หวังจุนเหยากับไป๋เหลียนใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้ลุกจากโต๊ะเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน หลังจากไป๋เหลียนต้องเข้าห้องน้ำถึงสามรอบแล้วกลับมานั่งกินอีกจนของบนโต๊ะทั้งหมดหมดเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่พวกเขากินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่จำนวนจานที่วางซ้อนกันนั้นไม่ต่างจากคน 4-5 คนมานั่งกินกันแม้แต่น้อย
จ้าวเฟยกับพวกเองก็อิ่มกันได้สักพักแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ในเมื่อผู้จัดการห้างและผู้จัดการร้านต่างเดินออกมาส่งเจ้านายกับนายหญิงน้อยด้วยกัน
“สามี~ วันหลังเราชวนคุณย่ามากินด้วยกันนะคะ” ไป๋เหลียนเงยหน้าขึ้นขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวแขนหวังจุนเหยาเอาไว้เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ผู้บริหารที่อยู่ไม่ไกล
“ตกลงครับ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ ที่นี่ไม่ไกลจากบ้านนัก” หวังจุนเหยาก้มมองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงคุณย่าของเขาพร้อมรอยยิ้มบาง
บอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงเจ้านายนุ่มละมุนอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อนได้แต่ทำหน้าเหวอกันเป็
เหอเปียวจอดรถเสร็จก็รีบวิ่งตามเย่ปิงไปดูแลไป๋เหลียนอยู่ห่าง ๆ ตามคำสั่ง พวกเขาเห็นนักศึกษาหลายคนมองมาที่กลุ่มของไป๋เหลียน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้พวกเธอ พวกเขาทำเพียงซุบซิบกันเบา ๆ เท่านั้น“นี่ ไป๋เหลียน ตกลงว่าเรื่องเธอกับอาจารย์พิเศษเป็นยังไงกันแน่น่ะ”“อืม… ก็ไม่มีอะไร เขาเป็นสามีฉันเองอ่ะ พวกเธออย่าบอกใครนะ” ไป๋เหลียนกระซิบบอกเพื่อน เธอไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าที่เป็นอยู่“ห๊ะ!!!” จางเหยากับหลี่ซินอุทานอย่างตกใจ ก่อนทั้งสองจะรีบปิดปากแล้วพยักหน้ารับคำไป๋เหลียน พวกเธอกลัวว่าจะเผลอพูดเสียงดังจนคนอื่นได้ยินเข้าไป๋เหลียนหัวเราะเบา ๆ กับอาการตกอกตกใจของเพื่อนทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเธอแสดงอาการออกมาขนาดนี้“ฮึ่ย! เธอยังจะหัวเราะพวกเราอีกนะไป๋เหลียน เรื่องนี้มันน่าตกใจจริง ๆ นี่นา”
หม่าหลัน บุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง ขณะกำลังแต่งงานและรอเข้าหอ นางทนหิวไม่ไหวจึงได้กินอาหารและดื่มสุรามงคล โดยที่ไม่รู้เลยว่าในสุรามียาพิษ ทำให้นางตายไปอย่างไม่ยินยอม นางได้แต่ก่นด่าสวรรค์ที่ใจร้ายไม่ยอมให้นางได้มีความสุขในคืนเข้าหอเสียก่อน ทั้งที่นางอุตส่าห์ทำตัวเรียบร้อยจนได้รับการขอแต่งงานจากจวนเสนาบดีกรมอาญา นางได้แต่คิดว่า รู้อย่างนี้นางทำตัวแข็งแกร่งเหมือนอยู่ที่จวนคงไม่ตายไวเช่นนี้สวรรค์ที่ทนคำด่ามากมายของหม่าหลันไม่ไหว เหล่าเทพจึงปรึกษาหารือกันก่อนจะส่งนางข้ามภพไปเข้าร่างไป๋เหลียนที่ถูกแม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงทำร้ายขณะตั้งครรภ์ เหล่าเทพที่กลัวว่าหม่าหลันจะด่าซ้ำด่าซ้อนหากข้ามเวลาไปยังภพอื่นโดยไม่มีพลังปราณเพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงมอบพลังปราณที่นางมีอยู่ติดวิญญาณของนางไปด้วย ก่อนจะพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะในภพนั้น หม่าหลันจะต้องต่อสู้กับผู้คนมากมายแทนไป๋เหลียนที่อ่อนแอและถูกรังแกอยู่ตลอด พวกเขาหวังว่า นางคงไม่ด่าพวกเขาอีกกระมัง ในเมื่อพวกเขามอบบุตรให้นางพร้อมสามีหน้าตาดีและร่ำรวยให้นางด้วยหม่าหลันที่ฟื้นขึ้นมาในเวลาต่อมา นางได้รับความทรงจำอันเลวร้ายของไป๋เหลียนมากมายจนน
ณ จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงหม่าเทียน แม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงและฮูหยินหม่าซู กำลังนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดเรื่องการแต่งงานบุตรสาวของพวกเขา โดยมีน้องชายของนางหม่าเหว่ยนั่งฟังท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ด้วย“ข้าไม่อยากให้นางแต่งกับหวังฮัวโต๋เลยจริง ๆ เขาทั้งเจ้าชู้และทำงานไม่เอาไหน”“เฮ้อ แล้วท่านพี่จะให้ทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ เราปฏิเสธเสนาบดีหวังไปก็คงไม่ทันแล้วกระมังเจ้าคะ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดงานแต่งงานแล้ว”“หากวันนั้นข้าไม่เมา ข้าคงไม่หลงตอบรับคำขอของเสนาบดีหวังแต่แรก หากนางได้แต่งกับหวังจุนเหยาผู้เป็นน้องชาย ข้าคงจะไม่นึกเสียใจเช่นนี้”“ท่านพ่อ ท่านแม่อย่าเพิ่งกังวลเลยนะขอรับ หวังฮัวโต๋คงไม่กล้าไม่ให้เกียรติพี่ใหญ่หรอกนะขอรับ อีกอย่างพี่ใหญ่ก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม นางเพียงทำตัวอ่อนแอเพื่อให้สามารถออกเรือนได้เท่านั้นเอง ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในจวนกล้ารังแกนาง”“เจ้าอย่ามั่นใจไปนัก ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าจวนเสนาบดีหวังนั้น หลังบ้านคอยแต่ต่อสู้กันเพื่อเรียกร้องความโปรดปรานจากเขาอยู่ตลอดเวลาน่ะ หากพี่สาวเจ้าแต่งเข้าไปแล้วหวังฮัวโต๋มีอนุมากมายเหมือนพ่อของเข
วันแต่งงานหม่าหลันที่วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น(ประมาณ03.00-05.00) เพื่อขัดสีฉวีวรรณให้สมกับเป็นวันงานมงคลของนาง ทั้งที่ปกติหม่าหลันไม่ชอบเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ นางนั้นรักสวยรักงามก็จริง แต่ไม่ถึงกับจะต้องขัดเนื้อตัวจนแทบเปื่อยเช่นนี้ เรื่องหน้าตานางก็ไม่ชอบที่จะแต่งหน้าทาปากเหมือนบุตรีขุนนางคนอื่น ปกตินางมักจะปล่อยให้คนอื่นเห็นหน้าตาตามธรรมชาติของนางมากกว่าการแต่งหน้าหนาเตอะจนแทบไม่เห็นเค้าเดิมของหน้าตาตนเอง ถึงแม้ว่าจะถูกนินทาอยู่บ่อย ๆ นางก็ไม่สนใจขี้ปากชาวบ้าน นางมั่นใจว่าหน้าตาปกติของนางนั้นดีกว่าหญิงสาวบางคนที่แต่งหน้าทาปากเสียอีก แต่ในเมื่อวันนี้เป็นวันแต่งงานของนาง นางจึงต้องจำใจให้บ่าวทำตามหน้าที่ของพวกเขา เพื่อไม่ให้เสียหน้าในฐานะเจ้าสาวบ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงเองก็ต่างยุ่งวุ่นวายไม่น้อยในการจัดเตรียมขบวนสินเดิมที่ยาวเกือบสิบลี้ ด้วยว่าคุณหนูของพวกเขาเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวน ทำให้สินเดิมนั้นมีมากกว่าบุตรีขุนนางคนอื่นที่มีสามภรรยา สี่อนุมากนัก อีกทั้งหม่าเทียนยังรั้งตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงมาหลายสิบปี ทรัพย์สินที่มีแต่เดิมของฮูหยินเองก็ไม่น้อย นางบริหา
หวังฮัวโต๋ที่เห็นน้องชายภรรยากำลังแบกนางมาพร้อมขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดก็อมยิ้มอย่างได้ใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าฮูหยินของเขาจะมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากนี้ไปเขาคงใช้จ่ายสบายขึ้นมากหากมีนางอยู่แม่สื่อเมื่อเห็นเจ้าสาวมาแล้ว นางก็พูดตามธรรมเนียมจนกระทั่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไป หวังฮัวโต๋เองก็ถูกบอกให้ขึ้นม้าพาเจ้าสาวเดินวนรอบเมืองหลวงเพื่อแสดงว่าวันนี้กำลังจะมีงานมงคลครั้งใหญ่ของสองตระกูล โดยที่แม่ทัพหม่ากับครอบครัวจะขึ้นรถม้าไปรอทำพิธีก่อนที่จวนเสนาบดีหวังขบวนแต่งงานแจกจ่ายขนมตามธรรมเนียมให้กับชาวเมืองที่ต่างมาชมดูความสนุกสนาน พวกเขาเห็นสินเดิมยาวเหยียดเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ร่ำรวยนัก เจ้าบ่าวที่ขี่ม้านำขบวนอยู่ก็หล่อเหลา ชาวเมืองต่างคุยกันสนุกสนานว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก คนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา อีกคนก็เป็นบุตรีคนเดียวของจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงหวังฮัวโต๋ที่ได้ยินเสียงชาวบ้านชื่นชมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างได้ใจ ทุกคนในเมืองหลวงต่างอิจฉาในวาสนาของเขาที่มีฮูหยินเช่นนี้ น้องชายเขาอย่างหวังจุนเหยาที่ตอนนี้เดินทางออกไปตรวจราชการให้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทราบว่าเขาก
แต่หลังจากหม่าหลันดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้ว นางที่ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษรุนแรงผสมกับเหล้าที่นางดื่มไปแก้วแรกอยู่จึงไม่ทันใช้พลังปราณขับพิษออกมาก่อนพิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจอั่ก!!! พรวด!หม่าหลันกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ร่างกายของนางไม่สามารถใช้พลังปราณได้เลยแม้แต่น้อย นับว่าพิษนี้ช่างร้ายแรงนัก หม่าหลันได้แต่ยอมรับความตายแต่โดยดี เพราะนางไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้ว ในมโนสำนึกสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนางจะออกจากร่าง นางได้แต่สงสัยว่าใครกล้าวางยานางในคืนเข้าหอเช่นนี้ จนทำให้นางต้องอดมีความสุขตามที่คาดคิดเอาไว้อย่างสวยหรูไม่นานนักวิญญาณของนางก็หลุดออกจากร่าง หม่าหลันได้แต่มองร่างกายตนเองที่นอนคว่ำหน้าเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดอย่างสุดแสนจะคับแค้นใจ“เหตุใดสวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านจะให้ข้าตายตอนใดก็ได้ข้าไม่ว่า แต่กลับให้ข้าตายก่อนที่จะได้ลิ้มรสความสุขเหมือนหญิงสาวคนอื่นเสียนี่ พวกท่านเป็นเทพได้เช่นไร หรือพวกท่านมีความสุขกับความทุกข์ของข้ากัน บัดซบ!!! ข้าขอให้พวกท่านได้รับกรรมอย่างข้าบ้าง อย่าได้คิดจะมีความสุขกันอีกเลยหลังจากนี้ ข้าจะคอยด่าทอต่อว่าพวกท่านจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม”เหล
“ฮึก… ท่านพ่อ นี่ไม่จริงใช่ไหมขอรับ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพี่จะจากไปเช่นนี้”“อืม… เรื่องนี้พ่อจะสืบหาความจริงให้ได้ พ่อไม่เชื่อหรอกว่าจะหาตัวคนร้ายไม่ได้”“ฮือ… แล้วท่านพ่อแน่ใจหรือขอรับว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตตามที่ท่านพ่อร้องขอ”“พ่อก็ไม่มั่นใจนัก คงต้องแล้วแต่ฝ่าบาทจะพิจารณา เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดี พ่อจะรีบเข้าวังเสียก่อนที่จะสายไปกว่านี้”“ขอรับ ฮึก.. ท่านพ่อ” หม่าเหว่ยได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้เพื่อไปดูแลท่านแม่ของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะฟื้นขึ้นมา หม่าเหว่ยรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรักพี่สาวเขามากขนาดไหน นางคงทำใจยากจึงได้สลบไปเช่นนี้ไม่นานนักหม่าเทียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดขุนนางออกมา ก็รีบขึ้นม้าเดินทางไปยังวังหลวงทันที ใช่ว่าเขานั้นไม่เสียใจที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รัก เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องการตามหาคนร้ายที่วางยาฆ่านางให้ได้เสียก่อน เรื่องรับศพนางและสินเดิมกลับมานั้น เขาคงต้องรอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน เพราะถึงแม้จะจัดงานแต่งงานกันไปแล้วก็จริงอยู่ แต่พิธีการทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่อาจนับได้ว่าบุตรีของเขานั้นเป็นคนของจวนเสนาบดีหวังอย่างเต็มตัว นางจึง
หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้นข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอ
เหอเปียวจอดรถเสร็จก็รีบวิ่งตามเย่ปิงไปดูแลไป๋เหลียนอยู่ห่าง ๆ ตามคำสั่ง พวกเขาเห็นนักศึกษาหลายคนมองมาที่กลุ่มของไป๋เหลียน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้พวกเธอ พวกเขาทำเพียงซุบซิบกันเบา ๆ เท่านั้น“นี่ ไป๋เหลียน ตกลงว่าเรื่องเธอกับอาจารย์พิเศษเป็นยังไงกันแน่น่ะ”“อืม… ก็ไม่มีอะไร เขาเป็นสามีฉันเองอ่ะ พวกเธออย่าบอกใครนะ” ไป๋เหลียนกระซิบบอกเพื่อน เธอไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าที่เป็นอยู่“ห๊ะ!!!” จางเหยากับหลี่ซินอุทานอย่างตกใจ ก่อนทั้งสองจะรีบปิดปากแล้วพยักหน้ารับคำไป๋เหลียน พวกเธอกลัวว่าจะเผลอพูดเสียงดังจนคนอื่นได้ยินเข้าไป๋เหลียนหัวเราะเบา ๆ กับอาการตกอกตกใจของเพื่อนทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเธอแสดงอาการออกมาขนาดนี้“ฮึ่ย! เธอยังจะหัวเราะพวกเราอีกนะไป๋เหลียน เรื่องนี้มันน่าตกใจจริง ๆ นี่นา”
หวังจุนเหยากับไป๋เหลียนใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้ลุกจากโต๊ะเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน หลังจากไป๋เหลียนต้องเข้าห้องน้ำถึงสามรอบแล้วกลับมานั่งกินอีกจนของบนโต๊ะทั้งหมดหมดเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่พวกเขากินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่จำนวนจานที่วางซ้อนกันนั้นไม่ต่างจากคน 4-5 คนมานั่งกินกันแม้แต่น้อยจ้าวเฟยกับพวกเองก็อิ่มกันได้สักพักแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ในเมื่อผู้จัดการห้างและผู้จัดการร้านต่างเดินออกมาส่งเจ้านายกับนายหญิงน้อยด้วยกัน“สามี~ วันหลังเราชวนคุณย่ามากินด้วยกันนะคะ” ไป๋เหลียนเงยหน้าขึ้นขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวแขนหวังจุนเหยาเอาไว้เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ผู้บริหารที่อยู่ไม่ไกล“ตกลงครับ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ ที่นี่ไม่ไกลจากบ้านนัก” หวังจุนเหยาก้มมองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงคุณย่าของเขาพร้อมรอยยิ้มบางบอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงเจ้านายนุ่มละมุนอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อนได้แต่ทำหน้าเหวอกันเป็
หลังจากกินกันไปได้สักพักใหญ่ หวังจุนเหยาก็เห็นจ้าวเฟยพาพวกเข้ามาในร้านอีกห้าคน เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่จ้าวเฟยจะเดินมารายงานเขา“เจ้านาย พวกเรามารับเจ้านายกับนายหญิงน้อยกลับบ้านครับ เลขาหลินโทรบอกว่ามีคนรบกวนเจ้านาย พวกเราเลยรีบมาครับ”“อืม… พวกนายนั่งกินรอกันไปก่อน ฉันกับนายหญิงน้อยยังอยากนั่งกินต่ออีก”“ครับ เจ้านาย” จ้าวเฟยเดินไปที่โต๊ะว่างไม่ไกล ก่อนจะสั่งอาหารมาย่างกินที่โต๊ะกับพวก เขาอยู่กับเจ้านายมานาน จึงรู้ดีว่าน่าจะอีกพักใหญ่เลยกว่าที่เจ้านายจะกลับบ้านกลุ่มไป่หลิงที่ถูกลากตัวออกจากห้างท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวห้างต่างอับอายไม่น้อย เธอกัดฟันสะบัดแขนออกจากการจับตัวของ รปภ. ทันทีที่ออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า“ปล่อยฉันได้แล้ว ไอ้บ้า!!! คอยดูนะ ฉันจะให้พ่อฉันล้มห้างสรรพสินค้านี้เสีย ฉันอยากจะดูสิว่าผู้ชายคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องให้ฉันช่วยไหม พวกเรา กลับ!!!”
ใช่ว่าจะมีเพียงไป๋เหลียนเท่านั้นที่ชื่นชมหวังจุนเหยา แต่โต๊ะของสาวไฮโซที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนักก็ชื่นชมเขาจนอยากแย่งมาเพราะคิดว่าหวังจุนเหยาต้องชอบคนรวยอย่างเธอมากกว่า“ไป่หลิง เธอแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปขอเบอร์เขาจริง ๆ น่ะ เมื่อกี้เธอไม่เห็นเหรอว่าผู้จัดการร้านสั่งให้พนักงานดูแลเขาอย่างดี” ม่านถิงถามเพื่อนอย่างไม่อยากมีเรื่อง“อะไรกันม่านถิง นี่เธอไม่อยากให้ไป่หลิงมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างผู้ชายคนนั้นหรือยังไงกันน่ะ” ซือฉีมองเหยียดม่านถิงที่กลัวไม่เข้าท่า“นั่นสิม่านถิง ฉันว่าไป่หลิงเหมาะกับผู้ชายคนนั้นมากกว่ายัยหน้าจืดนั่นนะ” จินเหยียนสนับสนุนเพื่อนอีกแรงหนึ่ง“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ไม่อยากให้มีเรื่องอีกเท่านั้นเอง เรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนที่เราไม่ควรมีเรื่องด้วยจะทำยังไงล่ะ” ม่านถิงพูดอย่างจนใจ“เฮอะ! เธอนี่ขี้กลัวไม่เข้าท่านะม่านถิง ไป่หลิงเป็นถึงลูกสาว
รปภ. ดวงซวยที่เพิ่งเคยเห็นท่านประธานเป็นครั้งแรกถึงกับเหงื่อแตกแทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างตกใจ เขาได้แต่คิดว่าตัวเองช่างโง่เง่านักที่หาเรื่องท่านประธาน งานดี ๆ แบบนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย ขณะที่ รปภ. กำลังจะคุกเข่าขอโทษหวังจุนเหยา ไป๋เหลียนเห็นเข้าก็รีบใช้พลังปราณยกตัว รปภ. เอาไว้แล้วโบกมือไล่เขาออกไปให้ไกลจากสายตาสามีเธอ ก่อนที่คุณสามีจะอารมณ์แปรปรวนอีกครั้งรปภ. เห็นสัญญาณมือของภรรยาท่านประธานเข้า เขาจึงรีบวิ่งไปอีกด้านของลานจอดรถแทนทันที เขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของภรรยาท่านประธานเด็ดขาด เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอที่ช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้ท่านประธานไล่เขาออก เขาจึงเชื่อฟังเธอมากกว่าผู้จัดการเหลยเสียอีกเหลยจ้านเห็นตัวปัญหาวิ่งหนีไปแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ก่อนจะผายมือเชิญหวังจุนเหยากับไป๋เหลียนให้เดินตามเขาไปยังร้านเนื้อย่างที่เขาเพิ่งโทรบอกผู้จัดการร้านก่อนหน้านี้ทันที“ทีหลังรับคนใหม่เข้ามาก็หัดเอารูปคนสำคัญในบริษัทให้พวกเขาดูก่อน ไม่ใช่ให้มาทำงาน
หลินซินที่รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้หวังจุนเหยาฟังได้แต่เหงื่อตก เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะโกรธมากถึงขนาดนี้ ความจริงเรื่องนี้แก้ไขไม่ยากเลย หากเจ้านายประกาศไปว่าเป็นสามีของนายหญิงน้อย แต่เจ้านายเขากลับอยากทำให้เรื่องยุ่งยากโดยการสั่งพักการเรียนเด็กที่นำข่าวไปปล่อยทั้งหมด รวมถึงส่งเรื่องฟ้องศาลไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกเสียอย่างนั้น“เจ้านายแน่ใจเหรอครับว่าจะทำแบบนี้?”“ทำไม? เด็กพวกนั้นมีเบื้องหลังอย่างงั้นเหรอ”“ก็… จะว่ามีก็มีนิดหน่อยครับ พวกเธอเป็นลูกนักธุรกิจในเมืองหลวงนี่แหละครับ”“เฮอะ! ฉันไม่สนใจ ใครกล้ากล่าวหาภรรยาสุดที่รักของฉันในทางเสียหาย ฉันไม่เอาไว้แน่ ไปจัดการตามที่สั่งก็พอ ฉันจะพาเธอกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว”“ครับ เจ้านาย”หลินซินได้แต่นึกในใจว่า ที่แท้เจ้านายโกรธแทนนายหญิงน้อยนี่เอง ตั้งแต่เจ้านายเขามีเมีย เขารู้สึกว่าเจ้านายเ
เจิ้งซินอี๋ หลิวซือซือและหวางลี่นาที่แอบดูอยู่ต่างรีบเอามือปิดปากแทบไม่ทัน พวกเธอไม่คิดว่าอาจารย์พิเศษคนนี้จะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับนักศึกษา ยิ่งกับไป๋เหลียนที่มีสามีแล้วด้วยไม่นานนักเจิ้งซินอี๋ก็ตั้งสติได้ เธอรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ในทันที หลังจากนี้เธอจะนำรูปความใกล้ชิดของไป๋เหลียนกับอาจารย์พิเศษไปติดให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้ไป๋เหลียนเองหลังจากหายตกใจกับการจู่โจมของสามีสุดหล่อแล้ว เธอรีบกระซิบข้างหูสามีให้รู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนมองพวกเขาอยู่“ช่างพวกเขาสิ อยากดูก็ดูไป คุณจะกลัวทำไมภรรยา” หวังจุนเหยายังคงเกาะเอวเล็กเอาไว้ไม่ปล่อยพร้อมกับทำหน้างอคอหักไม่ต่างจากปลาทูสักเท่าไหร่“โธ่ ฉันกลัวพวกเขาถ่ายรูปเราแล้วเอาไปประจานน่ะสิคะ ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น คุณกับฉันจะไม่ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเหรอ” ไป๋เหลียนได้แต่ถอนหายใจกับสามีที่บทจะงอแงก็เป็นเสียแบบนี้“ใครจะกล้าไล่เราออก ในเมื่อนี่มัน
“เฮอะ ทำเป็นปากดีไปเถอะ ยังไงเธอก็ขายตัวให้เขาอยู่ดีไม่ใช่หรือยังไง” เจิ้งซินอี๋ถึงจะกลัวไป๋เหลียนที่เปลี่ยนไปตรงหน้า แต่เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวหาไป๋เหลียน“ใครบอกเธอว่าฉันขายตัวให้เขา ฉันกับเขาแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วต่างหากล่ะ ถ้าเธอยังใส่ร้ายฉันอีกล่ะก็ ฉันจะให้สามีเรียกคนมาจัดการเธอกับพวกให้เข็ดเลย อยากลองสักหน่อยไหมล่ะ” ไป๋เหลียนกวาดตามองหญิงสาวทั้งสามด้วยสายตาดุร้ายเจิ้งซินอี๋ หลิวซือซือกับหวางลี่นาที่ไม่เคยเห็นไป๋เหลียนดุร้ายขนาดนี้มาก่อนได้แต่ขนลุกขนชัน พวกเธอไม่รู้ว่าไป๋เหลียนพูดจริงหรือเปล่า ถ้าสามีไป๋เหลียนพาคนมาจัดการพวกเธอเข้าจริง ๆ ทั้งสามคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง“ฮึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะนังคนจน อย่าให้พวกเรามีหลักฐานนะว่าเธอขายตัว ไม่อย่างนั้นเราจะร้องเรียนไปที่มหาวิทยาลัยว่าเธอทำตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักศึกษาที่นี่ พวกเรารีบไปจองที่นั่งกันเถอะ ฉันเหม็นกลิ่นคนจน”เจิ้งซินอี๋รีบเดินไปหาที่นั่งห่างจาก
คืนนี้เป็นอีกคืนที่ไป๋เหลียนหลับไปก่อนหวังจุนเหยา พรุ่งนี้เธอให้เขาช่วยส่งเธอไปยังหอพักเพื่อเอาหนังสือเรียนก่อน แล้วเธอจะไปเข้าเรียนพร้อมเพื่อนร่วมหอพักเอง ทำให้หวังจุนเหยาไม่สามารถเดินไปส่งเธอด้วยตัวเองได้ในวันพรุ่งนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย แค่นี้เขาก็พอใจแล้วหลังอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น หวังจุนเหยาใช้รถสปอร์ตสีขาวโดยไม่ให้บอดี้การ์ดติดตามไปเหมือนปกติ เพราะเขาไปแค่มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเขา อีกอย่างเขาอยากอยู่กับภรรยาตัวน้อยสองคนบ้าง ไป๋เหลียนที่ไม่รู้ความคิดของสามีก็ไม่ได้สนใจอะไร วันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดใหม่สุดหรูที่ซื้อมาเมื่อวานหลังจากแม่บ้านนำไปซักรีดให้เธอก่อนแล้วภายในรถระหว่างเดินทางไปยังมหาวิทยาลัย หวังจุนเหยาชักจะหวงภรรยาตัวน้อยเข้าเสียแล้ว เขาไม่คิดว่าพอไป๋เหลียนได้แต่งตัวดี ๆ แบบนี้แล้วยิ่งทำให้เธอดูดีและน่ารักมากจนเขาไม่อยากให้เธอเจอผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำไป๋เหลียนเห็นหวังจุนเหยาทำหน้าตาเคร่งเครียดระหว่างขับรถก็ได้แต่เอียงคอมองดูสา