษค่ะ ที่พูดไม่ดี...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้สึกผิดที่พูดแรงไป แต่ไม่ใช่ความผิดของเธอทั้งหมด โจนาธานกดดันจนเธอหลุด...หญิงสาวหมุนตัวเดินหนี เธอเปิดประตูห้องพักฟื้นของเขาออกไปสงบอารมณ์ด้านนอก น้ำตารื้นแทบจะล้นปริ่ม เธอจึงรีบยกมือขึ้น กรีดไล้เงาน้ำตาออกไป เธอไม่มีเวลาสำหรับการร้องไห้ เมื่อยังมีลมหายใจ...เธอจะไม่มีวันท้อ แม้ปัญหามากมายจะโถมเข้าใส่ไม่หยุด... “บ้
“วาดคิดว่าคุณแค่อยากล้อเล่น...” “ฉันจริงจัง เธอจะว่าไง...ถ้าตกลง ก็เดินขึ้นเตียงมาได้เลย หลังคืนนี้ผ่านไป...เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการกลับคืนมา” โจนาธานท้าทาย เขาเห็นแววตาลังเลของหล่อน มีความเป็นไปได้สูงที่หล่อนจะตกลง เมื่อวันวาดกำลังเข้าตาจน “...” หญิงสาวก้มหน้าลง เธอกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่... หญิงสาวไม่ได้มีทางเลือกมากนัก หากเธอตัดสินใจทำ... มันน่าอายเธอรู้ แต่มันจะช่วยได้หลายคน พ่อ แม่...บางทีบ้านที่เธอเกิด อาจจะไม่ตกเป็นของคนอื่น “เท่าไรคะ? ค่าตัววาด เท่าไร?” เธอกลั้นใจถามดวงตาแดงก่ำ กระบอกตาร้อนผ่าว “แล้วแต่เธอจะเรียก ฉันมีจ่าย!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขาใจป้ำ กระเป๋าหนักพอ “เรื่องนี้จะเป็นความลับ...ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรานะคะ... เพราะวันใดที่มีคนรู้มากกว่าเราสองคน วาดจะไปจากที่นี่ทันที ทุกอย่างที่ตกลงกันไว้จะยุติ!!” เธอกันฟันพูด ยอมทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อต่อลมหายใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะบิดา... “ตกลง...” โจนาธานตอบเสียงกระหึ่ม เขายิ้มมุมปาก ตอบตกลงโดยไม่ต
บราเซียตัวสวยถูกปลดออกด้วยมือที่สั่นระริก มันเป็นเพราะร่างกายของโจนาธานยังไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่เขาก็ไม่ยอมถอย พยายามทำตามความเคยชิน สองแขนเรียวถูกรั้งลงจากเนินอก เผยให้เห็นเต่งเต้ากลมกลึงขาวผ่อง เนินอกอวบอิ่ม ปลายยอดหดเกร็งมีติ่งเล็กๆ สีแดงอ่อน เท่าผลเชอรี่สุกใหม่ๆ มือใหญ่รีบเคลื่อนที่เขาโอบประคอง จนคนตัวเล็กสะดุ้งโหย่ง เธอหลับตาปี๋ ขมวดคิ้วจนแน่น“กลัวเหรอวาด...มันไม่น่ากลัวหรอก ฉันรับรอง”เวลานี้โจนาธานอารมณ์ดี อารมณ์ดีเสียจนอดไม่ได้ที่จะยอกเย้าวันวาด หญิงสาวน่ารัก น่าใคร่ เขาเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะปฏิกิริยาโดยรวมที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้“...” วันวาดเผยอปาก เธอพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจ หายคอไม่ทัน“นอนลงเถอะ ฉันอยากชิมเธอแล้วล่ะ”สภาพร่างกายของตัวเองไม่พร้อมเท่าไร เขาเคลื่อนไหวได้แบบยากลำบาก โจนาธานไม่อยากให้มันติดขัด เขาวอนขอวันวาดด้วยน้ำเสียงแหบปร่า ใช้มือดันร่างเล็กบาง แบบไม่เร่งร้อน หญิงสาวกัดฟันแน่น เธอค่อยๆ ผ่อนร่างกายลงบนที่นอน มือเรียวขยุ้มกำผ้าปูที่นอนแน่น พร้อมกับเกร็งตัวจนแข็งเหมือนท่อนไม้“ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก
บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย... โจนาธานอารมณ์ดีจนคนรอบข้างรู้สึก เขายิ้มกริ่ม ดวงตามีประกายสดใส แม้จะอิดออดช่วงที่วันวาดจะกลับ เขาพยายามรั้งหล่อนไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ตามใจ เธอกลับเมื่อถึงเวลาของเธอ “อารมณ์ดีอะไรครับคุณโจ” เอกลองแยบๆ ถาม ระหว่างเจ้านายกับพยาบาลสาว ต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อคนที่เคยพูดจ้อยๆ หุบปากแน่น คนที่เป็นจอมโวย กลับยิ้มแย้มเสียแบบนั้น “ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ยว่ะ” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้ “เห็นคุณโจสบายใจ ผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แต่...ไม่บอกจริงๆ เหรอครับ” เอกสัพยอก เขากระโจนผลุง...หนีมือใหญ่ที่ฟาดผั๊วะลงมาข้างตัว เป้าหมายไม่ศีรษะก็ลำตัวเขา และหากเป็นเวลาที่โจนาธานปกติ มันอาจจะเป็นฝ่าเท้า หรือไม่ก็โดนยันโครมจนกระเด็น... “พากูไปสระทีเอก กูดูคลิบในยูทูบ เห็นหมอแนะนำการออกกำลังกายในน้ำ จะช่วยให้เขาฝึกการขยับตัวได้มากกว่าการเดินบนลู่ที่ใช้แรงเยอะ” ชายหนุ่มตั้งเป้าไว้ เขาต้องเดินให้ได้ในเร็ววันที่สุด!! นี่จะเป็นเซอร์ไพรส์ให้วันวาดรู้...คนสุดท้าย ช่วงเวลาที่เหมาะสุด ก็ตอนที่หล่อนไม่อยู่
“คงไม่มีใครมาหรอกเสี่ย ได้ข่าวว่ามันหมดตัวแล้วนี่ครับ” มันตอบเสียงสำรวม “เห้ย!! ได้ไงวะ!! มันเป็นหนี้กูอยู่ไม่น้อย...ลูก เมียมันไม่สนใจเลยเหรอ?” กวงตะคอก เขาไม่ยอมให้ทะนงแทงบัญชีเป็นศูนย์แน่ เงินที่เขาควรได้ จำนวนโขอยู่ “มีเมียสองคน ลูกสาวคน ลูกบุญธรรมอีกคน แต่ก็จนเหมือนกันหมดนั่นแหละเสี่ย!!” มันตอบพร้อมกับรีบหลบตา เมื่อเสี่ยกวงยืนขึ้น ตะโกนลั่น “ก็ไปจับเมีย จับลูกมันมาสิวะ ไม่ได้เงินเอาตัวมาขัดดอกก็ยังดี...” ความคิดชั่วชาติ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม คนเขี้ยวลากดินอย่างเสี่ยกวง ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ลูกน้องขาโหดทำหน้าปั้นยาก “เมียมันแก่หนังเหี่ยวเกรงว่าจะเอามาเสียเปล่าครับ ส่วนลูกสาวมัน...เออ” มันพูดเสียงติดๆ ขัดๆ เสี่ยกวงใจร้อนจึงตะโกนถามเสียงขุ่น “แต่...ส้นตีนอะไรของมึง ทำสะดิ้งอมพะนำเสียแบบนั้น” “ลูกสาวไอ้ทะนงมันเป็นพยาบาล เห็นเดินเข้าเดินออกบ้านไอ้พี่น้องรูธ ผมก็เลยไม่กล้าฉุดมาให้เสี่ย” คำตอบของมันทำให้หัวคิ้วเสี่ยกวงกระตุก ต่อมลองดีเต้นพล่าน หากอีนั่นเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นสิดี
“พ่อคะ...บ้านติดจำนองกับใครคะ?” ระหว่างเดินทางกลับบ้าน วัดวานตัดสินใจถาม เรื่องนี้คือปัญหาที่เธอต้องแก้เป็นอันดับที่สอง ไหนๆ ก็เบี้ยวไม่ไปทำงาน วันวาดจึงขอขจัดปัญหากวนตัวทั้งหมด ให้จบลงในวันนี้ “ลูกรู้!!” ใบหน้าหมองเศร้า สลดเศร้าหนักกว่าเก่า ไหล่ลู่คอตก เขามันเป็นตัวหายนะชัดๆ “วาดอยากรู้ วาดจะไปขอเจรจากับเขา วาดจะไม่ยอมเสียบ้านให้ใคร...บอกวาดนะคะพ่อ” เธอขอร้องกึ่งวิงวอน บ้านที่เกิดและโตมา จะตกเป็นสมบัติของคนอื่น เธอกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน “เออ...ญาติคุณพิเขานะ ใจดีอยู่ แต่พ่อไม่จ่ายดอกเขามานานแล้วล่ะ ต้นก็เอามาเต็มพิกัด คุณพิบอกว่าเขาจะมายึด” ทะนงพูดเสียงเครือ เขาทำชั่ว ทำเลว จนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่เหลือ “พ่อรู้จักบ้านเขาไหมคะ เราไปหาเขากัน วาดจะไถ่บ้านคืน” “วาดไปเอาเงินที่ไหนมาลูก มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ไหนจะเงินที่มาไถ่ตัวพ่ออีก?!!” ทะนงเริ่มสงสัย บุตรสาวไม่มีทางมีเงินเก็บ เมื่อเขาฉกเงินเดือนวันวาดมาทุกเดือน แล้วก็เอาไปละลายในบ่อน การเป็นอยู่ลูกกับเมียเป็นอย่างไรไม่เคยสน ขอแค่ตัวเองมีสตาง