กำลังจะได้เข้าหออยู่ดี ๆ กลับถูกวางยาตายซะนี่ อ๊าก!! ข้าอยากเข้าหอกับสามี! เอ๊ะ! เหตุใดข้าจึงฟื้นขึ้นมาอีกเล่า? ว่าแต่..นี่มันที่ไหนเนี่ย?
View Moreหม่าหลัน บุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง ขณะกำลังแต่งงานและรอเข้าหอ นางทนหิวไม่ไหวจึงได้กินอาหารและดื่มสุรามงคล โดยที่ไม่รู้เลยว่าในสุรามียาพิษ ทำให้นางตายไปอย่างไม่ยินยอม นางได้แต่ก่นด่าสวรรค์ที่ใจร้ายไม่ยอมให้นางได้มีความสุขในคืนเข้าหอเสียก่อน ทั้งที่นางอุตส่าห์ทำตัวเรียบร้อยจนได้รับการขอแต่งงานจากจวนเสนาบดีกรมอาญา นางได้แต่คิดว่า รู้อย่างนี้นางทำตัวแข็งแกร่งเหมือนอยู่ที่จวนคงไม่ตายไวเช่นนี้
สวรรค์ที่ทนคำด่ามากมายของหม่าหลันไม่ไหว เหล่าเทพจึงปรึกษาหารือกันก่อนจะส่งนางข้ามภพไปเข้าร่างไป๋เหลียนที่ถูกแม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงทำร้ายขณะตั้งครรภ์ เหล่าเทพที่กลัวว่าหม่าหลันจะด่าซ้ำด่าซ้อนหากข้ามเวลาไปยังภพอื่นโดยไม่มีพลังปราณเพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงมอบพลังปราณที่นางมีอยู่ติดวิญญาณของนางไปด้วย ก่อนจะพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะในภพนั้น หม่าหลันจะต้องต่อสู้กับผู้คนมากมายแทนไป๋เหลียนที่อ่อนแอและถูกรังแกอยู่ตลอด พวกเขาหวังว่า นางคงไม่ด่าพวกเขาอีกกระมัง ในเมื่อพวกเขามอบบุตรให้นางพร้อมสามีหน้าตาดีและร่ำรวยให้นางด้วย
หม่าหลันที่ฟื้นขึ้นมาในเวลาต่อมา นางได้รับความทรงจำอันเลวร้ายของไป๋เหลียนมากมายจนนึกรังเกียจคนที่รังแกไป๋เหลียน ก่อนวิญญาณของไป๋เหลียนจากไป เธอฝากฝังให้หม่าหลันช่วยดูแลลูกของเธอด้วยและช่วยทำความปรารถนาในการเรียนแพทย์แผนจีนให้จบแทนเธอด้วย หม่าหลันที่เข้าใจแล้วว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในร่างของไป๋เหลียนจึงรับปากนางว่าจะทำตามความปรารถนาของไป๋เหลียนให้ แต่นางไม่ได้บอกไป๋เหลียนว่าจะแก้แค้นเหล่าคนที่รังแกไป๋เหลียนแทนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อตอนนี้นางคือไป๋เหลียน หม่าหลันรีบลืมตาขึ้นเพื่อมองหาสามีสุดหล่อที่นางเห็นในความทรงจำทันที… อ่า สามีที่ฉันยังไม่ได้เข้าหอด้วยทำไมหล่ออย่างนี้นะ ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะท้องอยู่ แต่อย่างน้อยขออ่อยสามีสุดหล่อเพื่อให้สมความปรารถนาในชาติก่อนสักทีฉันจะไม่ลืมพระคุณเลย…
***นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากนักอ่านคนใดไม่ชอบแนวนี้ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***
***สถานที่และผู้คนในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ***
***สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญัญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 และ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้ ไปคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข รวมเล่ม สแกน ถ่ายรูป แปลเป็นภาษาอื่น จัดพิมพ์ เพื่อนำออกเผยแพร่โดยมิได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเด็ดขาด***
รุ่งเช้าวันต่อมา ไป๋เหลียนตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอเดินลมปราณปรับร่างกายที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนกับสามีคนดีจึงไม่มีผลกระทบกับร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์ของเธอ แตกต่างจากหวังจุนเหยาที่ถูกภรรยาเคี่ยวกรำมาเสียครึ่งค่อนคืน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าเลยไป๋เหลียนกลัวว่าคุณย่าจะรอทานอาหารเช้า เธอรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเรียนในวันนี้ ก่อนจะออกมาปลุกสามีขี้เซาที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำเสียทีอย่างหมั่นไส้“สามี~ ตื่นได้แล้วค่ะ คุณย่ารอทานข้าวเช้าอยู่นะคะ ฉันมีเรียนตอนเช้าด้วยวันนี้”“อืม… ภรรยา ผมยังง่วงอยู่เลย ขอจูบหวาน ๆ สักทีก่อนได้ไหมครับ หืม…”เพี๊ยะ!!! โอ้ย!!“ฮือ… ภรรยาใจร้าย ปลุกกันดี ๆ ก็ได้นี่นา จุ๊บ” หวังจุนเหยายังแอบจุ๊บแก้มไป๋เหลียนก่อนจะรีบลุกจากที่นอนไปอาบน้ำตามคำสั่งภรรยาไป๋เหลียนได
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ไป๋เหลียนก็ง่วงนอนอีกแล้ว อาจเพราะเธอใช้พลังปราณมากเกินไปในวันนี้ ทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติ หวังจุนเหยาที่ยังมีงานกองอยู่ไม่น้อยได้แต่พาไป๋เหลียนเข้าไปนอนพักในห้องด้านใน ก่อนที่เขาจะออกมานั่งทำงานจนลืมเวลา“เอ่อ… เจ้านายครับ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายไม่พานายหญิงน้อยกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเหรอครับ เหลืองานอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้เจ้านายค่อยมาทำต่อก็ได้นะครับ” หลินซินรีบเตือนหวังจุนเหยาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่จนลืมเวลา“ห๊ะ! สี่ทุ่มแล้วเหรอ?” หวังจุนเหยาเงยหน้าขึ้นมองหลินซินอย่างต้องการคำตอบ“ใช่ครับ เจ้านาย” หลินซินตอบอย่างระอา“เฮ้อ… ขอบใจที่เตือนฉันนะ ฉันลืมไปว่าไป๋เหลียนนอนรออยู่ในห้อง”หวังจุนเหยารีบเก็บเอกสารส่งให้หลินซินก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เดินกลับเข้าไปในห้องด้านในเพื่อปลุกภรรยาตัวน้อย“อื้อ&h
“เย่ปิง โทรบอกหลินซินให้พาคนมาจัดการเธอซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ร้านนี้อีก เรื่องอื่นฉันจะคุยกับสามีเอง”เสียงเย็นชาของไป๋เหลียนทำเอาเย่ปิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทั้งที่มือยังสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัว เขาพูดเสียงสั่นตามคำสั่งของไป๋เหลียนโดยไม่รู้ตัว กระทั่งไป๋เหลียนเดินผ่านเขาไปแล้วเข้าไปนั่งบนรถด้านหลังที่ตอนนี้เหอเปียวเป็นคนเดินไปปิดประตูแทนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงแตรที่เหอเปียวกดเรียกหลังจากเขาวางสายจากหลินซินแล้วนั่นเองไป๋เหลียนไม่สนใจว่าเย่ปิงตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถ้าเธอยังเห็นยัยผู้จัดการนี่อีกครั้งที่ร้านนี้ล่ะก็ เธอจะอาละวาดจนร้านสามีพังไปเลย คอยดูสิ! คิดจะมายุ่งกับสามีเธอเหรอ? ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะ!!!ด้วยรังสีอำมหิตที่ไป๋เหลียนเผลอปล่อยออกมา ทำเอาเย่ปิงกับเหอเปียวเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังด้วยความหวาดกลัวไปหมด กว่าที่พวกเขาจะหายหวาดกลัวก็เป็นตอนที่ขับรถเข้าไปยังตึกบริษัทแล้วนั่นแหละ เพราะไป๋เหลียนเริ่มมีรอยยิ้มบ
ผู้จัดการร้านหันไปพบกับเย่ปิงเดินมาพร้อมไป๋เหลียนพอดี เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมบอดี้การ์ดของท่านประธานถึงได้มากับผู้หญิงแปลกหน้าได้“เย่ปิง คุณพาใครมาที่ร้านน่ะ ถ้าท่านประธานรู้เข้าว่าคุณพาผู้หญิงมากินฟรี คุณก็รู้ว่าจะถูกลงโทษยังไง” เสี่ยวชิงเหอมองไป๋เหลียนอย่างไม่พอใจนัก เธอคิดว่าไป๋เหลียนเป็นแฟนของเย่ปิงและเขาอาจพาเธอมาอวดว่าสามารถเข้าร้านอาหารระดับนี้ได้ไป๋เหลียนที่ได้ยินเข้าก็เปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนโยนเป็นเย็นชาในทันที เธอมองหญิงสาวที่เย่ปิงบอกว่าเป็นผู้จัดการร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปล่อยพลังปราณกดดันจนเสี่ยวชิงเหอเหงื่อตก“คุณพูดบ้าอะไรของคุณกัน! นี่ภรรยาท่านประธาน ผมพามาซื้ออาหารชุดไปให้ท่านประธานก่อนเข้าบริษัท คุณรีบขอโทษนายหญิงน้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของคุณอาจถูกเปลี่ยนมือได้” เย่ปิงตวาดว่าอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะรู้อยู่ว่าผู้หญิงคนนี้ใฝ่สูงขนาดไหน เพียงแต่ท่านประธานไม่เคยชายตามองเธอเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ได้ลงมืออะไร
เหอเปียวจอดรถเสร็จก็รีบวิ่งตามเย่ปิงไปดูแลไป๋เหลียนอยู่ห่าง ๆ ตามคำสั่ง พวกเขาเห็นนักศึกษาหลายคนมองมาที่กลุ่มของไป๋เหลียน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้พวกเธอ พวกเขาทำเพียงซุบซิบกันเบา ๆ เท่านั้น“นี่ ไป๋เหลียน ตกลงว่าเรื่องเธอกับอาจารย์พิเศษเป็นยังไงกันแน่น่ะ”“อืม… ก็ไม่มีอะไร เขาเป็นสามีฉันเองอ่ะ พวกเธออย่าบอกใครนะ” ไป๋เหลียนกระซิบบอกเพื่อน เธอไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าที่เป็นอยู่“ห๊ะ!!!” จางเหยากับหลี่ซินอุทานอย่างตกใจ ก่อนทั้งสองจะรีบปิดปากแล้วพยักหน้ารับคำไป๋เหลียน พวกเธอกลัวว่าจะเผลอพูดเสียงดังจนคนอื่นได้ยินเข้าไป๋เหลียนหัวเราะเบา ๆ กับอาการตกอกตกใจของเพื่อนทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเธอแสดงอาการออกมาขนาดนี้“ฮึ่ย! เธอยังจะหัวเราะพวกเราอีกนะไป๋เหลียน เรื่องนี้มันน่าตกใจจริง ๆ นี่นา”
หวังจุนเหยากับไป๋เหลียนใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้ลุกจากโต๊ะเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน หลังจากไป๋เหลียนต้องเข้าห้องน้ำถึงสามรอบแล้วกลับมานั่งกินอีกจนของบนโต๊ะทั้งหมดหมดเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่พวกเขากินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่จำนวนจานที่วางซ้อนกันนั้นไม่ต่างจากคน 4-5 คนมานั่งกินกันแม้แต่น้อยจ้าวเฟยกับพวกเองก็อิ่มกันได้สักพักแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ในเมื่อผู้จัดการห้างและผู้จัดการร้านต่างเดินออกมาส่งเจ้านายกับนายหญิงน้อยด้วยกัน“สามี~ วันหลังเราชวนคุณย่ามากินด้วยกันนะคะ” ไป๋เหลียนเงยหน้าขึ้นขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวแขนหวังจุนเหยาเอาไว้เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ผู้บริหารที่อยู่ไม่ไกล“ตกลงครับ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ ที่นี่ไม่ไกลจากบ้านนัก” หวังจุนเหยาก้มมองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงคุณย่าของเขาพร้อมรอยยิ้มบางบอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงเจ้านายนุ่มละมุนอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อนได้แต่ทำหน้าเหวอกันเป็
หลังจากกินกันไปได้สักพักใหญ่ หวังจุนเหยาก็เห็นจ้าวเฟยพาพวกเข้ามาในร้านอีกห้าคน เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่จ้าวเฟยจะเดินมารายงานเขา“เจ้านาย พวกเรามารับเจ้านายกับนายหญิงน้อยกลับบ้านครับ เลขาหลินโทรบอกว่ามีคนรบกวนเจ้านาย พวกเราเลยรีบมาครับ”“อืม… พวกนายนั่งกินรอกันไปก่อน ฉันกับนายหญิงน้อยยังอยากนั่งกินต่ออีก”“ครับ เจ้านาย” จ้าวเฟยเดินไปที่โต๊ะว่างไม่ไกล ก่อนจะสั่งอาหารมาย่างกินที่โต๊ะกับพวก เขาอยู่กับเจ้านายมานาน จึงรู้ดีว่าน่าจะอีกพักใหญ่เลยกว่าที่เจ้านายจะกลับบ้านกลุ่มไป่หลิงที่ถูกลากตัวออกจากห้างท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวห้างต่างอับอายไม่น้อย เธอกัดฟันสะบัดแขนออกจากการจับตัวของ รปภ. ทันทีที่ออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า“ปล่อยฉันได้แล้ว ไอ้บ้า!!! คอยดูนะ ฉันจะให้พ่อฉันล้มห้างสรรพสินค้านี้เสีย ฉันอยากจะดูสิว่าผู้ชายคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องให้ฉันช่วยไหม พวกเรา กลับ!!!”
ใช่ว่าจะมีเพียงไป๋เหลียนเท่านั้นที่ชื่นชมหวังจุนเหยา แต่โต๊ะของสาวไฮโซที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนักก็ชื่นชมเขาจนอยากแย่งมาเพราะคิดว่าหวังจุนเหยาต้องชอบคนรวยอย่างเธอมากกว่า“ไป่หลิง เธอแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปขอเบอร์เขาจริง ๆ น่ะ เมื่อกี้เธอไม่เห็นเหรอว่าผู้จัดการร้านสั่งให้พนักงานดูแลเขาอย่างดี” ม่านถิงถามเพื่อนอย่างไม่อยากมีเรื่อง“อะไรกันม่านถิง นี่เธอไม่อยากให้ไป่หลิงมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างผู้ชายคนนั้นหรือยังไงกันน่ะ” ซือฉีมองเหยียดม่านถิงที่กลัวไม่เข้าท่า“นั่นสิม่านถิง ฉันว่าไป่หลิงเหมาะกับผู้ชายคนนั้นมากกว่ายัยหน้าจืดนั่นนะ” จินเหยียนสนับสนุนเพื่อนอีกแรงหนึ่ง“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ไม่อยากให้มีเรื่องอีกเท่านั้นเอง เรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนที่เราไม่ควรมีเรื่องด้วยจะทำยังไงล่ะ” ม่านถิงพูดอย่างจนใจ“เฮอะ! เธอนี่ขี้กลัวไม่เข้าท่านะม่านถิง ไป่หลิงเป็นถึงลูกสาว
รปภ. ดวงซวยที่เพิ่งเคยเห็นท่านประธานเป็นครั้งแรกถึงกับเหงื่อแตกแทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างตกใจ เขาได้แต่คิดว่าตัวเองช่างโง่เง่านักที่หาเรื่องท่านประธาน งานดี ๆ แบบนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย ขณะที่ รปภ. กำลังจะคุกเข่าขอโทษหวังจุนเหยา ไป๋เหลียนเห็นเข้าก็รีบใช้พลังปราณยกตัว รปภ. เอาไว้แล้วโบกมือไล่เขาออกไปให้ไกลจากสายตาสามีเธอ ก่อนที่คุณสามีจะอารมณ์แปรปรวนอีกครั้งรปภ. เห็นสัญญาณมือของภรรยาท่านประธานเข้า เขาจึงรีบวิ่งไปอีกด้านของลานจอดรถแทนทันที เขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของภรรยาท่านประธานเด็ดขาด เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอที่ช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้ท่านประธานไล่เขาออก เขาจึงเชื่อฟังเธอมากกว่าผู้จัดการเหลยเสียอีกเหลยจ้านเห็นตัวปัญหาวิ่งหนีไปแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ก่อนจะผายมือเชิญหวังจุนเหยากับไป๋เหลียนให้เดินตามเขาไปยังร้านเนื้อย่างที่เขาเพิ่งโทรบอกผู้จัดการร้านก่อนหน้านี้ทันที“ทีหลังรับคนใหม่เข้ามาก็หัดเอารูปคนสำคัญในบริษัทให้พวกเขาดูก่อน ไม่ใช่ให้มาทำงาน
Comments