โจนาธานตวาดลั่น เขาชี้นิ้วสั่นๆ ไปยังประตู ขับไล่ผู้หญิงแปลกหน้าแบบไม่สนใจ
“เสียใจด้วยค่ะ วาดมาทำงาน พี่คุณจ้างวาดมาดูแลคุณ วาดเป็นพยาบาลอาชีพ วาดชื่อวันวาดค่ะ นับจากนี้ไป คุณต้องฟังที่วาดพูด...ไม่ทราบวันนี้คุณได้ทานอาหารบ้างมั้ยคะ?”
หญิงกล่าวแนะนำตัว เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ โจนาธาน ไม่สนใจสายตาขวางๆ ของเขา เธอเชื่อว่าชายหนุ่มหมดแรงเพราะปลายนิ้วที่ยกค้างไว้ของเขา สั่นจนเธอมองเห็น เขาออกฤทธิ์อะไรเอากับเธอไม่ได้มากกว่านี้หรอก เมื่อเขาใช้แรงที่มีขวางหมอนใส่เธอจนหมด...
หญิงสาวปรายตามองถาดอาหาร...ไม่มีรอยยุบ อาหารอ่อนๆ นั่นเต็มถ้วย วันวาดมองคนป่วยตรงหน้า ด้วยสายตาตำหนิเล็กๆ
“ดูจากปริมาณข้าว...คุณไม่น่าจะมีอะไรตกถึงท้อง...และถ้าคุณอยากมีฤทธิ์ เพื่อจะโวยวายล่ะก็... วาดแนะนำ คุณควรทานอาหารเหล่านี้นะคะ” หญิงสาวเปรยลอยๆ เธอยกถาดอาหารนั่น เดินไปที่ประตู เธอต้องการให้ใครก็ได้นำไปอุ่น เธอจะจัดการให้คนป่วยกินอาหารเหล่านี้เอง
ปึก!! เบนผงะ เมื่อมีใครบางคนดันประตูให้เปิด เขาเดินถอยหลังเปิดทางให้คนๆ นั้น
“วาดต้องการอาหารชุดใหม่ค่ะ ของเก่ามันเย็นชืด เดี๋ยวคุณเขาจะอ้างได้”
เธอปรายหางตามองคนป่วย ที่นั่งถลึงตาปูดโปน พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ ให้กับเจ้าหนี้บิดา
“อ้อ...มีกริ่ง...อยู่ตรงนั้นนะ หากเธอต้องการคนช่วย กดเลย เดี๋ยวจะมีคนมาเอง”
เบนชี้มือไปที่หัวเตียง ตรงนั้นมีปุ่มนูนๆ ขึ้นมา เขาอธิบายวิธีใช้ แล้วจึงมองเลยไปยังน้องชาย
“เธอน่าจะรับมือน้องฉันไหว มีอะไร...ฉันอยู่ห้องนั้นนะ”
เบนชี้มือไปยังห้องเยื้องๆ กับห้องพักฟื้นของโจนาธาน เขาหมุนตัวจากไป แต่ก็ทันได้ยินเสียงโวยของน้องชายเจ้าอารมณ์
“เบน!! เอายัยนี่ออกไป ฉันไม่ต้องการใคร ไม่อยากให้ใครมาเดินไปเดินมาในห้อง ฉันจะนอนนนน...”
เสียงลั่นๆ นั่นเงียบไป เบนหมุนตัวมามอง ประตูถูกปิดลง เขาอยากเข้าไปนั่งมองวันวาด แต่จะเป็นการทำให้ โจนาธานอวดอำนาจมากขึ้น แค่เท่าที่เห็น ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเอาโจนาธานอยู่
สาวใช้วิ่งหน้าตั้ง สวนทางกับเขา เบนยิ้มกว้าง...คงวุ่นวายอีกหลายวันกว่าจะเข้ารูปเข้ารอย
ภายในห้อง...
“คุณต้องการอะไรคะ?”
สาวใช้รีบเปิดประตูผั๊วะเข้ามา หล่อนร้องถามเสียงสั่น เมื่อวิ่งมาสุดพลัง หลังกริ่งสัญญาณในห้องของโจนาธานดังขึ้น
“วาดอยากได้อาหารชุดใหม่ค่ะ...ไม่ต้องเยอะนะคะ ขอครึ่งหนึ่งของถ้วยนี้ก็พอ...”
สาวใช้มองวันวาดแบบงงๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อวันวาดสวมชุดพยาบาลสีขาวสะอาด หล่อนคงเป็นคนที่เจ้านายหนุ่มบอกไว้
“ไม่ต้อง...ฉันไม่กิน!!”
โจนาธานตวาดย้ำ เขาเชิดหน้าขึ้นมองวันวาดแบบท้าทาย...
“อย่าสนใจเลยค่ะ วาดขออาหารของคนป่วยด้วย ที่เหลือ...เดี๋ยววาดจัดการเอง...”
หญิงสาวหันมายิ้มให้กำลังใจสาวใช้ หล่อนหน้าแหยๆ เมื่อคนเจ้าอารมณ์เริ่มอาละวาด...
“ค่ะ...สักครู่นะคะคุณพยาบาล”
“เรียกวาดก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ห่างเหินนัก...” เธอเริ่มผูกมิตร เมื่อยังไม่รู้จักใครสักคน นอกจากเจ้าหนี้ของบิดา กับคนป่วยที่นั่งหน้าตึงอยู่กลางเตียง
“ค่ะคุณวาด เดี๋ยวแป้นรีบไปจัดมาให้นะคะ”
สาวใช้ต้นห้องของโจนาธานรับคำ หล่อนรีบวิ่งฉิวออกไป ไม่ฟังเสียงร้องห้ามของเจ้านายอีกคน...
“ต่อให้เธอยัดของพวกนั่นใส่มาในปากฉัน ฉันก็จะพ่นมันออกมา ฉันไม่กิน...”
ชายหนุ่มเปรย เขาหลุบเปลือกตาลง เมื่อเริ่มรู้สึกว่าสิ่งของตรงหน้ามันหมุนคว้างเหมือนลูกข่าง...
วันวาดยิ้ม เธอโครงศีรษะพอจะเข้าใจอาการแปลกๆ ของคนป่วย คงฟาดงวง ฟาดงา จนแรงหมด เมื่อไม่ยอมแตะอาหาร แล้วจะมีแรงได้อย่างไร...
เตียงของเขาถูกใครบางคนไขจนยกขึ้น โจนาธานขมวดคิ้ว เขาอยากลืมตา แต่เมื่อทำไม่ได้จึงส่งเสียงคำรามในลำคอแทน...
“ฮึมๆ”
หญิงสาวไม่สนใจเสียงครางนั่น!! เธอทำงานตามความเคยชิน พอไขเตียงขึ้นในระดับที่พอเหมาะก็เดินไปฉวยหมอนใบเดิมที่ชายหนุ่มใช้ขว้างเธอ มือเรียวสอดลงไปใต้แผ่นหลังของคนป่วย เธอส่ายใบหน้าแรงๆ เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากตัวคนป่วย เขาคงประท้วงทุกรูปแบบ ไม่กินอาหาร และไม่ทำความสะอาดร่างกาย
เอาเถอะ!! ภารกิจแรก คงต้องจัดการให้เขามีอะไรตกถึงท้อง จากนั้นวันวาดถอยหลังมามองชายหนุ่มแบบหนักใจ ถึงเขาจะเป็นคนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่เขาก็ตัวใหญ่ไม่ใช่เล่น แถมยังเป็นผู้ชาย...
10นาที หลังจากเดินจัดนั่นนี่ ไว้จนครบ อาหารกลิ่นหอมๆ ก็มาถึง...
แป้นยิ้มแหยๆ เมื่อเปิดประตูห้องพักฟื้นของนายน้อยเข้ามา เขากำลังมองตรงมาที่เธอ แบบไม่พอใจสุดขีด!!
“แป้นไปก่อนนะคะ...ถ้ามีอะไรกดกริ่งเรียก แป้นจะรีบมา...”
สาวใช้รู้มาก รีบเผ่น เมื่อเธอเคยผจญกับภาวะอารมณ์สุดเกรี้ยวกราดของโจนาธานมาแล้ว
“อืม...อีกสักประมาณ30 นาที ขอผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่งนะแป้น วาดจะไม่กดกริ่ง แต่ขอให้มาตามเวลา วาดจะจัดการอาบน้ำให้คุณเขา...”
หญิงสาวพูดเสียงเรียบ เธอเดินไปยกถาดมาถือไว้ ก่อนจะเดินไปวางบนโต๊ะเคลื่อนที่ได้ โต๊ะที่ใช้สำหรับเตียงคนป่วย
“เอาออกไป!! ฉันไม่กิน...” โจนาธานพูดเสียงเย็น เขามองวันวาดตาขวาง
“คุณมีแรงมากกว่านี้เมื่อไร ค่อยลุกขึ้นมาไล่วาดนะคะ”
หล่อนหาได้สนใจ...ยังคงดันโต๊ะนั่น มาจนชิดเตียง...
“หล่อนนี่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอไงหะ!!”
“คุณพูดภาษาคนมั้ยล่ะคะ...ถ้าใช่ วาดเข้าใจ”
หญิงสาวย้อน เธอฉวยผ้ากันเปื้อนวางพาดคอเสื้อ ไม่สนใจคนป่วย ที่พยายามขืนตัวหนี
“ถ้าหล่อนเข้าใจที่ฉันพูด...ทำไมหล่อนไม่หยุดหะ!!”
โจนาธานตวาด เขาอยากมีแรงมากกว่านี้ แต่เมื่อร่างกายไม่พร้อม จึงทำได้แค่ส่งเสียงขู่
วันวาดหันมายิ้มเย็นๆ ให้ชายหนุ่ม ในมือเธอมีช้อนที่ตักอาหารอ่อนๆ ในถ้วยไว้จนเต็ม หล่อนยิ้มมากขึ้น เมื่อขยับเข้ามาจนชิดเตียง...
“จะอ้าปากดีๆ หรือจะให้วาดบีบปากคุณคะ...ถ้าไม่อยากทำตัวให้น่าสมเพทมากกว่านี้ละก็ คุณควรทำตัวให้ตัวเองแข็งแรงขึ้น จะได้มีแรง...สู้...กับวาด...”
คนป่วยเรื่องมาก เธอผจญมาทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นแค่โจนาธานคนเดียว...มันชิลๆ สำหรับเธอ เมื่อหน้าที่ ที่โรงพยาบาล เธอต้องดูแลคนป่วยนับ10 ชีวิตเมื่อบุคลากรมีน้อยในโรงพยาบาลของรัฐ
ดวงตาของโจนาธานลุกโพลง เขาโกรธจัดที่ไม่สามารถต้านทานหล่อนได้ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง เพราะแม้แต่เบนยังปล่อยเขาไว้กับยัยแม่มดคนนี้ ไม่สนใจเข้ามาดูเขาเหมือนเดิม...
“อย่าได้บังอาจแตะตัวฉัน...”
ชายหนุ่มยังคงขู่ เสียงเขาขุ่นขวาง แต่วันวาดพยายามไม่ใส่ใจ
“อ้าปากค่ะ หลังกินข้าว...วาดจะทำยิ่งกว่า...แตะ คุณ”
คำพูดของหล่อนแฝงความนัย โจนาธานขมวดคิ้ว เขาเบี่ยงหน้าหนี เมื่อช้อนนั่นถูกจ่อไว้ที่ปากและอาหารนั่นถูกเขาปัด...จนหกเลอะเทอะ
“เห้อ!!”
เสียงถอนใจแรงๆ เขากระตุกยิ้ม หล่อนคงถอดใจเหมือนคนอื่นๆ
แต่เปล่าเลย กว่าโจนาธานจะทันได้รู้ตัว กระพุ้งแก้มของเขาถูกบีบ ปากที่เม้มแน่นถูกบังคับให้เปิดออก และช้อนตักอาหารก็ถูกทิ่มพรวดตามมาติดๆ เขาเตรียมจะพ่นอาหารเหล่านั้นทิ้ง มือเล็กๆ ของหล่อนก็เอื้อมมาปิดฉับ...พร้อมกับรอยยิ้มเย็นๆ ที่ผุดขึ้นบนเรียวปากสีระเรื่อ...หล่อนขยับเข้ามาใกล้เสียจน เขาสามารถมองเห็นผิวเนียนๆ ของหล่อนได้แบบเต็มตา และเมื่อเผลอมองดีๆ พยาบาลจอมจุ้นนี่...ก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่น!!
และเพราะความเผลอตัวอีกนั่นแหละ...เผลอเพราะมัวแต่มองหน้าใสใสของหล่อน พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจ...วันวาดจึงจัดการยัดอาหารเหล่านั้นเข้ามาในปากเขาติดๆ กันหลายครั้ง แม้จะพยายามฝืน พยายามต่อต้าน...หล่อนก็ยังเซ้าซี้ จนโจนาธานเริ่มอ่อนใจ เขากลายเป็นเด็กให้หล่อนสนุกกับการป้อนอาหาร...เขากลืนอาหารเหล่านั้นแบบเสียไม่ได้ จนกระทั่งหล่อนหยุดบังคับ โจนาธานจึงปรายตามอง...ให้ตายเถอะ!! เขากินอาหารเหล่านั้นจนเกลี้ยงถ้วย...
“ตัวคุณเหม็นมาก...ไม่ได้อาบมากี่วันแล้วคะ?”
ระหว่างที่เข็นโต๊ะตัวนั้นไปเก็บที่เดิม วันวาดเปรยถามลอยๆ
ชายหนุ่มสะบัดหน้าหนี เขาไม่ตอบ...ปากสีเข้มเม้มแน่น...หากหล่อนแตะตัวเขา คราวนี้พ่อจะโวยแหลก...
“เธอเป็นผู้หญิงนะ...เธอไม่ควรเข้าใกล้ฉัน”
เมื่อดูทีท่าหล่อนแล้ว แม่พยาบาลตัวเล็ก หน้าเด็กนี่ คงจะทำอย่างที่หล่อนพูดแน่...โจนาธานจึงยอมเปิดปากท้วง
“วาดเป็นพยาบาลค่ะ วาดทำมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเด็ก คนแก่ หรือคนหนุ่ม...รับประกัน วาดจะไม่พยายามเข้าใกล้สิ่งที่คุณอาย...และวาดมีจรรยาบรรณพอที่จะไม่ละลาบละล้วงพื้นที่ส่วนตัวของคนไข้”
หญิงสาวอธิบายฉอดๆ แม้หน้าเธอจะร้อนนิดๆ เมื่อคนป่วยที่เคยดูแล ไม่มีใครหน้าตาดีเหมือนกับคนป่วยตรงหน้า แม้เขาจะทรุดโทรมจนแทบดูไม่ได้ แต่เค้าโครงใบหน้าของเขา เมื่อมองใกล้ๆ ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดหย่อนลง
“อย่ายุ่งกับฉัน...เธอออกไปได้แล้ว ข้าวฉันก็กินแล้วนี่ เธอก็น่าจะพอใจซิ”
โจนาธานแสร้งทำเสียงแข็ง เขาจะไม่มีวันยอมให้หล่อนเขามาแตะเนื้อต้องตัว จับเขาทำนั่นนี่ อีกเด็ดขาด...
“ค่ะพอใจ...แต่ยังไม่ทั้งหมด...”
วันวาดเดินย้อนมาอีกครั้ง ในมือเธอมีถ้วยใส่ยา กับแก้วน้ำสะอาดหนึ่งแก้ว
“ไม่...ฉันไม่กินไอ้นั่น”
ชายหนุ่มพูดเสียงแข็ง เขามองถ้วยใส่ยา สลับกับการถลึงตาใส่วันวาด...
“...” ไม่มีเสียงพูด แต่รอยยิ้มของหล่อน ทำให้โจนาธานแน่ใจ...หล่อนคงไม่หยุด หากไม่สามารถ...ยัด...ยานั่นใส่ปากเขา ยัยผู้หญิงคนนี้ ถึก!! สมกับที่เบนบอกจริงๆ
บทที่3.ยุทธการอาบน้ำผู้ชาย...ป่วย... แป้นกลับมาอีกครั้งตามกำหนดเวลาที่วันวาดร้องขอไว้ มีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งเดินตามมาด้วย เขาคือการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องพักของโจนาธานนั่นเอง “พี่เอกยืนอยู่แถวๆ นี้ค่ะ คุณวาดอยากใช้อะไรโผล่หน้าออกไปเรียกได้เลยค่ะ” แป้นแนะนำตัว และเอกก็ยิ้มรับ เขาเหลือบมองโจนาธานแบบหวาดๆ กลัวใจกับฤทธิ์ของพ่อเจ้าประคุณจริงๆ แต่ที่เอกเห็นคือ คนฤทธิ์มานอนเอนๆ อยู่กลางเตียง ใบหน้าหงิกงอ ยับย่น มีรอยไม่พอใจเต็มหน่วยตา แต่กลับไม่มีเสียงโวย เหมือนเก่า “ดีเลย วาดอยากจับ ‘เค้า’ เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ทำความสะอาดเตียงนั่นด้วย” คราบอาหารหกกระจายไปทั่ว แป้นอมยิ้ม กว่าคุณโจนาธานจะยอมรับประทานอาหาร คงออกฤทธิ์ไว้ไม่น้อย... “คุณวาดจัดการเช็ดตัวได้เลยค่ะ แป้นจะไปตามคนมาช่วยทำความสะอาดเตียง” “ที่ฉันพูดนี่ มีใครฟังมั้งมั้ย!! หรือว่าฟังภาษาคนไม่ออก ออกไป!! อย่ามาวุ่นวายกับฉัน...” เสียงแทรกจากกลางเตียง เมื่อโจนาธานเริ่มโวย “แป้นไปตามคนมาเถอะจ้ะ ทางนี้วาดกับพี่เอกคงพอรับมือไหว” หญิง
บทที่4.เสือนิ่งอย่าคิดว่าเสือหลับ5:00 นาฬิกา... โครม!! วันวาดสะดุ้ง!! เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ มองหาต้นเหตุของเสียงดังๆ ที่ทำให้ตัวเองตกใจตื่น หลังจากฟุบหลับไปตอนหลังเที่ยงคืน เมื่อโจนาธานหลับไปเพราะฤทธิ์ยา... หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนแบบกระฉับกระเฉง ยกมือตบหน้าเบาๆ ไล่ความสะลึมละลือ แล้วจึงเดินไปหยิบถาดที่หล่นบนพื้น สาเหตุคงเป็นเพราะคนไข้เจ้าอารมณ์ที่นั่งหน้ายับอยู่กลางเตียง “คุณตื่นแล้ว...ทำไมไม่เรียกวาดล่ะคะ” หญิงสาวเปรย “หิวน้ำ หรือต้องการทำธุระส่วนตัวคะ?” เธอถามต่อ โจนาธานหน้ายับ เขาหิวน้ำ และไม่อยากปลุกหล่อน เรื่องเล็กน้อยที่เขาน่าจะทำได้ แต่...ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก มันน่าโมโหที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ “ไม่!!” เขาตอบเสียงสะบัด หลุบเปลือกตาลง เพื่อปิดการสนทนา แต่...แก้วน้ำสะอาดที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ถูกยื่นให้ พร้อมกับหลอดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในแก้ว “คุณหิวน้ำวาดรู้” คนที่ตื่นนอนใหม่ๆ มักจะกระหายน้ำเหมือนกันทุกคน วันวาดจึงจัดแจงให้ โดยที่โจนาธานไม่ต้องเอ่ยปาก เ
บทที่5.คืนที่2 สำหรับการอยู่กับผู้ชายลำพัง... คนที่โจนาธานแอบรอ...เธอกำลังอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการไปค้างอ้างแรมทั้งคืน ตอนเช้าเธอจะได้ไม่ต้องกระวีกระวาดกลับมาบ้าน ไหนๆ ที่นั่นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เธอเตรียมเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวติดไปด้วย...ประหยัดหลายทางทั้งค่าน้ำมัน และเรื่องความปลอดภัย... “เขาเป็นคนยังไงมั้งล่ะวาด?” รัชนีเปิดปากถามเสียงอ่อนๆ เธอห่วงบุตรสาว ถึงจะเป็นคนป่วย แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย “เป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง และรั้นมากค่ะแม่...กว่าเขาจะยอมลงให้วาด คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ” หญิงสาวตอบ มือก็จับเสื้อยืด กางเกงวอร์มยัดลงในกระเป๋า เธอสำรองไว้ หลายๆ ชุด จะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา “แม่หมายถึงอาการป่วยของเขา...พอมีทางหายไหม?” รัชนีถาม เพราะอยากรู้ว่าระยะเวลาที่วันวาดต้องลำบากลำบน นั่นจะอีกนานแค่ไหน “พูดยากจ้ะแม่...เท่าที่เห็นเขาก็เข้าขั้นหนัก คุณเขาไม่กินยา ไม่ทำกายภาพบำบัดตามหมอสั่ง กล้ามเนื้อที่ขาเล็กและลีบมาก ต้องฟื้นฟูอีกนาน” วันวาดอธิบาย เธออ่อนใจกับความเยอะข
โจนาธานออกปากขับไล่หล่อนเหมือนทุกครั้ง... “คุณไล่วาดได้ วาดไม่ว่า... แต่วาดจะไปไหม นั่นมันอีกเรื่อง” พายุอารมณ์ที่คนป่วยมักจะสาดใส่พยาบาล เนื่องจากภาวะอารมณ์ของเขาไม่คงที่ เกิดจากภาวะจิตใจ คนที่เคยเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ไม่เคยต้องให้ใครช่วย จู่ๆ ก็ต้องนอนนิ่งๆ เป็นคนป่วย รอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น....เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครทนได้ เขามักจะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา...และนั่นเป็นสิ่งที่วันวาดผจญมาแล้ว ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นแค่การรับมือกับคนป่วยเพียงคนเดียว...เธอคิดว่า...ตัวเองไหว!! “หน้าด้าน!!” “เปล่าเลยค่ะ เพราะหากเป็นคนธรรมดา เขาน่าจะเดินหนีคุณ แต่วาด...วาดทำแบบนั้นไม่ได้ ไหนจะด้วยอาชีพและหนี้สินที่เป็นตัวบังคับ วาดต้องอยู่ และทนรับสิ่งที่คุณโยนใส่...ให้ได้” หญิงสาวอธิบาย “คุณทานยาก่อนอาหารหรือยังคะ?” เธอมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็ก บนข้อมือ แล้วจึงถามโจนาธาน “ฉันไม่กิน!!” ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด วันวาดยิ้ม ท่าทีต่อต้านแบบนี้ก็แสดงว่า ยาก่อนอาหารคนป่วยจอมดื้อยังไม่กิน เธอจึงเดินไปจัดยาพร้อมกับกดกริ่งเรียกสาวใช้ เพราะหลังกินย
หญิงสาวตักอาหารในโถนั่นใส่ลงในถ้วยเล็ก แล้วจึงเดินไปวางบนโต๊ะตัวเมื่อวาน เข็นมาชิดเตียง โดยไม่พูดอะไรอีก...กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ต่อมหิวของโจนาธานทำงาน ความจริงเขาอยากต่อต้าน แต่มาคิดอีกที...ให้เขาอาละวาด โวยวาย วันวาดก็คงไม่สนใจ หล่อนดึงดันจะทำสิ่งที่หล่อนควรทำ และเขาก็จะเหนื่อยเปล่า แป้นเลี่ยงออกไปนอกห้อง ปล่อยให้วันวาดกับเจ้านายขี้โมโห อยู่กันตามลำพัง สาวใช้ตัวอวบอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้น หากมีใครก็ตามพยายามให้โจนาธานทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ กลับสงบราบเรียบ...ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีข้าวของเสียหาย หล่อนภาวนาในใจ ขอให้โจนาธานสิ้นฤทธิ์ และยอมปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะนั่นคือผลดีกับตัวเขาเอง... ข้าวต้มเละๆ แต่ก็ไม่ถึงกับละเอียดยิบเหมือนเมื่อวันก่อน ข้าวเม็ดหยาบขึ้น มีสีสันของผักสีเขียว สลับกับเนื้อกุ้งหรือหมูชิ้นเล็กๆ“ฉันไม่กินผัก!!” ชายหนุ่มตะคอก“เพราะอะไรคะ...คุณไม่ทานผัก เพราะว่ามันเหม็นเขียว หรือเพราะฝังใจ?” หญิงสาวย้อนถาม“ช่างฉัน!!”“ไม่ได้หรอกค่ะ ผักทุกชนิดมีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาฟื้นฟูได้ คุณแค่กลั้นใจกิน...เด็ก3 ขวบยังกินได้ แล้วคุณน
บทที่6.ความรู้สึกที่แปลกไป เป็นอีกวันที่โจนาธานรู้สึกแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นหล่อนฟุบหลับอยู่ที่เดิม...เหมือนเมื่อวาน ร่างเล็กๆ นั่นดูเล็กบางและไร้พิษสง ใครจะรู้ล่ะ ทันที่ที่หล่อนลืมตา หล่อนก็มักจะทำตัวเป็นมนุษย์จอมพลัง ทำนั่นนี่ไม่หยุด เหมือนกับว่ากลัวเวลาจะผ่านไปแบบไร้ค่า... ร่างเล็กๆ ของวันวาดขยับตัวนิดๆ ชายหนุ่มจึงแสร้งหลับ แต่เขาเฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหล่อน สิ่งแรกที่หล่อนทำ คือเดินเข้ามาดูเขาที่เตียง มือเล็กๆ นั่น แตะต้องตัวเขา เธออังมือกับผิวกายของเขา แล้วจึงผละจากไป โจนาธานปรือเปลือกตาขึ้นมอง เขาเห็นหล่อนหายลับไปในห้องน้ำตัวเอง หลังจากนั้นไม่เกิน10 นาที หล่อนก็ออกมากับใบหน้าผ่องใสขึ้น กับกลิ่นหอมๆ ของสบู่...นี่หล่อนใช้เวลาแค่นั้นในการชำระร่างกาย...เหลือเชื่อ...เขาไม่คิดว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการอาบน้ำแค่สั้นๆ แค่นั้น วันวาดเป็นคนแรกที่ทำให้เขาทึ่ง!! “รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เสียงหล่อนถาม หล่อนคงรู้สิว่าเขาตื่นแล้ว โจนาธานไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะปิดปากนิ่ง เสียงหล่อนทำอะไรก็ไม่รู้ดังกุกกัก และเขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อผ้าเป
“เรียกวาดเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณหมอ...วาดอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ เลยไม่เคยได้เจอกับหมอใหญ่มีชื่ออย่างคุณหมอไงคะ” “ถ้าให้ผมเรียกวาดแบบนั้น วาดก็เรียกผมว่าพี่หมอก็พอ...” หนุ่มใหญ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ พี่หมอ...” คนไข้หนุ่มนั่งมองตาขวาง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน แต่รู้สึกไม่ชอบแค่นั้นเอง เพราะเมื่อวันวาดอยู่กับเขา หล่อนพูดมากก็จริง แต่ไม่เคยยิ้มละไมแบบนี้ “เอกๆ พากูออกไปข้างนอกที กูเลี่ยน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ความจริงโจนาธานไม่ต้องตะโกนก็ได้เมื่อเอกก็อยู่ในห้องด้วย แต่เพราะความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงแสร้งตะโกนเพื่อขัดจังหวะคนทั้งสองคน การ์ดหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลย เข็นวีแชร์มาเทียบข้างเตียง เขาเตรียมตัวจะอุ้มโจนาธาน แต่ถูกปัดด้วยมือใหญ่ แม้จะทุลักทุเล ในที่สุดโจนาธานก็ย้ายตัวเองลงไปนั่งบนวีแชร์ได้ด้วยตัวเอง เขายิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมองใกล้ๆ เขามีแรงขนาดพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนวีแชร์โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย เป็นความน่ายินดีจนอยากจะอวด เขาเหลือบมองวันวาด และหญิงสาวก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งเบือนหนี เมื่
“หล่อขึ้นจมเลยคุณโจ” เอกชมเปราะ เขาเอียงคอมองผลงานตัวเอง “แหงล่ะ กูหล่อมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เพิ่งมาหล่อโว้ย!!” โจนาธานคุยเขื่อง เขาอาบน้ำปะแป้งหน้าผ่องขึ้นเพราะไร้ทั้งหนวดและเครา... “ฮูว์!! พระเอกหนังที่ไหนคะนี่ หล่อโคตรๆ” แป้นแซ็วยิ้มๆ เธอหอบหนังสือกองโตมาวางไว้ข้างเตียง โจนาธานขมวดคิ้ว เขามองกองหนังสือนั้นตาเขม็ง “คุณวาดให้เอามาค่ะ เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้จะทำให้คุณโจผ่อนคลาย” แป้นตอบเสียงหวาดๆ หนังสือเหล่านี้ วันวาดค้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้โจนาธานใช้แก้เบื่อ “เอามาสักเล่มสิ!!” ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ รายการทีวีก็เหมือนเดิม ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ดูซ้ำวนไปวนมาจนเอียน ลองอ่านหนังสือเพื่อพักตาบ้างคงดี “คุณโจจะออกไปข้างนอกมั้ยคะ? คุณวาดบอกว่าหากคุณอยากออกไปนั่งที่ระเบียงก็ออกไปได้” ชายหนุ่มนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ เอกจึงต้องเป็นคนมาช่วย เขาปล่อยให้โจนาธานลองช่วยเหลือตัวเองก่อน โดยมีเขาช่วยประคอง เจ้านายหนุ่มฮึดฮัดหน่อยๆ แต่เมื่อทำสำเร็จ มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก มันเป็นความภูมิใจ
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย