หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้น
ข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะมีทายาท ถึงแม้จะเพิ่งผ่านการสูญเสียไปไม่นานก็ตามที นางยังคงคาดหวังในตำแหน่งฮูหยินน้อยของจวนเสนาบดีหวังอยู่ไม่คลาย
พิธีไว้อาลัยที่จวนแม่ทัพหม่าจัดขึ้นเป็นเวลาสามวัน ตลอดสามวันมานี้คนจากจวนเสนาบดีล้วนแต่มาเข้าร่วมพิธีไม่ได้ขาดจนกระทั่งเสร็จสิ้นงานไว้อาลัยในวันนี้ ครอบครัวหม่าต่างขอบคุณแขกเหรื่อที่มากันไม่น้อยในวันสุดท้าย พรุ่งนี้พวกเขาจะนำร่างของหม่าหลันไปฝังยังสุสานตระกูลหม่าที่อยู่นอกเมืองหลวงในช่วงสายของวันตามธรรมเนียม
เหล่าขุนนางอีกฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กับเสนาบดีหวังและแม่ทัพหม่าต่างพอใจไม่น้อยที่พวกเขาไม่ต้องลงมือเองก็มีคนช่วยทำให้ทั้งสองตระกูลแตกหักกันอย่างไม่คาดคิด กลุ่มของพวกเขาได้แต่ขอบคุณคนร้ายที่จัดการเรื่องราวเหล่านี้แทน ถึงแม้ต่อหน้าแม่ทัพหม่าและเสนาบดีหวัง พวกเขาจะแสร้งทำเป็นเศร้าเสียใจแทนอยู่ก็ตามที แต่ใครจะไม่รู้กันเล่าว่าในใจพวกเขาแอบยิ้มอย่างสมใจ
สายของวันต่อมา ตระกูลหม่าพร้อมบ่าวไพร่ต่างเคลื่อนขบวนเพื่อนำร่างของหม่าหลันไปฝังยังสุสานนอกเมือง พวกเขาทำพิธีกรรมตามธรรมเนียมไปตลอดทางตั้งแต่ออกจากจวนจนกระทั่งไปถึงสุสาน ตอนนี้ฮูหยินหม่ากับบุตรชายเริ่มที่จะทำใจกันได้มากขึ้นแล้ว ส่วนหม่าเทียนนั้นยังคงไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดต่อหน้าผู้คน เขาได้แต่แอบร้องไห้ในยามดึกสงัดหลังจากฮูหยินหลับไปแล้วเท่านั้น ด้วยว่าตนเองไม่อยากให้ฮูหยินและบุตรชายเป็นกังวล เขาจึงต้องทำเช่นนี้
พิธีฝังศพเป็นไปอย่างเรียบร้อยตามธรรมเนียม ก่อนที่ทุกคนจากจวนตระกูลหม่าจะเดินทางกลับไปที่จวนพร้อมกัน เหล่าชาวเมืองที่เคยอิจฉาเสนาบดีหวังที่ได้ลูกสะใภ้จากจวนแม่ทัพหม่าต่างเห็นใจตระกูลหม่าไม่น้อยที่ต้องสูญเสียบุตรีเพียงคนเดียวไป ส่วนจวนเสนาบดีหวังนั้นพวกเขาไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้สะใภ้จวนแม่ทัพเสียมากกว่า ใครไม่รู้กันบ้างเล่าว่าเสนาบดีหวังเห็นแก่หน้าตาและตำแหน่งตนเองมากเพียงใด ครั้งนี้พวกเขาสูญเสียความเชื่อถือไม่น้อยที่มีคนตายภายในจวนระหว่างงานแต่งงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เสิ่นหลิงที่บอกข่าวดีกับแม่สามีเมื่อสามวันก่อนนึกกระหยิ่มในใจว่าตนเองจะต้องได้รับตำแหน่งฮูหยินน้อยเป็นแน่ แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเสนาบดีหวังต้องการให้นางเป็นเพียงอนุ ทำให้เสิ่นหลิงเจ็บแค้นใจที่อุตส่าห์วางแผนมาอย่างดีแต่ก็ยังคงไม่สมหวังเพราะพ่อสามีนาง
กำหนดการรับอนุเข้าจวนจึงเป็นวันนี้ซึ่งข่าวได้แพร่กระจายออกไปจากความตั้งใจของเสิ่นหลิงที่อย่างน้อยนางก็ยังได้เป็นเมียคนแรกของสามี ถึงแม้จะยังไม่สามารถไต่เต้าขึ้นไปยังตำแหน่งฮูหยินน้อยได้ก็ตาม นางหวังว่าบุตรที่กำลังท้องอยู่จะเป็นชาย เมื่อนั้นนางจะร้องขอตำแหน่งฮูหยินน้อยกับสามีที่ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะออกจากจวน ด้วยเขาถูกตราหน้าว่าผู้ชายกินเมียเข้าเสียแล้ว
ข่าวจากจวนเสนาบดีเข้าหูตระกูลหม่าในเวลาไม่นาน หม่าเทียนกับครอบครัวได้แต่มานั่งคุยกันที่ห้องโถงรับแขกอย่างสงสัยใจ ทั้งที่บุตรีของพวกเขาเพิ่งฝังได้เพียง 7 วัน แต่จวนเสนาบดีหวังกลับมีงานมงคลใหม่เสียแล้ว หม่าเทียนให้คนเข้าไปสืบจนได้ความว่าอนุผู้นั้นท้องได้สามเดือนแล้ว
“ท่านพ่อคิดเหมือนข้าไหมขอรับว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ”
“อืม… พ่อคิดว่าหากเป็นอย่างที่เราคิดจริง ๆ อนุคนใหม่นี้น่าจะเป็นคนร้ายที่ลงมือกับพี่สาวของเจ้า”
“จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ นางจะกล้ามากถึงขั้นนั้นเชียว?”
“ฮึ! เหตุใดจะไม่กล้าเล่าน้องหญิง ตำแหน่งฮูหยินน้อยในจวนเสนาบดีหวังไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากเป็นนางที่ลงมือจริง ข้าจะให้นางต้องสำนึกเสียใจไปจนตาย” หม่าเทียนมีสายตาแข็งกร้าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงว่าตนเองต้องเสียบุตรสาวสุดที่รักไป
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรขอรับว่าเป็นนางที่ลงมือ”
“เรื่องนี้พวกเจ้าวางใจได้ พ่อจะให้คนของจวนเราแอบลักลอบเข้าไปยังจวนเสนาบดีหวังและคอยติดตามดูนางจนกว่าเราจะได้หลักฐาน จากนั้นค่อยจัดการทีหลังก็ยังไม่สาย เพราะอย่างไรหม่าหลันก็ไม่อาจฟื้นคืน ตอนนี้เราทำได้เพียงรอให้นางลงมืออีกครั้งเท่านั้นเอง”
ฮูหยินหม่ากับหม่าเหว่ยหันมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้ารับคำหม่าเทียนพร้อมกัน พวกเขาคงทำได้เพียงรอจริง ๆ อย่างไรคนร้ายจะต้องลงมืออีกแน่ในเมื่อนางเป็นได้เพียงแค่อนุทั้งที่กำลังท้องทายาทของจวนเสนาบดีหวังอยู่แท้ ๆ
เสนาบดีหวังใช่ว่าจะไม่สงสัยดังเช่นแม่ทัพหม่า เพียงแต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเสิ่นหลิงที่ท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานจะกล้าลงมืออย่างอำมหิตเช่นนี้จริง ๆ อีกทั้งตอนนี้นางกำลังมีทายาทให้จวนของเขา เสนาบดีหวังจะรอให้นางคลอดบุตรเสียก่อนค่อยสืบสาวราวเรื่องอีกครั้ง หากเป็นนางที่วางยาหม่าหลันจริง แน่นอนว่าเขาจะต้องมีคำตอบให้กับแม่ทัพหม่าและนำตัวนางไปลงโทษ ส่วนบุตรที่เกิดมานั้นเขาสามารถหาฮูหยินคนใหม่ให้บุตรชายได้ไม่ยากนัก
เสนาบดีหวังแอบส่งคนไปแจ้งแม่ทัพหม่าก่อนแล้วว่าเขาจะจับตามองเสิ่นหลิงให้ดีก่อนที่นางจะคลอดเด็กในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขอให้แม่ทัพหม่าวางใจว่าเขาจะต้องนำความยุติธรรมมาให้กับบุตรสาวของแม่ทัพหม่าอย่างแน่นอน เรื่องนี้จึงทำให้แม่ทัพหม่าเห็นถึงความจริงใจของเสนาบดีหวัง ซึ่งคนของเสนาบดีหวังขอร้องเพียงว่ารอให้นางคลอดบุตรก่อน เพราะพวกเขาไม่อยากให้เด็กที่บริสุทธิ์ต้องมาตายไปร่วมกับแม่ที่เลวร้ายเช่นนี้
แม่ทัพหม่าได้แต่ต้องตอบตกลงอย่างจนใจ อย่างไรตอนนี้คนของเขาก็แฝงตัวเข้าไปที่จวนเสนาบดีหวังได้แล้ว ถึงแม้จะยังลงมือไม่ได้ ก่อนที่อนุผู้นั้นจะคลอดบุตรออกมา อย่างน้อยคนของเขาก็สามารถเก็บหลักฐานเอาไว้รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมได้เช่นเดียวกัน
หลังจากคนของเสนาบดีหวังจากไป แม่ทัพหม่ากับครอบครัวต่างคุยกันเรื่องนี้ว่าทุกคนต่างทำได้แค่รอเท่านั้น หากเป็นนางลงมือจริง ๆ แผนการของเสนาบดีหวังที่คิดจะรับฮูหยินน้อยคนใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นางจะต้องลงมืออีกครั้งเป็นแน่ ซึ่งคราวนี้เสนาบดีหวังสั่งคนให้คอยเฝ้าจับตาดูนางเอาไว้แล้ว ถึงแม้แม่ทัพหม่าจะไม่ค่อยพอใจกับแผนการนี้สักเท่าไหร่ แต่เพื่อจับคนร้ายตัวจริงให้ได้ เขาเองก็ต้องยอมรับแผนการนี้และรอดูเช่นกัน
สองเดือนต่อมาวันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้างเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้วเสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงา
“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูกแม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ แม่จะให้พ่อของเจ้าหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนให้ก็แล้วกัน”“ขอรับ ตามใจท่านแม่กับท่านพ่อจะจัดการ ตอนนี้ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนขอรับ”“อืม ๆ เจ้ารีบไปเถอะ แม่ก็ลืมไปว่าเจ้าเพิ่งกลับมาถึง”หวังจุนเหยาลุกขึ้นคำนับมารดาก่อนจะเดินกลับเรือนที่อยู่ติดกันไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาได้แต่คิดเสียดายที่ไม่เคยพบกับบุตรีแม่ทัพหม่ามาก่อน เคยได้ยินเพียงข่าวว่านางมักถูกรังแกในงานเลี้ยงบ่อย ๆ ผู้ชายเช่นเขาจึงรู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่นางกลับถูกฆ่าในงานแต่งงานกับพี่ชายเขาเสียก่อนเสนาบดีหวังหลังทราบจากฮูหยินรองว่าบุตรชายคนรองอยากให้เขาหาสตรีดีๆ มาเป็นสะใภ้ให้สักคนหนึ่ง เสนาบดีหวังจึงรีบจัดการให้ก่อนที่บุตรชายเขาจะต้องเดินทางออกไปตรวจราชการอีกในปีหน้าทันที ซึ่งสตรีที่ได้รับเกียรติให้แต่งกับหวังจุนเหยาเป็นถึงบุตรีเสนาบดีกรมโยธาที่หลงรักเขามานานแล้วหวังจุนเหยาที่ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้สนใจว่าใครคือฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ต้องการให้นางคลอดบุตรชายให้สักคนเท่านั้น ส่วนฮูหยินรองและอนุที่ท่านพ่อต้องการให้เขาแต่งเข้ามา หวังจุนเหยารีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากให้เรือนหลังของเขาต้อง
สายวันต่อมา หวังจุนเหยาลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัท วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ รพ.ของเขา เมื่อคืนเขาถึงได้มีความสุขกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่สนใจเวลาสักเท่าไหร่ กระทั่งเห็นว่าหากไม่ปลุกเธอคงไม่ตื่นง่าย ๆ เขาที่ต้องการรีบจ่ายค่าตัวให้เธอแล้วรีบไปจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาไป๋เหลียนที่ถูกเรียกและผลักเบา ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบเอาผ้าห่มปกปิดหน้าอกหน้าใจและเรือนร่างที่ยังเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วเงยหน้าถามชายหน้าตาดีที่เธอเพิ่งเห็นชัด ๆ ในตอนนี้“คุณปลุกฉัน มีอะไรหรือคะ”“ค่าตัวเธอที่ฉันจะต้องจ่ายให้ เธอต้องการเท่าไหร่”“เอ่อ… ห้าพันค่ะ” ไป๋เหลียนก้มหน้าบอกเสียงเบาหวังจุนเหยาได้ยินว่าเป็นเงินห้าล้านถึงกับนึกในใจว่าแค่เสียความบริสุทธิ์ให้เขา ผู้หญิงคนนี้เรียกเงินถึงห้าล้านหยวนเลยทีเดียว แต่เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหวังที่ร่ำรวย“อ่ะ เธอใส่ยอดเงินเอาเองแล้วกดโอนได้เลย”หวังจุนเหยายื่นโทรศัพท์ที่เขาพิมพ์เลขบัญชีของเธอที่บอกก่อนหน้านี้ให้เธอกดตัวเลขเอาเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะให้เขาเสียเงินไปเท่าไหร่
หลังจากคิดอยู่คนเดียวมาได้หนึ่งสัปดาห์ ไป๋เหลียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เรื่องที่เธอกำลังท้องนั้นตอนนี้ถูกพูดคุยกันอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างมีความสุข ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนที่หอพักในมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอก็ดังขึ้นตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด…ไป๋เหลียนมองชื่อในโทรศัพท์ที่เป็นคนโทรมา พอเห็นว่าเป็นแม่ของเธอโทรมาในตอนนี้ เธอได้แต่คิดว่าสงสัยเงินพวกเขาจะหมดอีก ถึงได้โทรมาหาเธอในช่วงวันหยุดแบบนี้ หลังจากคิดสักพัก เธอจึงกดรับสายอย่างเสียไม่ได้[ สวัสดีค่ะแม่ ][ แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่เลย รีบไสหัวกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าหายหัวไปหลายเดือนแล้วโอนแค่เงินมา ฉันจะปล่อยแกไปง่าย ๆ นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง ][ เรื่องอะไรอีกล่ะคะแม่ วันนี้หนูยังต้องไปทำงานช่วงบ่ายอีกนะคะ ][ แกไม่ต้องมาถามฉัน รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะไปลากแกมาเอง ][ ตกลงค่ะแม่ เดี๋ยวหนูกลับบ้านเอง ][ ฮึ รีบมาเร็ว ๆ เข้า แค่นี้แหละ ]ตู๊ด.ตู๊ด.ไป๋เหลียนได้แต่มองโทรศัพท์พร้อมขมวดคิ้วมุ่นอย่างยุ่งยากใจ เธอเดาไม่ถูกว่าทำไมแม่ถึงต้องรีบให้เธอกลับบ้านแบบนี้ หลังจากถอนหายใจอยู่ไม่นานนัก ไป๋เหลียนก็เ
ชาวบ้านที่มามุงดูได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอได้ยินเรื่องที่สองแม่ลูกพูดกันแล้ว พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่และกำลังถูกตีเป็นลูกสาวที่ท้องก่อนแต่งนั่นเอง ชาวบ้านต่างไม่มีใครนึกสงสารไป๋เหลียนเลยแม้แต่น้อย พวกเขาคิดว่าสมควรแล้วที่ลูกสาวไม่รักดีจะถูกสั่งสอนเสียบ้างหลิวต้าเฉียงกับไป๋เฉิงไม่คิดจะเข้าไปห้ามไป๋จินเลยแม้แต่น้อย พวกเขาโมโหมากจริง ๆ ที่รู้ว่าไป๋เหลียนกำลังท้องลูกของใครอยู่ก็ไม่รู้ไป๋เหลียนพยายามอ้อนวอนไป๋จินทั้งน้ำตา แต่ไป๋จินกลับไม่สนใจ เธอเอาแต่ตีไป๋เหลียนจนตอนนี้หัวและหลังเต็มไปด้วยเลือดจากแผลแตกขนาดใหญ่ ไป๋เหลียนตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงพอที่จะต่อต้านแม่ของเธอ เธอได้แต่ปกป้องท้องน้อยของตัวเองเอาไว้เท่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอจะเจ็บร้าวไปหมดก็ตามที แต่เด็กคนนี้คือลูกของเธอ เธอจะปกป้องเขาให้ถึงที่สุด ตอนนี้ไป๋เหลียนไม่กล้าคาดหวังว่าพ่อของลูกเธอจะมาช่วยเธอจริง ๆ เพราะถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะมาถึงเสียที เธอแทบจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวอยู่แล้ว
หวังจุนเหยาที่พาไป๋เหลียนมายัง รพ.หวัง ในเครือที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาส่งไป๋เหลียนเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อยแล้ว เหล่าแพทย์ระดมกำลังกันมาช่วยเหลือว่าที่นายหญิงน้อยของพวกเขากันยกใหญ่กว่าสามชั่วโมงที่หมอจะออกมารายงานอาการของไป๋เหลียนให้กับหวังจุนเหยาทราบ เขาได้แต่นั่งไม่ติดเก้าอี้ตั้งแต่ส่งตัวเธอเข้าห้องฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้“เรียนคุณชาย อาการของนายหญิงน้อยหนักมากจริง ๆ ครับ พวกเราทำได้เพียงเชื่อมต่อกระดูกที่หักบางส่วนและรักษาแผลภายนอกภายในได้เท่านั้น ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับสวรรค์แล้วว่านายหญิงน้อยจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ครับ”หวังจุนเหยาฟังแล้วถึงกับทรุดลงนั่งกับเก้าอี้หน้าห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่คิดว่าเพราะความเข้าใจผิดของเขา จะทำให้ภรรยาตัวน้อยกับลูกเขาต้องอาการหนักมากถึงขนาดนี้“คุณแน่ใจนะว่ารักษาเธอกับลูกผมเต็มที่แล้ว”“พวกเราทำเต็มที่แล้วจริง ๆ ครับคุณชาย ยังโชคดีที่เด็กรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
สามวันต่อมาคืนนั้นหม่าหลันใช้พลังปราณรักษาร่างกายของไป๋เหลียนจนหายดี ตอนนี้เธอสามารถลืมตาขึ้นมาได้แล้ว ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ หม่าหลันได้ยินทุกอย่างที่หวังจุนเหยาพูดคุย เธอจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากจริง ๆ ถึงแม้ไป๋เหลียนจะตั้งท้องลูกของเขาก็จริงอยู่ แต่นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ ขนาดไป๋เหลียนเองยังไม่เคยคิดว่าหวังจุนเหยาจะต้องมารับผิดชอบตัวเธอกับลูก หม่าหลันที่อยู่ในร่างกลับคิดว่าเขาเป็นสามีที่ดี สมกับที่ตอนนี้เธออยู่ในร่างไป๋เหลียนและลูกในท้องของเธอก็แข็งแรงดี ตอนนี้หม่าหลันเริ่มเคยชินกับคำพูดคำจาในภพภูมินี้แล้วหลังจากซ้อมมาหลายวันในขณะที่ยังไม่ฟื้นตื่นขึ้นมา ในเมื่อตอนนี้ร่างกายไป๋เหลียนหายดีแล้ว หม่าหลันก็อยากออเซาะสามีสุดหล่อสักหน่อยให้กระชุ่มกระชวย ไหน ๆ เธอก็ได้มายังภพนี้โดยไม่รู้สาเหตุแล้ว เธอก็จะใช้ชีวิตใหม่ให้มีความสุข และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเหมือนในชาติก่อนให้คนอื่นรังแกอีกเป็นแน่ รวมทั้งพวกที่เคยรังแกไป๋เหลียนในความทรงจำ หม่าหลันจะเอาคืนพวกมันให้เจ็บแสบเลยทีเดียว
รุ่งเช้าวันต่อมา ไป๋เหลียนตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอเดินลมปราณปรับร่างกายที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนกับสามีคนดีจึงไม่มีผลกระทบกับร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์ของเธอ แตกต่างจากหวังจุนเหยาที่ถูกภรรยาเคี่ยวกรำมาเสียครึ่งค่อนคืน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าเลยไป๋เหลียนกลัวว่าคุณย่าจะรอทานอาหารเช้า เธอรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเรียนในวันนี้ ก่อนจะออกมาปลุกสามีขี้เซาที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำเสียทีอย่างหมั่นไส้“สามี~ ตื่นได้แล้วค่ะ คุณย่ารอทานข้าวเช้าอยู่นะคะ ฉันมีเรียนตอนเช้าด้วยวันนี้”“อืม… ภรรยา ผมยังง่วงอยู่เลย ขอจูบหวาน ๆ สักทีก่อนได้ไหมครับ หืม…”เพี๊ยะ!!! โอ้ย!!“ฮือ… ภรรยาใจร้าย ปลุกกันดี ๆ ก็ได้นี่นา จุ๊บ” หวังจุนเหยายังแอบจุ๊บแก้มไป๋เหลียนก่อนจะรีบลุกจากที่นอนไปอาบน้ำตามคำสั่งภรรยาไป๋เหลียนได
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ไป๋เหลียนก็ง่วงนอนอีกแล้ว อาจเพราะเธอใช้พลังปราณมากเกินไปในวันนี้ ทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติ หวังจุนเหยาที่ยังมีงานกองอยู่ไม่น้อยได้แต่พาไป๋เหลียนเข้าไปนอนพักในห้องด้านใน ก่อนที่เขาจะออกมานั่งทำงานจนลืมเวลา“เอ่อ… เจ้านายครับ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายไม่พานายหญิงน้อยกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเหรอครับ เหลืองานอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้เจ้านายค่อยมาทำต่อก็ได้นะครับ” หลินซินรีบเตือนหวังจุนเหยาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่จนลืมเวลา“ห๊ะ! สี่ทุ่มแล้วเหรอ?” หวังจุนเหยาเงยหน้าขึ้นมองหลินซินอย่างต้องการคำตอบ“ใช่ครับ เจ้านาย” หลินซินตอบอย่างระอา“เฮ้อ… ขอบใจที่เตือนฉันนะ ฉันลืมไปว่าไป๋เหลียนนอนรออยู่ในห้อง”หวังจุนเหยารีบเก็บเอกสารส่งให้หลินซินก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เดินกลับเข้าไปในห้องด้านในเพื่อปลุกภรรยาตัวน้อย“อื้อ&h
“เย่ปิง โทรบอกหลินซินให้พาคนมาจัดการเธอซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ร้านนี้อีก เรื่องอื่นฉันจะคุยกับสามีเอง”เสียงเย็นชาของไป๋เหลียนทำเอาเย่ปิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทั้งที่มือยังสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัว เขาพูดเสียงสั่นตามคำสั่งของไป๋เหลียนโดยไม่รู้ตัว กระทั่งไป๋เหลียนเดินผ่านเขาไปแล้วเข้าไปนั่งบนรถด้านหลังที่ตอนนี้เหอเปียวเป็นคนเดินไปปิดประตูแทนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงแตรที่เหอเปียวกดเรียกหลังจากเขาวางสายจากหลินซินแล้วนั่นเองไป๋เหลียนไม่สนใจว่าเย่ปิงตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถ้าเธอยังเห็นยัยผู้จัดการนี่อีกครั้งที่ร้านนี้ล่ะก็ เธอจะอาละวาดจนร้านสามีพังไปเลย คอยดูสิ! คิดจะมายุ่งกับสามีเธอเหรอ? ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะ!!!ด้วยรังสีอำมหิตที่ไป๋เหลียนเผลอปล่อยออกมา ทำเอาเย่ปิงกับเหอเปียวเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังด้วยความหวาดกลัวไปหมด กว่าที่พวกเขาจะหายหวาดกลัวก็เป็นตอนที่ขับรถเข้าไปยังตึกบริษัทแล้วนั่นแหละ เพราะไป๋เหลียนเริ่มมีรอยยิ้มบ
ผู้จัดการร้านหันไปพบกับเย่ปิงเดินมาพร้อมไป๋เหลียนพอดี เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมบอดี้การ์ดของท่านประธานถึงได้มากับผู้หญิงแปลกหน้าได้“เย่ปิง คุณพาใครมาที่ร้านน่ะ ถ้าท่านประธานรู้เข้าว่าคุณพาผู้หญิงมากินฟรี คุณก็รู้ว่าจะถูกลงโทษยังไง” เสี่ยวชิงเหอมองไป๋เหลียนอย่างไม่พอใจนัก เธอคิดว่าไป๋เหลียนเป็นแฟนของเย่ปิงและเขาอาจพาเธอมาอวดว่าสามารถเข้าร้านอาหารระดับนี้ได้ไป๋เหลียนที่ได้ยินเข้าก็เปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนโยนเป็นเย็นชาในทันที เธอมองหญิงสาวที่เย่ปิงบอกว่าเป็นผู้จัดการร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปล่อยพลังปราณกดดันจนเสี่ยวชิงเหอเหงื่อตก“คุณพูดบ้าอะไรของคุณกัน! นี่ภรรยาท่านประธาน ผมพามาซื้ออาหารชุดไปให้ท่านประธานก่อนเข้าบริษัท คุณรีบขอโทษนายหญิงน้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของคุณอาจถูกเปลี่ยนมือได้” เย่ปิงตวาดว่าอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะรู้อยู่ว่าผู้หญิงคนนี้ใฝ่สูงขนาดไหน เพียงแต่ท่านประธานไม่เคยชายตามองเธอเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ได้ลงมืออะไร
เหอเปียวจอดรถเสร็จก็รีบวิ่งตามเย่ปิงไปดูแลไป๋เหลียนอยู่ห่าง ๆ ตามคำสั่ง พวกเขาเห็นนักศึกษาหลายคนมองมาที่กลุ่มของไป๋เหลียน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้พวกเธอ พวกเขาทำเพียงซุบซิบกันเบา ๆ เท่านั้น“นี่ ไป๋เหลียน ตกลงว่าเรื่องเธอกับอาจารย์พิเศษเป็นยังไงกันแน่น่ะ”“อืม… ก็ไม่มีอะไร เขาเป็นสามีฉันเองอ่ะ พวกเธออย่าบอกใครนะ” ไป๋เหลียนกระซิบบอกเพื่อน เธอไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าที่เป็นอยู่“ห๊ะ!!!” จางเหยากับหลี่ซินอุทานอย่างตกใจ ก่อนทั้งสองจะรีบปิดปากแล้วพยักหน้ารับคำไป๋เหลียน พวกเธอกลัวว่าจะเผลอพูดเสียงดังจนคนอื่นได้ยินเข้าไป๋เหลียนหัวเราะเบา ๆ กับอาการตกอกตกใจของเพื่อนทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเธอแสดงอาการออกมาขนาดนี้“ฮึ่ย! เธอยังจะหัวเราะพวกเราอีกนะไป๋เหลียน เรื่องนี้มันน่าตกใจจริง ๆ นี่นา”
หวังจุนเหยากับไป๋เหลียนใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้ลุกจากโต๊ะเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน หลังจากไป๋เหลียนต้องเข้าห้องน้ำถึงสามรอบแล้วกลับมานั่งกินอีกจนของบนโต๊ะทั้งหมดหมดเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่พวกเขากินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่จำนวนจานที่วางซ้อนกันนั้นไม่ต่างจากคน 4-5 คนมานั่งกินกันแม้แต่น้อยจ้าวเฟยกับพวกเองก็อิ่มกันได้สักพักแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ในเมื่อผู้จัดการห้างและผู้จัดการร้านต่างเดินออกมาส่งเจ้านายกับนายหญิงน้อยด้วยกัน“สามี~ วันหลังเราชวนคุณย่ามากินด้วยกันนะคะ” ไป๋เหลียนเงยหน้าขึ้นขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวแขนหวังจุนเหยาเอาไว้เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ผู้บริหารที่อยู่ไม่ไกล“ตกลงครับ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ ที่นี่ไม่ไกลจากบ้านนัก” หวังจุนเหยาก้มมองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงคุณย่าของเขาพร้อมรอยยิ้มบางบอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงเจ้านายนุ่มละมุนอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อนได้แต่ทำหน้าเหวอกันเป็
หลังจากกินกันไปได้สักพักใหญ่ หวังจุนเหยาก็เห็นจ้าวเฟยพาพวกเข้ามาในร้านอีกห้าคน เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่จ้าวเฟยจะเดินมารายงานเขา“เจ้านาย พวกเรามารับเจ้านายกับนายหญิงน้อยกลับบ้านครับ เลขาหลินโทรบอกว่ามีคนรบกวนเจ้านาย พวกเราเลยรีบมาครับ”“อืม… พวกนายนั่งกินรอกันไปก่อน ฉันกับนายหญิงน้อยยังอยากนั่งกินต่ออีก”“ครับ เจ้านาย” จ้าวเฟยเดินไปที่โต๊ะว่างไม่ไกล ก่อนจะสั่งอาหารมาย่างกินที่โต๊ะกับพวก เขาอยู่กับเจ้านายมานาน จึงรู้ดีว่าน่าจะอีกพักใหญ่เลยกว่าที่เจ้านายจะกลับบ้านกลุ่มไป่หลิงที่ถูกลากตัวออกจากห้างท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวห้างต่างอับอายไม่น้อย เธอกัดฟันสะบัดแขนออกจากการจับตัวของ รปภ. ทันทีที่ออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า“ปล่อยฉันได้แล้ว ไอ้บ้า!!! คอยดูนะ ฉันจะให้พ่อฉันล้มห้างสรรพสินค้านี้เสีย ฉันอยากจะดูสิว่าผู้ชายคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องให้ฉันช่วยไหม พวกเรา กลับ!!!”
ใช่ว่าจะมีเพียงไป๋เหลียนเท่านั้นที่ชื่นชมหวังจุนเหยา แต่โต๊ะของสาวไฮโซที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนักก็ชื่นชมเขาจนอยากแย่งมาเพราะคิดว่าหวังจุนเหยาต้องชอบคนรวยอย่างเธอมากกว่า“ไป่หลิง เธอแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปขอเบอร์เขาจริง ๆ น่ะ เมื่อกี้เธอไม่เห็นเหรอว่าผู้จัดการร้านสั่งให้พนักงานดูแลเขาอย่างดี” ม่านถิงถามเพื่อนอย่างไม่อยากมีเรื่อง“อะไรกันม่านถิง นี่เธอไม่อยากให้ไป่หลิงมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างผู้ชายคนนั้นหรือยังไงกันน่ะ” ซือฉีมองเหยียดม่านถิงที่กลัวไม่เข้าท่า“นั่นสิม่านถิง ฉันว่าไป่หลิงเหมาะกับผู้ชายคนนั้นมากกว่ายัยหน้าจืดนั่นนะ” จินเหยียนสนับสนุนเพื่อนอีกแรงหนึ่ง“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ไม่อยากให้มีเรื่องอีกเท่านั้นเอง เรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนที่เราไม่ควรมีเรื่องด้วยจะทำยังไงล่ะ” ม่านถิงพูดอย่างจนใจ“เฮอะ! เธอนี่ขี้กลัวไม่เข้าท่านะม่านถิง ไป่หลิงเป็นถึงลูกสาว
รปภ. ดวงซวยที่เพิ่งเคยเห็นท่านประธานเป็นครั้งแรกถึงกับเหงื่อแตกแทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างตกใจ เขาได้แต่คิดว่าตัวเองช่างโง่เง่านักที่หาเรื่องท่านประธาน งานดี ๆ แบบนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย ขณะที่ รปภ. กำลังจะคุกเข่าขอโทษหวังจุนเหยา ไป๋เหลียนเห็นเข้าก็รีบใช้พลังปราณยกตัว รปภ. เอาไว้แล้วโบกมือไล่เขาออกไปให้ไกลจากสายตาสามีเธอ ก่อนที่คุณสามีจะอารมณ์แปรปรวนอีกครั้งรปภ. เห็นสัญญาณมือของภรรยาท่านประธานเข้า เขาจึงรีบวิ่งไปอีกด้านของลานจอดรถแทนทันที เขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของภรรยาท่านประธานเด็ดขาด เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอที่ช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้ท่านประธานไล่เขาออก เขาจึงเชื่อฟังเธอมากกว่าผู้จัดการเหลยเสียอีกเหลยจ้านเห็นตัวปัญหาวิ่งหนีไปแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ก่อนจะผายมือเชิญหวังจุนเหยากับไป๋เหลียนให้เดินตามเขาไปยังร้านเนื้อย่างที่เขาเพิ่งโทรบอกผู้จัดการร้านก่อนหน้านี้ทันที“ทีหลังรับคนใหม่เข้ามาก็หัดเอารูปคนสำคัญในบริษัทให้พวกเขาดูก่อน ไม่ใช่ให้มาทำงาน