หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง... ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม“ช่างฉัน!!”“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย