วันแต่งงาน
หม่าหลันที่วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น(ประมาณ03.00-05.00) เพื่อขัดสีฉวีวรรณให้สมกับเป็นวันงานมงคลของนาง ทั้งที่ปกติหม่าหลันไม่ชอบเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ นางนั้นรักสวยรักงามก็จริง แต่ไม่ถึงกับจะต้องขัดเนื้อตัวจนแทบเปื่อยเช่นนี้ เรื่องหน้าตานางก็ไม่ชอบที่จะแต่งหน้าทาปากเหมือนบุตรีขุนนางคนอื่น ปกตินางมักจะปล่อยให้คนอื่นเห็นหน้าตาตามธรรมชาติของนางมากกว่าการแต่งหน้าหนาเตอะจนแทบไม่เห็นเค้าเดิมของหน้าตาตนเอง ถึงแม้ว่าจะถูกนินทาอยู่บ่อย ๆ นางก็ไม่สนใจขี้ปากชาวบ้าน นางมั่นใจว่าหน้าตาปกติของนางนั้นดีกว่าหญิงสาวบางคนที่แต่งหน้าทาปากเสียอีก แต่ในเมื่อวันนี้เป็นวันแต่งงานของนาง นางจึงต้องจำใจให้บ่าวทำตามหน้าที่ของพวกเขา เพื่อไม่ให้เสียหน้าในฐานะเจ้าสาว
บ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงเองก็ต่างยุ่งวุ่นวายไม่น้อยในการจัดเตรียมขบวนสินเดิมที่ยาวเกือบสิบลี้ ด้วยว่าคุณหนูของพวกเขาเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวน ทำให้สินเดิมนั้นมีมากกว่าบุตรีขุนนางคนอื่นที่มีสามภรรยา สี่อนุมากนัก อีกทั้งหม่าเทียนยังรั้งตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงมาหลายสิบปี ทรัพย์สินที่มีแต่เดิมของฮูหยินเองก็ไม่น้อย นางบริหารเงินที่ได้รับมาจากสามีโดยซื้อร้านค้าเพื่อทำกำไรต่อในหลายเมือง โดยให้เถ้าแก่ของแต่ละเมืองที่นางจ้างมา ดูแลร้านค้าให้มาตลอดหลายปี พ่อบ้านใหญ่ซึ่งมีบุตรชายเป็นบัณฑิตคนหนึ่งก็ช่วยทำหน้าที่ตรวจตราร้านค้าตามเมืองต่าง ๆ แทนผู้เป็นพ่อ เขาไม่คิดจะเป็นขุนนางเหมือนบัณฑิตคนอื่น ด้วยว่าเพียงแค่นายท่านกับนายหญิงเมตตาให้เขาเล่าเรียนมาตลอดหลายปี เขาก็ชดใช้บุญคุณนี้ไม่หมดแล้ว และท่านพ่อของเขาเองยังสั่งเอาไว้ว่าให้กตัญญูต่อนายท่านทั้งสองที่มีบุญคุณชุบเลี้ยงพวกเขาพ่อลูกที่ถูกภรรยาเก่าทิ้งไปเพราะความยากจน หากไม่ได้นายท่านเห็นเข้าเสียก่อน เขากับลูกคงต้องไปเป็นขอทานนานแล้ว
หม่าเหว่ยที่วันนี้จะต้องทำหน้าที่น้องชายเจ้าสาวเพื่อส่งนางขึ้นเกี้ยวแปดคนหามตามฐานะของฮูหยินน้อยจวนเสนาบดีหวังก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเช่นกันกับคนอื่น ๆ พิธีรับตัวเจ้าสาวจะเริ่มขึ้นในปลายยามเฉิน(ประมาณ07.00-09.00) ซึ่งเขาต้องแบกพี่สาวออกจากห้องตามธรรมเนียม
จวนเสนาบดีหวังเองก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ด้วยฤกษ์ที่ขอมาเป็นช่วงเช้าตรู่ทำให้ทุกคนในจวนต้องรีบตื่นขึ้นมาเตรียมตัวสำหรับการจัดงานแต่งงานครั้งใหญ่เพื่อไม่ให้เสียหน้าจวนเสนาบดีกรมอาญาอย่างหวังเฉากวง บรรดาฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรองและอนุทั้งหลายของเขาแบ่งหน้าที่กันดูแลการจัดงานแต่งงานในครั้งนี้โดยไม่มีใครกล้าทะเลาะเบาะแว้งกันให้เสนาบดีหวังต้องโมโห ถึงแม้ปกติพวกนางมักจะกลั่นแกล้งกันไปมา แต่วันนี้พวกนางจำเป็นต้องสามัคคีกันเพื่อหน้าตาของจวนเสนาบดีเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นพวกนางคงถูกนินทาเป็นแน่
หวังฮัวโต๋ที่มีความสุขกับเสิ่นหลิงมาทั้งคืน ตอนนี้เขากำลังให้นางแต่งตัวให้ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงเพื่อเตรียมไปรับเจ้าสาวที่จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงตามฤกษ์ที่ได้รับมา ถึงแม้เสิ่นหลิงจะเจ็บแค้นใจเพียงใด ภายนอกนางยังคงยิ้มแย้มและอวยพรสามีให้งานวันนี้ราบรื่น เพื่อให้เขาตายใจว่านางไม่มีความอิจฉาริษยาเหมือนกับอนุคนอื่นของพ่อสามีนาง
“ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี รอพรุ่งนี้หลังออกจากห้องหอแล้ว ข้าจะไปบอกท่านพ่อ ท่านแม่เรื่องของเรา” หวังฮัวโต๋ลูบหัวเสิ่นหลิงอย่างหลงใหล เพราะเมื่อคืนนี้นางบริการเขาดีจริง ๆ จนเขาแทบไม่อยากลุกจากเตียงเสียด้วยซ้ำไป
“นี่เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ท่านพี่วางใจเถิดเจ้าค่ะ” เสิ่นหลิงยิ้มหวานให้สามี
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เมื่อคืนเจ้าก็แทบไม่ได้นอนเช่นกัน”
“ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ ข้าจะไปพักผ่อนก่อน ขอให้ท่านพี่ทำพิธีผ่านพ้นไปด้วยดีนะเจ้าคะ” เสิ่นหลิงหันหลังเดินออกจากห้องของหวังฮัวโต๋ที่คืนนี้จะใช้เป็นห้องหอด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ เพียงแต่นางไม่อยากให้หวังฮัวโต๋เห็นเท่านั้น
หลังเห็นว่าเสิ่นหลิงจากไปได้สักพักแล้ว เขาก็เรียกบ่าวให้มาทำความสะอาดห้องเพื่อเตรียมใช้เป็นห้องหอในคืนนี้ทันที ก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปยังห้องโถงรับแขกเพื่อรอขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่บ่าวในจวนกำลังเตรียมกันอยู่ รวมทั้งยังรอแม่สื่อที่ต้องทำหน้าที่นำขบวนไปรับเจ้าสาวในวันนี้อีกด้วย
หวังเฉากวงกับฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดาของหวังฮัวโต๋ต่างนั่งคุยกับฮูหยินรองเรื่องพิธีการในวันนี้ เมื่อเห็นหวังฮัวโต๋ก้าวเข้ามานั่งฟังด้วย พวกเขาจึงเลือกที่จะกำชับเรื่องพิธีการไปรับเจ้าสาวในวันนี้กับเขา
“เจ้าทำหน้าที่ให้ดี รู้หรือไม่ฮัวโต๋ อย่าทำให้ข้าขายหน้าเล่า”
“ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ ท่านอย่ากังวลไปเลย รับรองว่าเราจะได้เจ้าสาวมาจากจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงตรงเวลาแน่นอนขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว กว่าพ่อจะกล่อมแม่ทัพหม่าจนเขาตอบตกลงให้เจ้าแต่งงานกับนางได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าอย่าทำให้เสียเรื่องเล่า หลังจากนี้เจ้าจะได้มีพ่อตาช่วยสนับสนุนเรื่องหน้าที่การงานในภายหน้า”
“ขอรับ ท่านพ่อ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วนะขอรับ ข้ายังไม่เห็นแม่สื่อมาถึงเลย”
“นางรออยู่ที่หน้าขบวนเกี้ยวที่จะออกไปรับเจ้าสาวแล้ว ประเดี๋ยวเจ้าก็รีบออกไปได้แล้วล่ะ พวกเรายังต้องอยู่รอต้อนรับแขกเหรื่อที่น่าจะกำลังเดินทางมากันอีกมาก”
“ขอรับ ท่านแม่ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” หวังฮัวโต๋คำนับลาทุกคนก่อนเดินจากไปขึ้นม้าที่หน้าเรือนหลัก แล้วสั่งขบวนให้ออกเดินทางไปยังจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงในทันที
หวังเฉากวงที่เห็นว่าวันนี้บุตรชายคนโตช่างเชื่อฟังนักก็พอใจไม่น้อย งานแต่งงานครั้งนี้เขาตั้งใจจะอวดให้เหล่าขุนนางคนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับแม่ทัพหม่าจะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะใคร ๆ ต่างรู้ดีว่าแม่ทัพหม่านั้นไม่ค่อยสนิทกับขุนนางคนใดมากนัก เขาทำหน้าที่ของตนเองอย่างตรงไปตรงมามาโดยตลอดหลายสิบปี เสียดายที่บุตรชายเขามีคู่หมั้นแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาก็คงให้บุตรสาวสักคนแต่งเข้าจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงไปสักคน
หวังฮัวโต๋พร้อมขบวนรับเจ้าสาวต่างมีบ่าวร้องเพลงแสดงความยินดีไปตลอดทางตามธรรมเนียมจนกระทั่งพวกเขาไปถึงหน้าจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงก่อนถึงฤกษ์รับเจ้าสาวเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น หวังฮัวโต๋รีบลงจากหลังม้าไปคารวะพ่อตากับแม่ยายที่รอขบวนของเขาอยู่ที่หน้าจวนอย่างนอบน้อม
“คารวะท่านพ่อตา แม่ยายขอรับ ข้ามารับฮูหยินของข้าขอรับ ขอท่านพ่อท่านแม่โปรดอนุญาตด้วย” หวังฮัวโต๋กล่าวตามธรรมเนียมที่แม่สื่อกระซิบบอก
“อืม… เจ้ารอสักครู่ ข้าสั่งบ่าวไปตามพวกเขาแล้ว” แม่ทัพหม่าพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“ขอบคุณท่านพ่อตาขอรับ” หวังฮัวโต๋ที่เกรงกลัวแม่ทัพหม่าอยู่แล้วไม่อยากพูดอะไรมากนักเช่นกัน ด้วยกลัวว่าที่พ่อตาจะพังงานแต่งของเขาเสียก่อน
บ่าวที่ได้รับคำสั่งให้ไปตามสองพี่น้องรวมทั้งขบวนสินเดิมและบ่าวสองคนที่จะติดตามนางไปยังจวนเสนาบดีหวังใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงหน้าเรือน
“เรียนคุณหนู นายน้อย ตอนนี้ขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้วขอรับ”
“อืม… ข้ารู้แล้ว เจ้าสั่งคนในขบวนสินเดิมให้เตรียมตัวได้ ข้าจะแบกพี่ใหญ่ออกไปด้วยตัวเอง”
“ขอรับนายน้อย”
หม่าหลันที่ได้ยินทุกอย่างได้แต่ยิ้มผ่านผ้าปิดหน้าเจ้าสาว นางยังบอกน้องชายให้แบกนางให้ดี ไม่เช่นนั้นนางจะลงโทษเขาอย่างหนักในวันกลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาวในอีกสามวันข้างหน้า
“โธ่ พี่ใหญ่ ข้าจะกล้ากลั่นแกล้งท่านได้อย่างไร หากท่านตกลงไป ข้ามิต้องถูกท่านเฆี่ยนตีเอาหรือ ข้ามิกล้า ๆ”
“ฮ่า ฮ่า พี่ใหญ่รู้แล้ว ข้าแค่แกล้งเจ้าก่อนจากกันเท่านั้นเอง หลังจากนี้ฝากเจ้าดูแลท่านพ่อท่านแม่ด้วยนะ หากพี่ใหญ่สามารถออกมาเยี่ยมบ้านได้ พี่ใหญ่จะมาบ่อย ๆ”
“ขอรับ พี่ใหญ่ เราไปกันเถอะขอรับ ประเดี๋ยวพวกข้าจะต้องตามไปที่จวนเสนาบดีหวังเพื่อทำพิธีของท่านต่ออีก”
“ตกลง ไปกันเถอะ” หม่าหลันปีนขึ้นหลังน้องชายอย่างสบาย ๆ ก่อนที่หม่าเหว่ยจะแบกพี่สาวที่ตัวเบาหวิวของเขาออกจากเรือนไปและเดินนำขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดไปยังหน้าจวน
หวังฮัวโต๋ที่เห็นน้องชายภรรยากำลังแบกนางมาพร้อมขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดก็อมยิ้มอย่างได้ใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าฮูหยินของเขาจะมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากนี้ไปเขาคงใช้จ่ายสบายขึ้นมากหากมีนางอยู่แม่สื่อเมื่อเห็นเจ้าสาวมาแล้ว นางก็พูดตามธรรมเนียมจนกระทั่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไป หวังฮัวโต๋เองก็ถูกบอกให้ขึ้นม้าพาเจ้าสาวเดินวนรอบเมืองหลวงเพื่อแสดงว่าวันนี้กำลังจะมีงานมงคลครั้งใหญ่ของสองตระกูล โดยที่แม่ทัพหม่ากับครอบครัวจะขึ้นรถม้าไปรอทำพิธีก่อนที่จวนเสนาบดีหวังขบวนแต่งงานแจกจ่ายขนมตามธรรมเนียมให้กับชาวเมืองที่ต่างมาชมดูความสนุกสนาน พวกเขาเห็นสินเดิมยาวเหยียดเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ร่ำรวยนัก เจ้าบ่าวที่ขี่ม้านำขบวนอยู่ก็หล่อเหลา ชาวเมืองต่างคุยกันสนุกสนานว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก คนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา อีกคนก็เป็นบุตรีคนเดียวของจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงหวังฮัวโต๋ที่ได้ยินเสียงชาวบ้านชื่นชมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างได้ใจ ทุกคนในเมืองหลวงต่างอิจฉาในวาสนาของเขาที่มีฮูหยินเช่นนี้ น้องชายเขาอย่างหวังจุนเหยาที่ตอนนี้เดินทางออกไปตรวจราชการให้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทราบว่าเขาก
แต่หลังจากหม่าหลันดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้ว นางที่ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษรุนแรงผสมกับเหล้าที่นางดื่มไปแก้วแรกอยู่จึงไม่ทันใช้พลังปราณขับพิษออกมาก่อนพิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจอั่ก!!! พรวด!หม่าหลันกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ร่างกายของนางไม่สามารถใช้พลังปราณได้เลยแม้แต่น้อย นับว่าพิษนี้ช่างร้ายแรงนัก หม่าหลันได้แต่ยอมรับความตายแต่โดยดี เพราะนางไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้ว ในมโนสำนึกสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนางจะออกจากร่าง นางได้แต่สงสัยว่าใครกล้าวางยานางในคืนเข้าหอเช่นนี้ จนทำให้นางต้องอดมีความสุขตามที่คาดคิดเอาไว้อย่างสวยหรูไม่นานนักวิญญาณของนางก็หลุดออกจากร่าง หม่าหลันได้แต่มองร่างกายตนเองที่นอนคว่ำหน้าเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดอย่างสุดแสนจะคับแค้นใจ“เหตุใดสวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านจะให้ข้าตายตอนใดก็ได้ข้าไม่ว่า แต่กลับให้ข้าตายก่อนที่จะได้ลิ้มรสความสุขเหมือนหญิงสาวคนอื่นเสียนี่ พวกท่านเป็นเทพได้เช่นไร หรือพวกท่านมีความสุขกับความทุกข์ของข้ากัน บัดซบ!!! ข้าขอให้พวกท่านได้รับกรรมอย่างข้าบ้าง อย่าได้คิดจะมีความสุขกันอีกเลยหลังจากนี้ ข้าจะคอยด่าทอต่อว่าพวกท่านจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม”เหล
“ฮึก… ท่านพ่อ นี่ไม่จริงใช่ไหมขอรับ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพี่จะจากไปเช่นนี้”“อืม… เรื่องนี้พ่อจะสืบหาความจริงให้ได้ พ่อไม่เชื่อหรอกว่าจะหาตัวคนร้ายไม่ได้”“ฮือ… แล้วท่านพ่อแน่ใจหรือขอรับว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตตามที่ท่านพ่อร้องขอ”“พ่อก็ไม่มั่นใจนัก คงต้องแล้วแต่ฝ่าบาทจะพิจารณา เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดี พ่อจะรีบเข้าวังเสียก่อนที่จะสายไปกว่านี้”“ขอรับ ฮึก.. ท่านพ่อ” หม่าเหว่ยได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้เพื่อไปดูแลท่านแม่ของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะฟื้นขึ้นมา หม่าเหว่ยรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรักพี่สาวเขามากขนาดไหน นางคงทำใจยากจึงได้สลบไปเช่นนี้ไม่นานนักหม่าเทียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดขุนนางออกมา ก็รีบขึ้นม้าเดินทางไปยังวังหลวงทันที ใช่ว่าเขานั้นไม่เสียใจที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รัก เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องการตามหาคนร้ายที่วางยาฆ่านางให้ได้เสียก่อน เรื่องรับศพนางและสินเดิมกลับมานั้น เขาคงต้องรอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน เพราะถึงแม้จะจัดงานแต่งงานกันไปแล้วก็จริงอยู่ แต่พิธีการทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่อาจนับได้ว่าบุตรีของเขานั้นเป็นคนของจวนเสนาบดีหวังอย่างเต็มตัว นางจึง
หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้นข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอ
สองเดือนต่อมาวันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้างเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้วเสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงา
“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูกแม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ แม่จะให้พ่อของเจ้าหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนให้ก็แล้วกัน”“ขอรับ ตามใจท่านแม่กับท่านพ่อจะจัดการ ตอนนี้ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนขอรับ”“อืม ๆ เจ้ารีบไปเถอะ แม่ก็ลืมไปว่าเจ้าเพิ่งกลับมาถึง”หวังจุนเหยาลุกขึ้นคำนับมารดาก่อนจะเดินกลับเรือนที่อยู่ติดกันไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาได้แต่คิดเสียดายที่ไม่เคยพบกับบุตรีแม่ทัพหม่ามาก่อน เคยได้ยินเพียงข่าวว่านางมักถูกรังแกในงานเลี้ยงบ่อย ๆ ผู้ชายเช่นเขาจึงรู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่นางกลับถูกฆ่าในงานแต่งงานกับพี่ชายเขาเสียก่อนเสนาบดีหวังหลังทราบจากฮูหยินรองว่าบุตรชายคนรองอยากให้เขาหาสตรีดีๆ มาเป็นสะใภ้ให้สักคนหนึ่ง เสนาบดีหวังจึงรีบจัดการให้ก่อนที่บุตรชายเขาจะต้องเดินทางออกไปตรวจราชการอีกในปีหน้าทันที ซึ่งสตรีที่ได้รับเกียรติให้แต่งกับหวังจุนเหยาเป็นถึงบุตรีเสนาบดีกรมโยธาที่หลงรักเขามานานแล้วหวังจุนเหยาที่ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้สนใจว่าใครคือฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ต้องการให้นางคลอดบุตรชายให้สักคนเท่านั้น ส่วนฮูหยินรองและอนุที่ท่านพ่อต้องการให้เขาแต่งเข้ามา หวังจุนเหยารีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากให้เรือนหลังของเขาต้อง
สายวันต่อมา หวังจุนเหยาลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัท วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ รพ.ของเขา เมื่อคืนเขาถึงได้มีความสุขกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่สนใจเวลาสักเท่าไหร่ กระทั่งเห็นว่าหากไม่ปลุกเธอคงไม่ตื่นง่าย ๆ เขาที่ต้องการรีบจ่ายค่าตัวให้เธอแล้วรีบไปจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาไป๋เหลียนที่ถูกเรียกและผลักเบา ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบเอาผ้าห่มปกปิดหน้าอกหน้าใจและเรือนร่างที่ยังเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วเงยหน้าถามชายหน้าตาดีที่เธอเพิ่งเห็นชัด ๆ ในตอนนี้“คุณปลุกฉัน มีอะไรหรือคะ”“ค่าตัวเธอที่ฉันจะต้องจ่ายให้ เธอต้องการเท่าไหร่”“เอ่อ… ห้าพันค่ะ” ไป๋เหลียนก้มหน้าบอกเสียงเบาหวังจุนเหยาได้ยินว่าเป็นเงินห้าล้านถึงกับนึกในใจว่าแค่เสียความบริสุทธิ์ให้เขา ผู้หญิงคนนี้เรียกเงินถึงห้าล้านหยวนเลยทีเดียว แต่เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหวังที่ร่ำรวย“อ่ะ เธอใส่ยอดเงินเอาเองแล้วกดโอนได้เลย”หวังจุนเหยายื่นโทรศัพท์ที่เขาพิมพ์เลขบัญชีของเธอที่บอกก่อนหน้านี้ให้เธอกดตัวเลขเอาเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะให้เขาเสียเงินไปเท่าไหร่
รุ่งเช้าวันต่อมา ไป๋เหลียนตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอเดินลมปราณปรับร่างกายที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนกับสามีคนดีจึงไม่มีผลกระทบกับร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์ของเธอ แตกต่างจากหวังจุนเหยาที่ถูกภรรยาเคี่ยวกรำมาเสียครึ่งค่อนคืน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าเลยไป๋เหลียนกลัวว่าคุณย่าจะรอทานอาหารเช้า เธอรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเรียนในวันนี้ ก่อนจะออกมาปลุกสามีขี้เซาที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำเสียทีอย่างหมั่นไส้“สามี~ ตื่นได้แล้วค่ะ คุณย่ารอทานข้าวเช้าอยู่นะคะ ฉันมีเรียนตอนเช้าด้วยวันนี้”“อืม… ภรรยา ผมยังง่วงอยู่เลย ขอจูบหวาน ๆ สักทีก่อนได้ไหมครับ หืม…”เพี๊ยะ!!! โอ้ย!!“ฮือ… ภรรยาใจร้าย ปลุกกันดี ๆ ก็ได้นี่นา จุ๊บ” หวังจุนเหยายังแอบจุ๊บแก้มไป๋เหลียนก่อนจะรีบลุกจากที่นอนไปอาบน้ำตามคำสั่งภรรยาไป๋เหลียนได
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ไป๋เหลียนก็ง่วงนอนอีกแล้ว อาจเพราะเธอใช้พลังปราณมากเกินไปในวันนี้ ทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติ หวังจุนเหยาที่ยังมีงานกองอยู่ไม่น้อยได้แต่พาไป๋เหลียนเข้าไปนอนพักในห้องด้านใน ก่อนที่เขาจะออกมานั่งทำงานจนลืมเวลา“เอ่อ… เจ้านายครับ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายไม่พานายหญิงน้อยกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเหรอครับ เหลืองานอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้เจ้านายค่อยมาทำต่อก็ได้นะครับ” หลินซินรีบเตือนหวังจุนเหยาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่จนลืมเวลา“ห๊ะ! สี่ทุ่มแล้วเหรอ?” หวังจุนเหยาเงยหน้าขึ้นมองหลินซินอย่างต้องการคำตอบ“ใช่ครับ เจ้านาย” หลินซินตอบอย่างระอา“เฮ้อ… ขอบใจที่เตือนฉันนะ ฉันลืมไปว่าไป๋เหลียนนอนรออยู่ในห้อง”หวังจุนเหยารีบเก็บเอกสารส่งให้หลินซินก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เดินกลับเข้าไปในห้องด้านในเพื่อปลุกภรรยาตัวน้อย“อื้อ&h
“เย่ปิง โทรบอกหลินซินให้พาคนมาจัดการเธอซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ร้านนี้อีก เรื่องอื่นฉันจะคุยกับสามีเอง”เสียงเย็นชาของไป๋เหลียนทำเอาเย่ปิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทั้งที่มือยังสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัว เขาพูดเสียงสั่นตามคำสั่งของไป๋เหลียนโดยไม่รู้ตัว กระทั่งไป๋เหลียนเดินผ่านเขาไปแล้วเข้าไปนั่งบนรถด้านหลังที่ตอนนี้เหอเปียวเป็นคนเดินไปปิดประตูแทนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงแตรที่เหอเปียวกดเรียกหลังจากเขาวางสายจากหลินซินแล้วนั่นเองไป๋เหลียนไม่สนใจว่าเย่ปิงตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถ้าเธอยังเห็นยัยผู้จัดการนี่อีกครั้งที่ร้านนี้ล่ะก็ เธอจะอาละวาดจนร้านสามีพังไปเลย คอยดูสิ! คิดจะมายุ่งกับสามีเธอเหรอ? ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะ!!!ด้วยรังสีอำมหิตที่ไป๋เหลียนเผลอปล่อยออกมา ทำเอาเย่ปิงกับเหอเปียวเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังด้วยความหวาดกลัวไปหมด กว่าที่พวกเขาจะหายหวาดกลัวก็เป็นตอนที่ขับรถเข้าไปยังตึกบริษัทแล้วนั่นแหละ เพราะไป๋เหลียนเริ่มมีรอยยิ้มบ
ผู้จัดการร้านหันไปพบกับเย่ปิงเดินมาพร้อมไป๋เหลียนพอดี เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมบอดี้การ์ดของท่านประธานถึงได้มากับผู้หญิงแปลกหน้าได้“เย่ปิง คุณพาใครมาที่ร้านน่ะ ถ้าท่านประธานรู้เข้าว่าคุณพาผู้หญิงมากินฟรี คุณก็รู้ว่าจะถูกลงโทษยังไง” เสี่ยวชิงเหอมองไป๋เหลียนอย่างไม่พอใจนัก เธอคิดว่าไป๋เหลียนเป็นแฟนของเย่ปิงและเขาอาจพาเธอมาอวดว่าสามารถเข้าร้านอาหารระดับนี้ได้ไป๋เหลียนที่ได้ยินเข้าก็เปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนโยนเป็นเย็นชาในทันที เธอมองหญิงสาวที่เย่ปิงบอกว่าเป็นผู้จัดการร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปล่อยพลังปราณกดดันจนเสี่ยวชิงเหอเหงื่อตก“คุณพูดบ้าอะไรของคุณกัน! นี่ภรรยาท่านประธาน ผมพามาซื้ออาหารชุดไปให้ท่านประธานก่อนเข้าบริษัท คุณรีบขอโทษนายหญิงน้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของคุณอาจถูกเปลี่ยนมือได้” เย่ปิงตวาดว่าอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะรู้อยู่ว่าผู้หญิงคนนี้ใฝ่สูงขนาดไหน เพียงแต่ท่านประธานไม่เคยชายตามองเธอเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ได้ลงมืออะไร
เหอเปียวจอดรถเสร็จก็รีบวิ่งตามเย่ปิงไปดูแลไป๋เหลียนอยู่ห่าง ๆ ตามคำสั่ง พวกเขาเห็นนักศึกษาหลายคนมองมาที่กลุ่มของไป๋เหลียน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้พวกเธอ พวกเขาทำเพียงซุบซิบกันเบา ๆ เท่านั้น“นี่ ไป๋เหลียน ตกลงว่าเรื่องเธอกับอาจารย์พิเศษเป็นยังไงกันแน่น่ะ”“อืม… ก็ไม่มีอะไร เขาเป็นสามีฉันเองอ่ะ พวกเธออย่าบอกใครนะ” ไป๋เหลียนกระซิบบอกเพื่อน เธอไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าที่เป็นอยู่“ห๊ะ!!!” จางเหยากับหลี่ซินอุทานอย่างตกใจ ก่อนทั้งสองจะรีบปิดปากแล้วพยักหน้ารับคำไป๋เหลียน พวกเธอกลัวว่าจะเผลอพูดเสียงดังจนคนอื่นได้ยินเข้าไป๋เหลียนหัวเราะเบา ๆ กับอาการตกอกตกใจของเพื่อนทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเธอแสดงอาการออกมาขนาดนี้“ฮึ่ย! เธอยังจะหัวเราะพวกเราอีกนะไป๋เหลียน เรื่องนี้มันน่าตกใจจริง ๆ นี่นา”
หวังจุนเหยากับไป๋เหลียนใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้ลุกจากโต๊ะเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน หลังจากไป๋เหลียนต้องเข้าห้องน้ำถึงสามรอบแล้วกลับมานั่งกินอีกจนของบนโต๊ะทั้งหมดหมดเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่พวกเขากินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่จำนวนจานที่วางซ้อนกันนั้นไม่ต่างจากคน 4-5 คนมานั่งกินกันแม้แต่น้อยจ้าวเฟยกับพวกเองก็อิ่มกันได้สักพักแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ในเมื่อผู้จัดการห้างและผู้จัดการร้านต่างเดินออกมาส่งเจ้านายกับนายหญิงน้อยด้วยกัน“สามี~ วันหลังเราชวนคุณย่ามากินด้วยกันนะคะ” ไป๋เหลียนเงยหน้าขึ้นขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวแขนหวังจุนเหยาเอาไว้เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ผู้บริหารที่อยู่ไม่ไกล“ตกลงครับ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ ที่นี่ไม่ไกลจากบ้านนัก” หวังจุนเหยาก้มมองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงคุณย่าของเขาพร้อมรอยยิ้มบางบอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงเจ้านายนุ่มละมุนอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อนได้แต่ทำหน้าเหวอกันเป็
หลังจากกินกันไปได้สักพักใหญ่ หวังจุนเหยาก็เห็นจ้าวเฟยพาพวกเข้ามาในร้านอีกห้าคน เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่จ้าวเฟยจะเดินมารายงานเขา“เจ้านาย พวกเรามารับเจ้านายกับนายหญิงน้อยกลับบ้านครับ เลขาหลินโทรบอกว่ามีคนรบกวนเจ้านาย พวกเราเลยรีบมาครับ”“อืม… พวกนายนั่งกินรอกันไปก่อน ฉันกับนายหญิงน้อยยังอยากนั่งกินต่ออีก”“ครับ เจ้านาย” จ้าวเฟยเดินไปที่โต๊ะว่างไม่ไกล ก่อนจะสั่งอาหารมาย่างกินที่โต๊ะกับพวก เขาอยู่กับเจ้านายมานาน จึงรู้ดีว่าน่าจะอีกพักใหญ่เลยกว่าที่เจ้านายจะกลับบ้านกลุ่มไป่หลิงที่ถูกลากตัวออกจากห้างท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวห้างต่างอับอายไม่น้อย เธอกัดฟันสะบัดแขนออกจากการจับตัวของ รปภ. ทันทีที่ออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า“ปล่อยฉันได้แล้ว ไอ้บ้า!!! คอยดูนะ ฉันจะให้พ่อฉันล้มห้างสรรพสินค้านี้เสีย ฉันอยากจะดูสิว่าผู้ชายคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องให้ฉันช่วยไหม พวกเรา กลับ!!!”
ใช่ว่าจะมีเพียงไป๋เหลียนเท่านั้นที่ชื่นชมหวังจุนเหยา แต่โต๊ะของสาวไฮโซที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนักก็ชื่นชมเขาจนอยากแย่งมาเพราะคิดว่าหวังจุนเหยาต้องชอบคนรวยอย่างเธอมากกว่า“ไป่หลิง เธอแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปขอเบอร์เขาจริง ๆ น่ะ เมื่อกี้เธอไม่เห็นเหรอว่าผู้จัดการร้านสั่งให้พนักงานดูแลเขาอย่างดี” ม่านถิงถามเพื่อนอย่างไม่อยากมีเรื่อง“อะไรกันม่านถิง นี่เธอไม่อยากให้ไป่หลิงมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างผู้ชายคนนั้นหรือยังไงกันน่ะ” ซือฉีมองเหยียดม่านถิงที่กลัวไม่เข้าท่า“นั่นสิม่านถิง ฉันว่าไป่หลิงเหมาะกับผู้ชายคนนั้นมากกว่ายัยหน้าจืดนั่นนะ” จินเหยียนสนับสนุนเพื่อนอีกแรงหนึ่ง“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ไม่อยากให้มีเรื่องอีกเท่านั้นเอง เรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนที่เราไม่ควรมีเรื่องด้วยจะทำยังไงล่ะ” ม่านถิงพูดอย่างจนใจ“เฮอะ! เธอนี่ขี้กลัวไม่เข้าท่านะม่านถิง ไป่หลิงเป็นถึงลูกสาว
รปภ. ดวงซวยที่เพิ่งเคยเห็นท่านประธานเป็นครั้งแรกถึงกับเหงื่อแตกแทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างตกใจ เขาได้แต่คิดว่าตัวเองช่างโง่เง่านักที่หาเรื่องท่านประธาน งานดี ๆ แบบนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย ขณะที่ รปภ. กำลังจะคุกเข่าขอโทษหวังจุนเหยา ไป๋เหลียนเห็นเข้าก็รีบใช้พลังปราณยกตัว รปภ. เอาไว้แล้วโบกมือไล่เขาออกไปให้ไกลจากสายตาสามีเธอ ก่อนที่คุณสามีจะอารมณ์แปรปรวนอีกครั้งรปภ. เห็นสัญญาณมือของภรรยาท่านประธานเข้า เขาจึงรีบวิ่งไปอีกด้านของลานจอดรถแทนทันที เขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของภรรยาท่านประธานเด็ดขาด เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอที่ช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้ท่านประธานไล่เขาออก เขาจึงเชื่อฟังเธอมากกว่าผู้จัดการเหลยเสียอีกเหลยจ้านเห็นตัวปัญหาวิ่งหนีไปแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ก่อนจะผายมือเชิญหวังจุนเหยากับไป๋เหลียนให้เดินตามเขาไปยังร้านเนื้อย่างที่เขาเพิ่งโทรบอกผู้จัดการร้านก่อนหน้านี้ทันที“ทีหลังรับคนใหม่เข้ามาก็หัดเอารูปคนสำคัญในบริษัทให้พวกเขาดูก่อน ไม่ใช่ให้มาทำงาน