หม่าหลัน บุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง ขณะกำลังแต่งงานและรอเข้าหอ นางทนหิวไม่ไหวจึงได้กินอาหารและดื่มสุรามงคล โดยที่ไม่รู้เลยว่าในสุรามียาพิษ ทำให้นางตายไปอย่างไม่ยินยอม นางได้แต่ก่นด่าสวรรค์ที่ใจร้ายไม่ยอมให้นางได้มีความสุขในคืนเข้าหอเสียก่อน ทั้งที่นางอุตส่าห์ทำตัวเรียบร้อยจนได้รับการขอแต่งงานจากจวนเสนาบดีกรมอาญา นางได้แต่คิดว่า รู้อย่างนี้นางทำตัวแข็งแกร่งเหมือนอยู่ที่จวนคงไม่ตายไวเช่นนี้
สวรรค์ที่ทนคำด่ามากมายของหม่าหลันไม่ไหว เหล่าเทพจึงปรึกษาหารือกันก่อนจะส่งนางข้ามภพไปเข้าร่างไป๋เหลียนที่ถูกแม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงทำร้ายขณะตั้งครรภ์ เหล่าเทพที่กลัวว่าหม่าหลันจะด่าซ้ำด่าซ้อนหากข้ามเวลาไปยังภพอื่นโดยไม่มีพลังปราณเพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงมอบพลังปราณที่นางมีอยู่ติดวิญญาณของนางไปด้วย ก่อนจะพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะในภพนั้น หม่าหลันจะต้องต่อสู้กับผู้คนมากมายแทนไป๋เหลียนที่อ่อนแอและถูกรังแกอยู่ตลอด พวกเขาหวังว่า นางคงไม่ด่าพวกเขาอีกกระมัง ในเมื่อพวกเขามอบบุตรให้นางพร้อมสามีหน้าตาดีและร่ำรวยให้นางด้วย
หม่าหลันที่ฟื้นขึ้นมาในเวลาต่อมา นางได้รับความทรงจำอันเลวร้ายของไป๋เหลียนมากมายจนนึกรังเกียจคนที่รังแกไป๋เหลียน ก่อนวิญญาณของไป๋เหลียนจากไป เธอฝากฝังให้หม่าหลันช่วยดูแลลูกของเธอด้วยและช่วยทำความปรารถนาในการเรียนแพทย์แผนจีนให้จบแทนเธอด้วย หม่าหลันที่เข้าใจแล้วว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในร่างของไป๋เหลียนจึงรับปากนางว่าจะทำตามความปรารถนาของไป๋เหลียนให้ แต่นางไม่ได้บอกไป๋เหลียนว่าจะแก้แค้นเหล่าคนที่รังแกไป๋เหลียนแทนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อตอนนี้นางคือไป๋เหลียน หม่าหลันรีบลืมตาขึ้นเพื่อมองหาสามีสุดหล่อที่นางเห็นในความทรงจำทันที… อ่า สามีที่ฉันยังไม่ได้เข้าหอด้วยทำไมหล่ออย่างนี้นะ ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะท้องอยู่ แต่อย่างน้อยขออ่อยสามีสุดหล่อเพื่อให้สมความปรารถนาในชาติก่อนสักทีฉันจะไม่ลืมพระคุณเลย…
***นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากนักอ่านคนใดไม่ชอบแนวนี้ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***
***สถานที่และผู้คนในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ***
***สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญัญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 และ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้ ไปคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข รวมเล่ม สแกน ถ่ายรูป แปลเป็นภาษาอื่น จัดพิมพ์ เพื่อนำออกเผยแพร่โดยมิได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเด็ดขาด***
ณ จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงหม่าเทียน แม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงและฮูหยินหม่าซู กำลังนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดเรื่องการแต่งงานบุตรสาวของพวกเขา โดยมีน้องชายของนางหม่าเหว่ยนั่งฟังท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ด้วย“ข้าไม่อยากให้นางแต่งกับหวังฮัวโต๋เลยจริง ๆ เขาทั้งเจ้าชู้และทำงานไม่เอาไหน”“เฮ้อ แล้วท่านพี่จะให้ทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ เราปฏิเสธเสนาบดีหวังไปก็คงไม่ทันแล้วกระมังเจ้าคะ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดงานแต่งงานแล้ว”“หากวันนั้นข้าไม่เมา ข้าคงไม่หลงตอบรับคำขอของเสนาบดีหวังแต่แรก หากนางได้แต่งกับหวังจุนเหยาผู้เป็นน้องชาย ข้าคงจะไม่นึกเสียใจเช่นนี้”“ท่านพ่อ ท่านแม่อย่าเพิ่งกังวลเลยนะขอรับ หวังฮัวโต๋คงไม่กล้าไม่ให้เกียรติพี่ใหญ่หรอกนะขอรับ อีกอย่างพี่ใหญ่ก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม นางเพียงทำตัวอ่อนแอเพื่อให้สามารถออกเรือนได้เท่านั้นเอง ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในจวนกล้ารังแกนาง”“เจ้าอย่ามั่นใจไปนัก ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าจวนเสนาบดีหวังนั้น หลังบ้านคอยแต่ต่อสู้กันเพื่อเรียกร้องความโปรดปรานจากเขาอยู่ตลอดเวลาน่ะ หากพี่สาวเจ้าแต่งเข้าไปแล้วหวังฮัวโต๋มีอนุมากมายเหมือนพ่อของเข
วันแต่งงานหม่าหลันที่วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น(ประมาณ03.00-05.00) เพื่อขัดสีฉวีวรรณให้สมกับเป็นวันงานมงคลของนาง ทั้งที่ปกติหม่าหลันไม่ชอบเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ นางนั้นรักสวยรักงามก็จริง แต่ไม่ถึงกับจะต้องขัดเนื้อตัวจนแทบเปื่อยเช่นนี้ เรื่องหน้าตานางก็ไม่ชอบที่จะแต่งหน้าทาปากเหมือนบุตรีขุนนางคนอื่น ปกตินางมักจะปล่อยให้คนอื่นเห็นหน้าตาตามธรรมชาติของนางมากกว่าการแต่งหน้าหนาเตอะจนแทบไม่เห็นเค้าเดิมของหน้าตาตนเอง ถึงแม้ว่าจะถูกนินทาอยู่บ่อย ๆ นางก็ไม่สนใจขี้ปากชาวบ้าน นางมั่นใจว่าหน้าตาปกติของนางนั้นดีกว่าหญิงสาวบางคนที่แต่งหน้าทาปากเสียอีก แต่ในเมื่อวันนี้เป็นวันแต่งงานของนาง นางจึงต้องจำใจให้บ่าวทำตามหน้าที่ของพวกเขา เพื่อไม่ให้เสียหน้าในฐานะเจ้าสาวบ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงเองก็ต่างยุ่งวุ่นวายไม่น้อยในการจัดเตรียมขบวนสินเดิมที่ยาวเกือบสิบลี้ ด้วยว่าคุณหนูของพวกเขาเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวน ทำให้สินเดิมนั้นมีมากกว่าบุตรีขุนนางคนอื่นที่มีสามภรรยา สี่อนุมากนัก อีกทั้งหม่าเทียนยังรั้งตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงมาหลายสิบปี ทรัพย์สินที่มีแต่เดิมของฮูหยินเองก็ไม่น้อย นางบริหา
หวังฮัวโต๋ที่เห็นน้องชายภรรยากำลังแบกนางมาพร้อมขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดก็อมยิ้มอย่างได้ใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าฮูหยินของเขาจะมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากนี้ไปเขาคงใช้จ่ายสบายขึ้นมากหากมีนางอยู่แม่สื่อเมื่อเห็นเจ้าสาวมาแล้ว นางก็พูดตามธรรมเนียมจนกระทั่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไป หวังฮัวโต๋เองก็ถูกบอกให้ขึ้นม้าพาเจ้าสาวเดินวนรอบเมืองหลวงเพื่อแสดงว่าวันนี้กำลังจะมีงานมงคลครั้งใหญ่ของสองตระกูล โดยที่แม่ทัพหม่ากับครอบครัวจะขึ้นรถม้าไปรอทำพิธีก่อนที่จวนเสนาบดีหวังขบวนแต่งงานแจกจ่ายขนมตามธรรมเนียมให้กับชาวเมืองที่ต่างมาชมดูความสนุกสนาน พวกเขาเห็นสินเดิมยาวเหยียดเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ร่ำรวยนัก เจ้าบ่าวที่ขี่ม้านำขบวนอยู่ก็หล่อเหลา ชาวเมืองต่างคุยกันสนุกสนานว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก คนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา อีกคนก็เป็นบุตรีคนเดียวของจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงหวังฮัวโต๋ที่ได้ยินเสียงชาวบ้านชื่นชมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างได้ใจ ทุกคนในเมืองหลวงต่างอิจฉาในวาสนาของเขาที่มีฮูหยินเช่นนี้ น้องชายเขาอย่างหวังจุนเหยาที่ตอนนี้เดินทางออกไปตรวจราชการให้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทราบว่าเขาก
แต่หลังจากหม่าหลันดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้ว นางที่ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษรุนแรงผสมกับเหล้าที่นางดื่มไปแก้วแรกอยู่จึงไม่ทันใช้พลังปราณขับพิษออกมาก่อนพิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจอั่ก!!! พรวด!หม่าหลันกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ร่างกายของนางไม่สามารถใช้พลังปราณได้เลยแม้แต่น้อย นับว่าพิษนี้ช่างร้ายแรงนัก หม่าหลันได้แต่ยอมรับความตายแต่โดยดี เพราะนางไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้ว ในมโนสำนึกสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนางจะออกจากร่าง นางได้แต่สงสัยว่าใครกล้าวางยานางในคืนเข้าหอเช่นนี้ จนทำให้นางต้องอดมีความสุขตามที่คาดคิดเอาไว้อย่างสวยหรูไม่นานนักวิญญาณของนางก็หลุดออกจากร่าง หม่าหลันได้แต่มองร่างกายตนเองที่นอนคว่ำหน้าเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดอย่างสุดแสนจะคับแค้นใจ“เหตุใดสวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านจะให้ข้าตายตอนใดก็ได้ข้าไม่ว่า แต่กลับให้ข้าตายก่อนที่จะได้ลิ้มรสความสุขเหมือนหญิงสาวคนอื่นเสียนี่ พวกท่านเป็นเทพได้เช่นไร หรือพวกท่านมีความสุขกับความทุกข์ของข้ากัน บัดซบ!!! ข้าขอให้พวกท่านได้รับกรรมอย่างข้าบ้าง อย่าได้คิดจะมีความสุขกันอีกเลยหลังจากนี้ ข้าจะคอยด่าทอต่อว่าพวกท่านจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม”เหล
“ฮึก… ท่านพ่อ นี่ไม่จริงใช่ไหมขอรับ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพี่จะจากไปเช่นนี้”“อืม… เรื่องนี้พ่อจะสืบหาความจริงให้ได้ พ่อไม่เชื่อหรอกว่าจะหาตัวคนร้ายไม่ได้”“ฮือ… แล้วท่านพ่อแน่ใจหรือขอรับว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตตามที่ท่านพ่อร้องขอ”“พ่อก็ไม่มั่นใจนัก คงต้องแล้วแต่ฝ่าบาทจะพิจารณา เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดี พ่อจะรีบเข้าวังเสียก่อนที่จะสายไปกว่านี้”“ขอรับ ฮึก.. ท่านพ่อ” หม่าเหว่ยได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้เพื่อไปดูแลท่านแม่ของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะฟื้นขึ้นมา หม่าเหว่ยรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรักพี่สาวเขามากขนาดไหน นางคงทำใจยากจึงได้สลบไปเช่นนี้ไม่นานนักหม่าเทียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดขุนนางออกมา ก็รีบขึ้นม้าเดินทางไปยังวังหลวงทันที ใช่ว่าเขานั้นไม่เสียใจที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รัก เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องการตามหาคนร้ายที่วางยาฆ่านางให้ได้เสียก่อน เรื่องรับศพนางและสินเดิมกลับมานั้น เขาคงต้องรอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน เพราะถึงแม้จะจัดงานแต่งงานกันไปแล้วก็จริงอยู่ แต่พิธีการทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่อาจนับได้ว่าบุตรีของเขานั้นเป็นคนของจวนเสนาบดีหวังอย่างเต็มตัว นางจึง
หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้นข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอ
สองเดือนต่อมาวันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้างเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้วเสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงา
“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูกแม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข
หลังจากคิดอยู่คนเดียวมาได้หนึ่งสัปดาห์ ไป๋เหลียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เรื่องที่เธอกำลังท้องนั้นตอนนี้ถูกพูดคุยกันอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างมีความสุข ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนที่หอพักในมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอก็ดังขึ้นตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด…ไป๋เหลียนมองชื่อในโทรศัพท์ที่เป็นคนโทรมา พอเห็นว่าเป็นแม่ของเธอโทรมาในตอนนี้ เธอได้แต่คิดว่าสงสัยเงินพวกเขาจะหมดอีก ถึงได้โทรมาหาเธอในช่วงวันหยุดแบบนี้ หลังจากคิดสักพัก เธอจึงกดรับสายอย่างเสียไม่ได้[ สวัสดีค่ะแม่ ][ แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่เลย รีบไสหัวกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าหายหัวไปหลายเดือนแล้วโอนแค่เงินมา ฉันจะปล่อยแกไปง่าย ๆ นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง ][ เรื่องอะไรอีกล่ะคะแม่ วันนี้หนูยังต้องไปทำงานช่วงบ่ายอีกนะคะ ][ แกไม่ต้องมาถามฉัน รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะไปลากแกมาเอง ][ ตกลงค่ะแม่ เดี๋ยวหนูกลับบ้านเอง ][ ฮึ รีบมาเร็ว ๆ เข้า แค่นี้แหละ ]ตู๊ด.ตู๊ด.ไป๋เหลียนได้แต่มองโทรศัพท์พร้อมขมวดคิ้วมุ่นอย่างยุ่งยากใจ เธอเดาไม่ถูกว่าทำไมแม่ถึงต้องรีบให้เธอกลับบ้านแบบนี้ หลังจากถอนหายใจอยู่ไม่นานนัก ไป๋เหลียนก็เ
สายวันต่อมา หวังจุนเหยาลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัท วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ รพ.ของเขา เมื่อคืนเขาถึงได้มีความสุขกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่สนใจเวลาสักเท่าไหร่ กระทั่งเห็นว่าหากไม่ปลุกเธอคงไม่ตื่นง่าย ๆ เขาที่ต้องการรีบจ่ายค่าตัวให้เธอแล้วรีบไปจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาไป๋เหลียนที่ถูกเรียกและผลักเบา ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบเอาผ้าห่มปกปิดหน้าอกหน้าใจและเรือนร่างที่ยังเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วเงยหน้าถามชายหน้าตาดีที่เธอเพิ่งเห็นชัด ๆ ในตอนนี้“คุณปลุกฉัน มีอะไรหรือคะ”“ค่าตัวเธอที่ฉันจะต้องจ่ายให้ เธอต้องการเท่าไหร่”“เอ่อ… ห้าพันค่ะ” ไป๋เหลียนก้มหน้าบอกเสียงเบาหวังจุนเหยาได้ยินว่าเป็นเงินห้าล้านถึงกับนึกในใจว่าแค่เสียความบริสุทธิ์ให้เขา ผู้หญิงคนนี้เรียกเงินถึงห้าล้านหยวนเลยทีเดียว แต่เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหวังที่ร่ำรวย“อ่ะ เธอใส่ยอดเงินเอาเองแล้วกดโอนได้เลย”หวังจุนเหยายื่นโทรศัพท์ที่เขาพิมพ์เลขบัญชีของเธอที่บอกก่อนหน้านี้ให้เธอกดตัวเลขเอาเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะให้เขาเสียเงินไปเท่าไหร่
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ แม่จะให้พ่อของเจ้าหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนให้ก็แล้วกัน”“ขอรับ ตามใจท่านแม่กับท่านพ่อจะจัดการ ตอนนี้ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนขอรับ”“อืม ๆ เจ้ารีบไปเถอะ แม่ก็ลืมไปว่าเจ้าเพิ่งกลับมาถึง”หวังจุนเหยาลุกขึ้นคำนับมารดาก่อนจะเดินกลับเรือนที่อยู่ติดกันไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาได้แต่คิดเสียดายที่ไม่เคยพบกับบุตรีแม่ทัพหม่ามาก่อน เคยได้ยินเพียงข่าวว่านางมักถูกรังแกในงานเลี้ยงบ่อย ๆ ผู้ชายเช่นเขาจึงรู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่นางกลับถูกฆ่าในงานแต่งงานกับพี่ชายเขาเสียก่อนเสนาบดีหวังหลังทราบจากฮูหยินรองว่าบุตรชายคนรองอยากให้เขาหาสตรีดีๆ มาเป็นสะใภ้ให้สักคนหนึ่ง เสนาบดีหวังจึงรีบจัดการให้ก่อนที่บุตรชายเขาจะต้องเดินทางออกไปตรวจราชการอีกในปีหน้าทันที ซึ่งสตรีที่ได้รับเกียรติให้แต่งกับหวังจุนเหยาเป็นถึงบุตรีเสนาบดีกรมโยธาที่หลงรักเขามานานแล้วหวังจุนเหยาที่ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้สนใจว่าใครคือฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ต้องการให้นางคลอดบุตรชายให้สักคนเท่านั้น ส่วนฮูหยินรองและอนุที่ท่านพ่อต้องการให้เขาแต่งเข้ามา หวังจุนเหยารีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากให้เรือนหลังของเขาต้อง
“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูกแม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข
สองเดือนต่อมาวันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้างเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้วเสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงา
หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้นข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอ
“ฮึก… ท่านพ่อ นี่ไม่จริงใช่ไหมขอรับ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพี่จะจากไปเช่นนี้”“อืม… เรื่องนี้พ่อจะสืบหาความจริงให้ได้ พ่อไม่เชื่อหรอกว่าจะหาตัวคนร้ายไม่ได้”“ฮือ… แล้วท่านพ่อแน่ใจหรือขอรับว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตตามที่ท่านพ่อร้องขอ”“พ่อก็ไม่มั่นใจนัก คงต้องแล้วแต่ฝ่าบาทจะพิจารณา เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดี พ่อจะรีบเข้าวังเสียก่อนที่จะสายไปกว่านี้”“ขอรับ ฮึก.. ท่านพ่อ” หม่าเหว่ยได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้เพื่อไปดูแลท่านแม่ของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะฟื้นขึ้นมา หม่าเหว่ยรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรักพี่สาวเขามากขนาดไหน นางคงทำใจยากจึงได้สลบไปเช่นนี้ไม่นานนักหม่าเทียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดขุนนางออกมา ก็รีบขึ้นม้าเดินทางไปยังวังหลวงทันที ใช่ว่าเขานั้นไม่เสียใจที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รัก เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องการตามหาคนร้ายที่วางยาฆ่านางให้ได้เสียก่อน เรื่องรับศพนางและสินเดิมกลับมานั้น เขาคงต้องรอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน เพราะถึงแม้จะจัดงานแต่งงานกันไปแล้วก็จริงอยู่ แต่พิธีการทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่อาจนับได้ว่าบุตรีของเขานั้นเป็นคนของจวนเสนาบดีหวังอย่างเต็มตัว นางจึง
แต่หลังจากหม่าหลันดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้ว นางที่ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษรุนแรงผสมกับเหล้าที่นางดื่มไปแก้วแรกอยู่จึงไม่ทันใช้พลังปราณขับพิษออกมาก่อนพิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจอั่ก!!! พรวด!หม่าหลันกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ร่างกายของนางไม่สามารถใช้พลังปราณได้เลยแม้แต่น้อย นับว่าพิษนี้ช่างร้ายแรงนัก หม่าหลันได้แต่ยอมรับความตายแต่โดยดี เพราะนางไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้ว ในมโนสำนึกสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนางจะออกจากร่าง นางได้แต่สงสัยว่าใครกล้าวางยานางในคืนเข้าหอเช่นนี้ จนทำให้นางต้องอดมีความสุขตามที่คาดคิดเอาไว้อย่างสวยหรูไม่นานนักวิญญาณของนางก็หลุดออกจากร่าง หม่าหลันได้แต่มองร่างกายตนเองที่นอนคว่ำหน้าเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดอย่างสุดแสนจะคับแค้นใจ“เหตุใดสวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านจะให้ข้าตายตอนใดก็ได้ข้าไม่ว่า แต่กลับให้ข้าตายก่อนที่จะได้ลิ้มรสความสุขเหมือนหญิงสาวคนอื่นเสียนี่ พวกท่านเป็นเทพได้เช่นไร หรือพวกท่านมีความสุขกับความทุกข์ของข้ากัน บัดซบ!!! ข้าขอให้พวกท่านได้รับกรรมอย่างข้าบ้าง อย่าได้คิดจะมีความสุขกันอีกเลยหลังจากนี้ ข้าจะคอยด่าทอต่อว่าพวกท่านจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม”เหล
หวังฮัวโต๋ที่เห็นน้องชายภรรยากำลังแบกนางมาพร้อมขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดก็อมยิ้มอย่างได้ใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าฮูหยินของเขาจะมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากนี้ไปเขาคงใช้จ่ายสบายขึ้นมากหากมีนางอยู่แม่สื่อเมื่อเห็นเจ้าสาวมาแล้ว นางก็พูดตามธรรมเนียมจนกระทั่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไป หวังฮัวโต๋เองก็ถูกบอกให้ขึ้นม้าพาเจ้าสาวเดินวนรอบเมืองหลวงเพื่อแสดงว่าวันนี้กำลังจะมีงานมงคลครั้งใหญ่ของสองตระกูล โดยที่แม่ทัพหม่ากับครอบครัวจะขึ้นรถม้าไปรอทำพิธีก่อนที่จวนเสนาบดีหวังขบวนแต่งงานแจกจ่ายขนมตามธรรมเนียมให้กับชาวเมืองที่ต่างมาชมดูความสนุกสนาน พวกเขาเห็นสินเดิมยาวเหยียดเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ร่ำรวยนัก เจ้าบ่าวที่ขี่ม้านำขบวนอยู่ก็หล่อเหลา ชาวเมืองต่างคุยกันสนุกสนานว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก คนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา อีกคนก็เป็นบุตรีคนเดียวของจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงหวังฮัวโต๋ที่ได้ยินเสียงชาวบ้านชื่นชมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างได้ใจ ทุกคนในเมืองหลวงต่างอิจฉาในวาสนาของเขาที่มีฮูหยินเช่นนี้ น้องชายเขาอย่างหวังจุนเหยาที่ตอนนี้เดินทางออกไปตรวจราชการให้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทราบว่าเขาก