โจนาธานออกปากขับไล่หล่อนเหมือนทุกครั้ง...
“คุณไล่วาดได้ วาดไม่ว่า... แต่วาดจะไปไหม นั่นมันอีกเรื่อง”
พายุอารมณ์ที่คนป่วยมักจะสาดใส่พยาบาล เนื่องจากภาวะอารมณ์ของเขาไม่คงที่ เกิดจากภาวะจิตใจ คนที่เคยเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ไม่เคยต้องให้ใครช่วย จู่ๆ ก็ต้องนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วย รอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น....เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครทนได้ เขามักจะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา...และนั่นเป็นสิ่งที่วันวาดผจญมาแล้ว ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นแค่การรับมือกับคนป่วยเพียงคนเดียว...เธอคิดว่า...ตัวเองไหว!!
“หน้าด้าน!!”
“เปล่าเลยค่ะ เพราะหากเป็นคนธรรมดา เขาน่าจะเดินหนีคุณ แต่วาด...วาดทำแบบนั้นไม่ได้ ไหนจะด้วยอาชีพและหนี้สินที่เป็นตัวบังคับ วาดต้องอยู่ และทนรับสิ่งที่คุณโยนใส่...ให้ได้”
หญิงสาวอธิบาย “คุณทานยาก่อนอาหารหรือยังคะ?” เธอมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็ก บนข้อมือ แล้วจึงถามโจนาธาน
“ฉันไม่กิน!!”
ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด วันวาดยิ้ม ท่าทีต่อต้านแบบนี้ก็แสดงว่า ยาก่อนอาหารคนป่วยจอมดื้อยังไม่กิน เธอจึงเดินไปจัดยาพร้อมกับกดกริ่งเรียกสาวใช้ เพราะหลังกินยา โจนาธานต้องกินอาหารอื่นตามไปด้วย
ถ้วยใบเล็ก มียาสามสีอยู่ในนั้น วันวาดเดินถือมาส่งให้โจนาธาน พร้อมกับน้ำสะอาดหนึ่งแก้ว
“คนไข้ที่อายุน้อยที่สุดที่วาดเคยดูแล เขายังไม่ดื้อเหมือนคุณเลย หรือว่าคุณไม่อยากหายคะ” หญิงสาวเปรย เหมือนเป็นการเล่าสู่กันฟัง มากกว่าการตำหนิ
“อย่ามาอวดรู้ ก่อนหน้าที่เธอจะมาเป็นคนดูแลฉัน มีหลายคนเคยมาทำหน้าที่นี้แล้ว ฉันไม่เห็นว่าอาการฉันจะดีขึ้นเลย”
โจนาธานตอบ เขากดยิ้มมุมปาก ต่อให้เป็นยาเทวดา เขาเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางกลับไปเดินได้ เมื่อร่างกายเขาบ่งบอกแบบนั้น เขาท้อจนขี้เกียจจะทำ ไม่ว่านายแพทย์จะพยายามแนะนำเท่าใด
‘ผมว่าคุณดีขึ้นนะคุณโจหากคุณทำตามที่ผมบอกอย่างจริงจัง’
แพทย์ประจำตัวของตระกูล แวะมาดูอาการของเขาตามตาราง เขาติงเมื่ออาการป่วยดีขึ้น แต่สภาพจิตใจของผู้ป่วยแย่ลง
‘หมอก็เห็น มันไม่ได้ดีขึ้นเหมือนที่หมอบอก’ ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น
6เดือนกับความพยายามที่เสียเปล่า ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังเดินไม่ได้เหมือนเดิม
‘มันต้องใช้เวลา ผมเคยบอกคุณแล้วนี่คุณโจ คุณจะให้หายในวันสองวันมันไม่ใช่...กว่าเด็กคนหนึ่งจะเดินได้เขายังใช้เวลาเป็นปีๆ แล้วคุณจะหายภายในเวลาสั้นๆ เป็นไปได้ไง’
เสียงของวันวาดทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์
“นั่น...เพราะคุณไม่ทำตามที่หมอสั่ง วาดเห็นคุณเอาแต่ต่อต้าน แบบนี้คุณจะดีขึ้นได้ยังไงคะ”
วันวาดชี้แนะ เท่าที่เธอเห็น อาการของโจนาธานแย่ลงก็จริง แต่นั่นเพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือ
“เธอไม่ใช่หมอ อย่ามาทำเป็นรู้ดี!!”
“ค่ะ...ใช่ วาดเป็นพยาบาล วาดมีหน้าที่ดูแลคนไข้...และวาดทำตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด หากคุณอยากหาย คุณก็น่าจะทำตามที่หมอสั่งด้วย”
“ด้วยการกินยา ด้วยการฝืนร่างกาย พยายามทำอะไรบ้าๆ นั่นหรือไงหะ!!”
ชายหนุ่มตะคอก เขาทำตามที่หมอสั่งทุกอย่าง แต่...ก็เหมือนเดิม เขายังนอนเป็นผักเน่านี่ไง
“บาดแผลกว่าจะหายยังเป็นเดือนๆ แล้วคนที่อาการหนักแบบคุณ หมอเก่งแค่ไหนก็ทำให้คุณหายไม่ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ หรอกค่ะ มันต้องใช้เวลา....บวกกับความอดทนของคุณด้วยค่ะ” วันวาดพูดเหมือนหมอประจำตัวเขาเดะๆ
“ที่อ้างนั่นอ้างนี่ก็เพราะอยากยืดเวลา เพื่อจะได้เรียกเงินค่าจ้างเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ?”
โจนาธานกล่าวเยาะหยัน
“คุณคงลืมไป...วาดมาทำฟรีค่ะ วาดอยากให้คุณหายเร็วๆ วาดจะได้เป็นอิสระเร็วๆ ด้วย วาดไม่ต้องยื้อเวลาเพื่อเรียกค่าจ้าง เพราะงานนี้งานฟรีอยู่แล้ว พ่อวาดเป็นหนี้พี่ชายคุณ...พี่คุณก็น่าจะบอกนี่คะ”
หญิงสาวย้ำ เธอไม่อายหรอกที่เอาตัวมาขัดดอกใช้หนี้ด้วยแรงกายแทนบิดา...
โจนาธานฮึดฮัด เขาด่าหล่อนก็ไม่เจ็บ ขนาดทำหล่อนเจ็บตัว หล่อนยังเฉย
สายตาของชายหนุ่มมองไปยังหางคิ้วบนใบหน้าของวันวาด ตรงตำแหน่งนั้น ยังมีพาสเตอร์ปิดแผลอยู่ นั่นคือรอยแผลที่เขาเป็นคนทำ...แต่หล่อนไม่ยักกับโกรธ
“ทานยาค่ะ เดี๋ยววาดจะเอาอาหารเย็นมาให้คุณทาน แป้นบอกว่าคุณมีแรงยกช้อน และกินข้าวเองได้ เห็นมั้ยคะ วาดบอกแล้ว หากมีแรง คุณก็ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น...”
หญิงสาวยิ้ม เธอยื่นถ้วยยาในมือให้ชายหนุ่ม มองสบนัยน์ตาเขา และลุ้นในใจ
หึ!! เขากระแทกลมหายใจดังๆ แต่มือสั่นๆ นั่นก็ยื่นมารับ และหยิบยาในถ้วย ด้วยมือที่ยังสั่นเล็กๆ ก่อนจะโยนใส่ปาก กลืนเม็ดยาสามเม็ดนั่นโดยไม่แตะน้ำสะอาดที่วันวาดยื่นให้
“ดีค่ะ... วาดไม่ได้ยอ คุณดูดีกว่าเมื่อวาน แต่...หากกำจัด ‘ไอ้นั่น’ ออกเสีย คุณน่าจะดูดีกว่านี้”
วันวาดปลายตามองหนวดเครา รกๆ บนใบหน้าโจนาธาน เธออยากกำจัดมันทิ้ง แต่เหมือนเจ้าของจะหวง
“น้ำสักนิดมั้ยคะ?”
“ไม่!!”
เธอถามเพราะหวังดี กลัวว่ายาจะฝืดคอ แต่เมื่อเขาไม่ต้องการ...ก็สุดแต่ใจ
แป้นเปิดประตูเข้ามา ในมือหล่อนประคองถาดอาหารมาด้วย ในนั้นมีโถใหญ่กับจาน2 ใบพร้อมกับน้ำ1 เหยือก
“วันนี้วาดขอให้ครัวเขาทำอาหารมาให้คุณหยาบขึ้นอีกนิด ร่างกายคุณจะได้ปรับตัวตาม...ความลับนะคะ วาดอยากทานด้วย แม่ครัวที่นี่ ฝีมือระดับเซียนเลย” หญิงสาวชวนคุยขณะรับถาดจากมือแป้นมา โจนาธานทำเงียบ แต่ความจริงเขาหูผึ่ง ฟังหล่อนจำนรรจาเพลินๆ
“หล่อนเป็นนกแก้วหรือไง ตั้งแต่มาถึงยังพูดไม่หยุดเลย!!”
ชายหนุ่มแอบเหน็บ เขาเห็นวันวาดชะงักไปนิดๆ ก่อนจะยิ้มแป้น เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยกับคำว่ากระทบของเขา
“ทานข้าวดีกว่าค่ะ ห๊อมหอม!!”
หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง... ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม“ช่างฉัน!!”“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา
หญิงสาวยิ้ม เธอหมุนตัวมามองเขาตรงๆ “เปล่าค่ะ วาดไม่ได้เบื่อคุณ แต่หากได้มืออาชีพตรงๆ มามันจะดีกับคุณมากกว่าค่ะ” “ไม่เบื่อก็ดี ฉันไม่เอาคนอื่น...เธอคิดว่าฉันอายไม่เป็นเหรอหะ? ก็น่าจะรู้ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันแบบสมเพท...แค่เธอนั่นแหละพอแล้ว” หน้าโจนาธานบึ้ง หญิงสาวจึงเสเปลี่ยนเรื่อง “วาดอาบน้ำดีกว่า...ชักหิวแล้ว...ดีจังหยุดงานนอนชิลๆ แต่ได้สตางค์กินขนมเป็นแสน” หญิงสาวเปรยยิ้มๆ เธอเดินตัวปลิวจากไปหลังพูดจบ โจนาธานแยกเขี้ยวให้หล่อน เขาบ่นอุบแต่กลับมีรอยยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น “ยัยงก!!” “คุณโจจ้างผมหยุดแบบนั้นบ้างก็ได้นะครับ ผมจะได้พาเมียไปเที่ยว...แหมเงินค่าจ้างหยุดงานของคุณพยาบาล มากกว่าเงินเดินผมเป็นสิบเดือนเลย” เอกสัพยอก เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นเจ้าบุญทุ่มก็ตอนนี้นี่เอง “เอาไป11เดือนเลยมั้ยล่ะ...แต่ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!!” โจนาธานเปรยลอยๆ เอกคอหด รีบปิดปากเงียบ เพราะดันทะลึ่งไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้านายเข้าให้ “กินอะไรดีคะคุณ...เดี๋ยววาดลงครัว...ไปแสดงฝีมือเอง...ไหนๆ ก็หยุดงานแล