หวังฮัวโต๋ที่เห็นน้องชายภรรยากำลังแบกนางมาพร้อมขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดก็อมยิ้มอย่างได้ใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าฮูหยินของเขาจะมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากนี้ไปเขาคงใช้จ่ายสบายขึ้นมากหากมีนางอยู่
แม่สื่อเมื่อเห็นเจ้าสาวมาแล้ว นางก็พูดตามธรรมเนียมจนกระทั่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไป หวังฮัวโต๋เองก็ถูกบอกให้ขึ้นม้าพาเจ้าสาวเดินวนรอบเมืองหลวงเพื่อแสดงว่าวันนี้กำลังจะมีงานมงคลครั้งใหญ่ของสองตระกูล โดยที่แม่ทัพหม่ากับครอบครัวจะขึ้นรถม้าไปรอทำพิธีก่อนที่จวนเสนาบดีหวัง
ขบวนแต่งงานแจกจ่ายขนมตามธรรมเนียมให้กับชาวเมืองที่ต่างมาชมดูความสนุกสนาน พวกเขาเห็นสินเดิมยาวเหยียดเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ร่ำรวยนัก เจ้าบ่าวที่ขี่ม้านำขบวนอยู่ก็หล่อเหลา ชาวเมืองต่างคุยกันสนุกสนานว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก คนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา อีกคนก็เป็นบุตรีคนเดียวของจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง
หวังฮัวโต๋ที่ได้ยินเสียงชาวบ้านชื่นชมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างได้ใจ ทุกคนในเมืองหลวงต่างอิจฉาในวาสนาของเขาที่มีฮูหยินเช่นนี้ น้องชายเขาอย่างหวังจุนเหยาที่ตอนนี้เดินทางออกไปตรวจราชการให้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทราบว่าเขากำลังจะแต่งงาน ไม่เช่นนั้นเรื่องดี ๆ เช่นนี้มีหรือจะตกมาอยู่ในมือเขาได้ เขารู้ดีว่าด้อยกว่าน้องชายต่างแม่คนนี้มากนัก เขาจึงต้องการแต่งงานกับหม่าหลันมากเป็นพิเศษ เพื่อที่เขาจะได้มีคนสนับสนุนมากกว่าน้องชายที่ไม่ยอมหมั้นหมายกับหญิงใดเสียที
ขบวนแต่งงานวนรอบเมืองหลวงกลับไปยังจวนเสนาบดีหวังในเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ด้วยยังไม่ถึงฤกษ์ทำพิธี พวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบกันนัก เมื่อมาถึงยังหน้าจวนเสนาบดีหวังที่ตอนนี้แขกเหรื่อต่างมากันไม่น้อยแล้ว แม่สื่อรีบทำหน้าที่ของตนเองตามธรรมเนียม
“เจ้าบ่าวเตะเกี้ยวสามครั้ง”
ปัง! ปัง! ปัง!
“เจ้าสาวเตะเกี้ยวคืนสามครั้ง”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
เหล่าชาวเมืองที่มาชมความสนุกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าสาวช่างน่ารักนักที่เตะเกี้ยวเพียงเบา ๆ เพื่อให้เกียรติเจ้าบ่าว ทั้งที่จริงแล้วหม่าหลันต้องกดพลังปราณของตนเองจนแทบไม่เหลือเพื่อที่จะเตะเบา ๆ ไม่เช่นนั้นเกี้ยวอันบอบบางนี้คงพังทลายไปด้วยพลังปราณของนางนานแล้ว นางยังอยากเข้าหอกับเจ้าบ่าวอยู่หนา มีหรือที่หม่าหลันจะมาทำเสียเรื่องเอาตอนนี้เล่า
“เจ้าบ่าวรับเจ้าสาวออกจากเกี้ยว” เสียงแม่สื่อทำหน้าที่ต่อ
หวังฮัวโต๋ยิ้มกว้างเดินไปเปิดผ้าหน้าเกี้ยวแล้วยื่นมือใหญ่ไปรอรับมือเล็กของฮูหยินเขา หม่าหลันเห็นมือใหญ่ของเขาก็นึกถึงว่าตอนเข้าหอนางจะตื่นเต้นแค่ไหนกันหากถูกมือใหญ่นี้ลูบไล้ ขณะกำลังคิดเรื่องพิเรนทร์อยู่ เสียงกระแอมของแม่สื่อก็ดังขึ้น หม่าหลันจึงรีบยื่นมือเล็กไปจับมือใหญ่แล้วลุกออกจากเกี้ยวไปทำพิธีตามที่แม่สื่อกล่าวอย่างเชื่อฟัง
หลังผ่านเตาไฟหน้าประตูจวนเข้าไปแล้ว พิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็เริ่มต้นขึ้นตามฤกษ์พอดิบพอดี ญาติเจ้าบ่าวและญาติเจ้าสาวต่างมองทั้งคู่แตกต่างกันไม่น้อย ฝั่งเสนาบดีหวังกับฮูหยินใหญ่นั้นยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีก ส่วนแม่ทัพหม่ากับครอบครัวกลับมีสีหน้านิ่งเรียบ ทำเอาแขกเหรื่อที่กำลังมองอยู่ต่างร้อน ๆ หนาว ๆ กลัวว่าแม่ทัพหม่าจะพังงานแต่งงานครั้งนี้เสียก่อน
หม่าเทียนใช่ว่าจะไม่ได้ยินเสียงนินทา ด้วยพลังปราณของเขา เสียงเพียงเล็กน้อยก็เข้ามาในหูของเขาแล้ว ยิ่งได้ยินผู้คนต่างหวาดกลัวว่าเขาจะก่อเรื่อง เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ จนฮูหยินหม่าต้องจับแขนเสื้อสามีเอาไว้และส่ายหน้าเบา ๆ ไม่ให้เขาทำสีหน้าเคร่งเครียดอีก ตอนนี้พวกเขาทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากต้องฝืนทนให้หม่าหลันทำพิธีจนเสร็จสิ้นไป
เมื่อพิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้น เจ้าบ่าวก็จูงมือพาเจ้าสาวไปรอยังห้องหอที่เรือนของเขาด้านหลังเรือนหลัก ระหว่างทางเขายังชวนหม่าหลันสนทนาอย่างรื่นหู ยิ่งทำให้นางคาดหวังว่าคืนนี้สามีของนางจะต้องพานางขึ้นสวรรค์ได้แน่ หลังจากนี้หากมีงานเลี้ยงและนางต้องเข้าร่วม นางก็สามารถคุยได้แล้วว่าตนเองก็เคยได้ลิ้มลองความสุขอย่างที่พวกนางได้รับเช่นเดียวกัน เสิ่นหลิงที่แอบดูอยู่หลังต้นไม้ได้แต่กำหมัดแน่น นางได้ยินพวกเขาคุยกันกระหนุงกระหนิงก็ยิ่งเจ็บแค้นใจนัก
หวังฮัวโต๋เมื่อส่งเจ้าสาวไว้บนเตียงเพื่อรอเขาไปต้อนรับแขกตามธรรมเนียมเสร็จ เขาก็ออกจากห้องหอไปอย่างอารมณ์ดี หวังฮัวโต๋ได้แต่คิดว่ามืออันนุ่มนิ่มของฮูหยินเขาช่างน่าจับนัก คืนนี้หากเขาได้ตัวนางมาเป็นของตนเองแล้วเขาจะมีความสุขมากขนาดไหน หลังจากที่เคยแต่นอนกับเสิ่นหลิงมาเสียหลายปี กลิ่นใหม่ของฮูหยินเขาช่างเย้ายวนใจจริง ๆ
เสิ่นหลิงเห็นหวังฮัวโต๋จากไปสักพักใหญ่แล้ว นางรีบทำตามแผนการของตนเองทันที โดยรีบไปที่ห้องครัวซึ่งบ่าวไพร่จะต้องยกอาหารและสุรามงคลเข้าไปไว้ในห้องหอก่อนที่เจ้าบ่าวจะกลับมาอีกครั้ง
หลังจากมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นบ่าวไพร่อยู่ใกล้บริเวณนี้ เสิ่นหลิงที่แอบไปซื้อยาพิษไร้สีไร้กลิ่นราคาสูงมาก็หยดมันลงบนแก้วสุรามงคลที่เป็นของหม่าหลันสองสามหยดเท่านั้น เพื่อไม่ให้บ่าวที่ยกสิ่งของไปมองเห็นและทำลายแผนการของนางเสียก่อน โชคดีที่ยาพิษนี้ใสไม่ต่างกับน้ำนัก นางจึงวางใจว่าบ่าวที่จะมายกสิ่งของทั้งหมดนั้นคงไม่ทันสังเกตเป็นแน่ ด้วยทุกคนในวันนี้ต่างยุ่งกับการดูแลแขกเหรื่อจนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเข้ามาที่ห้องครัวเลย เสิ่นหลิงรีบออกไปหลังจากจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว นางยิ้มร้ายอย่างสมใจที่คืนนี้สามีของนางจะยังเป็นของนางคนเดียวเช่นเคย
ในงานเลี้ยง หวังฮัวโต๋ต่างเดินชนแก้วรับคำอวยพรจากขุนนางมากมายที่มาเป็นเกียรติในงานแต่งงานของเขา แม่ทัพหม่ากับครอบครัวเองก็ยังนั่งกินอาหารตามธรรมเนียมอย่างเสียมิได้ พวกเขาได้แต่ปล่อยวางความหวาดระแวงลงเพราะอย่างไรตอนนี้พิธีทั้งหมดก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนได้แต่หวังว่าหม่าหลันจะมีความสุขตามที่นางต้องการ
หม่าหลันที่นั่งรออยู่บนเตียงจากที่ตื่นเต้นคราแรก ตอนนี้นางชักจะหิวเสียแล้ว ใครใช้ให้นางได้กินเพียงข้าวต้มนิดหน่อยก่อนแต่งหน้าเท่านั้นเล่า หม่าหลันได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่บ่าวไพร่จะนำอาหารมาให้นางเสียที ถึงแม้ว่าจะเป็นการเสียมารยาทที่กินก่อนสามี แต่เขาได้บอกนางก่อนออกจากห้องแล้วว่าหากหิวก็กินก่อนได้เลย หม่าหลันจึงรอคอยอาหารอย่างใจจดใจจ่อ นางรอจนกระทั่งสามเค่อต่อมาจึงได้ยินเสียงขออนุญาตจากบ่าวนำอาหารและสุรามงคลเข้ามาในห้อง
หลังบ่าววางอาหารทั้งหมดรวมทั้งสุรามงคลตามตำแหน่งที่พ่อบ้านได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็ออกจากห้องหอไปและปล่อยให้หม่าหลันอยู่คนเดียวต่อในห้องเพื่อรอเจ้าบ่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะอีกหลายชั่วยามกว่าที่เขาจะมายังห้องหอ หม่าหลันพอได้ยินเสียงบ่าวออกห่างไปแล้ว นางก็เปิดผ้าปิดหน้าลุกขึ้นและเดินไปนั่งกินอาหารอย่างคนที่กำลังหิวโหย
หม่าหลันกินอาหารบนโต๊ะไปไม่น้อย แต่พอมองหาน้ำชานางกลับไม่เห็นกาน้ำชา บนโต๊ะนี้มีเพียงสุรามงคลเท่านั้น หม่าหลันไม่คิดอันใดมากเพราะนางเล่นกินอาหารเร็วจนแทบติดคอตายแล้ว นางจึงรีบรินเหล้าใส่แก้วของนางและกระดกเหล้าอย่าไม่กลัวเมาแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อสอนนางมาตั้งแต่ยังเด็ก นางดื่มเก่งกว่าผู้ชายบางคนในเมืองหลวงเสียอีก เหล้าแค่นี้ไม่ทำให้นางเมาแม้แต่น้อย
แต่หลังจากหม่าหลันดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้ว นางที่ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษรุนแรงผสมกับเหล้าที่นางดื่มไปแก้วแรกอยู่จึงไม่ทันใช้พลังปราณขับพิษออกมาก่อนพิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจอั่ก!!! พรวด!หม่าหลันกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ร่างกายของนางไม่สามารถใช้พลังปราณได้เลยแม้แต่น้อย นับว่าพิษนี้ช่างร้ายแรงนัก หม่าหลันได้แต่ยอมรับความตายแต่โดยดี เพราะนางไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้ว ในมโนสำนึกสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนางจะออกจากร่าง นางได้แต่สงสัยว่าใครกล้าวางยานางในคืนเข้าหอเช่นนี้ จนทำให้นางต้องอดมีความสุขตามที่คาดคิดเอาไว้อย่างสวยหรูไม่นานนักวิญญาณของนางก็หลุดออกจากร่าง หม่าหลันได้แต่มองร่างกายตนเองที่นอนคว่ำหน้าเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดอย่างสุดแสนจะคับแค้นใจ“เหตุใดสวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านจะให้ข้าตายตอนใดก็ได้ข้าไม่ว่า แต่กลับให้ข้าตายก่อนที่จะได้ลิ้มรสความสุขเหมือนหญิงสาวคนอื่นเสียนี่ พวกท่านเป็นเทพได้เช่นไร หรือพวกท่านมีความสุขกับความทุกข์ของข้ากัน บัดซบ!!! ข้าขอให้พวกท่านได้รับกรรมอย่างข้าบ้าง อย่าได้คิดจะมีความสุขกันอีกเลยหลังจากนี้ ข้าจะคอยด่าทอต่อว่าพวกท่านจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม”เหล
“ฮึก… ท่านพ่อ นี่ไม่จริงใช่ไหมขอรับ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพี่จะจากไปเช่นนี้”“อืม… เรื่องนี้พ่อจะสืบหาความจริงให้ได้ พ่อไม่เชื่อหรอกว่าจะหาตัวคนร้ายไม่ได้”“ฮือ… แล้วท่านพ่อแน่ใจหรือขอรับว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตตามที่ท่านพ่อร้องขอ”“พ่อก็ไม่มั่นใจนัก คงต้องแล้วแต่ฝ่าบาทจะพิจารณา เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดี พ่อจะรีบเข้าวังเสียก่อนที่จะสายไปกว่านี้”“ขอรับ ฮึก.. ท่านพ่อ” หม่าเหว่ยได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้เพื่อไปดูแลท่านแม่ของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะฟื้นขึ้นมา หม่าเหว่ยรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรักพี่สาวเขามากขนาดไหน นางคงทำใจยากจึงได้สลบไปเช่นนี้ไม่นานนักหม่าเทียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดขุนนางออกมา ก็รีบขึ้นม้าเดินทางไปยังวังหลวงทันที ใช่ว่าเขานั้นไม่เสียใจที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รัก เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องการตามหาคนร้ายที่วางยาฆ่านางให้ได้เสียก่อน เรื่องรับศพนางและสินเดิมกลับมานั้น เขาคงต้องรอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน เพราะถึงแม้จะจัดงานแต่งงานกันไปแล้วก็จริงอยู่ แต่พิธีการทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่อาจนับได้ว่าบุตรีของเขานั้นเป็นคนของจวนเสนาบดีหวังอย่างเต็มตัว นางจึง
หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้นข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอ
สองเดือนต่อมาวันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้างเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้วเสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงา
“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูกแม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ แม่จะให้พ่อของเจ้าหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนให้ก็แล้วกัน”“ขอรับ ตามใจท่านแม่กับท่านพ่อจะจัดการ ตอนนี้ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนขอรับ”“อืม ๆ เจ้ารีบไปเถอะ แม่ก็ลืมไปว่าเจ้าเพิ่งกลับมาถึง”หวังจุนเหยาลุกขึ้นคำนับมารดาก่อนจะเดินกลับเรือนที่อยู่ติดกันไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาได้แต่คิดเสียดายที่ไม่เคยพบกับบุตรีแม่ทัพหม่ามาก่อน เคยได้ยินเพียงข่าวว่านางมักถูกรังแกในงานเลี้ยงบ่อย ๆ ผู้ชายเช่นเขาจึงรู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่นางกลับถูกฆ่าในงานแต่งงานกับพี่ชายเขาเสียก่อนเสนาบดีหวังหลังทราบจากฮูหยินรองว่าบุตรชายคนรองอยากให้เขาหาสตรีดีๆ มาเป็นสะใภ้ให้สักคนหนึ่ง เสนาบดีหวังจึงรีบจัดการให้ก่อนที่บุตรชายเขาจะต้องเดินทางออกไปตรวจราชการอีกในปีหน้าทันที ซึ่งสตรีที่ได้รับเกียรติให้แต่งกับหวังจุนเหยาเป็นถึงบุตรีเสนาบดีกรมโยธาที่หลงรักเขามานานแล้วหวังจุนเหยาที่ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้สนใจว่าใครคือฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ต้องการให้นางคลอดบุตรชายให้สักคนเท่านั้น ส่วนฮูหยินรองและอนุที่ท่านพ่อต้องการให้เขาแต่งเข้ามา หวังจุนเหยารีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากให้เรือนหลังของเขาต้อง
สายวันต่อมา หวังจุนเหยาลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัท วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ รพ.ของเขา เมื่อคืนเขาถึงได้มีความสุขกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่สนใจเวลาสักเท่าไหร่ กระทั่งเห็นว่าหากไม่ปลุกเธอคงไม่ตื่นง่าย ๆ เขาที่ต้องการรีบจ่ายค่าตัวให้เธอแล้วรีบไปจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาไป๋เหลียนที่ถูกเรียกและผลักเบา ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบเอาผ้าห่มปกปิดหน้าอกหน้าใจและเรือนร่างที่ยังเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วเงยหน้าถามชายหน้าตาดีที่เธอเพิ่งเห็นชัด ๆ ในตอนนี้“คุณปลุกฉัน มีอะไรหรือคะ”“ค่าตัวเธอที่ฉันจะต้องจ่ายให้ เธอต้องการเท่าไหร่”“เอ่อ… ห้าพันค่ะ” ไป๋เหลียนก้มหน้าบอกเสียงเบาหวังจุนเหยาได้ยินว่าเป็นเงินห้าล้านถึงกับนึกในใจว่าแค่เสียความบริสุทธิ์ให้เขา ผู้หญิงคนนี้เรียกเงินถึงห้าล้านหยวนเลยทีเดียว แต่เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหวังที่ร่ำรวย“อ่ะ เธอใส่ยอดเงินเอาเองแล้วกดโอนได้เลย”หวังจุนเหยายื่นโทรศัพท์ที่เขาพิมพ์เลขบัญชีของเธอที่บอกก่อนหน้านี้ให้เธอกดตัวเลขเอาเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะให้เขาเสียเงินไปเท่าไหร่
หลังจากคิดอยู่คนเดียวมาได้หนึ่งสัปดาห์ ไป๋เหลียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เรื่องที่เธอกำลังท้องนั้นตอนนี้ถูกพูดคุยกันอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างมีความสุข ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนที่หอพักในมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอก็ดังขึ้นตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด…ไป๋เหลียนมองชื่อในโทรศัพท์ที่เป็นคนโทรมา พอเห็นว่าเป็นแม่ของเธอโทรมาในตอนนี้ เธอได้แต่คิดว่าสงสัยเงินพวกเขาจะหมดอีก ถึงได้โทรมาหาเธอในช่วงวันหยุดแบบนี้ หลังจากคิดสักพัก เธอจึงกดรับสายอย่างเสียไม่ได้[ สวัสดีค่ะแม่ ][ แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่เลย รีบไสหัวกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าหายหัวไปหลายเดือนแล้วโอนแค่เงินมา ฉันจะปล่อยแกไปง่าย ๆ นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง ][ เรื่องอะไรอีกล่ะคะแม่ วันนี้หนูยังต้องไปทำงานช่วงบ่ายอีกนะคะ ][ แกไม่ต้องมาถามฉัน รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะไปลากแกมาเอง ][ ตกลงค่ะแม่ เดี๋ยวหนูกลับบ้านเอง ][ ฮึ รีบมาเร็ว ๆ เข้า แค่นี้แหละ ]ตู๊ด.ตู๊ด.ไป๋เหลียนได้แต่มองโทรศัพท์พร้อมขมวดคิ้วมุ่นอย่างยุ่งยากใจ เธอเดาไม่ถูกว่าทำไมแม่ถึงต้องรีบให้เธอกลับบ้านแบบนี้ หลังจากถอนหายใจอยู่ไม่นานนัก ไป๋เหลียนก็เ
สามวันต่อมาคืนนั้นหม่าหลันใช้พลังปราณรักษาร่างกายของไป๋เหลียนจนหายดี ตอนนี้เธอสามารถลืมตาขึ้นมาได้แล้ว ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ หม่าหลันได้ยินทุกอย่างที่หวังจุนเหยาพูดคุย เธอจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากจริง ๆ ถึงแม้ไป๋เหลียนจะตั้งท้องลูกของเขาก็จริงอยู่ แต่นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ ขนาดไป๋เหลียนเองยังไม่เคยคิดว่าหวังจุนเหยาจะต้องมารับผิดชอบตัวเธอกับลูก หม่าหลันที่อยู่ในร่างกลับคิดว่าเขาเป็นสามีที่ดี สมกับที่ตอนนี้เธออยู่ในร่างไป๋เหลียนและลูกในท้องของเธอก็แข็งแรงดี ตอนนี้หม่าหลันเริ่มเคยชินกับคำพูดคำจาในภพภูมินี้แล้วหลังจากซ้อมมาหลายวันในขณะที่ยังไม่ฟื้นตื่นขึ้นมา ในเมื่อตอนนี้ร่างกายไป๋เหลียนหายดีแล้ว หม่าหลันก็อยากออเซาะสามีสุดหล่อสักหน่อยให้กระชุ่มกระชวย ไหน ๆ เธอก็ได้มายังภพนี้โดยไม่รู้สาเหตุแล้ว เธอก็จะใช้ชีวิตใหม่ให้มีความสุข และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเหมือนในชาติก่อนให้คนอื่นรังแกอีกเป็นแน่ รวมทั้งพวกที่เคยรังแกไป๋เหลียนในความทรงจำ หม่าหลันจะเอาคืนพวกมันให้เจ็บแสบเลยทีเดียว
หวังจุนเหยาที่พาไป๋เหลียนมายัง รพ.หวัง ในเครือที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาส่งไป๋เหลียนเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อยแล้ว เหล่าแพทย์ระดมกำลังกันมาช่วยเหลือว่าที่นายหญิงน้อยของพวกเขากันยกใหญ่กว่าสามชั่วโมงที่หมอจะออกมารายงานอาการของไป๋เหลียนให้กับหวังจุนเหยาทราบ เขาได้แต่นั่งไม่ติดเก้าอี้ตั้งแต่ส่งตัวเธอเข้าห้องฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้“เรียนคุณชาย อาการของนายหญิงน้อยหนักมากจริง ๆ ครับ พวกเราทำได้เพียงเชื่อมต่อกระดูกที่หักบางส่วนและรักษาแผลภายนอกภายในได้เท่านั้น ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับสวรรค์แล้วว่านายหญิงน้อยจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ครับ”หวังจุนเหยาฟังแล้วถึงกับทรุดลงนั่งกับเก้าอี้หน้าห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่คิดว่าเพราะความเข้าใจผิดของเขา จะทำให้ภรรยาตัวน้อยกับลูกเขาต้องอาการหนักมากถึงขนาดนี้“คุณแน่ใจนะว่ารักษาเธอกับลูกผมเต็มที่แล้ว”“พวกเราทำเต็มที่แล้วจริง ๆ ครับคุณชาย ยังโชคดีที่เด็กรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ชาวบ้านที่มามุงดูได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอได้ยินเรื่องที่สองแม่ลูกพูดกันแล้ว พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่และกำลังถูกตีเป็นลูกสาวที่ท้องก่อนแต่งนั่นเอง ชาวบ้านต่างไม่มีใครนึกสงสารไป๋เหลียนเลยแม้แต่น้อย พวกเขาคิดว่าสมควรแล้วที่ลูกสาวไม่รักดีจะถูกสั่งสอนเสียบ้างหลิวต้าเฉียงกับไป๋เฉิงไม่คิดจะเข้าไปห้ามไป๋จินเลยแม้แต่น้อย พวกเขาโมโหมากจริง ๆ ที่รู้ว่าไป๋เหลียนกำลังท้องลูกของใครอยู่ก็ไม่รู้ไป๋เหลียนพยายามอ้อนวอนไป๋จินทั้งน้ำตา แต่ไป๋จินกลับไม่สนใจ เธอเอาแต่ตีไป๋เหลียนจนตอนนี้หัวและหลังเต็มไปด้วยเลือดจากแผลแตกขนาดใหญ่ ไป๋เหลียนตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงพอที่จะต่อต้านแม่ของเธอ เธอได้แต่ปกป้องท้องน้อยของตัวเองเอาไว้เท่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอจะเจ็บร้าวไปหมดก็ตามที แต่เด็กคนนี้คือลูกของเธอ เธอจะปกป้องเขาให้ถึงที่สุด ตอนนี้ไป๋เหลียนไม่กล้าคาดหวังว่าพ่อของลูกเธอจะมาช่วยเธอจริง ๆ เพราะถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะมาถึงเสียที เธอแทบจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวอยู่แล้ว
หลังจากคิดอยู่คนเดียวมาได้หนึ่งสัปดาห์ ไป๋เหลียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เรื่องที่เธอกำลังท้องนั้นตอนนี้ถูกพูดคุยกันอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างมีความสุข ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนที่หอพักในมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอก็ดังขึ้นตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด…ไป๋เหลียนมองชื่อในโทรศัพท์ที่เป็นคนโทรมา พอเห็นว่าเป็นแม่ของเธอโทรมาในตอนนี้ เธอได้แต่คิดว่าสงสัยเงินพวกเขาจะหมดอีก ถึงได้โทรมาหาเธอในช่วงวันหยุดแบบนี้ หลังจากคิดสักพัก เธอจึงกดรับสายอย่างเสียไม่ได้[ สวัสดีค่ะแม่ ][ แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่เลย รีบไสหัวกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าหายหัวไปหลายเดือนแล้วโอนแค่เงินมา ฉันจะปล่อยแกไปง่าย ๆ นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง ][ เรื่องอะไรอีกล่ะคะแม่ วันนี้หนูยังต้องไปทำงานช่วงบ่ายอีกนะคะ ][ แกไม่ต้องมาถามฉัน รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะไปลากแกมาเอง ][ ตกลงค่ะแม่ เดี๋ยวหนูกลับบ้านเอง ][ ฮึ รีบมาเร็ว ๆ เข้า แค่นี้แหละ ]ตู๊ด.ตู๊ด.ไป๋เหลียนได้แต่มองโทรศัพท์พร้อมขมวดคิ้วมุ่นอย่างยุ่งยากใจ เธอเดาไม่ถูกว่าทำไมแม่ถึงต้องรีบให้เธอกลับบ้านแบบนี้ หลังจากถอนหายใจอยู่ไม่นานนัก ไป๋เหลียนก็เ
สายวันต่อมา หวังจุนเหยาลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัท วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ รพ.ของเขา เมื่อคืนเขาถึงได้มีความสุขกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่สนใจเวลาสักเท่าไหร่ กระทั่งเห็นว่าหากไม่ปลุกเธอคงไม่ตื่นง่าย ๆ เขาที่ต้องการรีบจ่ายค่าตัวให้เธอแล้วรีบไปจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาไป๋เหลียนที่ถูกเรียกและผลักเบา ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบเอาผ้าห่มปกปิดหน้าอกหน้าใจและเรือนร่างที่ยังเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วเงยหน้าถามชายหน้าตาดีที่เธอเพิ่งเห็นชัด ๆ ในตอนนี้“คุณปลุกฉัน มีอะไรหรือคะ”“ค่าตัวเธอที่ฉันจะต้องจ่ายให้ เธอต้องการเท่าไหร่”“เอ่อ… ห้าพันค่ะ” ไป๋เหลียนก้มหน้าบอกเสียงเบาหวังจุนเหยาได้ยินว่าเป็นเงินห้าล้านถึงกับนึกในใจว่าแค่เสียความบริสุทธิ์ให้เขา ผู้หญิงคนนี้เรียกเงินถึงห้าล้านหยวนเลยทีเดียว แต่เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหวังที่ร่ำรวย“อ่ะ เธอใส่ยอดเงินเอาเองแล้วกดโอนได้เลย”หวังจุนเหยายื่นโทรศัพท์ที่เขาพิมพ์เลขบัญชีของเธอที่บอกก่อนหน้านี้ให้เธอกดตัวเลขเอาเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะให้เขาเสียเงินไปเท่าไหร่
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ แม่จะให้พ่อของเจ้าหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนให้ก็แล้วกัน”“ขอรับ ตามใจท่านแม่กับท่านพ่อจะจัดการ ตอนนี้ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนขอรับ”“อืม ๆ เจ้ารีบไปเถอะ แม่ก็ลืมไปว่าเจ้าเพิ่งกลับมาถึง”หวังจุนเหยาลุกขึ้นคำนับมารดาก่อนจะเดินกลับเรือนที่อยู่ติดกันไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาได้แต่คิดเสียดายที่ไม่เคยพบกับบุตรีแม่ทัพหม่ามาก่อน เคยได้ยินเพียงข่าวว่านางมักถูกรังแกในงานเลี้ยงบ่อย ๆ ผู้ชายเช่นเขาจึงรู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่นางกลับถูกฆ่าในงานแต่งงานกับพี่ชายเขาเสียก่อนเสนาบดีหวังหลังทราบจากฮูหยินรองว่าบุตรชายคนรองอยากให้เขาหาสตรีดีๆ มาเป็นสะใภ้ให้สักคนหนึ่ง เสนาบดีหวังจึงรีบจัดการให้ก่อนที่บุตรชายเขาจะต้องเดินทางออกไปตรวจราชการอีกในปีหน้าทันที ซึ่งสตรีที่ได้รับเกียรติให้แต่งกับหวังจุนเหยาเป็นถึงบุตรีเสนาบดีกรมโยธาที่หลงรักเขามานานแล้วหวังจุนเหยาที่ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้สนใจว่าใครคือฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ต้องการให้นางคลอดบุตรชายให้สักคนเท่านั้น ส่วนฮูหยินรองและอนุที่ท่านพ่อต้องการให้เขาแต่งเข้ามา หวังจุนเหยารีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากให้เรือนหลังของเขาต้อง
“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูกแม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข
สองเดือนต่อมาวันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้างเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้วเสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงา
หม่าเทียนหลังจากรับร่างบุตรสาวมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว เขาก็ให้คนยกโลงของนางเข้าไปที่ห้องโถงซึ่งบ่าวจัดเอาไว้เป็นห้องไว้อาลัยทันที ตอนนี้ฮูหยินหม่าได้แต่ต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้และมายืนรอพร้อมหม่าเหว่ยเพื่อดูว่าบ่าวตั้งโลงของบุตรสาวนางอย่างไร ทั้งที่น้ำตาของนางยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มีเสียงสะอึกสะอื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ต่างจากหม่าเหว่ยที่ยังคงทำใจไม่ได้เช่นกัน เขาเองก็คอยปาดน้ำตาไม่ให้ท่านพ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่เสียใจเช่นพวกเขา แต่ท่านพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านจึงได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายในได้เท่านั้นข่าวการตายของหม่าหลันดังไปทั่วเมืองหลวงเมื่อมีคนเห็นว่าแม่ทัพหม่าเดินทางไปรับศพของนางที่จวนเสนาบดีหวัง ทำให้ชาวเมืองต่างลือกันว่าบุตรชายคนโตของเสนาบดีหวังเป็นผู้ชายกินเมีย ทั้งที่เพิ่งจัดพิธีแต่งงานเมื่อวานแท้ ๆ วันต่อมากลับต้องมาจัดงานศพแทนเสียนี่ หลังจากนี้คงไม่มีใครกล้าแต่งกับเขาอีกเป็นแน่ เสิ่นหลิงที่ได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อทราบเรื่อง นางรอให้ถึงหลังงานศพของหม่าหลันจบลงเสียก่อน จึงจะบอกข่าวดีให้กับท่านแม่และสามีทราบว่าตอ