บทที่5.คืนที่2 สำหรับการอยู่กับผู้ชายลำพัง...
คนที่โจนาธานแอบรอ...เธอกำลังอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการไปค้างอ้างแรมทั้งคืน ตอนเช้าเธอจะได้ไม่ต้องกระวีกระวาดกลับมาบ้าน ไหนๆ ที่นั่นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เธอเตรียมเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวติดไปด้วย...ประหยัดหลายทางทั้งค่าน้ำมัน และเรื่องความปลอดภัย...
“เขาเป็นคนยังไงมั้งล่ะวาด?”
รัชนีเปิดปากถามเสียงอ่อนๆ เธอห่วงบุตรสาว ถึงจะเป็นคนป่วย แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย
“เป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง และรั้นมากค่ะแม่...กว่าเขาจะยอมลงให้วาด คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ”
หญิงสาวตอบ มือก็จับเสื้อยืด กางเกงวอร์มยัดลงในกระเป๋า เธอสำรองไว้ หลายๆ ชุด จะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา
“แม่หมายถึงอาการป่วยของเขา...พอมีทางหายไหม?”
รัชนีถาม เพราะอยากรู้ว่าระยะเวลาที่วันวาดต้องลำบากลำบน นั่นจะอีกนานแค่ไหน
“พูดยากจ้ะแม่...เท่าที่เห็นเขาก็เข้าขั้นหนัก คุณเขาไม่กินยา ไม่ทำกายภาพบำบัดตามหมอสั่ง กล้ามเนื้อที่ขาเล็กและลีบมาก ต้องฟื้นฟูอีกนาน”
วันวาดอธิบาย เธออ่อนใจกับความเยอะของโจนาธาน เขาเป็นคนเรื่องมาก แก่โวยวาย คงอีกนานแหละกว่าที่เขาจะยอมดีๆ
“วาดคงต้องอดนอนอีกนาน กว่าที่จะเป็นไทย” นางบ่น บุตรสาวต้องแบกภาระเกินตัว ทำงานแทบตายแต่ไม่เคยได้ใช้เต็มที่ ต้องเจียดมาจุนเจือครอบครัว แถมสามีก็ขยันก่อหนี้เหลือเกิน ดีที่วันวาดเป็นคนสมาถะ เธอกินอยู่ง่าย อะไรก็ได้ ไม่แต่งหน้าทาปาก เพราะฉะนั้น หญิงสาวจึงแทบไม่มีรายจ่าย
“ไม่หรอกแม่...วาดแอบงีบตอนคุณหลับ...มียาคลายเครียดอยู่ในกลุ่มยาที่คุณต้องกินด้วยน่ะแม่ วาดเลยพลอยสบายไปด้วย พอหมดฤทธิ์ หลับสนิท คุณเขาก็โอเค”
หญิงสาวเล่าด้วยท่าทางสบายๆ เธอพยายามไม่สนใจระยะเวลา เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันตัวเอง อดนอนนิดหน่อย อีกไม่นานก็คงชิน แต่ที่ไม่ชินและกำลังทำให้เธอกลุ้มใจ คือรายได้พิเศษที่หายไป เนื่องจากเคยรับอยู่เวรแทนเพื่อน ก็ต้องงด เมื่อเธอต้องเอาเวลาส่วนนั้น ไปดูแลโจนาธาน...
“แม่จ๋า...เดือนนี้วาดคงไม่มีเงินเหลือพอให้แม่...วาดไม่มีเวลารับจ็อบเหมือนเก่าแล้ว แม่ไหวไหมคะ”
เธอพูดเสียงอ่อย...เงินเดือนแค่หยิบมือ กระเบียดกระเศียรแทบตาย แต่ก็ยังไม่พอใช้ เมื่อทั้งบิดาและคุณพิไลเป็นคนมือเติบทั้งคู่
“ไม่เป็นไรลูก แม่ไม่ได้ใช้อะไร...มีข้าวกิน มีที่นอนก็พอแล้ว”
สาวใหญ่พูดเสียงแผ่ว ที่นางกำลังกังวล คือหากไม่มีที่ซุกหัวนอน จะระเหเร่ร่อนไปอยู่ที่ไหนกัน...ลำพังตัวเองไม่เท่าไร แต่บุตรสาวนี่สิ จะเป็นอย่างไร
“เมื่อไรนะแม่ เมื่อไรพ่อจะคิดได้ และหยุดเสียที?”
วันวาดรำพัน เธอแค่แอบหวัง สักวันทะนงจะหยุด ก่อนที่จะไม่มีอะไรเหลือเลย
รัชนีถอนใจเฮือก!! เธอก็หวังเช่นกัน แต่จะมีวันนั้นหรือไม่...นางก็ไม่ใคร่แน่ใจ...
หญิงสาวเดินก้มหน้า รีบหยีตาเมื่อแสงไฟจัดจ้าของรถยนต์ขนาดกลางวิ่งมาจอดใกล้ๆ กระจกด้านข้างถูกลดลง พร้อมกับคำพูดลอยๆ ที่เสียดแทงความรู้สึก “ไปทำงานหาเงินใช้หนี้ให้คุณพ่อเหรอ แม่ลูกสาวคนเก่ง!!”
พิไลลักษณ์นั่นเอง...หล่อนพูดกระทบกระเทียบวันวาด แววตาเยาะหยันดูแคลนทอดมองเธอแบบหมิ่นๆ
วันวาดไม่ได้ตอบ เธอเดินเลี่ยง ระอากับการระรานของพิไลลักษณ์ ที่ทำตัวแบบนี้ตั้งแต่เธอจำความได้
“จะรีบไปไหนล่ะ คุยกันก่อนสิ!!”
สาวสวยในชุดเดรสสีส้มอ่อนเดินมาขวางทางไว้ ในมือหล่อนมีตะกร้าผลไม้คงจะนำมาฝากคนทางนี้
“เจ้านายฉันเขาให้มาน่ะ ก็เลยคิดว่าเอามาให้คนที่นี่ดีกว่า เพราะนานแล้วนี่นาที่ทุกคนไม่ได้ลิ้มรสของแพงๆ”
หญิงสาวกล่าวเอาความดีเข้าตัว แต่ความจริงแล้ว หล่อนกำลังเงินขาดมือ และความหวังของหล่อนอยู่ที่พิไลแม่บุญธรรม
“เชิญค่ะ คุณพ่อกับคุณพิอยู่ข้างใน วาดขอตัวนะ จวนได้เวลาทำงานแล้ว”
วันวาดตัดบท หากมัวโอเอ้...เธอจะไปสาย
“ได้ข่าวว่า...เธอไปดูแลคนของ ‘รูธ’ เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ ดีขึ้นยัง”
โจนาธานเป็นขวัญใจสาวๆ เขาเป็นนักรักที่ขึ้นชื่อ เสียดายที่พิไลลักษณ์ยังไม่ทันได้ทาบ เขาก็เกิดอุบัติเหตุเข้าเสียก่อน
“ค่ะ ดีขึ้นแล้วค่ะ”
วันวาดตอบแกนๆ เธอรู้ดีว่าพิไลลักษณ์อยากรู้อะไร
“เขามีโอกาสหายไหม?” หญิงสาวตาลุก รีบขยับเขาไปถาม...
“มีค่ะ ถ้าเขาพยายาม วาดขอตัวนะคะ” เธอเดินเลี่ยง หากไม่อยากไปสาย คงต้องรีบไปก่อนที่พิไลลักษณ์จะรั้งไว้
“เชอะ!! ก้มหน้าทำงานเหมือนควาย ต่อให้แก่ทำงานทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถใช้หนี้คุณพ่อได้หมดหร๊อก!! ถ้าคุณพ่อยังไม่หยุดสร้าง”
คำพูดของพิไลลักษณ์ที่ลอยลมตามมานั้น วันวาดเห็นด้วย แต่ใครล่ะจะห้ามท่านได้ เมื่อท่านเป็นผู้ให้กำเนิด คงต้องทนไปจนกว่าท่านจะสำนึกเอง เธอเป็นลูก ก็ต้องก้มหน้ารับใช้กรรมไป หญิงสาวถอนใจ เธอสตาร์ทรถจักรยานยนต์คู่ชีพ รีบขับเคลื่อนออกไป ก่อนที่ม่านราตรีจะคืบคลานปกคลุมพื้นโลก
คฤหาสน์รูธ...
แสงอาทิตย์เริ่มโรยรา...ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา แป้นขยับตัวด้วยความเมื่อย เธอเดินไปเปิดไฟฟ้าในห้อง ก่อนที่จะมืดจนมองไม่เห็น วันนี้คนป่วยเรื่องมากไม่โวยวายเหมือนเก่า มีบางครั้งที่แสดงความไม่พอใจบนสีหน้า แต่ก็ไม่ได้ตวาดแวดๆ เหมือนทุกวัน
“ยัยนั่น...ทำไมยังไม่มา...”
รอแล้ว รอเล่า จนเกือบค่ำ ยัยจอมจุ้นก็ยังไม่โผล่มาสักที โจนาธานจึงกลั้นใจถาม เขากัดลิ้นตัวเองหลังคำพูดหลุดออกมาจากปาก
แป้นอมยิ้ม “คุณวาดกำลังมาค่ะ วันนี้เธอขนเสื้อผ้ามาด้วย ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องวิ่งกลับไปบ้าน จะมีเวลาดูคุณเพิ่มขึ้นอีกหน่อย”
คนป่วยจอมป่วนทำหน้านิ่ง เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่แป้นมั่นใจโจนาธานได้ยินเต็มสองหู
อาหารและยา ที่ต้องกินตามเวลา ดูเหมือนว่าคนเรื่องมากจะยอมกิน เมื่อวันวาดตรวจเช็คเป็นอันดับแรก หลังเดินทางมาถึง เธอยิ้มให้กับเอกที่กำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
“นั่งบ้างก็ได้ค่ะพี่เอก ยืนทำไมให้เมื่อย...ว่าแต่... ‘เค้า’ ยอมให้พี่เอกอาบน้ำให้มั้ยคะ?”
เค้า...ในที่หมายถึงคนป่วยที่เป็นจอมป่วน ในเวลานี้
“ครับ ไม่เห็นบ่นอะไรเลยครับ”
เอกยิ้ม เขาเองก็หวั่นๆ ตอนที่เข้าไปจัดการอาบน้ำให้เจ้านาย ท่านไม่ได้บ่นว่าอะไร ทำหน้านิ่งๆ เม้มปากแน่น
วันวาดยิ้ม “วาดไปดู ‘เค้า’ ก่อนนะคะ ทิ้งไว้ทั้งวันเดี๋ยวงอแง”
เธอบอกลาเอก เมื่อยังมีหน้าที่สำคัญในการดูแลคนป่วย
ตุ๊บ!!
เหมือนเดิม หมอนใบใหญ่ลอยหวือ!! มาจากกลางเตียง ก่อนจะตกลงตรงหน้าเธอ หญิงสาวก้มลงเก็บและถือไว้ในมือเฉยๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปวางหมอนไว้บนโซฟาตัวใหญ่ วางกระเป๋าเป้หนักอึ้งไว้เคียงข้างหมอน เมื่อมันคือสัมภาระที่เธอเตรียมมาไว้ใช้ เมื่อคงต้องอยู่ยาว จนกว่าโจนาธานจะมีอาการดีขึ้น
“ต้อนรับแบบเดิมเลยนะคะ แต่ดูเหมือนว่า ‘จะมีแรง’ มากขึ้น เมื่อระยะหมอนวันนี้ กับเมื่อวานห่างกันพอดู”
หญิงสาวพูดลอยๆ เมื่อวันก่อน...หมอนนุ่มตกอยู่แค่ปลายเตียง วันนี้โจนาธานมีฤทธิ์มากขึ้น หลังมีอาหารตกถึงท้อง ทำให้ระยะทางที่หมอนลอยมาถึงเธอ ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
ชายหนุ่มไม่ได้โวย เขานั่งกำมือแน่น เรียวปากสีเข้มเม้มเป็นเส้นตรงเพราะความไม่พอใจเช่นกัน
“พรุ่งนี้...หวังว่าหมอนคงถึงตัววาด ถ้าคุณมีแรงมากกว่านี้” หญิงสาวเดินมาหยุดปลายเตียง เธอมองเขายิ้มๆ
โจนาธานเบือนหน้าหนี เขาเหม็นขี้หน้ายัยพยาบาลตัวเล็ก จอมจุ้นนี่เต็มทน หล่อนเข้ามาวุ่นวาย สั่งนั่น สั่งนี่ หลายอย่าง มันเป็นประโยชน์กับเขาก็จริง...แต่จะต้องใช้เวลานานเท่าไรล่ะ กว่าเขาจะกลับมาเดินได้...
“ออกไป!!”
โจนาธานออกปากขับไล่หล่อนเหมือนทุกครั้ง... “คุณไล่วาดได้ วาดไม่ว่า... แต่วาดจะไปไหม นั่นมันอีกเรื่อง” พายุอารมณ์ที่คนป่วยมักจะสาดใส่พยาบาล เนื่องจากภาวะอารมณ์ของเขาไม่คงที่ เกิดจากภาวะจิตใจ คนที่เคยเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ไม่เคยต้องให้ใครช่วย จู่ๆ ก็ต้องนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วย รอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น....เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครทนได้ เขามักจะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา...และนั่นเป็นสิ่งที่วันวาดผจญมาแล้ว ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นแค่การรับมือกับคนป่วยเพียงคนเดียว...เธอคิดว่า...ตัวเองไหว!! “หน้าด้าน!!” “เปล่าเลยค่ะ เพราะหากเป็นคนธรรมดา เขาน่าจะเดินหนีคุณ แต่วาด...วาดทำแบบนั้นไม่ได้ ไหนจะด้วยอาชีพและหนี้สินที่เป็นตัวบังคับ วาดต้องอยู่ และทนรับสิ่งที่คุณโยนใส่...ให้ได้” หญิงสาวอธิบาย “คุณทานยาก่อนอาหารหรือยังคะ?” เธอมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็ก บนข้อมือ แล้วจึงถามโจนาธาน “ฉันไม่กิน!!” ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด วันวาดยิ้ม ท่าทีต่อต้านแบบนี้ก็แสดงว่า ยาก่อนอาหารคนป่วยจอมดื้อยังไม่กิน เธอจึงเดินไปจัดยาพร้อมกับกดกริ่งเรียกสาวใช้ เพราะหลังกินย
หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง... ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม“ช่างฉัน!!”“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
บทที่7.เสียงกระซิบในหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันวาดจะดูแลคนป่วยที่แสนดื้อคนนี้ ได้เกือบ2 เดือน นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน โจนาธานดีขึ้นมาก ร่างกายเขาดีขึ้น เริ่มมีเนื้อหนัง และฤทธิ์ก็ยังมากเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยโวย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ปากให้เกิดประโยชน์ เขาแควะ จิก กัด แต่พยาบาลสาว กลับทำหน้ามึน...หล่อนทำงานอย่างแข็ชงขัน เสมอต้น เสมอปลาย จนความรู้สึกต่อต้านลดลง... สายตาคู่คมชำเรืองมองวันวาดบ่อยๆ เธอนอนหลับสนิท บนโซฟา โจนาธานนึกอยากช่วย หล่อนน่าจะนอนดีๆ แต่เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่านอนมอง...เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด นอนนิ่งเป็นผักเน่าอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มนอนมองหล่อนจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็สะดุ้งตื่นตอนที่มีผ้าเปียกๆ มาลูบไปทั่วใบหน้า ‘เช้าแล้วเหรอ’ “ตื่นเช้าจังนะ...เธอนี่มันหุ่นยนต์หรือไง ไม่รู้จักหลับจักนอน” โจนาธานประชด เขารับแปรงสีฟันมาถือไว้ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่สองวันแรก ถึงจะยังไม่คล่องแคล้ว ก็ยังดีกว่าให้หล่อนทำให้ เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งหัดคลาน ซึ่งเขาไม่ใช่... ถึงเขาป่วยก็แค่ขาช่วงล่าง ช่วงบนยังทำ
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาแค่มีความหวังอีกครั้ง ดังนั้นสายตาที่มองวันวาด จึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป โจนาธานมองหล่อนดีขึ้น เมื่อวันวาดทำหน้าที่ของหล่อนได้อย่างดี หล่อนไม่ได้คอยแทะโลมเขา เหมือนพยาบาลสาวคนก่อนๆ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเขาเลย…หากจะแตะตัวเขา นั่นหมายความว่ามีบุคคลที่2 หรือ3 อยู่ด้วย เพราะหากอยู่กันตามลำพัง หล่อนจะอยู่ไกลๆ เขาเป็นวา ทำเหมือนกับว่า...หล่อนกลัวเขาปล้ำอย่างนั้นแหละ!! ตกดึก โจนาธานมีอาการแปลกๆ ตัวเขาร้อน หายใจขัดๆ ลมหายใจสะดุด เหงื่อไหลออกมาจากรูขุมขนเหมือนน้ำตก เขาขยับตัว ครางฮือๆ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ โป๊ะลงมาที่หน้าผาก ตามด้วยผ้าอีกผืนที่เปียกชื้นไม่แพ้กัน ลูบไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับเสียงปลอบใจเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณแค่ไข้ขึ้น คงเพราะคุณตากลมนาน เดี๋ยวก็หายค่ะ วาดเช็ดตัวให้แล้วอีกพักคงดีขึ้น หรือคุณจะทานยาคะ?” โจนาธานกระพริบเปลือกตาปริบๆ กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า วัดวาดสอดมือเช็ดตามเนื้อตัวเขา ผิวของเขาร้อนระอุ ดวงตาของเขาหรี่ปรือ เธอตัดสินใจให้โจนาธานกินยาเพื่อลดไข้ ไม่อยากเห็นเขาทรมานมากไปกว่านี
บทที่8.ชนวนระเบิด... วันวาดตื่นมาอีกทีตอนสายโด่ง!! เธอกระพริบเปลือกตาปริบๆ ขยับตัวและรีบขยับลุกขึ้นยืนอย่างไว และเมื่อมองเลยไปยังด้านนอก เธอต้องตาลีตาลานวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยที่โจนาธานมองตามไป แบบขำๆ “วาดไปก่อนนะคะ สายแล้ว” 5นาทีสำหรับการล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวจัดการตัวเองแบบเร่งด่วน เธอร้องบอกโจนาธานเสียงสั่น แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันให้แป้นโทร. ลางานให้เธอแล้ว” คำบอกเล่าของคนป่วยจอมโวย ตรึงปลายเท้าเธอไว้ เธอชะงักหมุนตัวกลับมามองเขาตาปริบๆ “แหะๆ วาดฟังผิดใช่ไหมคะ? คุณบอกว่า...ให้แป้นโทร.ลา ลางานให้วาดเหรอ” “ใช่!! ก็เธอนอนหลับ ฉันไม่อยากปลุก ก็เลยให้แป้นจัดการให้...” ชายหนุ่มตอบ สีหน้าเขานิ่งสนิท จนวันวาดไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคิดอะไรอยู่ “เออ...” “เธอควรพัก...เพราะเธอตรากตรำติดๆ กันมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้เธอควรอยู่พักที่นี่ ฉันจะไม่กวนถ้าเธอจะนอน” เหมือนโจนาธานจะใจดีเป็นพิเศษ “วาดเกรงใจเพื่อน คนทำงานมีน้อยค่ะ ถ้าหยุดไปคน คนที่เหลือก็จะแบกภาระเพิ่ม...” หญิงสาวพยายามอธิบา