บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ
ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน
นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง...
สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้
ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า
‘เช้าแล้วเหรอ’
“ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน”
โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำงานได้ดี
“ถ้าคิดจะโกนหนวดบอกวาดนะคะ วาดทำได้”
หญิงสาวยังติดใจเรื่องใบหน้ารกๆ ของคนไข้ เธอพยายามย้ำบ่อยๆ เพราะหากเขายอม โจนาธานจะดูดีกว่านี้
“หึ!!”
ไม่มีคำตอบ มีแต่สายตาคมๆ ตวัดใส่ เขารับแปรงมาจากหล่อน และเริ่มต้นแปรงฟันช้าๆ จนกระทั่งเสร็จ และนั่นทำให้โจนาธานพอยิ้มออก มือเขาไม่สั่นเหมือนเคย เริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้น...
คงเป็นเพราะเขาได้รับทั้งยา...และอาหาร...
“มื้อนี้มีแต่ของอร่อยๆ ว่าแต่คุณโจ อยากทานกาแฟมั่งมั้ยคะ?”
แป้นส่งเสียงแจ้วๆ มาแต่ไกล หล่อนประคองถาดใบใหญ่ไว้ในมือ ในนั้นมีอาหารหลายอย่าง แต่ละอย่างวันวาดเป็นคนกำหนดไว้ให้
ชายหนุ่มปรายตามอง วันนี้อาหารหน้าตาแปลกๆ แต่ก็มีกลิ่นชวนดม ดีกว่าข้าวต้มเละๆ เป็นไหนๆ
“คุณต้องทานอาหารจำพวกมีโปรตีนสูง เช่นเนื้อสัตว์ ไข่ และนม วิตามินเอ วิตามินซี สังกะสี และน้ำในจำนวนที่พอเหมาะ สำหรับการฟื้นฟูร่างกายตามที่พี่หมอระบุไว้ ตอนนี้คุณมีแรงแล้ว ต่อไปก็ต้องการสารอาหารไปซ่อมแซมร่างกาย อาหารพวกนี้จะไปช่วยกระตุ้นทำให้ร่างกายคุณฟื้นฟูได้เร็วขึ้นค่ะ”
วันวาดอธิบายช้าๆ เธอชี้นิ้วไปยังถาดอาหาร...
“วันนี้คงชินปากคุณมากกว่าทุกวันนะคะ เมนูนี้มีเนื้อเป็นส่วนใหญ่ แต่เพราะคุณเพิ่งฟื้นวาดเลยยังไม่เน้นจำพวกเนื้อเอาเป็นเนื้อไก่หรือไม่ก็แพะ สตูว์วันนี้ทานกับขนมปังคุณคงต้องค่อยๆ ทานช้าๆ มีผัดผักกับเนยเป็นแหนม...ช่วยไม่ให้เลี่ยน ไข่ต้มอีก2ฟองไหวมั้ยคะ?”
โจนาธานไม่ได้ตอบ เตียงนอนถูกไขให้สูงขึ้น หล่อนเดินเข้ามาหา สอดหมอนใต้หลังเขา เพื่อให้นั่งได้สบายขึ้น
วันวาดเห็นชายหนุ่มทำจมูกฟุตฟิต เธอเดินหนีออกมาห่างๆ พรางแอบเบ้ปาก หึ!! คนเพิ่งตื่นนอนจะให้ตัวหอมฟุ้งได้ยังไง มีพอแรงเข้าหน่อย...เริ่มเป็นมนุษย์อนามัยขึ้นมาทันที
“แป้นดูคุณแปบนะ ขอวาดล้างตัวก่อน มีคนบางคนกำลังค่อนว่าวาดในใจ”
หญิงสาวพูดลอยๆ แล้วจึงเดินหายลับไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
ผ่านไป15 นาที วันวาดออกมาในชุดเตรียมพร้อมจะไปทำงาน...ชุดนางพยาบาลสีขาว ใบหน้าผ่องขึ้น ผมยาวๆ ถูกรวบตึงไปที่ท้ายทอย ใบหน้าหล่อนไม่มีเครื่องสำอางใดใดเลย แต่กลับดูดีแบบไม่น่าเชื่อ มันดูเกลี้ยงเกลาชวนมอง จนแม้แต่คนป่วยเจ้าอารมณ์ที่กำลังนั่งละเลียดกินอาหารมื้อเช้าอยู่บนเตียงยังเผลอมองตาม
“วันนี้วาดจะแวะร้านหนังสือก่อนกลับ คุณอยากได้หนังสืออะไรมาอ่านเล่นไหมคะ?”
เสียงหล่อนถาม โจนาธานไม่ตอบ เขาวางช้อนก่อนจะผลักถาดอาหารออกห่างตัว
รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแบบตงิดๆ หล่อนคงไม่ได้คิดไถลออกไปเที่ยวหรอกใช่ไหม?
“แป้นนี่นะมื้อกลางวันแล้วก็ยา บอกพี่เอกด้วย สายๆ มาพาคุณไปอาบน้ำ ถ้าจะดีมาก ช่วยโกนหนวดให้คุณหน่อย...วาดว่ามันเกะกะ ดูสิเวลาทานข้าวเลอะไปหมด”
วันวาดส่งกระดาษให้แป้นเหมือนทุกวัน ในนั้นเธอจะระบุไว้ โจนาธานจะต้องกินอะไรและยาตัวไหน...และหล่อนยังติดใจหนวดบนหน้าเขาเหมือนเดิม
“เธอนี่มันยุ่งชะมัด!!”
เสียงชายหนุ่มเปรยตามหลัง วันวานหันกลับมายิ้ม “คุณก็ดื้อให้มันน้อยลงสิคะ วาดจะได้ไม่วุ่นวายกับคุณมากนัก”
เธอเดินจากไปพร้อมกับยิ้มเต็มหน้า หลังจากจิกกัดคนป่วยเจ้าอารมณ์นิดหน่อย พอหอมปากหอมคอ...
“คุณโจอิ่มยังคะ แป้นจะได้เอายาหลังอาหารมาให้กินต่อ”
แป้นถามแบบขยาดๆ ไม่เข้าใจวันวาดกล้าต่อปากต่อคำกับโจนาธานได้ยังไง ไม่กลัวเจ้านายของเธอเหรอ เพราะเขาเหวี่ยงได้ตลอดเวลา
“ก็ไปเอามาสิ ตามเอกมาด้วย ฉันจะอาบน้ำ”
มันน่าจะเป็นความเคยชิน เขาทนไม่ได้ที่จะนอนจมอยู่กับสกปรก เมื่อทำตัวเองให้ดีมันดีกว่าจมอยู่กับความย่ำแย่
“ค่ะๆ” แป้นรับคำ เดินลนลานไปจัดเตรียมยา เธอเข็นโต๊ะอเนกประสงค์ไปชิดข้างฝา สาละวนจัดยาตามที่วันวานสั่งไว้ และตามเอกมาอาบน้ำให้โจนาธานเป็นอย่างสุดท้าย...
“เอกมึงว่ากูโกนหนวดดีมั้ยวะ?”
ชายหนุ่มเปรยระหว่างกำลังล้างเนื้อล้างตัว...
เอกยิ้ม...เขารีบพยักหน้ารับ โจนาธานเป็นคนหน้าตาดี เขาจัดอยู่ในแถวหน้าเชียวล่ะในจำนวนผู้ชายโสดของจังหวัด หากไม่ป่วยชายหนุ่มคงไม่ได้นั่งนิ่งๆ เมื่อเขามีคู่ควงไม่ต่ำว่า10 คน
“กูรำคาญเสียงยัยนั่นบ่น ไม่รู้จะยุ่งอะไรกับกูนัก จะมีหนวดจะมีเครามันก็เรื่องของกูนี่หว่า”
เขาแสร้งบ่นแก้เก้อ ยอมให้เอกละเลงน้ำยาโกนหนวดที่เหนือปาก ตามด้วยการโป๊ะครีมที่เคราจนหน้าขาววอก เอกเก้ๆ กังๆ กว่าจะลงมือได้ เขาเคยแต่ทำให้ตัวเอง พอมาทำให้คนอื่นจึงไม่ชิน แถมคนๆ นี้ก็เป็นเจ้านาย หากไม่ถูกใจขึ้นมา จะโดนบ่นเสียเปล่า
“เบาๆ นะโวย เดี๋ยวเลือด”
ความยาวของไรหนวด หรือเครานั้น เป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการโกน โจนาธานย้ำ เขาเกร็งตัวจนแข็งเมื่อเอกจรดเครื่องโกนหนวดที่เหนือริมฝีปาก เสียงเครื่องดังแคร๊กๆ เขากับเอกใช้เวลานานกว่า30 นาที กว่าจะกำจัดทั้งหนวดและเคราออกไปจนหมด และได้แผลเหมือนที่โจนาธานคิด มีรอยแผลเล็กๆ ที่คางมีลิ่มเลือดไหลซึมออกมานิดๆ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
บทที่9.เมียชั่วครั้ง... เป็นอีกวันที่โลกแทบจะถล่มตรงหน้า กับข่าวร้ายที่ได้รับรู้...“อีกแล้วเหรอคะ...อีกแล้วเหรอ?” วันวาดครางเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าบิดาจะหวนกลับไปเล่นการพนันอีก ท่านสร้างหนี้ซ้ำ และครั้งนี้เธอก็หมดปัญญาจะช่วยได้... “ฉันอยากช่วยนะ แต่มันจะเป็นการก้าวก่าย บ่อนที่พ่อเธอเข้าไปเล่นมันเป็นบ่อนของเสียงกวง...ฉันยุ่งไม่ได้ด้วยสิ” เบนพูดเสียงแผ่ว เขาเวทนาวันวาด สองไหล่ของหล่อนดูเหมือนจะแบกรับความทุกข์ไว้ไม่ไหว เมื่อบิดาหล่อนยังไม่ยอมหยุดก่อเรื่องสักที “วาดเข้าใจค่ะ วาดเข้าใจ” หญิงสาวตอบเสียงเครือ ใครๆ ก็รู้กาสิโนสองที่ไม่ลงรอยกัน...เมื่อเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งคู่ เรื่องของเธอจะทำให้เขากลุ้มใจเปล่าๆ เมื่อมันอาจจะเป็นฉนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง หากเบนจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำตาวันวาดไหลเอ่อ มันไหลกลิ้งผ่านร่องแก้ม ไหลพร่างพรูเหมือนทำนบพัง เธอกัดกระพุ้งแก้มกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวจากภายใน จนเบนอดไม่ได้ที่จะเวทนา เขารั้งหล่อนเขามาโอบไว้หลวมๆ และวันวาดก็สะอื้นเงียบๆ เธอยกมือขึ้นกำชายเสื้อของเบน แต่คนที่
“เธอกับแม่จะไปไหนก็ไปนะวาด เจ้าของใหม่คงไม่ให้เธอกับแม่พึ่งใบบุญหร๊อก ใต้สะพาน หรือข้างถนนล่ะ ที่แม่เธอจะพาไป” พิไลลักษณ์หันมาพูดหยามวันวาด เมื่อสองแม่ลูกไม่มีสมบัติติดตัว แม้แต่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แบบนี้คงได้อาศัยศาลาวัดคุ้มหัว วันวาดไม่ได้เถียง เธอเสก้มหน้าหลบ ถอนใจแรงๆ เมื่อหนทางมืดแปดด้านเหมือนที่พิไลลักษณ์ปรามาส สองแม่ลูกเลยหมดความสนใจวันวาด หญิงสาวจึงเดินๆ หงอยๆ กลับไปยังบ้านพักตัวเอง พร้อมกับความหนักอึ้งที่แบกไว้ ไม่กล้าปริปากบอกใคร มีสายตาหยันๆ ของพิไลและพิไลลักษณ์มองตาม วันวาดสลดหดหู่ เธอไม่กล้าบอกข่าวที่เพิ่งรู้มา เพราะพิไลคงไม่สน เมื่อนางสาปส่งสามีของนางแล้วแบบนี้ หญิงสาวเดินลากขากลับบ้านหลังน้อยหลังถัดมา เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเลื่อนลอย... รัชนีเช็ดน้ำตา เธอกำลังแอบซุกมุมบ้านร่ำไห้กับความหายนะของครอบครัว เมื่อพิไลพูดเสียงดังปาวๆ ขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ได้ยิน “วาด...” นางพูดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลริน ก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ พูดไม่ออกและรู้สึกกังวลไปหมด... “แม่...เราจะไปอยู่ที่ไหนกันดีคะ?
โจนาธานอึ้ง หญิงสาวไม่เคยหยาบคาย หล่อนจะนิ่งๆ เฉยเมยเป็นส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนตอบโต้มาแบบแรงๆ “คุณจะเป็นไอ้ง่อย จะเป็นไอ้อะไร มันก็เรื่องของคุณ จะเดินได้หรือไม่ได้ มันก็ตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับวาดเลยค่ะ...อยากนอนเป็นผักเน่าให้คนรอบตัวเขาคอยสมเพทมันก็เรื่องของคุณ!! เมื่อคุณทำตัวเอง คุณกำหนดเองว่าจะเป็นแบบไหน ไม่มีใครว่าคุณได้หรอก แต่...วาดเสียดาย เสียดายที่คุณมีโอกาส แต่กลับไม่สู้ วาดทุเรศตัวเองแทนค่ะ!!” หญิงสาวโพล่งยาว ความอัดอั้นในใจบีบบังคับให้เธอพูด ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจคนเดียว คนอื่นๆ ก็มีปัญหาและภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน “วาดขอโทษค่ะ ที่พูดไม่ดี...ขอตัวค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้สึกผิดที่พูดแรงไป แต่ไม่ใช่ความผิดของเธอทั้งหมด โจนาธานกดดันจนเธอหลุด...หญิงสาวหมุนตัวเดินหนี เธอเปิดประตูห้องพักฟื้นของเขาออกไปสงบอารมณ์ด้านนอก น้ำตารื้นแทบจะล้นปริ่ม เธอจึงรีบยกมือขึ้น กรีดไล้เงาน้ำตาออกไป เธอไม่มีเวลาสำหรับการร้องไห้ เมื่อยังมีลมหายใจ...เธอจะไม่มีวันท้อ แม้ปัญหามากมายจะโถมเข้าใส่ไม่หยุด... “บ้
“วาดคิดว่าคุณแค่อยากล้อเล่น...” “ฉันจริงจัง เธอจะว่าไง...ถ้าตกลง ก็เดินขึ้นเตียงมาได้เลย หลังคืนนี้ผ่านไป...เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการกลับคืนมา” โจนาธานท้าทาย เขาเห็นแววตาลังเลของหล่อน มีความเป็นไปได้สูงที่หล่อนจะตกลง เมื่อวันวาดกำลังเข้าตาจน “...” หญิงสาวก้มหน้าลง เธอกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่... หญิงสาวไม่ได้มีทางเลือกมากนัก หากเธอตัดสินใจทำ... มันน่าอายเธอรู้ แต่มันจะช่วยได้หลายคน พ่อ แม่...บางทีบ้านที่เธอเกิด อาจจะไม่ตกเป็นของคนอื่น “เท่าไรคะ? ค่าตัววาด เท่าไร?” เธอกลั้นใจถามดวงตาแดงก่ำ กระบอกตาร้อนผ่าว “แล้วแต่เธอจะเรียก ฉันมีจ่าย!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขาใจป้ำ กระเป๋าหนักพอ “เรื่องนี้จะเป็นความลับ...ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรานะคะ... เพราะวันใดที่มีคนรู้มากกว่าเราสองคน วาดจะไปจากที่นี่ทันที ทุกอย่างที่ตกลงกันไว้จะยุติ!!” เธอกันฟันพูด ยอมทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อต่อลมหายใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะบิดา... “ตกลง...” โจนาธานตอบเสียงกระหึ่ม เขายิ้มมุมปาก ตอบตกลงโดยไม่ต
บราเซียตัวสวยถูกปลดออกด้วยมือที่สั่นระริก มันเป็นเพราะร่างกายของโจนาธานยังไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่เขาก็ไม่ยอมถอย พยายามทำตามความเคยชิน สองแขนเรียวถูกรั้งลงจากเนินอก เผยให้เห็นเต่งเต้ากลมกลึงขาวผ่อง เนินอกอวบอิ่ม ปลายยอดหดเกร็งมีติ่งเล็กๆ สีแดงอ่อน เท่าผลเชอรี่สุกใหม่ๆ มือใหญ่รีบเคลื่อนที่เขาโอบประคอง จนคนตัวเล็กสะดุ้งโหย่ง เธอหลับตาปี๋ ขมวดคิ้วจนแน่น“กลัวเหรอวาด...มันไม่น่ากลัวหรอก ฉันรับรอง”เวลานี้โจนาธานอารมณ์ดี อารมณ์ดีเสียจนอดไม่ได้ที่จะยอกเย้าวันวาด หญิงสาวน่ารัก น่าใคร่ เขาเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะปฏิกิริยาโดยรวมที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้“...” วันวาดเผยอปาก เธอพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจ หายคอไม่ทัน“นอนลงเถอะ ฉันอยากชิมเธอแล้วล่ะ”สภาพร่างกายของตัวเองไม่พร้อมเท่าไร เขาเคลื่อนไหวได้แบบยากลำบาก โจนาธานไม่อยากให้มันติดขัด เขาวอนขอวันวาดด้วยน้ำเสียงแหบปร่า ใช้มือดันร่างเล็กบาง แบบไม่เร่งร้อน หญิงสาวกัดฟันแน่น เธอค่อยๆ ผ่อนร่างกายลงบนที่นอน มือเรียวขยุ้มกำผ้าปูที่นอนแน่น พร้อมกับเกร็งตัวจนแข็งเหมือนท่อนไม้“ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก