บทที่8.ชนวนระเบิด...
วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ
“วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว”
5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย
“ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว”
คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ
“แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ”
“ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่
“เออ...”
“เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน”
เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ
“วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบาย ไปช้ายังดีกว่าไม่ไปเลย โรงพยาบาลรัฐก็แบบนี้ คนทำงานมีน้อย แต่คนป่วยกับเยอะเป็นหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้น ทั้งหมอและพยาบาลจึงวิ่งวุ่น
“เธอไหวเหรอ ตอนล้างหน้าได้ดูหน้าตัวเองไหม? มันซีดแล้วก็ดำคล้ำขนาดไหน ถึงเธอฝืนไปทำงาน ก็คงเป็นภาระให้เพื่อนๆ เสียเปล่า สู้พักเอาแรงไว้พรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”
โจนาธานพูดลอยๆ เขารู้วันวาดไม่ไหว หล่อนอดนอนเพราะเขา เลยไม่อยากให้ไปทำงาน เกรงว่าจะพลอยทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย หากผิดพลาดขึ้นมา
“วาดชินแล้วค่ะ คืนหนึ่งนอน4 ชั่วโมงก็น่าจะพอ...”
“ฉันสั่ง!! ไม่สิเธอมันรั้น...เอาเป็นว่าฉันจ้างเธอเป็นกรณีพิเศษ หากเธออยู่ดูแลฉันวันนี้ ฉันให้เธอเลย ‘แสน’ หนึ่ง”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม...เขายิ้มอ่อน พร้อมกับจ้องหน้าวันวาด เหมือนเป็นการบังคับหล่อนกลายๆ
หญิงสาวชะงัก เธอละล้าละลัง ตัดสินใจไม่ถูกระหว่างการอยู่ดูแลโจนาธาน ซึ่งเขาคงบังคับให้เธอพัก กับการลากสังขารไปทำงานในหน้าที่ตัวเอง แบบที่ไม่ใคร่จะพร้อม และอาจทำให้คนอื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“เออ...วาดอยู่ก็ได้ค่ะ วาดไม่ได้อยากได้สตางค์คุณนะคะ...วาดแค่ไม่อยากป่วนเพื่อนๆ เพราะวาดคงเผลอหลับแน่”
เธอเงยหน้าขึ้น มองสบนัยน์ตาชายหนุ่ม พร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ ให้
“ว่า แต่...ค่าจ้างพิเศษวาดล่ะคะ วาดไม่ได้งกนะ คุณบอกจะให้เอง”
เธอพูดต่อ ฉีกยิ้มกว้าง...
“งก...สมุดเช็คฉันอยู่บนโต๊ะ หยิบมาซิ ฉันจะเซ็นให้...ว่าแต่...เธอรับเช็คไหมล่ะ?”
โจนาธานพูดเสียงสะบัด!! เขาชี้นิ้วไปที่โต๊ะทำงานที่ถูกย้ายไปอยู่มุมห้อง ตำแหน่งที่ตั้งโต๊ะทำงานเขา กลายเป็นที่ตั้งเครื่องออกกำลังกาย ที่มีไว้ให้เขาหัดเดิน
วันวาดไม่ได้ตอบ คำตอบของเธอมีในคำถามของเขาแล้ว หากโจนาธานยินดีจ่าย เงินสด เงินแห้ง เธอรับหมด
เอกกับแป้นแนบหูกับประตู แอบฟังเสียงภายในห้อง แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จึงพลอยโล่งใจไปด้วย
เจ้านายคงเกิดเมตตาวันวาด หล่อนอดตาหลับ ขับตานอน เฝ้าเขาทั้งคืน ไหนจะภาระในหน้าที่ ต้องทำงาน24 ชั่วโมงแบบนี้ ร่างกายจะแย่เอา...
กริ้งๆ
เสียงกริ่งดังลั่น เมื่อมีเจ้านายกดเรียกสาวใช้ แป้นรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน เธอวิ่งตุ๊บตับไปยังห้องนอนเจ้านาย
“คุณโจอยากได้อะไรคะ?”
เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้อง สาวใช้ตัวอวบรีบร้องถาม
“เปล่า...ตามเอกมาทีซิ ฉันอยากลองไอ้นั่น แล้วก็ช่วยลดเสียงลงหน่อยด้วย มีคนหลับอยู่เห็นมั้ย!!”
โจนาธานขมวดคิ้ว เขากระซิบดุแป้น ชี้นิ้วไปยังมุมห้องที่วัดวาดซุกตัวหลับอยู่ตรงนั้น
ดังนั้นตอนบ่ายคล้อย นาทีแรกที่วันวาดตื่น เธอจึงเห็นโจนาธานยืนอยู่ที่อุปกรณ์หัดเดิน มีเอกคอยประคองหลังเขายืนนิ่งๆ พยายามทรงตัวและก้าวเดิน หญิงสาวนั่งมองนิ่งๆ เธอเห็นข้างขมับของโจนาธานมีแต่เม็ดเหงื่อ มันเป็นความกดดันที่ชายหนุ่มต้องพบเจอ เพียงแต่เธอไม่คิดว่าโจนาธานจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
“เป็นไงบ้างครับคุณโจ?”
เอกถาม เขาทำเหมือนอุ้มโจนาธาน โดยการยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แรกเริ่มเลย กว่าจะทรงตัวได้แบบนี้ เจ้านายล้มลงไปที่พื้นหลายครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ท้อ เขากัดฟันฝืน จนกระทั่งทรงตัวได้ แม้จะยังขยับขาเดินไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
หญิงสาวพับที่นอนเก็บ เธอย่องแบบเงียบเฉียบ เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังการ์ดตัวโต ยกมือขึ้นจุปาก ไม่ให้เอกส่งเสียง เกรงว่าคนไข้ขี้โวยวาย จะชะงักและหยุดการทำกายภาพบำบัด
วันวาดยืนมองจนอดรนทนไม่ไหว เหงื่อของโจนาธานไหลออกมาเป็นจำนวนมาก เขาคงพยายามอย่างหนัก สำหรับคนที่นอนแบ็บมาเกือบครึ่งปี เขาทำได้ขนาดนี้ก็นับว่าเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ เธอคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เดินไปซับเหงื่อให้โจนาธาน พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ เมื่อเขาถึงกับผงะจนเกือบล้ม ดีที่เอกระวังหลังไว้อย่างมั่นคง
“เหม็นขี้ฟันคนไม่อาบน้ำ”
ชายหนุ่มพูดแก้เก้อ...ผิวแก้มเขาร้อนวูบ
“วาดแค่พักตาไม่ได้นอนอมขี้ฟันค่ะ คุณเยี่ยมมากค่ะ คนไข้ที่วาดเคยเห็น ยังไม่ฟื้นเร็วเท่าคุณเลย...แบบนี้อีกไม่นานคงเดินปร๋อ”
หญิงสาวชวนคุย ชมเปราะจนโจนาธานเริ่มอาย
“เอกพากูไปนั่งที เหนื่อยว่ะ ร้อนด้วย...”
เขาพูดกับการ์ด แต่กลับแยกเขี้ยวใส่วันวาด หล่อนทำให้เขาต้องล้มเลิกการฝึกเดิน เพราะกลัวตัวเองจะล้มให้หล่อนเห็น มันคงเป็นภาพที่ดูไม่ดีเท่าไร เมื่อขาของเขายังไม่ค่อยมีแรง...
“วาดว่า คุณควรกำหนดตารางการฝึก และทำให้เป็นความเคยชิน เริ่มจากเบาๆ แล้วค่อยพัฒนา วาดจะถามพวกนักกายภาพมาให้ จะได้ลงตารางการฝึกถูก และที่ดีที่สุดวาดว่าจ้างมืออาชีพมาเลยดีกว่าค่ะ...คุณจะได้หายไวขึ้น”
หญิงสาวแนะนำ ตามความเห็นเธอ โจนาธานมีกำลังทรัพย์ เขาสมควรใช้มืออาชีพมาดูแลโดยตรง มากกว่าพยาบาลแบบเธอที่รู้แค่คร่าวๆ ไม่ละเอียดเท่าสายงานตรง
“เธอเบื่อฉันแล้วไง?”
ใบหน้าโจนาธานตึงเปรี๊ยะ!!
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?
โจนาธานอึ้ง หญิงสาวไม่เคยหยาบคาย หล่อนจะนิ่งๆ เฉยเมยเป็นส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนตอบโต้มาแบบแรงๆ “คุณจะเป็นไอ้ง่อย จะเป็นไอ้อะไร มันก็เรื่องของคุณ จะเดินได้หรือไม่ได้ มันก็ตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับวาดเลยค่ะ...อยากนอนเป็นผักเน่าให้คนรอบตัวเขาคอยสมเพทมันก็เรื่องของคุณ!! เมื่อคุณทำตัวเอง คุณกำหนดเองว่าจะเป็นแบบไหน ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก แต่...วาดเสียดาย เสียดายที่คุณมีโอกาส แต่กลับไม่สู้ วาดทุเรศตัวเองแทนค่ะ!!” หญิงสาวโพล่งยาว ความอัดอั้นในใจบีบบังคับให้เธอพูด ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจคนเดียว คนอื่นๆ ก็มีปัญหาและภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน “วาดขอโทษค่ะ ที่พูดไม่ดี...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้สึกผิดที่พูดแรงไป แต่ไม่ใช่ความผิดของเธอทั้งหมด โจนาธานกดดันจนเธอหลุด...หญิงสาวหมุนตัวเดินหนี เธอเปิดประตูห้องพักฟื้นของเขาออกไปสงบอารมณ์ด้านนอก น้ำตารื้นแทบจะล้นปริ่ม เธอจึงรีบยกมือขึ้น กรีดไล้เงาน้ำตาออกไป เธอไม่มีเวลาสำหรับการร้องไห้ เมื่อยังมีลมหายใจ...เธอจะไม่มีวันท้อ แม้ปัญหามากมายจะโถมเข้าใส่ไม่หยุด... “บ้
“วาดคิดว่าคุณแค่อยากล้อเล่น...” “ฉันจริงจัง เธอจะว่าไง...ถ้าตกลง ก็เดินขึ้นเตียงมาได้เลย หลังคืนนี้ผ่านไป...เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการกลับคืนมา” โจนาธานท้าทาย เขาเห็นแววตาลังเลของหล่อน มีความเป็นไปได้สูงที่หล่อนจะตกลง เมื่อวันวาดกำลังเข้าตาจน “...” หญิงสาวก้มหน้าลง เธอกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่... หญิงสาวไม่ได้มีทางเลือกมากนัก หากเธอตัดสินใจทำ... มันน่าอายเธอรู้ แต่มันจะช่วยได้หลายคน พ่อ แม่...บางทีบ้านที่เธอเกิด อาจจะไม่ตกเป็นของคนอื่น “เท่าไรคะ? ค่าตัววาด เท่าไร?” เธอกลั้นใจถามดวงตาแดงก่ำ กระบอกตาร้อนผ่าว “แล้วแต่เธอจะเรียก ฉันมีจ่าย!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขาใจป้ำ กระเป๋าหนักพอ “เรื่องนี้จะเป็นความลับ...ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรานะคะ... เพราะวันใดที่มีคนรู้มากกว่าเราสองคน วาดจะไปจากที่นี่ทันที ทุกอย่างที่ตกลงกันไว้จะยุติ!!” เธอกันฟันพูด ยอมทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อต่อลมหายใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะบิดา... “ตกลง...” โจนาธานตอบเสียงกระหึ่ม เขายิ้มมุมปาก ตอบตกลงโดยไม่ต
บราเซียตัวสวยถูกปลดออกด้วยมือที่สั่นระริก มันเป็นเพราะร่างกายของโจนาธานยังไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่เขาก็ไม่ยอมถอย พยายามทำตามความเคยชิน สองแขนเรียวถูกรั้งลงจากเนินอก เผยให้เห็นเต่งเต้ากลมกลึงขาวผ่อง เนินอกอวบอิ่ม ปลายยอดหดเกร็งมีติ่งเล็กๆ สีแดงอ่อน เท่าผลเชอรี่สุกใหม่ๆ มือใหญ่รีบเคลื่อนที่เขาโอบประคอง จนคนตัวเล็กสะดุ้งโหย่ง เธอหลับตาปี๋ ขมวดคิ้วจนแน่น“กลัวเหรอวาด...มันไม่น่ากลัวหรอก ฉันรับรอง”เวลานี้โจนาธานอารมณ์ดี อารมณ์ดีเสียจนอดไม่ได้ที่จะยอกเย้าวันวาด หญิงสาวน่ารัก น่าใคร่ เขาเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะปฏิกิริยาโดยรวมที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้“...” วันวาดเผยอปาก เธอพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจ หายคอไม่ทัน“นอนลงเถอะ ฉันอยากชิมเธอแล้วล่ะ”สภาพร่างกายของตัวเองไม่พร้อมเท่าไร เขาเคลื่อนไหวได้แบบยากลำบาก โจนาธานไม่อยากให้มันติดขัด เขาวอนขอวันวาดด้วยน้ำเสียงแหบปร่า ใช้มือดันร่างเล็กบาง แบบไม่เร่งร้อน หญิงสาวกัดฟันแน่น เธอค่อยๆ ผ่อนร่างกายลงบนที่นอน มือเรียวขยุ้มกำผ้าปูที่นอนแน่น พร้อมกับเกร็งตัวจนแข็งเหมือนท่อนไม้“ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก
บทที่10.เมียชั่วคืน ไม่ใช่ของตาย... โจนาธานอารมณ์ดีจนคนรอบข้างรู้สึก เขายิ้มกริ่ม ดวงตามีประกายสดใส แม้จะอิดออดช่วงที่วันวาดจะกลับ เขาพยายามรั้งหล่อนไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ตามใจ เธอกลับเมื่อถึงเวลาของเธอ “อารมณ์ดีอะไรครับคุณโจ” เอกลองแยบๆ ถาม ระหว่างเจ้านายกับพยาบาลสาว ต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อคนที่เคยพูดจ้อยๆ หุบปากแน่น คนที่เป็นจอมโวย กลับยิ้มแย้มเสียแบบนั้น “ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ยว่ะ” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้ “เห็นคุณโจสบายใจ ผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ แต่...ไม่บอกจริงๆ เหรอครับ” เอกสัพยอก เขากระโจนผลุง...หนีมือใหญ่ที่ฟาดผั๊วะลงมาข้างตัว เป้าหมายไม่ศีรษะก็ลำตัวเขา และหากเป็นเวลาที่โจนาธานปกติ มันอาจจะเป็นฝ่าเท้า หรือไม่ก็โดนยันโครมจนกระเด็น... “พากูไปสระทีเอก กูดูคลิบในยูทูบ เห็นหมอแนะนำการออกกำลังกายในน้ำ จะช่วยให้เขาฝึกการขยับตัวได้มากกว่าการเดินบนลู่ที่ใช้แรงเยอะ” ชายหนุ่มตั้งเป้าไว้ เขาต้องเดินให้ได้ในเร็ววันที่สุด!! นี่จะเป็นเซอร์ไพรส์ให้วันวาดรู้...คนสุดท้าย ช่วงเวลาที่เหมาะสุด ก็ตอนที่หล่อนไม่อยู่
“คงไม่มีใครมาหรอกเสี่ย ได้ข่าวว่ามันหมดตัวแล้วนี่ครับ” มันตอบเสียงสำรวม “เห้ย!! ได้ไงวะ!! มันเป็นหนี้กูอยู่ไม่น้อย...ลูก เมียมันไม่สนใจเลยเหรอ?” กวงตะคอก เขาไม่ยอมให้ทะนงแทงบัญชีเป็นศูนย์แน่ เงินที่เขาควรได้ จำนวนโขอยู่ “มีเมียสองคน ลูกสาวคน ลูกบุญธรรมอีกคน แต่ก็จนเหมือนกันหมดนั่นแหละเสี่ย!!” มันตอบพร้อมกับรีบหลบตา เมื่อเสี่ยกวงยืนขึ้น ตะโกนลั่น “ก็ไปจับเมีย จับลูกมันมาสิวะ ไม่ได้เงินเอาตัวมาขัดดอกก็ยังดี...” ความคิดชั่วชาติ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม คนเขี้ยวลากดินอย่างเสี่ยกวง ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ลูกน้องขาโหดทำหน้าปั้นยาก “เมียมันแก่หนังเหี่ยวเกรงว่าจะเอามาเสียเปล่าครับ ส่วนลูกสาวมัน...เออ” มันพูดเสียงติดๆ ขัดๆ เสี่ยกวงใจร้อนจึงตะโกนถามเสียงขุ่น “แต่...ส้นตีนอะไรของมึง ทำสะดิ้งอมพะนำเสียแบบนั้น” “ลูกสาวไอ้ทะนงมันเป็นพยาบาล เห็นเดินเข้าเดินออกบ้านไอ้พี่น้องรูธ ผมก็เลยไม่กล้าฉุดมาให้เสี่ย” คำตอบของมันทำให้หัวคิ้วเสี่ยกวงกระตุก ต่อมลองดีเต้นพล่าน หากอีนั่นเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นสิดี